สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วัน

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. เหตุใดเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันจึงเป็นเรื่องปกติ
  3. เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันมีผลกระทบต่อกระแสเงินสดอย่างไร
  4. เมื่อใดที่ธุรกิจควรเสนอเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วัน
  5. ธุรกิจจะบังคับใช้เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันได้อย่างไร
    1. กําหนดเงื่อนไขการชําระเงินล่วงหน้า
    2. ส่งเสริมการชําระเงินอย่างรวดเร็ว
    3. ผลักดันไม่ให้มีการจ่ายเงินล่าช้า
    4. ติดตามเรื่องอย่างมีกลยุทธ์
    5. ปรับแต่งเงื่อนไขการชําระเงินให้กับลูกค้า
    6. ติดตามข้อมูลการชําระเงิน
    7. ใช้การเสริมแรงเชิงบวก
    8. มีแผนสํารอง
  6. มีทางเลือกอื่นใดบ้างนอกจากเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันบ้าง
    1. การชําระเงินเมื่อได้รับ
    2. การชําระเงินล่วงหน้าหรือการวางเงินมัดจำล่วงหน้า
    3. สุทธิ 7 หรือสุทธิ 15
    4. สุทธิ 45 หรือสุทธิ 60
    5. การชําระเงินเมื่อบรรลุเป้าหมาย
    6. ข้อตกลงการให้บริการ
    7. การชำระเงินตามรอบบิลหรือโมเดลชําระล่วงหน้า
    8. ชําระเงินตามการใช้งาน
    9. ข้อกําหนดการชําระเงินแบบไดนามิก

เงื่อนไขการชำระเงินรวมอยู่ในสัญญาและใบแจ้งหนี้เพื่อกำหนดเวลาที่ผู้ซื้อคาดว่าจะต้องชำระเงินค่าซื้อสินค้า ภายใต้ "เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วัน" ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินให้กับผู้ขายภายใน 30 วันหลังจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ เงื่อนไขเหล่านี้อาจใช้คำว่า "สุทธิ 30 วัน" หรือมีรูปแบบต่างๆ เช่น "30 วันนับจากวันที่ได้รับสินค้า" และ "30 วันหลังจากสิ้นเดือน" ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่าเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันส่งผลต่อกระแสเงินสดอย่างไร วิธีบังคับใช้เงื่อนไขเหล่านี้ และทางเลือกอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเมื่อคุณออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้า

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • เหตุใดเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันจึงเป็นเรื่องปกติ
  • เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันมีผลกระทบต่อกระแสเงินสดอย่างไร
  • เมื่อใดที่ธุรกิจควรเสนอเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วัน
  • ธุรกิจจะบังคับใช้เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันได้อย่างไร
  • มีทางเลือกอื่นใดบ้างนอกจากเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันบ้าง

เหตุใดเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันจึงเป็นเรื่องปกติ

เมื่อเวลาผ่านไป เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันก็ได้กลายเป็นบรรทัดฐานในหลายอุตสาหกรรม วิธีนี้ตั้งความคาดหวังที่สอดคล้องกันในภาคส่วนต่างๆ และสร้างสมดุลความต้องการทางการเงินของผู้ซื้อและผู้ขายในการทำธุรกรรมทางธุรกิจ ต่อไปนี้คือเหตุผลว่าทําไมเงื่อนไขการชําระเงิน 30 วันจึงเป็นทางเลือกยอดนิยม

  • วิธีนี้ให้ธุรกิจมีเวลาสร้างรายได้หรือบริหารเงินสดไหลเข้าของตนเองก่อนที่จะชำระเงิน

  • วิธีนี้แสดงถึงเจตนาที่ดี ซึ่งสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์ในระยะยาว

  • เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องชำระเงินทันทีเมื่อส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการซ้ำ

  • สอดคล้องกันดีกับระบบการทำบัญชีและมาตรฐานต่างๆ ซึ่งมักออกแบบตามรอบเดือน

  • เงื่อนไขเหล่านี้สร้างความเครียดน้อยกว่าเงื่อนไขที่สั้นกว่า (เช่น เงื่อนไข 7 วัน เงื่อนไข 15 วัน) และมีแนวโน้มที่จะชำระเงินล่าช้าน้อยกว่า

  • มีความเสี่ยงน้อยกว่าเงื่อนไขที่ยาวนานกว่า (เช่น ระยะเวลา 60 วันหรือ 90 วัน)

เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันมีผลกระทบต่อกระแสเงินสดอย่างไร

สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันส่งผลต่อกระแสเงินสดในรูปแบบที่แตกต่างกัน

สำหรับผู้ขาย เงื่อนไขระยะเวลา 30 วันนั้นดีสำหรับการสร้างความสัมพันธ์และกระตุ้นยอดขาย แต่ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในขณะที่ผู้ขายกำลังรอรับเงิน เงื่อนไขเหล่านี้สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการน่าดึงดูดใจมากขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดการชำระเงินล่าช้าด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่าผู้ขายต้องรอใช้เงินนั้นเพื่อจ่ายบิล ซื้อสินค้า หรือลงทุนในธุรกิจ หากพวกเขาต้องการเงินสดก่อนที่จะชำระเงิน ก็อาจต้องกู้เงิน ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (เช่น ดอกเบี้ย) และมีโอกาสที่ลูกค้าจะไม่ชําระเงินตรงเวลาอยู่เสมอ ซึ่งอาจส่งผลต่อการวางแผนของผู้ขาย

สำหรับผู้ซื้อ เงื่อนไข 30 วันนั้นถือเป็นช่องทางที่ดีในการบริหารเงินสด แต่ต้องมีการติดตามงบประมาณอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว เงื่อนไขเหล่านี้ช่วยให้ผู้ซื้อมีเวลาและความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้จัดการเงินและชำระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจมีเงื่อนไขการชำระเงินที่สั้นลงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็สามารถทำให้ดูเหมือนว่าผู้ซื้อมีเงินมากกว่าที่เป็นจริงได้ หากผู้ซื้อมีการชำระเงินหลายรายการครบกำหนดในเวลาเดียวกัน เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันอาจทำให้เกิดความเครียดและทำให้เงินสำรองหมดไป

เมื่อใดที่ธุรกิจควรเสนอเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วัน

คุณควรเสนอเงื่อนไขการชําระเงิน 30 วันเมื่อเงื่อนไขนี้เหมาะสมกับการปฏิบัติงาน การเงิน และความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณ หากคุณไม่รู้จักลูกค้าเป็นอย่างดีหรือมีความน่าเชื่อถือทางเครดิตไม่ดี เงื่อนไข 30 วันอาจมีความเสี่ยง ในทำนองเดียวกัน หากคุณประสบปัญหาในการชำระค่าใช้จ่ายของตนเอง คุณก็ไม่ควรมอบเงื่อนไขการชำระเงิน เว้นแต่จะจำเป็นจริงๆ

ต่อไปนี้เป็นบางสถานการณ์ที่เงื่อนไขการชําระเงิน 30 วันอาจเป็นทางเลือกที่ดี

  • เมื่อต้องการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: หากคุณมีความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับลูกค้าหรือผู้ซื้อและไว้วางใจว่าพวกเขาจะชำระเงินตรงเวลา เงื่อนไข 30 วันสามารถเสริมสร้างความร่วมมือนั้นได้

  • เพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งได้: หลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การค้าส่ง การผลิต และบริการสําหรับธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) จะใช้รอบการชําระเงิน 30 วัน หากคู่แข่งของคุณเสนอเงื่อนไข 30 วัน คุณอาจสูญเสียลูกค้า หากเรียกร้องให้ชำระเงินเร็วกว่านั้น

  • เพื่อหาลูกค้ารายใหญ่ขึ้น: ลูกค้ารายใหญ่อาจคาดหวังว่าเงื่อนไขการชำระเงินเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการจัดซื้อมาตรฐาน และอาจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาลูกค้ารายนี้ไว้

  • มอบความยืดหยุ่นให้แก่ธุรกิจใหม่หรือลูกค้ารายย่อย: ธุรกิจขนาดเล็กหรือใหม่มักต้องใช้เวลาในการจัดการงบประมาณ เงื่อนไขเหล่านี้สามารถช่วยให้พวกเขาทํางานร่วมกับคุณได้ง่ายขึ้น

  • เพื่อเพิ่มยอดขาย: การให้เวลาผู้ซื้อ 30 วันเพื่อชําระเงินอาจทําให้พวกเขาสั่งซื้อสินค้าจํานวนมากได้สะดวกยิ่งขึ้น

  • ดึงดูดลูกค้าใหม่: ตัวเลือกการชําระเงินที่ยืดหยุ่นอาจเป็นจุดขายได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณพยายามจะหาลูกค้าใหม่ คุณอาจใช้เงื่อนไข 30 วันอย่างมีกลยุทธ์ เช่น ตอนที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือขยายไปสู่ตลาดใหม่

ธุรกิจจะบังคับใช้เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันได้อย่างไร

หากต้องการบังคับใช้เงื่อนไขการชำระเงิน 30 วัน คุณควรใช้ข้อมูลลูกค้า รวมการสื่อสารและการแจ้งเตือนที่ชัดเจน พร้อมทั้งสร้างวัฒนธรรมแห่งความรับผิดชอบต่อลูกค้าของคุณ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการบังคับใช้

กําหนดเงื่อนไขการชําระเงินล่วงหน้า

อย่ารอจนกว่าคุณจะส่งใบแจ้งหนี้แล้วจึงค่อยพูดคุยเกี่ยวกับเงื่อนไขการชําระเงิน กำหนดความคาดหวังไว้ล่วงหน้าเมื่อคุณปิดข้อตกลงหรือเซ็นสัญญา ปฏิบัติตามเงื่อนไขของคุณโดยถือว่าไม่สามารถต่อรองได้ เว้นแต่จะมีเหตุผลที่ดีที่จะทำให้เกิดข้อยกเว้น

ส่งเสริมการชําระเงินอย่างรวดเร็ว

มอบสิทธิประโยชน์ เช่น ส่วนลด การจัดส่งที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และสิทธิ์การเข้าถึงบริการเฉพาะสำหรับลูกค้าที่ปฏิบัติตามกฎของคุณ สําหรับลูกค้าที่ชําระเงินแต่เนิ่นๆ พิจารณาการมอบส่วนลด (เช่น ส่วนลด 2% หากชําระเงินภายใน 10 วัน) สร้างแรงจูงใจเหล่านี้ให้เฉพาะเจาะจงกับลูกค้า โดยมอบรางวัลใหญ่ขึ้นสำหรับลูกค้าที่จ่ายเงินสูงหรือสำหรับการสั่งซื้อปริมาณมาก

ผลักดันไม่ให้มีการจ่ายเงินล่าช้า

หากลูกค้าชำระเงินล่าช้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า โปรดแจ้งให้พวกเขาทราบว่าอาจส่งผลให้ได้รับเงื่อนไขที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เช่น การชำระเงินล่วงหน้า วงเงินกู้ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และค่าธรรมเนียมล่าช้า คุณไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ แต่ค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยสามารถกระตุ้นให้ชำระเงินตรงเวลาได้ คุณอาจจำเป็นต้องหยุดการจัดส่งหรือเลื่อนคำสั่งซื้อใหม่ออกไปจนกว่าลูกค้าจะชำระเงิน

ติดตามเรื่องอย่างมีกลยุทธ์

ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อติดตามใบแจ้งหนี้ของคุณ ใช้การแจ้งเตือนอัตโนมัติ ซึ่งประกอบด้วยรายการต่อไปนี้

  • คำขอบคุณเมื่อคุณส่งใบแจ้งหนี้

  • การกระตุ้นเตือนอย่างเป็นมิตรหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงกำหนด

  • ทำการเตือนอย่างสุภาพแต่เด็ดขาดเกี่ยวกับวันครบกำหนด

  • ทำการติดตามเรื่องอย่างฉับไวยิ่งขึ้นหากลูกค้าเลยกำหนดชำระไป 2-3 วัน

ปรับแต่งการติดตามเรื่องเหล่านี้ การแจ้งเตือนอย่างเป็นมิตรอาจเหมาะกับลูกค้าประจําที่ไม่เคยชําระเงินล่าช้า แต่ผู้ที่ทำผิดซ้ำจะต้องได้รับการแจ้งเตือนที่ชัดเจนกว่านี้ สำหรับลูกค้ารายใหญ่ การส่งอีเมลหรือโทรศัพท์สั้นๆ จากสมาชิกทีมระดับสูง เช่น หัวหน้าฝ่ายการเงิน (CFO) หรือหัวหน้าฝ่ายขาย ก็สามารถช่วยให้กระบวนการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ปรับแต่งเงื่อนไขการชําระเงินให้กับลูกค้า

ก่อนที่คุณจะเสนอเงื่อนไข 30 วัน โปรดตรวจสอบประวัติของลูกค้าและตรวจสอบเครดิตเพื่อดูว่าพวกเขาชำระเงินให้กับผู้ขายรายอื่นตรงเวลาหรือไม่ พิจารณาการใช้เงื่อนไขที่สั้นลง (เช่น สุทธิ 15 วัน) หรือสินเชื่อจำนวนน้อยลงสำหรับลูกค้าใหม่ จากนั้นขยายเงื่อนไขเป็น 30 วันหรือยาวกว่านั้นเมื่อลูกค้าพิสูจน์แล้วว่ามีความรับผิดชอบ

สำหรับลูกค้าที่มีอยู่ ให้ตรวจสอบว่าลูกค้ารายใดมักจะชำระเงินล่าช้า และปรับวิธีทำงานร่วมกับพวกเขา โดยอาจต้องใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดหรือการเตือนบ่อยขึ้น หากคุณมีลูกค้าสำคัญที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ให้คิดหาวิธีแก้ไขพฤติกรรมของพวกเขา คุณสามารถขอการชําระเงินบางส่วน ล่วงหน้า หรือกําหนดเงื่อนไขที่สั้นกว่านี้สําหรับคําสั่งซื้อขนาดใหญ่ เป้าหมายคือการปกป้องตัวเองไปพร้อมๆ กับการรักษาความสัมพันธ์

ติดตามข้อมูลการชําระเงิน

ติดตามดูจำนวนวันที่ยอดขายค้างชําระ (DSO) นี่คือระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ใช้ในการเรียกเก็บเงิน หากจํานวนนี้เพิ่มขึ้น คุณควรปรับกระบวนการให้เข้มงวดกว่าเดิม ตรวจสอบใบแจ้งหนี้อีกครั้งเพื่อหาข้อผิดพลาดและปรับให้เข้าใจได้ง่าย หากมีบางอย่างผิดปกติหรือตกหล่น (เช่น วันครบกําหนด การเรียกเก็บเงินที่แยกเป็นรายการ วิธีการชําระเงิน) อาจทําให้ลูกค้ามีข้อแก้ตัวในการชําระเงินล่าช้า ดูว่าการปรับเวลาช่วยหรือไม่: ลูกค้าบางรายตอบกลับเร็วขึ้นหากได้รับใบแจ้งหนี้ในช่วงต้นเดือนหรือก่อนวันจ่ายเงินเดือน

ใช้การเสริมแรงเชิงบวก

เมื่อคุณติดเรื่อง ให้เตือนลูกค้าถึงคุณค่าที่คุณมอบให้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจพูดว่า "เรายินดีอย่างยิ่งที่เราสามารถจัดส่งคําสั่งซื้อให้คุณได้ล่วงหน้าก่อนกําหนด การชำระเงินตรงเวลาช่วยให้เราสามารถให้บริการในระดับนี้ต่อไปได้" วิธีนี้จะช่วยให้โทนเสียงดูเป็นมืออาชีพพร้อมทั้งเน้นย้ำว่าเหตุใดการยึดตามเงื่อนไขการชำระเงินจึงมีความสำคัญ

มีแผนสํารอง

หากลูกค้ามาสายเป็นประจำ ให้ลองขายใบแจ้งหนี้ให้กับบริษัทผู้รับซื้อลูกหนี้ คุณจะได้รับเงินส่วนใหญ่ล่วงหน้า และบริษัทผู้รับซื้อลูกหนี้จะเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บเงิน สำหรับความเสี่ยงที่มากขึ้น คุณยังอาจทำประกันสินเชื่อการค้าเพื่อปกป้องตัวเองในกรณีที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ทั้งก้อน

มีทางเลือกอื่นใดบ้างนอกจากเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันบ้าง

แม้ว่าเงื่อนไขการชำระเงิน 30 วันจะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีทางเลือกอื่นๆ อีกมากมายที่อาจเหมาะกับความต้องการทางธุรกิจหรือลูกค้าของคุณ การเลือกเงื่อนไขที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความน่าเชื่อถือของลูกค้าและลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรมของคุณ ต่อไปนี้คือตัวเลือกมาตรฐานอื่นๆ

การชําระเงินเมื่อได้รับ

ครบกําหนดชําระเงินทันทีที่ออกใบแจ้งหนี้หรือจัดส่งสินค้าหรือบริการ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับธุรกรรมแบบครั้งเดียวที่มีขนาดไม่ใหญ่สำหรับลูกค้าใหม่ หรือเมื่อมีเงินจํากัดและคุณต้องการเงินทุนทันที แต่อาจดูไม่น่าดึงดูดใจสำหรับลูกค้ารายใหญ่ที่คาดหวังความยืดหยุ่น

การชําระเงินล่วงหน้าหรือการวางเงินมัดจำล่วงหน้า

ครบกําหนดชําระเงินบางส่วนหรือเต็มจํานวนก่อนเริ่มต้นงานหรือส่งมอบสินค้า นี่เป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงต่ํา ซึ่งมอบเงินทุนหมุนเวียนก่อนที่คุณจะเริ่มต้นงาน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับโปรเจ็กต์ที่มีมูลค่าสูงหรือที่กำหนดเองซึ่งคุณต้องรับภาระต้นทุนล่วงหน้าหรือเมื่อคุณทำงานกับลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินล่าช้า แต่ก็อาจทำให้ลูกค้าเลือกไม่ใช้บริการได้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่การชำระเงินล่วงหน้าเป็นเรื่องแปลก

สุทธิ 7 หรือสุทธิ 15

การชําระเงินจะครบกําหนดชําระ 7 หรือ 15 วันหลังจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีกระแสเงินสดน้อยหรือในอุตสาหกรรมที่รอบการชําระเงินที่เร็วเป็นปกติ (เช่น งานอิสระ การให้คําปรึกษา) แต่ก็อาจเป็นอุปสรรคสําหรับลูกค้าที่คุ้นเคยกับเงื่อนไขระยะยาว

สุทธิ 45 หรือสุทธิ 60

การชําระเงินจะครบกําหนดชําระ 45 หรือ 60 วันหลังจากวันที่ออกใบแจ้งหนี้ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อคุณทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการเงื่อนไขการชำระเงินที่ยาวนานขึ้น หรือสำหรับลูกค้าที่ชำระเงินล่าช้าเป็นประจำภายใต้เงื่อนไขที่สั้นลง เนื่องจากการกำหนดรอบการชำระเงินที่ยาวนานขึ้นอาจช่วยให้ความคาดหวังสอดคล้องกัน โดยเป็นตัวเลือกที่เหมาะในการรองรับลูกค้ารายใหญ่แต่ก็อาจทำให้กระแสเงินสดของคุณตึงตัวได้

การชําระเงินเมื่อบรรลุเป้าหมาย

ชำระเงินเป็นงวดๆ ตามจุดสำคัญของโครงการที่เฉพาะเจาะจง (เช่น ชำระล่วงหน้า 30%, ชำระ 40% ระหว่างช่วงกลางของโครงการ และชำระ 30% เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น) นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับโครงการระยะยาวหรือที่มีต้นทุนสูงซึ่งการรอการชำระเงินเต็มจำนวนในตอนท้ายนั้นไม่สะดวก หรือเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการลดความเสี่ยงโดยการเชื่อมโยงการชำระเงินกับความคืบหน้า วิธีนี้ช่วยรักษาสมดุลความเสี่ยงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ต้องมีการเรียกเก็บเงินและติดตามมากขึ้น

ข้อตกลงการให้บริการ

ต้องมีการชำระเงินจำนวนหนึ่งล่วงหน้าเพื่อจองเวลาหรือบริการของคุณ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับบริการต่อเนื่อง เช่น การให้คําปรึกษา กฎหมาย หรืองานสร้างสรรค์ หรือเมื่อคุณต้องการสร้างรายรับที่คาดการณ์ได้ในแต่ละเดือน นอกจากนี้ ยังช่วยลดความจําเป็นในการออกใบแจ้งหนี้บ่อยๆ

การชำระเงินตามรอบบิลหรือโมเดลชําระล่วงหน้า

ลูกค้าจะชําระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้าในรอบเวลาหนึ่งๆ (เช่น รายเดือน รายไตรมาส รายปี) นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับธุรกิจที่ให้บริการตามแบบแผนล่วงหน้า เช่น การให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) การบํารุงรักษา และการเป็นสมาชิก หรือเมื่อรายได้ที่คาดการณ์ได้เป็นสิ่งที่สำคัญ วิธีนี้จะมอบกระแสรายได้ที่คาดการณ์ได้ แต่ต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เก็บอย่างต่อเนื่อง

ชําระเงินตามการใช้งาน

การชําระเงินจะครบกําหนดทันทีก่อนหรือหลังธุรกรรมแต่ละรายการ เช่นเดียวกับรูปแบบการพกเงินสดติดตัว นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการซื้อจำนวนน้อย ลูกค้าที่ไม่ต้องการเงื่อนไขที่ยาวนาน หรือเมื่ออัตรากำไรน้อยและคุณไม่สามารถรอการชำระเงินได้ โดยจะขจัดความเสี่ยงของการชําระเงินที่ล่าช้าและช่วยให้เข้าถึงเงินทุนได้ทันที แต่อาจจํากัดฐานลูกค้าของคุณ

ข้อกําหนดการชําระเงินแบบไดนามิก

เงื่อนไขการชำระเงินแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประวัติการชำระเงินของลูกค้าหรือขนาดของคำสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เชื่อถือได้อาจได้รับเงื่อนไขสุทธิ 60 ขณะที่ลูกค้าใหม่หรือลูกค้าที่ไม่สม่ำเสมออาจได้รับเงื่อนไขสุทธิ 15 นี่เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการให้รางวัลแก่ลูกค้าบางราย หรือเสนอความยืดหยุ่นเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่ซื้อเป็นจํานวนมาก การปรับแต่งประเภทนี้สามารถกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าคนสำคัญได้ แต่จะเพิ่มความยุ่งยากให้กับการออกใบแจ้งหนี้ และต้องมีการจัดการอย่างรอบคอบ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe