ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากมาย และบางครั้งก็กลายเป็นช่องทางการชำระเงินแบบ “ตลอดวัน” อีกด้วย แอปพลิเคชันบนมือถือมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทย ปัจจุบันการชำระเงินด้วยวิธีการแตะ สแกน หรือกด ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมาแทนที่วิธีการชำระเงินแบบเดิมๆ เช่น การใช้เงินสดและเหรียญสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ ชำระค่าสาธารณูปโภค และการโอนเงินระหว่างบุคคล (P2P) ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้งบนหน้าจอโทรศัพท์

บทความนี้จะแนะนำวิธีการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ พร้อมสำรวจวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย โดยครอบคลุมถึงประเภทการใช้งาน วิธีการทำงานของแอปเหล่านี้ และให้บริการเพื่อสนับสนุนการสร้างโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และพร้อมใช้งานในตลาดประเทศไทย

เนื้อหาหลักในบทความ

• แอปพลิเคชันการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่คืออะไร
  
• ทำความรู้จักแอปพลิเคชันการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในไทย
  
• แอปการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ยอดนิยมในไทย
  
• ประเภทการใช้งานแอปชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
  
• แอปพลิเคชันการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทำงานอย่างไร
  
• Stripe Payments ช่วยคุณได้อย่างไร
  

แอปพลิเคชันการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่คืออะไร

แอปพลิเคชันการชำระเงินผ่านอุปกรณ์มือถือ คือซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งบนอุปกรณ์ของตน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดความซับซ้อนของธุรกรรมทางการเงิน โดยเครื่องมือนี้จะเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยใช้ระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการฉ้อโกง แอปพลิเคชันนี้ช่วยให้ผู้คนสามารถโอนเงินและชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงบิลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือผ่านเทคโนโลยี NFC (Near-field communication) จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดหรือบัตรในการชำระเงิน

ทำความรู้จักแอปพลิเคชันการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในไทย

การชำระเงินผ่านโทรศัพท์ในประเทศไทยเริ่มต้นจากโมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาในช่วงแรก ธนาคารกสิกรไทยเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่เปิดตัวแอปพลิเคชัน K PLUS ในปี 2010 ซึ่งให้บริการฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับการตรวจสอบยอดคงเหลือ การส่งเงิน และการชำระค่าใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟน ในปี 2016 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดตัวพร้อมเพย์ (PromptPay) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินแบบเรียลไทม์นี้ช่วยให้สามารถโอนเงินแบบ P2P และชำระเงินผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนได้รวดเร็วและปลอดภัย

ปัจจุบัน การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ในไทยครอบคลุมหลายแง่มุมของชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงเมืองใหญ่ๆ ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายผ่าน PromptPay ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยการสแกนรหัส QR การใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือชำระค่าสาธารณูปโภค

แอปการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ยอดนิยมในไทย

แอปการชำระเงินที่ใช้กันทั่วไปในไทย ได้แก่ เครื่องมือธนาคาร กระเป๋าเงินดิจิทัล และแพลตฟอร์มผู้ค้าผ่านช่องทางต่อไปนี้

โมบายแบงก์กิ้ง
ผู้คนทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง (Mobile banking) ไม่ว่าจะโอนเงิน จ่ายบิล ซื้อสินค้าหรือบริการ ใช้ PromptPay สแกนรหัส QR เพื่อชำระเงิน หรือเติมเงินมือถือได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบสถานะการโอนได้ตามเวลาจริง โดยแอปพลิเคชันธนาคารยอดนิยม ได้แก่ K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย, SCB EASY ของธนาคารไทยพาณิชย์ และ Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย

กระเป๋าเงินดิจิทัล
บัญชีเงินออนไลน์ประเภทนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเติมเงินผ่านช่องทางต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น การโอนบัญชี เติมเงินผ่านตู้ ATM บริการเคาน์เตอร์ต่างๆ หรือการผูกกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเพื่อชำระเงินทั้งในร้านและออนไลน์ หรือโดยการสแกนรหัส QR ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลชั้นนำ ได้แก่ เป๋าตัง, GrabPay, LINE Pay, ShopeePay และ TrueMoney Wallet GrabPay และ LINE Pay ทำงานภายในแอปพลิเคชันหลัก ได้แก่ Grab แพลตฟอร์มส่งของตามสั่งชั้นนำ และ LINE เครื่องมือส่งข้อความที่ใช้มากที่สุดในประเทศไทย แทนที่จะเป็นแอปพลิเคชันแบบแยกต่างหาก

แอปของผู้ค้า
แอปพลิเคชันเหล่านี้เป็นแอปร้านค้าออนไลน์หรือแอปบริการที่ธุรกิจต่างๆ ใช้เพื่อขายสินค้าและบริการ โดยมาพร้อมระบบชำระเงินในตัว ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและชำระเงินได้พร้อมกันในครั้งเดียว ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต สแกนรหัส QR หรือใช้โมบายแบงก์กิ้งหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ตัวอย่างแอปพลิเคชันร้านค้าที่เป็นที่รู้จักในไทย ได้แก่ 7-Eleven, Lazada, LINE MAN, Wongnai, M Card (ผ่าน The Mall Group), Shopee และ The 1 (ผ่าน Central Group)

ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง
ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลังหรือ BNPL เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ซื้อสามารถชำระเงินโดยการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ได้ตั้งแต่ 3 ถึง 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและผู้ให้บริการ) โดยทั่วไปจะมีเงื่อนไขปลอดดอกเบี้ยหรือเงินดาวน์ อัตราดอกเบี้ยต่ำ หากชำระตรงเวลา ถือเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดภาระการใช้จ่ายได้ทันทีและเพิ่มความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวัน แพลตฟอร์ม BNPL ยอดนิยมในไทย ได้แก่ Atome, PayLater ของ Grab, Lazada PayLater, Pay Next โดย TrueMoney และ SPayLater โดย Shopee

ประเภทการใช้งานแอปชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

แอปการชำระเงินอุปกรณ์เคลื่อนที่แบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่หลักตามการใช้งาน ดังนี้

• แอประบบปิด: เครื่องมือเหล่านี้ทำงานเฉพาะกับกิจกรรมภายในระบบเท่านั้น และไม่สามารถประมวลผลการชำระเงินไปยังร้านค้าหรือบริการภายนอกระบบได้ โดยมักทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องมือชำระเงินและโปรแกรมสะสมคะแนน เช่นเดียวกับ Starbucks ที่ให้สมาชิกแลกเครื่องดื่มและส่วนลด หรือ 7-Eleven Wallet ซึ่งช่วยให้ซื้อสินค้าและสะสมคะแนนได้ที่ร้าน 7-Eleven ข้อดีเพียงอย่างเดียวคือมีโปรโมชันพิเศษสำหรับสมาชิกและใช้งานง่าย แอประบบปิดสามารถลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสำหรับผู้ขาย และให้ข้อมูลเชิงลึกทางการตลาดที่มีค่าจากการใช้งานของลูกค้า
  
• แอปพลิเคชันระบบเปิด: แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น TrueMoney, LINE Pay หรือ Shopee Pay ช่วยให้สามารถชำระเงินผ่านร้านและบริการต่างๆ ได้หลากหลาย และยังเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าปลีกมากมาย เครื่องมือเหล่านี้ได้รับการรองรับอย่างกว้างขวางและสะดวกสบายสำหรับการทำธุรกรรม ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ลูกค้าสามารถเก็บบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรสมาชิก และใช้ NFC เพื่อเชื่อมต่อกับเทอร์มินัลระบบบันทึกการขาย (POS) ในร้าน
  
• แอปชำระเงินแบบเพียร์ทูเพียร์: อาจมีความสะดวกในการทำธุรกรรมแบบ P2P โดยตรงที่ระบบของร้าน เช่น การโอนเงินเครื่องมือผ่านธนาคารหรือบริการ PromptPay ในแอปต่างๆ ธนาคาร เช่น K PLUS, SCB EASY, Krungthai NEXT หรือ LINE Pay การส่งเงินให้เพื่อนผ่าน LINE หาข้อมูลง่ายๆ พอๆ ส่งข้อความ
  

แอปพลิเคชันการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ทำงานอย่างไร

เมื่อผู้ใช้ตัดสินใจชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ กลไกหลักของแอปจะทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้ โดยมีขั้นตอนโดยละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบดังนี้

• การตรวจสอบสิทธิ์: ระบบจะตรวจสอบสิทธิ์และยืนยันตัวตนของคุณผ่านข้อมูลไบโอเมตริก รหัสผ่าน หรือ PIN จากนั้นแอปจะสร้างโทเค็น (การแปลงเป็นโทเค็น) แทนข้อมูลบัตรจริงเพื่อปกป้องหมายเลข บัตรและรายละเอียดส่วนบุคคลของคุณ
  
• การสื่อสาร: โทเค็นและรายละเอียดการชำระเงินจะถูกเข้ารหัสและส่งผ่านเครือข่ายการสื่อสารไปยังระบบธุรกรรมของผู้ให้บริการผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เครื่องมือโมบายแบงก์กิ้งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่รหัส QR เว็บบนมือถือ หรือแอปพลิเคชันของผู้ค้า จากนั้นสถาบันการเงินจะได้รับคำขอพร้อมรายละเอียดต่างๆ เช่น จำนวนเงินและข้อมูลยืนยันตัวตน
  
• การอนุมัติ: ผู้ให้บริการจะจับคู่โทเค็นกับข้อมูลบัตรที่จัดเก็บอย่างปลอดภัย จากนั้นจะส่งคำขอไปยังเครือข่าย (เช่น Visa หรือ Mastercard) หรือธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อขออนุมัติวงเงินเครดิต สถาบันการเงินจะตรวจสอบยอดคงเหลือ ประวัติการฉ้อโกงของบุคคล และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หากการตรวจสอบทั้งหมดผ่าน ระบบก็จะส่งคำอนุมัติกลับมา
  
• การยืนยัน: ผลการอนุมัติจะถูกส่งผ่านหลายชั้นไปยังเครื่องปลายทางและแอปของผู้ใช้ ข้อความยืนยันการชำระเงินจะปรากฏทั้งสองฝั่ง พร้อมรหัสอ้างอิงธุรกรรม (รหัสธุรกรรม) ช่วยให้ตรวจสอบความสำเร็จได้ทันที
  
• การชำระเงิน: หลังจากการชำระเงินเสร็จสิ้น เงินจริงจะยังคงหมุนเวียนระหว่างสถาบัน ผู้รับเงิน และเครือข่ายบัตรเบื้องหลัง ธนาคารของผู้ขายจะติดต่อกับธนาคารของผู้ซื้อ เพื่อโอนเงินจำนวนที่ตกลงกันไว้ตามยอดสุทธิให้แก่ร้าน โดยปกติภายใน 1-2 วันทำการ
  
• การจัดเก็บข้อมูล: แอปจะบันทึกประวัติการทำธุรกรรม ส่วนร้านก็จะจัดเก็บใบเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ และการชำระเงินจะเก็บข้อมูลที่สอดคล้องกับ PCI DSS ไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี ช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายติดตามกิจกรรม ออกเงินคืนได้อย่างแม่นยำ และจัดการบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  

Stripe Payments ช่วยคุณได้อย่างไร

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาด (ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก) รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

• เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  
• ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  
• รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
  
• ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ เช่น ระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  
• เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ
  

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถช่วยให้คุณรับการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้