‘แตะแล้วจ่าย’ การชำระเงินแบบไร้สัมผัสด้วยเทคโนโลยี NFC

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ทำความรู้จัก “แตะแล้วจ่าย” ในประเทศไทย
    1. ขั้นตอนการทำงานของ NFC
    2. รูปแบบการใช้งานของ NFC
    3. เทคโนโลยี NFC มีความจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือไม่
  3. ประโยชน์ของเทคโนโลยี NFC
  4. การชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การแข่งขันด้านนวัตกรรมทางการเงินในประเทศไทยเริ่มดุเดือดขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือบริษัทฟินเทค ล้วนทุ่มงบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงระบบชำระเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือ “NFC” (Near Field Communication) หรือ “ระบบการสื่อสารแบบไร้สายระยะใกล้” และเนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 ที่ผู้คนพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสธนบัตรหรือเหรียญที่มีการใช้หมุนเวียน การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) หรือ ‘แตะแล้วจ่าย’ (Tap & Pay) ผ่านเทคโนโลยี NFC จึงได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ทำความรู้จัก “แตะแล้วจ่าย” ในประเทศไทย
  • ประโยชน์ของเทคโนโลยี NFC
  • การชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC

ทำความรู้จัก “แตะแล้วจ่าย” ในประเทศไทย

การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) หรือ ‘แตะแล้วจ่าย’ (Tap & Pay) การแตะแล้วจ่าย เป็นการใช้เทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) การสื่อสารไร้สายระยะใกล้ที่ช่วยให้อุปกรณ์สองเครื่องที่รองรับ NFC ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยการแตะหรือเข้าใกล้กัน การชำระเงินด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ติดตั้งชิป NFC ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแตะสมาร์ทโฟนบนเครื่อง POS เพื่อโอนเงินหรือหักจากบัญชีบัตรเครดิตได้ทันที ถูกพัฒนาขึ้นมาให้สื่อสารได้ในระยะสั้นไม่เกิน 4 เซนติเมตร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและควบคุมการติดต่อสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น ลดโอกาสการถูกสแกนหรือโจมตีทางข้อมูลจากระยะไกล

การชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC ในประเทศไทยเริ่มเข้ามาเป็นที่รู้จักครั้งแรกประมาณช่วงปี 2014-2015 แต่ยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายเท่าที่ควรด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น จำนวนของร้านค้าที่รองรับยังมีน้อย ผู้บริโภคยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน และสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับ NFC ยังมีไม่มาก อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 ทำให้วิธีชำระเงินแบบ ‘แตะแล้วจ่าย’ กลับมาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น เพราะการชำระเงินแบบไร้สัมผัสช่วยตอบโจทย์ปัญหาใหญ่ในช่วงสถานการณ์โรคระบาด คือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสธนบัตรหรือเหรียญที่มีการใช้หมุนเวียน เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนั่นเอง

ในปัจจุบัน การชำระเงินด้วย NFC ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตแบบไร้สัมผัส หรือการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงการใช้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นที่มีการติดตั้งชิป NFC และสามารถใช้งานเสมือนเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือ ช่องทางการชำระเงินอื่นๆ ใช้จ่ายได้ทันทีโดยการแตะหรือสแกนผ่านเครื่องอ่าน NFC ณ จุดขาย (POS) เพิ่มความสะดวกสบาย ลดเวลาในการทำธุรกรรม ช่วยประหยัดเวลาสำหรับทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการ

ขั้นตอนการทำงานของ NFC

เทคโนโลยี NFC สื่อสารได้โดยการมีอุปกรณ์ 2 ชนิด ที่สามารถรองรับฟังก์ชัน NFC ด้วยกันทั้งคู่ หรือ อุปกรณ์ที่มีชิป NFC ฝังอยู่ ซึ่งในกรณีของการชำระเงินก็มักจะเป็นการสื่อสารระหว่างสมาร์ทโฟนหรือบัตรเครดิต/เดบิตแบบไร้สัมผัส กับเครื่อง POS ที่ติดตั้งโมดูล NFC สามารถอธิบายเป็นขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

  • เปิดใช้งาน NFC
    ผู้ใช้สมาร์ทโฟนต้องเปิดฟังก์ชัน NFC ในอุปกรณ์ ด้วยการปลดล็อกโทรศัพท์ และเข้าแอปพลิเคชันที่ใช้การชำระเงินแบบ NFC รวมถึงผูกบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตให้เชื่อมต่อกับแอปที่รองรับการชำระเงินแบบ NFC ก่อน

  • แตะแล้วจ่าย
    NFC มีการสื่อสารระยะสั้นไม่เกิน 4 เซนติเมตร ดังนั้นในการชำระเงิน ผู้ใช้จะต้องนำสมาร์ทโฟนหรือบัตรเครดิต/เดบิตไปแตะหรือเข้าใกล้กับเครื่องรับชำระเงิน ซึ่งเมื่อเครื่องรับชำระเงินตรวจพบชิป NFC ก็จะเริ่มทำการสื่อสารกัน

  • การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์
    เมื่ออุปกรณ์ทั้งสอง “จับคู่” กันได้แล้ว ระบบจะส่งข้อมูลที่จำเป็นต่อการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัตรที่เข้ารหัสหรือการใช้โทเค็น ไปยังเครื่องรับชำระเงินเพื่อยืนยันตัวตน ทางธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรจะทำการตรวจสอบความถูกต้องและวงเงินคงเหลือ พร้อมทั้งยืนยันผลการทำรายการ

  • ยืนยันการทำธุรกรรม
    หากตรวจสอบแล้วพบว่าถูกต้อง ระบบจะอนุมัติการชำระเงินและสรุปยอดให้กับร้านค้าทันที บางแอปอาจขอให้ผู้ใช้ยืนยันด้วย PIN หรือสแกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัยอีกขั้นหนึ่ง หลังจากธุรกรรมเสร็จสิ้น จะมีการแจ้งเตือนสรุปยอดการใช้จ่ายผ่านแอปในทันที

ด้วยกลไกการสื่อสารข้อมูลระยะใกล้ทำให้การชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากกว่าผ่านระบบที่ต้องพิมพ์รหัสหรือรูดบัตรแบบแม่เหล็ก

รูปแบบการใช้งานของ NFC

เทคโนโลยี NFC มีรูปแบบการใช้งาน 3 โหมดหลักๆ ได้แก่ โหมด Card Emulation, โหมด Peer-to-Peer และโหมด Reader/Writer โดยแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะการทำงานและการใช้งานที่แตกต่างกัน:

  • Card Emulation: ในโหมดนี้ อุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน ที่มีฟังก์ชัน NFC จะทำหน้าที่เลียนแบบบัตรสมาร์ทการ์ด หรือ NFC Tag เพื่อให้อุปกรณ์ เช่น เครื่องอ่านบัตร สามารถอ่านข้อมูลจากอุปกรณ์ได้เสมือนบัตรจริงซึ่งอาจใช้แทนบัตรเครดิต บัตรขนส่งมวลชน หรือบัตรผ่านประตู ใช้สำหรับการชำระเงินหรือยืนยันตัวตนโดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรจริง

  • Peer-to-Peer: ในโหมดนี้ อุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟนสองเครื่องที่มีฟังก์ชัน NFC สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้โดยตรง ส่งและรับข้อมูลได้ทั้งสองทาง โดยทั่วไปใช้มาตรฐาน ISO/IEC 18092 ที่กำหนดสำหรับระยะสื่อสารสั้นๆ (ไม่เกิน 4 เซนติเมตร) ทำให้ส่งข้อมูลได้ด้วยความปลอดภัยสูง เช่น การส่งไฟล์รูปภาพหรือข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟน โดยการแตะอุปกรณ์เข้าหากัน

  • Reader/Writer: ในโหมดนี้ อุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน ที่มีฟังก์ชัน NFC จะทำหน้าที่เป็นตัวอ่าน (Reader) หรือตัวเขียน (Writer) อุปกรณ์จะส่งกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อจ่ายพลังงานให้ NFC Tag เพื่อทำหน้าที่อ่านหรือเขียนข้อมูล สามารถใช้สำหรับอ่านข้อมูลต่างๆ เช่น URL, ข้อความ หรือออกคำสั่งตั้งค่าต่างๆ ได้ เช่น เปิด/ปิด Wi-Fi, เปิดเว็บไซต์ หรือเปิดแอปโดยอัตโนมัติ

เทคโนโลยี NFC มีความจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว การชำระเงินผ่าน NFC จะเกิดขึ้นได้ในกระบวนการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์แม้จะไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในขณะทำธุรกรรม และมักใช้กับการซื้อสินค้ารายย่อยหรือธุรกรรมที่มียอดไม่สูงนัก อย่างไรก็ดี การทำธุรกรรมบางอย่าง เช่น ธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง การชำระเงินผ่านมือถือ หรือการอัปเดตข้อมูลบนแอปพลิเคชัน อาจจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่อกับระบบเซิร์ฟเวอร์หรือฐานข้อมูลภายนอกเพื่อขออนุมัติจากระบบธนาคารหรือผู้ให้บริการแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

ประโยชน์ของเทคโนโลยี NFC

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ NFC ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์สองชนิดได้ในระยะใกล้ๆ โดยไม่ต้องอาศัยสายเชื่อมต่อหรือขั้นตอนที่ซับซ้อน จึงมีการนำเทคโนโลยี NFC มาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ นอกจากฟังก์ชันที่โดดเด่นในระบบชำระเงินดิจิทัลอย่างการ ‘แตะแล้วจ่าย’ เทคโนโลยีนี้ยังถูกนำไปปรับใช้กับงานอื่นๆ เช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์ หรือ การส่งข้อมูล โดยมีการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในประเทศไทย ดังนี้

  • ความสะดวกสบาย: ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องพกเงินสดหรือบัตรหลายใบ แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวหรือบัตรเพียงใบเดียวที่รองรับเทคโนโลยี NFC ก็สามารถชำระเงินได้ทันที เชนร้านกาแฟชื่อดัง เช่น Café Amazon และ TrueCoffee ติดตั้งเครื่อง NFC ให้ลูกค้าชำระด้วยโมบายแบงก์กิ้งหรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล เพียงแตะจ่ายหน้าเครื่องก็เรียบร้อย
  • ลดการสัมผัส: เหมาะกับยุคที่ผู้คนใส่ใจเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนมากมาย (รวมถึงเชื้อโรคและโรคต่างๆ) สามารถเดินทางไปได้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว การ ‘แตะแล้วจ่าย’ หรือ ‘Tap & Pay’ เพียงครั้งเดียวโดยไม่ต้องมีการสัมผัส ช่วยลดโอกาสแพร่หลายของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น โรงแรมในเครือ Centara และ Anantara ได้เปลี่ยนกุญแจห้องพักเป็นบัตรชิป NFC ไม่ต้องมีการสัมผัสกุญแจ
  • ความรวดเร็ว: เทคโนโลยี NFC ใช้เวลาในการทำธุรกรรมสั้นกว่า ไม่ต้องเซ็นชื่อหรือมีขั้นตอนกดรหัส PIN (ยกเว้นบางกรณีที่วงเงินสูง) ทำให้ร่นระยะเวลาในการชำระเงิน ช่วยให้คิวเดินไปอย่างรวดเร็ว ร้านค้าจึงให้บริการลูกค้าได้มากขึ้นในเวลาที่สั้นลง ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven และ Family Mart ตั้งจุด “Quick Pay” ให้ลูกค้าแตะมือถือ/บัตร NFC ไม่ต้องเซ็นหรือกด PIN
  • มีความปลอดภัยสูง: NFC มีการสื่อสารระยะสั้นและมีมาตรการความปลอดภัยต่างๆ อย่าง การใช้โทเค็น (Tokenization), การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption), ระบบยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลไบโอเมตริก (Biometric Authentication), การป้อนรหัส PIN, ระบบควบคุมวงเงิน รวมไปถึงมาตรฐานความปลอดภัยสากล อย่าง EMV
  • ข้อมูลทางการตลาด: สามารถนำข้อมูลการใช้จ่ายมาวิเคราะห์และวางแผนการตลาดได้ดียิ่งขึ้น เช่น จำนวนครั้งที่มีการแตะแล้วจ่าย เวลาที่ใช้งาน และสถานที่ เป็นต้น ซูเปอร์มาร์เก็ตโลตัสออกบัตรสมาชิกที่ใช้เทคโนโลยี NFC ให้ลูกค้าแตะเพื่อสะสมแต้มและรับคูปองส่วนลด เพื่อเก็บสถิติการซื้อ–ขายแบบเรียลไทม์ สามารถส่งโปรโมชันเฉพาะบุคคลผ่านแอปตามช่วงเวลาที่มีโอกาสซื้อสูง
  • ลดความเสี่ยง: การถือเงินสดมีความเสี่ยงในการถูกปล้นหรือสูญหาย เมื่อใช้การชำระเงินแบบ NFC ที่ข้อมูลอยู่ในระบบดิจิทัล ความเสี่ยงจากการขโมยเงินสดก็ลดลง นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถอายัดบัตรหรือลบข้อมูลในสมาร์ทโฟนได้ทันทีเมื่อทำหายหรือถูกขโมย
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร: NFC Tag เป็นชิปขนาดเล็กที่สามารถเขียนข้อมูลลงไปได้ เมื่อใช้สมาร์ทโฟนแตะกับ NFC Tag ก็จะเปิดข้อมูลหรือเรียกใช้แอปได้ทันที เช่น งาน “Thailand Manufacturing Expo” ผู้จัดแปะ NFC Tag บนบูธแต่ละบริษัท เพื่อลิงก์ไปยังโบรชัวร์, วิดีโอสาธิต หรือแบบฟอร์มลงทะเบียนขอรับใบเสนอราคา
  • การประยุกต์ใช้งานอื่นๆ: นอกจากการชำระเงินแล้ว NFC ยังสามารถใช้ในระบบสมาชิก บัตรสะสมแต้ม ระบบขนส่งมวลชนโดยการใช้บัตรโดยสารอัจฉริยะ (Smart Ticket) การเข้าถึงงานอีเวนต์ ธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ด้วยการจัดเก็บและเรียกดูข้อมูลผู้ป่วยผ่านบัตร NFC หรือ การใช้ NFC Tag เพื่อสื่อสารและควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน (Smart Home) เป็นต้น

การชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC

การชำระเงินด้วยเทคโนโลยี NFC ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในประเทศไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้การชำระเงินแบบไร้สัมผัสมีความจำเป็น และตอบโจทย์ในการช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัส ส่งผลให้คนไทยมีความคุ้นเคยมากขึ้นกับการใช้จ่ายเงินแบบไร้สัมผัส Techsauce เผยคนไทยแตะแล้วจ่ายผ่าน Visa Contactless ทะลุสองล้านครั้งในหนึ่งเดือน อีกทั้งร้านค้าและผู้ประกอบการก็มีการปรับตัวและติดตั้งเครื่องรับชำระเงินแบบ “แตะแล้วจ่าย” มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ Marketeer กล่าวว่าเพราะโควิด-19 ทำให้ผู้คนหันมาจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสมากขึ้นตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

การชำระเงินแบบไร้สัมผัสจะมีการขยายตลาดสู่ร้านค้าขนาดเล็กและ SME เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเครื่องรูดบัตร EDC รองรับฟังก์ชัน NFC เป็นมาตรฐาน และมีเครื่อง POS แบบพกพาที่ราคาไม่แพงและรองรับการ ‘แตะแล้วจ่าย’ วางขายในตลาด ในอนาคตสามารถติดตามผลิตภัณฑ์การชำระเงินออนไลน์และ ณ จุดขายได้ที่ Stripe Terminal และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Payments ที่พร้อมให้บริการแล้วในประเทศไทย

นอกจากนี้ ภาครัฐ ธนาคาร และเอกชนต่างก็ให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมดิจิทัล อีกทั้งยังมีการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดผู้ให้บริการชำระเงิน ข้อมูลจาก THE STANDARD เผยว่าธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังศึกษาเทคโนโลยี NFC เพื่อใช้ควบคู่กับพร้อมเพย์ รายงานจาก Global Data คาดว่าการชำระเงินผ่านบัตรในไทย (ซึ่งรวมถึงการใช้บัตรแบบแตะแล้วจ่าย) จะเติบโตด้วยอัตรา CAGR 9.3% ระหว่างปี 2025–2029 พุ่งสู่ 3.6 ล้านล้านบาทภายในปี 2029

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสะดวกและปลอดภัยของการใช้เทคโนโลยี NFC ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสข้อมูล หรือระบบการใช้โทเค็น ตลอดจนระยะการสื่อสารในระยะสั้น ยิ่งทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีนี้ นอกเหนือจากฟังก์ชันการชำระเงินแล้ว NFC ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้งานในด้านอื่นๆ เช่น ระบบขนส่งมวลชน ระบบสมาชิก การเข้าร่วมงานอีเวนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้การเติบโตของ NFC มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้อย่างไร้รอยต่อ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe