ลิกเตนสไตน์เป็นประเทศขนาดเล็กแต่มั่งคั่งที่ตั้งอยู่ใจกลางยุโรปกลาง ซึ่งได้กลายเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิทัศน์การเงินโลก โดยประเทศนี้มีความโดดเด่นในภาคธนาคารที่แข็งแกร่งและอุตสาหกรรมฟินเทคที่เติบโต จึงมีตลาดการชำระเงินที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา การชำระเงินดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศนี้ และประชากรกำลังยอมรับการชำระเงินเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลก
การช้อปปิ้งออนไลน์ก็เติบโตในลิกเตนสไตน์เช่นกัน โดยในปี 2021 มีประชากร 99% ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต แม้ประเทศนี้จะดำเนินงานอยู่นอกสหภาพยุโรป แต่ก็ยังคงมีความสัมพันธ์กับเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ทำให้สามารถทำธุรกรรม Single Euro Payments Area (SEPA) และการชำระเงินข้ามพรมแดนกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปได้อย่างราบรื่น
การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเป็นคุณลักษณะสำคัญของระบบการชำระเงินในลิกเตนสไตน์ ประเทศนี้ปฏิบัติตามข้อบังคับทางการเงินและมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับลูกค้าและธุรกิจ ภาคการเงินที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นของลิกเตนสไตน์ประกอบด้วยธนาคารแบบดั้งเดิมและผู้ให้บริการทางการเงินเฉพาะทาง
การชำระเงินในลิกเตนสไตน์ได้รับอิทธิพลจากธรรมเนียมดั้งเดิม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความมุ่งมั่นต่อการรักษาความปลอดภัยทางการเงิน ในเนื้อหาด้านล่างนี้ เราจะพิจารณาอิทธิพลที่ปัจจัยเหล่านี้มีต่อตลาดการชำระเงินของประเทศ และแนวทางการเข้าสู่ตลาดอย่างประสบความสำเร็จ รวมถึงข้อควรพิจารณาต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- การรับทราบว่าการชำระเงินใดที่เหมาะสมกับท้องถิ่นที่สุด
- การจัดการกับความซับซ้อนของระเบียบข้อบังคับ
- การนำการรักษาความปลอดภัยมาเป็นข้อพิจารณาหลัก
สถานะของตลาด
ลิกเตนสไตน์ตั้งอยู่ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย มีภาคการเงินที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ฟรังก์สวิส (CHF) เป็นสกุลเงินทางการของประเทศนี้ และธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ก็ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางให้กับลิกเตนสไตน์
แม้ว่าเงินสดยังคงได้รับความนิยมสำหรับธุรกรรมมูลค่าต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและในกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ แต่ก็พบแนวโน้มการใช้การชำระเงินดิจิทัลและบัตรสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวันเช่นกัน
ลิกเตนสไตน์มีการเติบโตอย่างมากในการใช้การชำระเงินผ่านมือถือ โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยในช่วงต้นปี 2023 มีการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวน 18,100 หมายเลขในลิกเตนสไตน์ คิดเป็นประมาณ 46% ของประชากรทั้งหมด ตามรายงานของ DataReportal ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่าประชากรกำลังเปิดรับการชำระเงินผ่านมือถือมากขึ้น
วิธีการชำระเงิน
ในแง่ของวิธีการชำระเงินที่เลือกใช้ ลิกเตนสไตน์มีตัวเลือกที่หลากหลาย
การใช้งาน
การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในลิกเตนสไตน์ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าวัยหนุ่มสาวที่ชื่นชอบความรวดเร็วและความสะดวกสบาย แนวคิดการใช้ชีวิตแบบ “ไม่พกกระเป๋าเงิน” ก็เริ่มได้รับความสนใจในคนกลุ่มนี้เช่นกัน เนื่องจากสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็สามารถทำธุรกรรมการชำระเงินได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ในลิกเตนสไตน์ ลูกค้ามักใช้วิธีชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นหลักสำหรับธุรกรรมมูลค่าต่ำ เช่น การซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต คาเฟ่ และร้านค้าคล้ายกัน มากกว่าการซื้อสินค้ามูลค่าสูง
หน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพและความถูกต้องสมบูรณ์ของระบบการเงินของประเทศมีด้วยกันหลายแห่ง โดยหน่วยงานกำกับดูแลการเงินลิกเตนสไตน์ (FMA) จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักของประเทศ ซึ่งควบคุมสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงธนาคาร ธุรกิจประกันภัย และการจัดการสินทรัพย์ ส่วนหน่วยงานข่าวกรองทางการเงินลิกเตนสไตน์ (FIU) ก็จะทำหน้าที่รับมือกับการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของประเทศจะสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ความมุ่งมั่นของลิกเตนสไตน์ต่อความโปร่งใสและการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติสากลปรากฏให้เห็นเด่นชัดผ่านการเข้าร่วมในองค์กรต่างๆ เช่น องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และกลุ่มปฏิบัติการทางการเงิน (FATF)
วิธีการชำระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในลิกเตนสไตน์
- เงินสด
- บัตรเครดิต
- กระเป๋าเงินดิจิทัล
วิธีการชำระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในลิกเตนสไตน์
- บัตรเครดิต
- การโอนเงินแบบ SEPA
- บัตรเดบิต
แนวโน้ม
แม้ว่าลิกเตนสไตน์จะมีภาพลักษณ์ในเชิงอนุรักษ์นิยมทางการเงิน แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีการชำระเงินของประเทศอยู่บ้าง ในขณะที่เงินสดยังคงมีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมประจำวันนั้น เราก็พบแนวโน้มในการเปลี่ยนไปสู่การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นหลัก รวมถึงโซลูชันการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและแอปชำระเงินบนมือถือ วิธีการชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้รับความนิยมเนื่องจากรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ การนำแอปพลิเคชันชำระเงิน กระเป๋าเงินดิจิทัล และการชำระเงินผ่านรหัส QR มาใช้ก็ช่วยลดการพึ่งพาเงินสดของประเทศด้วย
สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อธุรกิจของลิกเตนสไตน์ดึงดูดธุรกิจฟินเทคและธุรกิจบนบล็อกเชนต่างๆ เช่น Union Bank AG ซึ่งมุ่งเน้นไปที่โซลูชันการธนาคารบนบล็อกเชน สถาบันเหล่านี้มาช่วยเสริมบทบาทของธนาคารแบบดั้งเดิม โดยให้บริการที่ทันสมัยในศูนย์กลางทางการเงินที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า
ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
แม้ว่าจะเป็นตลาดขนาดเล็ก แต่ลิกเตนสไตน์ก็มีผลการดำเนินงานในระดับสูง ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับวิธีที่ประเทศนี้จัดการภาษี รวมถึงการดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
ภาษี
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาระหน้าที่ทางการเงินที่ใช้บังคับกับทั้งลูกค้าและธุรกิจในลิกเตนสไตน์ โดย VAT จะถูกจัดเก็บในอัตรามาตรฐาน 7.7% สำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ในประเทศ อย่างไรก็ตาม สินค้าและบริการบางประเภท เช่น อาหารและยา จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่านั้น ธุรกิจมีหน้าที่ต้องจัดเก็บ VAT จากการขายและนำส่งให้กับรัฐบาล โดยหากไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับด้าน VAT ก็อาจถูกเรียกเก็บค่าปรับจำนวนมากและต้องรับผลที่ตามมาทางกฎหมาย สำหรับลูกค้า ผลกระทบโดยตรงของ VAT จะสะท้อนออกมาในรูปของราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น ดังนั้น ลูกค้าและธุรกิจจึงควรทำความเข้าใจและปฏิบัติตามภาระหน้าที่ด้าน VAT เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางการเงินและผลที่ตามมาทางกฎหมาย
การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
ในฐานะที่เป็นสมาชิกของสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) และเป็นประเทศที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป ลิกเตนสไตน์จึงปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของสหภาพยุโรปที่ส่งผลต่อขั้นตอนการดึงเงินคืน ข้อกำหนดบริการชำระเงินฉบับแก้ไข (PSD2) ซึ่งเป็นข้อบังคับสำคัญของสหภาพยุโรป กำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) สำหรับธุรกรรมการชำระเงิน ข้อกำหนดด้านการยืนยันตัวตนนี้มักมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการดึงเงินคืน โดยหากมีการโต้แย้งธุรกรรม ก็สามารถนำระดับของการยืนยันตัวตนมาอ้างอิงเป็นปัจจัยในการพิจารณาความถูกต้องของธุรกรรมได้
แนวทางของลิกเตนสไตน์ต่อการดึงเงินคืนมีแนวโน้มจะคุ้มครองฝั่งผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับค่านิยมในวงกว้างของสหภาพยุโรปที่ให้ความสำคัญกับสิทธิและผลประโยชน์ของลูกค้า ประมวลกฎหมายผู้บริโภคเป็นกฎหมายที่ควบคุมกระบวนการเหล่านี้และกำหนดภาระการพิสูจน์อย่างมีนัยสำคัญให้แก่ธุรกิจ โดยธุรกิจต้องเป็นผู้แสดงให้เห็นถึงความถูกต้องของธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต เงื่อนไขนี้เป็นการย้ายภาระหน้าที่จากลูกค้ามาสู่ธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้ระบบมีความเป็นมิตรกับลูกค้ามากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับบางแง่มุมของกระบวนการการดึงเงินคืนในสหรัฐอเมริกา
เนื่องด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป รัฐขนาดเล็กแห่งนี้จึงเข้าร่วมใน SEPA ซึ่งมีข้อบังคับเฉพาะที่ควบคุมการดึงเงินคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหักบัญชีอัตโนมัติ ข้อบังคับเหล่านี้มอบสิทธิ์ให้ลูกค้าสามารถขอเงินคืนสำหรับธุรกรรมการหักบัญชีอัตโนมัติใดๆ ได้ภายในระยะเวลา 8 สัปดาห์
การชำระเงินระหว่างประเทศ
ตลาดการชำระเงินของลิกเตนสไตน์เชื่อมโยงกับตลาดโลกผ่านความใกล้ชิดกับสวิตเซอร์แลนด์ การเข้าร่วม SEPA การนำระบบการชำระเงินดิจิทัลมาใช้ และปัจจัยอื่นๆ แม้ลิกเตนสไตน์จะมีขนาดเล็กทั้งในด้านภูมิศาสตร์และจำนวนประชากร แต่ประเทศนี้ใช้แนวทางที่มีการผสานการทำงานกับบริบททางการเงินระดับโลกที่มีขอบเขตกว้างยิ่งขึ้น
** การแปลงสกุลเงินเงิน:** การแปลงสกุลเงินเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของธุรกรรมทางการเงินในลิกเตนสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ นักเดินทางสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเป็นยูโรได้ที่สถาบันการเงิน ศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตรา และตู้เอทีเอ็ม โดยทั่วไปแล้ว อัตราแลกเปลี่ยนจะมีการบวกเพิ่มอยู่ระหว่าง 1% ถึง 3% จากอัตราระหว่างธนาคาร ขณะที่บางธนาคารคิดค่าธรรมเนียมแบบคงที่ โดยมักอยู่ที่ 5 ถึง 10 ฟรังก์สวิสสำหรับบริการแปลงสกุลเงิน และเมื่อใช้งานตู้เอทีเอ็มเพื่อทำการแปลงสกุลเงิน นักเดินทางจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการบริการตั้งแต่ 2 ถึง 5 ฟรังก์สวิสต่อหนึ่งธุรกรรม
การเข้าร่วม SEPA: ลิกเตนสไตน์เข้าร่วมใน SEPA และปฏิบัติตามรูปแบบการชำระเงินมาตรฐานของ SEPA ซึ่งช่วยสร้างการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านเงินยูโรที่ง่ายขึ้น และยังเสริมสร้างการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการชำระเงินที่มากยิ่งขึ้นด้วย
การเป็นสมาชิกของเขตเศรษฐกิจยุโรป: ลิกเตนสไตน์มีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างเฉพาะตัวกับสวิตเซอร์แลนด์ โดยในฐานะสมาชิกของ EEA นั้น ลิกเตนสไตน์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับระบบการชำระเงินและโครงสร้างพื้นฐานทางธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์ ความสัมพันธ์นี้สะท้อนถึงความเชื่อมโยงของสวิตเซอร์แลนด์กับตลาดยุโรป ซึ่งธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป และฟรังก์สวิสกับยูโรถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย
การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ความมุ่งมั่นของลิกเตนสไตน์ต่อความปลอดภัยในการชำระเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการกำกับดูแลสะท้อนถึงมาตรฐานเข้มงวดที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ หน่วยงานการเงินของรัฐที่ปกครองแบบพรินซ์ดอมแห่งนี้ต้องทำงานอย่างแข็งขันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้า รักษาความปลอดภัยของข้อมูล และรับมือกับอาชญากรรมทางการเงิน เช่น การฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มก่อการร้าย ปัจจัยขับเคลื่อนบางประการมีดังนี้
กฎหมายการคุ้มครองข้อมูล: ในฐานะสมาชิกของ EFTA และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป ลิกเตนสไตน์ปฏิบัติตามข้อบังคับของสหภาพยุโรป รวมถึงข้อบังคับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (GDPR) โดยข้อกำหนด GDPR นี้จะกำหนดมาตรฐานอันเข้มงวดสำหรับการคุ้มครองข้อมูลของลูกค้า ซึ่งกำหนดให้ต้องรับความยินยอมอย่างชัดเจนสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล และให้สิทธิ์แก่ลูกค้าในการลบข้อมูลออกด้วย การปฏิบัติตาม GDPR เป็นหัวใจสำคัญของกรอบการคุ้มครองข้อมูลของลิกเตนสไตน์
กฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML): ลิกเตนสไตน์ปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และกฎหมายต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มก่อการร้าย (CFT) ของสหภาพยุโรป สถาบันการเงินในรัฐที่ปกครองแบบพรินซ์ดอมแห่งนี้มีหน้าที่จัดทำแผนงาน AML/CFT เฝ้าติดตามธุรกรรมที่น่าสงสัย และรายงานผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอาจส่งผลให้ได้รับโทษปรับจำนวนมาก
FMA: FMA ของลิกเตนสไตน์มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลกิจกรรมทางการเงิน รวมถึงการชำระเงิน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศและของสหภาพยุโรป หน่วยงานนี้ยังบังคับใช้ข้อบังคับ AML/CFT เพื่อปกป้องความถูกต้องสมบูรณ์ของระบบการเงินอีกด้วย
** บทบาทของ FIU:** ลิกเตนสไตน์ยังเฝ้าระวังการฟอกเงินด้วยกลไกกำกับดูแลของตนเองด้วย หน่วยงาน FIU ของลิกเตนสไตน์ที่เรียกว่า Tracfin มีความเชี่ยวชาญในการตรวจจับและสอบสวนกิจกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย
ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
ตลาดการชำระเงินของลิกเตนสไตน์มีความท้าทายที่มาพร้อมกับตลาดภายในประเทศขนาดเล็ก การพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ การเข้าถึงเครือข่ายการการชำระเงินที่จำกัด และอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจัยเหล่านี้คือปัจจัยบางส่วนที่จะช่วยคุณประสบความสำเร็จในตลาดนี้ได้
ปรับตัวให้เข้ากับตลาดขนาดเล็ก: ลิกเตนสไตน์เป็นประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรประมาณ 39,000 คน ขนาดของตลาดภายในประเทศที่จำกัดนี้ก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าที่กว้าง ตลาดขนาดเล็กอาจทำให้ธุรกิจขยายตัวได้ยาก ซึ่งนำไปสู่ต้นทุนการหาลูกค้าที่สูงขึ้นต่อรายและผลกำไรที่อาจลดลง
วางกลยุทธ์สำหรับอัตราแลกเปลี่ยน: ลิกเตนสไตน์ใช้เงินสกุลฟรังก์สวิสเป็นสกุลเงินทางการ แต่การพึ่งพาสกุลเงินต่างประเทศเราต้องพิจารณาเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนให้ถี่ถ้วน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการนำเข้า การส่งออก และการชำระเงินข้ามพรมแดน
ทำความเข้าใจความเชื่อมโยงที่ประเทศนี้มีกับตลาดต่างประเทศ: เนื่องจากตลาดภายในประเทศนี้มีขนาดเล็ก ลิกเตนสไตน์จึงต้องพึ่งพาตลาดการค้าและการซื้อขายระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก แม้ว่าวิธีนี้จะช่วยให้เข้าถึงฐานลูกค้าทั่วโลก แต่ก็ทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับความผันผวนของความต้องการในต่างประเทศ เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ และปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ธุรกิจต่างๆ ของลิกเตนสไตน์จึงต้องพึ่งพาความเสถียรและการเติบโตทางเศรษฐกิจของพันธมิตรการค้าหลักๆ ของตนอย่างมาก
เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันกับศูนย์กลางทางการเงินอื่นๆ ทั่วโลก: ลิกเตนสไตน์ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากศูนย์กลางทางการเงินใกล้เคียง รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก โดยศูนย์กลางทางการเงินเหล่านี้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคารและการชำระเงินที่พัฒนามาเป็นอย่างดี ซึ่งดึงดูดธุรกิจและนักลงทุนได้ ดังนั้นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ ลิกเตนสไตน์ต้องนำเสนอคุณค่าที่แตกต่างออกไปและให้บริการทางการเงินแบบเฉพาะทาง
ประเด็นสำคัญ
เพื่อลดความท้าทายบางประการเหล่านี้ ธุรกิจที่ดำเนินงานในลิกเตนสไตน์ควรพิจารณาการกระจายฐานลูกค้าให้หลากหลายและสำรวจโอกาสในตลาดเฉพาะกลุ่ม การสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับสถาบันการเงินและผู้ให้บริการชำระเงินก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการเข้าถึงเครือข่ายการชำระเงินได้ โดยแนวทางสำคัญบางประการที่ธุรกิจในลิกเตนสไตน์จะสามารถยกระดับประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้าได้มีดังนี้
ยอมรับวิธีการชำระเงินยอดนิยมในท้องถิ่น
เปิดรับฟรังก์สวิส: การชำระเงินด้วยฟรังก์สวิสเป็นที่แพร่หลายในลิกเตนสไตน์ ดังนั้นธุรกิจจึงควรให้บริการฟรังก์สวิส (CHF) เป็นสกุลเงินให้เลือก การผสานตัวเลือกการชำระเงินท้องถิ่น เช่น บัตร PostFinance หรือ TWINT ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าชาวสวิส เข้ากับระบบการประมวลผลการชำระเงินของคุณก็จะสามารถปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดธุรกรรมมากขึ้นได้
ใช้ SEPA สำหรับธุรกรรมข้ามพรมแดน: แม้ว่าลิกเตนสไตน์จะไม่ใช่สมาชิกของสหภาพยุโรป แต่ประเทศนี้เข้าร่วม SEPA ธุรกิจต่างๆ จึงสามารถใช้ประโยชน์จาก SEPA เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนภายในเขตยูโรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ที่มีคุณค่ากับธุรกิจที่ทำการค้าระหว่างประเทศและอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ
รับมือกับความท้าทายในการปฏิบัติตามข้อกำหนดในอนาคต
ติดตามการปฏิบัติตามข้อกำหนด GDPR: ลิกเตนสไตน์ปฏิบัติตาม GDPR ของสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้ธุรกิจให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างรับผิดชอบช่วยสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบรวมถึงโทษปรับที่อาจเกิดขึ้น
ข้อบังคับของเขตเศรษฐกิจยุโรปและสวิตเซอร์แลนด์: เนื่องจากลิกเตนสไตน์เป็นสมาชิกของ EEA และเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับสวิตเซอร์แลนด์ ธุรกิจจึงต้องรับมือกับสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อน ซึ่งอาจนำไปสู่ความท้าทายด้านกฎระเบียบ ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามข้อกำหนด และความจำเป็นในการมีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายเพื่อจัดการกับกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
ข้อบังคับอื่นๆ ของสหภาพยุโรป: PSD2 เป็นองค์ประกอบสำคัญของกรอบกฎระเบียบของลิกเตนสไตน์ ข้อบังคับของข้อกำหนดนี้มุ่งเน้น SCA สำหรับผู้ให้บริการชำระเงิน ธุรกรรมจึงมักต้องผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง
เน้นการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
บทบาทของผู้ให้บริการชำระเงิน (PSP): ผู้ให้บริการชำระเงินที่ดำเนินงานในลิกเตนสไตน์ รวมถึงแพลตฟอร์มระหว่างประเทศอย่าง Stripe จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับท้องถิ่น และมักจะดำเนินงานอย่างเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดพื้นฐานเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ผู้ให้บริการเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อัลกอริธึมแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อตรวจจับรูปแบบการฉ้อโกงและปกป้องข้อมูลลูกค้า
อิทธิพลของ PSD2: PSD2 รวมถึงข้อกำหนดอื่นๆ มีการกำหนดมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินเอาไว้ ซึ่งทำให้ลิกเตนสไตน์ดำเนินงานได้สอดคล้องกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS): ธุรกิจที่ดำเนินงานในลิกเตนสไตน์ต้องปฏิบัติตาม PCI DSS ซึ่งกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้านเทคนิคและการดำเนินงานเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ