วิธีสร้างแอปชําระเงิน: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ทำไมต้องสร้างแอปชําระเงิน
  3. ฟีเจอร์ใดบ้างที่แอปชําระเงินควรมี
    1. ธุรกรรมที่รวดเร็วและยืดหยุ่น
    2. ผสานการทํางานกับบัญชีธนาคารและบัตรได้อย่างง่ายดาย
    3. ความปลอดภัยระดับสูงสุด
    4. คําขอและการแจ้งเตือน
    5. ความสามารถในการปรับขนาดได้และการอัปเกรด
    6. ประสบการณ์ที่สะดวกสําหรับลูกค้า
    7. การช่วยเหลือด้านการเข้าถึงและการใช้งานที่ง่าย
    8. ตัวเลือกขั้นสูงสําหรับผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม
  4. คุณเริ่มพัฒนาแอปชําระเงินอย่างไร
    1. ระบุปัญหาที่คุณกําลังจะแก้ไข
    2. ทําความเข้าใจกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
    3. ออกแบบฟีเจอร์หลัก
    4. เลือกชุดเทคโนโลยีที่เหมาะสม
    5. ผสานการทํางานกับ Stripe
    6. เน้นความปลอดภัยตั้งแต่แรก
    7. สร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบหรือผลิตภัณฑ์ที่ทํางานได้ขั้นต่ํา (MVP)
    8. ทดสอบแอปอย่างละเอียด
    9. วางแผนเพื่อการเติบโต
    10. เปิดตัวอย่างมีกลยุทธ์
    11. ทําการตลาดแอปและพัฒนาให้เติบโต
  5. เครื่องมือที่ดีที่สุดสําหรับการพัฒนาแอปชําระเงินคืออะไร
    1. Stripe Payments
    2. Stripe Checkout
    3. Stripe Connect
    4. Stripe Billing
    5. Stripe Identity
    6. Stripe Treasury
    7. Stripe Radar
    8. Stripe Tax

แอปชําระเงินคือแอปบนโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ของคุณที่ช่วยให้คุณส่ง รับ หรือจัดการเงินทางดิจิทัลได้ โดยมักจะเชื่อมกับบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลโดยตรง และอาจเป็นตัวเลือกการชําระเงินที่สะดวกกว่าเงินสด แอปชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (เช่น Cash App) ช่วยให้จ่ายเงินคืนให้เพื่อนได้ง่ายขึ้น แยกชำระเงิน ซื้อของออนไลน์ หรือซื้อสินค้าด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้บัตรหรือเงินสด มีคนกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลกใช้แอปชําระเงิน โดยยอดรวมของธุรกรรมการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มีมูลค่าถึง 7.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่าเหตุใดคุณจึงอาจควรสร้างแอปการชําระเงิน วิธีสร้างแอป และเครื่องมือที่ดีที่สุดในการพัฒนาแอปชําระเงิน

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ทําไมต้องสร้างแอปชําระเงิน
  • แอปชําระเงินควรมีฟีเจอร์ใดบ้าง
  • คุณจะเริ่มพัฒนาแอปชําระเงินอย่างไร
  • เครื่องมือที่ดีที่สุดในการพัฒนาแอปชําระเงินคืออะไร

ทำไมต้องสร้างแอปชําระเงิน

การสร้างแอปชําระเงินมีประโยชน์หลายอย่าง หากแอปของคุณมีจุดขายที่โดดเด่น เช่น การลดค่าธรรมเนียม การลดความซับซ้อนของประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ หรือโซลูชันที่ตอบโจทย์ความท้าทายบางประการ แอปนี้อาจช่วยให้คุณประสบความสําเร็จในการแข่งขัน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น (ลองนึกถึง บล็อกเชน ปัญญาประดิษฐ์ [AI] ฯลฯ) โอกาสในการสร้างแอปที่นําเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมและเติมเต็มช่องว่างในตลาดก็เพิ่มขึ้นตาม ต่อไปนี้เป็นสาเหตุบางประการที่คุณควรสร้างแอปชําระเงิน

  • การเติบโตของตลาดการชําระเงินดิจิทัล: ผู้คนจํานวนมากขึ้นกําลังเปลี่ยนจากเงินสดไปใช้ระบบการชําระเงินแบบดิจิทัล ในปี 2023 69% ของผู้ใหญ่ที่ใช้งานออนไลน์ในสหรัฐอเมริการะบุว่าตนเลือกใช้วิธีการชําระเงินแบบดิจิทัลในการซื้อสินค้าหรือบริการในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดยังคงเติบโตและยังมีส่วนที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่เริ่มใช้ระบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • โอกาสสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม: คุณสามารถปรับแต่งแอปของคุณเพื่อให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงหรือเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถให้บริการชําระเงินให้กับผู้ทํางานอิสระ การส่งเงินระหว่างประเทศที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ หรือโซลูชันการชําระเงินเฉพาะอุตสาหกรรม

  • โอกาสในการสร้างรายรับ: แอปชําระเงินมักจะสร้างรายรับจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมโมเดลการสมัครใช้บริการ, การเป็นพาร์ทเนอร์ หรือฟีเจอร์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ตัวเลือกการลงทุนและข้อเสนอด้านสินเชื่อ

  • ความสะดวกแก่ลูกค้า: ธุรกิจที่ผสานการทํางานกับโซลูชันการชําระเงิน (เช่น มาร์เก็ตเพลสที่มีการชําระเงินในตัว) สามารถมอบประสบการณ์ลูกค้าที่สะดวกมากขึ้นและดึงดูดให้ลูกค้าใช้งานต่อเนื่อง

  • ข้อมูลเชิงลึก: แอปชําระเงินช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ที่มีคุณค่า ซึ่งช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ ช่วยคุณปรับปรุงบริการ หรือส่งเสริมการเป็นพันธมิตรกับบริษัทอื่นๆ ได้

  • ช่องว่างตลาด: มีพื้นที่เสมอในการปรับปรุงโซลูชันที่มีอยู่ ยกตัวอย่างเช่น การลดความซับซ้อนของการชําระเงินข้ามพรมแดน การเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย หรือการเพิ่มความเร็วในการทําธุรกรรมคือความก้าวหน้าที่ทำให้แอปใหม่แตกต่างจากแอปอื่นๆ ได้

  • การเงินที่คำนึงถึงทุกคน: ในตลาดเกิดใหม่ แอปชําระเงินสามารถตอบสนองความต้องการของประชากรที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือประชากรที่่เข้าถึงบริการธนาคารจำกัด ทําให้พวกเขาสามารถทําธุรกรรมดิจิทัลได้เป็นครั้งแรก

  • ความภักดีและการรักษาแบรนด์: หากคุณจับคู่แอปชําระเงินกับบริการอื่นๆ (เช่น การชอปปิง การจอง ฟีเจอร์โซเชียลมีเดีย) จะช่วยเพิ่มการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้และกระตุ้นให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ได้

  • โอกาสการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ: แอปชําระเงินมักเปิดโอกาสสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่มีคุณค่า การผสานการทํางานกับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ค้าปลีกและบริการต่างๆ สร้างโอกาสในการทํางานร่วมกันได้

ฟีเจอร์ใดบ้างที่แอปชําระเงินควรมี

แอปชําระเงินต้องมีความสมดุลระหว่างฟังก์ชัน ความปลอดภัย และการใช้งานง่าย ต่อไปนี้คือฟีเจอร์ที่สําคัญจริง ๆ หากคุณต้องการสร้างแอปที่ใช้งานง่ายและแข่งขันได้

ธุรกรรมที่รวดเร็วและยืดหยุ่น

  • การชําระเงินทันที: ไม่มีใครอยากรอ 3 วันเพื่อให้ยอดคงเหลือในบัญชีอัปเดต แอปของคุณควรโอนเงินทันทีหรือเกือบจะทันทีได้

  • รองรับหลายสกุลเงิน: หากคุณมีเป้าหมายเป็นผู้ใช้ทั่วโลก แอปของคุณต้องช่วยให้ผู้ใช้เหล่านั้นส่งและรับการชําระเงินระหว่างประเทศในสกุลเงินต่างๆ ได้ โดควรมีค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำและโปร่งใส

  • การแยกชำระเงิน: ความสามารถในหารค่าใช้จ่ายภายในแอปทําให้ชีวิตของผู้ใช้ง่ายขึ้น เพราะช่วยอํานวยความสะดวกในกรณี เช่น การรับประทานอาหารเย็นร่วมกันแล้วหารค่าใข้จ่ายกัน

ผสานการทํางานกับบัญชีธนาคารและบัตรได้อย่างง่ายดาย

  • การผสานการทํางานกับธนาคาร: ผู้ใช้ควรเชื่อมโยงบัญชีธนาคาร บัตรเครดิตและเดบิต หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay ได้ง่าย

  • ตัวเลือกการฝากเงินโดยตรง: ความสามารถในการรับชําระเงินโดยตรงเข้าบัญชีธนาคารมีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับแอปที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ทํางานอิสระหรือธุรกิจขนาดเล็ก

ความปลอดภัยระดับสูงสุด

  • การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA): คุณควรคิดว่า 2FA เป็นคุณสมบัติที่ต้องมีในแอป ให้ลูกค้ามีตัวเลือกการตรวจสอบสิทธิ์ เช่น ไบโอเมตริก (เช่น ลายนิ้วมือหรือการจดจําใบหน้า) และรหัสที่ใช้ในแอป

  • การตรวจจับการฉ้อโกง: คุณสามารถใช้ AI เพื่อรายงานธุรกรรมที่ผิดปกติได้โดยอัตโนมัติ นี่คือฟีเจอร์ประเภทที่ผู้ใช้อาจไม่นึกถึงจนกว่าจำเป็นจะต้องใช้

  • การเข้ารหัส: การเข้ารหัสตั้งแต่ปลายทางจนถึงปลายทางสําหรับธุรกรรมทุกรายการก็ควรเป็นสิ่งที่ต้องมี เนื่องจากผู้ใช้จะรู้สึกมั่นใจได้มากขึ้นว่าข้อมูลของตนปลอดภัยจากการรั่วไหล

คําขอและการแจ้งเตือน

  • คําขอให้ชําระเงิน: ขั้นตอนการชําระเงินอัตโนมัติที่เรียบร้อยและเป็นระบบอัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ส่งคําขอให้ผู้อื่นชําระเงินหรือตั้งค่าการแจ้งเตือนสําหรับการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าได้ง่ายขึ้น ความสามารถเหล่านี้จะช่วยประหยัดเวลาและลดความหงุดหงิดของลูกค้า

  • การแจ้งเตือนที่ปรับแต่งได้: ไม่มีใครต้องการรับการแจ้งเตือนที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่ตนจะรับการแจ้งเตือน รวมถึงการแจ้งเตือนธุรกรรมขนาดใหญ่ การยืนยันการชําระเงิน และการแจ้งเตือนเวลาที่มีคนส่งเงินให้

ความสามารถในการปรับขนาดได้และการอัปเกรด

  • การรองรับอนาคต: เมื่อฐานผู้ใช้ของคุณเติบโตขึ้น คุณอาจจะเพิ่มฟีเจอร์อย่างการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า การจัดการการชําระเงินตามรอบบิล และแม้แต่องค์ประกอบการทำงบประมาณแบบใช้ AI ก็ได้

  • ค่าธรรมเนียมต่ำหรือโปร่งใส: หากคุณเรียกเก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือขายฟีเจอร์พรีเมียม ให้แสดงข้อมูลค่าใช้จ่ายล่วงหน้าอย่างชัดเจน ค่าธรรมเนียมแอบแฝงอาจส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้

ประสบการณ์ที่สะดวกสําหรับลูกค้า

  • กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่เป็นมิตรกับลูกค้า: คุณอาจทำให้ผู้ใช้ลงทะเบียนได้ง่ายแต่ปลอดภัยด้วยการใช้วิธีการยืนยันตัวตนที่ไม่รู้สึกรุกล้ำมากเกินไป เช่น การสแกนบัตรประจําตัว (ID) หรือการเชื่อมบัญชีที่ยืนยันแล้วอาจให้ความรู้สึกสะดวกใจมากกว่าการยืนยันด้วยไบโอเมตริกซึ่งอาจใช้ลายนิ้วมือหรือการจดจําใบหน้า

  • การสนับสนุนลูกค้า: แชตบอทเป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับคําถามพื้นฐาน แต่คุณอาจต้องมีช่องทางติดต่อคนเป็นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางแชต อีเมล หรือโทรศัพท์ หากมีอะไรผิดพลาด

  • แดชบอร์ดส่วนบุคคล: คุณสามารถแสดงการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายหรือประวัติการชําระเงินของผู้ใช้ได้ด้วยแดชบอร์ดที่คล่องตัวและใช้งานง่าย ข้อมูลเชิงลึกอย่าง "เดือนนี้คุณใช้จ่ายค่ากาแฟไป 200 ดอลลาร์สหรัฐ" อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้

  • โซเชียลมีเดีย: คุณควรเพิ่มองค์ประกอบทางสังคมที่เป็นตัวเลือกเสริม เช่น ฟีดการชําระเงิน ซึ่งผู้ใช้สามารถแชร์ธุรกรรมของตนกับเพื่อนๆ ได้

การช่วยเหลือด้านการเข้าถึงและการใช้งานที่ง่าย

  • การแปลภาษา: หากกลุ่มเป้าหมายเป็นรายภูมิภาค อย่าลืมตอบสนองความต้องการที่ตรงกับภูมิภาคนั้นๆ ตัวอย่างเช่น คุณอาจผสานการทํางานอินเทอร์เฟซการชําระเงินแบบรวมเป็นรายการเดียว (UPI) ในอินเดีย หรือเปิดใช้การโอนเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่แบบทันทีในตลาดแอฟริกา ซึ่งเป็นวิธีการชําระเงินที่เป้าหมายของคุณต้องการ

  • ความเข้ากันได้ระหว่างแพลตฟอร์ม: แอปของคุณต้องทํางานได้โดยไม่มีปัญหาในอุปกรณ์เคลื่อนที่(iOS และ Android) เดสก์ท็อป และอุปกรณ์สวมใส่ จะยิ่งดีถ้าแอปซิงก์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

  • ตัวเลือกโหมดออฟไลน์หรือการสํารองข้อมูล: คุณสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้เริ่มการชําระเงินแบบออฟไลน์ได้ โดยอาจสร้างรหัสที่พวกเขาสามารถรับได้เมื่อทั้งผู้ส่งและผู้รับมีการเชื่อมต่อออนไลน์

ตัวเลือกขั้นสูงสําหรับผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม

  • คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: คุณอาจอยากให้แอปของคุณมีวิธีการออกใบแจ้งหนี้ การติดตามค่าใช้จ่าย หรือการผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์บัญชี เช่น QuickBooks ด้วย

  • การชําระเงินด้วยรหัส QR: รหัส QR ช่วยอํานวยความสะดวกในการชําระเงินที่รวดเร็ว โดยเฉพาะสําหรับธุรกรรมที่จุดขาย ลูกค้าสามารถสแกนและชําระเงินได้ง่ายที่จุดขาย ในขณะที่แถวการชำระเงินของธุรกิจก็จะลื่นไหลขึ้น

  • การผสานการทํางานคริปโต: คุณอาจลองเปิดใช้ธุรกรรมคริปโตสําหรับผู้ที่ต้องการชําระเงินหรือรับเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

คุณเริ่มพัฒนาแอปชําระเงินอย่างไร

เมื่อสร้างแพลตฟอร์มที่จัดการข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน คุณต้องมีกลยุทธ์ที่ผ่านคิดอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอนของกระบวนการพัฒนา ต่อไปนี้คือวิธีเริ่มต้น

ระบุปัญหาที่คุณกําลังจะแก้ไข

อันดับแรก ให้หาคําตอบว่าอะไรทําให้แอปของคุณแตกต่าง คุณเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงหรือไม่ เช่น ผู้ทํางานอิสระหรือธุรกิจขนาดเล็ก คุณกำลังจะทําให้การแยกชำระเงินเป็นเรื่องง่าย จะแก้ไขปัญหาการชําระเงินข้ามพรมแดนหรือจะนำเสนอค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า ระบุกลุ่มเฉพาะของคุณ แล้วสิ่งนี้จะนำทางคุณเอง

ทําความเข้าใจกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง

การชําระเงินอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ดังนั้นจงเริ่มเรียนรู้ด้านนี้โดยเร็วที่สุด ทุ่มเทเวลาให้กับงานต่อไปนี้:

ออกแบบฟีเจอร์หลัก

ตัดสินใจว่าแอปของคุณจะให้อะไรกับผู้ใช้ อย่างน้อยๆ แอปชําระเงินส่วนใหญ่จะต้องมี

  • ฟังก์ชันสําหรับส่งและรับชําระเงิน

  • การเชื่อมบัญชีธนาคาร บัตร และกระเป๋าเงินดิจิทัล

  • ฟีเจอร์ประวัติธุรกรรมที่มีรายละเอียดที่แม่นยําและอ่านง่าย

  • มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส, 2FA และการตรวจจับการฉ้อโกง

  • เครื่องมือต่างๆ เช่น การออกใบแจ้งหนี้และการแจ้งเตือนการชําระเงิน (หากเป้าหมายของคุณเป็นลูกค้าธุรกิจ)

  • พิมพ์เขียวหรือจําลองที่ใช้งานง่ายเพื่อแสดงเส้นทางให้ผู้ใช้เห็นภาพ

เลือกชุดเทคโนโลยีที่เหมาะสม

คุณต้องใช้เทคโนโลยีที่รองรับการเติบโต ความเร็ว และความปลอดภัยของแอป

  • ฟรอนท์เอนด์: เฟรมเวิร์กเช่น React Native หรือ Flutter จะช่วยให้คุณสร้างแอปข้ามแพลตฟอร์มสําหรับ iOS และ Android ได้อย่างง่ายดาย

  • แบ็กเอนด์: ตัวเลือกที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น เช่น Node.js Python (Django หรือ Flask) หรือ Ruby on Rails ใช้ได้ดีสําหรับการพัฒนาแบ็กเอนด์

  • ฐานข้อมูล: คุณต้องมีฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น PostgreSQL หรือ MongoDB เพื่อจัดการธุรกรรม

  • อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) การผสานการทํางานกับธนาคาร (เช่น Plaid, Yodlee) การแปลงสกุลเงิน และเกตเวย์การชําระเงินต้องใช้ API

  • บริการระบบคลาวด์: Amazon Web Services, Google Cloud หรือ Azure สามารถโฮสต์และขยายแอปของคุณได้

ผสานการทํางานกับ Stripe

หากคุณไม่ได้สร้างระบบประมวลผลการชําระเงินของตนเอง Stripe จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณได้ โดยจัดการกับการอนุมัติการชําระเงิน การตรวจจับการฉ้อโกง และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมาพร้อม API ที่เหมาะสําหรับนักพัฒนา ตัวเลือกการผสานการทํางานที่ยืดหยุ่น และรองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะสร้างขั้นตอนการชําระเงินที่เรียบง่ายหรือระบบการเรียกเก็บเงินที่ซับซ้อนขึ้น Stripe จะช่วยทําให้การเริ่มต้นใช้งานง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดของระบบการรับชําระเงิน

เน้นความปลอดภัยตั้งแต่แรก

ความปลอดภัยควรเป็นรากฐานของแอปของคุณ ซึ่งคุณจะต้องจัดให้มีตั้งแต่แรกด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ใช้การเข้ารหัสแบบต้นทางถึงปลายทางกับธุรกรรมทุกรายการ

  • นําการแปลงเป็นโทเค็นมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รายละเอียดของบัตร

  • จัดให้มีระบบติดตามตรวจสอบการฉ้อโกงและการแจ้งเตือนผู้ใช้ในกรณีที่มีกิจกรรมที่น่าสงสัย

  • ทดสอบแอปของคุณเป็นประจําด้วยการประเมินช่องโหว่และการตรวจสอบ

สร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบหรือผลิตภัณฑ์ที่ทํางานได้ขั้นต่ํา (MVP)

เริ่มจากฟีเจอร์หลักๆ แล้วเน้นที่ฟีเจอร์หลัก เพื่อแก้ไขปัญหาหลักๆ ของผู้ใช้ MVP เปิดโอกาสให้คุณทดสอบไอเดียโดยไม่ต้องทุ่มเททรัพยากรแบบผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบ ต่อไปนี้คือขั้นตอนบางส่วนสําหรับการสร้าง MVP

  • สร้างอินเทอร์เฟซที่เรียบร้อยและใช้งานง่าย

  • ให้ผู้ใช้ส่งและรับเงิน

  • จัดให้มีประวัติธุรกรรมขั้นพื้นฐานและการลิงก์บัญชี

ทดสอบแอปอย่างละเอียด

แอปชําระเงินต้องทํางานได้อย่างน่าเชื่อถือก่อนเปิดตัว ทดสอบสิ่งต่อไปนี้

  • ฟังก์ชัน: การชําระเงินประมวลผลถูกต้องหรือไม่ การแจ้งเตือนถูกต้องหรือไม่ ขั้นตอนของผู้ใช้ง่ายหรือไม่

  • ประสิทธิภาพการทํางาน: แอปทํางานได้ดีภายใต้โหลดจํานวนมากหรือไม่

  • การรักษาความปลอดภัย: แอปได้รับการทดสอบช่องโหว่เป็นประจําหรือไม่ เช่น การละเมิดข้อมูลและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

  • การทำงานร่วมกันของระบบ: แอปทํางานสอดคล้องกันบนอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการต่างๆ หรือไม่

วางแผนเพื่อการเติบโต

แม้ในระยะแรกเริ่ม ลองคิดถึงวิธีที่แอปของคุณจะรับมือกับการเติบโต ใช้บริการคลาวด์ที่สามารถขยายได้เมื่อฐานผู้ใช้ของคุณขยาย ดูแลแบ็กเอนด์ให้ยืดหยุ่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องสร้างฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าและการรองรับสกุลเงินคริปโตขึ้นใหม่แบบเต็มรูปแบบเพื่อใช้งาน

เปิดตัวอย่างมีกลยุทธ์

เมื่อคุณพร้อมที่จะใช้งานแอปจริงๆ แล้ว คุณจะต้องทําสิ่งต่อไปนี้

  • เริ่มด้วยการเปิดตัวเล็กๆ กับกลุ่มผู้ใช้ขนาดเล็กเพื่อการทดสอบขั้นสุดท้าย

  • รวบรวมความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาในนาทีสุดท้าย

  • ค่อยๆ เปิดใช้งานและเน้นที่ตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายเฉพาะก่อนที่จะขยายกลุ่มผู้ใช้

ทําการตลาดแอปและพัฒนาให้เติบโต

หลังจากเปิดตัวแอปแล้ว การตลาดก็มีความสําคัญพอๆ กับการพัฒนา ให้เน้นสิ่งต่อไปนี้

  • การหาผู้ใช้ใหม่: ใช้โซเชียลมีเดีย การเป็นพาร์ทเนอร์ หรือโปรแกรมแนะนําเพื่อให้มีผู้ใช้เข้ามาใช้งาน

  • วงจรคําติชม: ให้ความสําคัญกับความคิดเห็นและข้อร้องเรียน ผู้ใช้จะบอกให้คุณทราบว่าอะไรใช้ดีและอะไรไม่ดี

  • การดูแลรักษา: ทยอยอัปเดตโดยอาศัยคําติชม ทำแอปให้ปลอดภัยแอป และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการจริงๆ

เครื่องมือที่ดีที่สุดสําหรับการพัฒนาแอปชําระเงินคืออะไร

API เป็นส่วนสําคัญในโครงสร้างของแอป API ของ Stripe ช่วยให้คุณผสานการทํางานกับผลิตภัณฑ์ Stripe ได้อย่างง่ายดาย ต่อไปนี้คือเครื่องมือที่มีค่าที่สุด

Stripe Payments

Stripe Payments เป็นฟีเจอร์หลักในการจัดการการชําระเงิน ช่วยให้คุณรับและประมวลผลวิธีการชําระเงินได้หลากหลายวิธี ซึ่งได้แก่

  • บัตรเครดิตและบัตรเดบิต

  • กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น Apple Pay, Google Pay)

  • การโอนเงินผ่านธนาคาร (เช่น ACH Direct Debit การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA (SEPA))

  • ตัวเลือกแบบ "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" (BNPL) (เช่น Afterpay)

ผลิตภัณฑ์นี้มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับแต่งได้ทั้งสําหรับการซื้อแบบครั้งเดียวและการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

Stripe Checkout

หากคุณต้องการวิธีที่รวดเร็วและปลอดภัยในการติดตั้งใช้งานหน้าการชําระเงินสําเร็จรูป Stripe Checkout เป็นตัวเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ โดยจะจัดการขั้นตอนการชําระเงินทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย

  • การคํานวณภาษี

  • ส่วนลดและรหัสโปรโมชัน

  • การแปลภาษาให้เข้ากับท้องถิ่น (รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน)

  • การป้องกันการฉ้อโกง

สิ่งนี้เหมาะมากหากคุณต้องการโซลูชันพร้อมใช้แบบต้องพัฒนาเพื่อปรับแต่งเองเพียงเล็กน้อย

Stripe Connect

พิจารณาใช้ Stripe Connect หากคุณกําลังสร้างแพลตฟอร์มหรือมาร์เก็ตเพลสที่ผู้ใช้ (เช่น ผู้ขาย ผู้ให้บริการ) จําเป็นต้องรับการชําระเงิน ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยให้คุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • ตั้งค่าให้ผู้ใช้รับชําระเงิน

  • แบ่งการชำระเงินกับหลายฝ่าย

  • สร้างขั้นตอนการจ่ายเงินอัตโนมัติไปยังบัญชีผู้ใช้

  • ช่วยเหลือในการปฏิบัติตามข้อกําหนดให้กับผู้ใช้ทั่วโลก

Connect เหมาะกับธุรกิจอย่างมาร์เก็ตเพลส, แพลตฟอร์มงานพิเศษ, และองค์กรอื่นๆ ที่มีผู้รับเงินหลายราย

Stripe Billing

เหมาะกับแพลตฟอร์มการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) หรือบริการแบบสมาชิก Stripe Billing รองรับโมเดลการชําระเงินตามรอบบิลหลายรูปแบบ (เช่น ค่าบริการต่อผู้ใช้ แพ็กเกจอัตราคงที่ การเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน)

โดยสามารถช่วยแอปที่จัดการการชําระเงินตามรอบบิลหรือการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ฟีเจอร์ต่างๆ ประกอบด้วย:

  • การจัดการการชําระเงินตามรอบบิลอัตโนมัติ

  • การเรียกเก็บเงินตามสัดส่วนสําหรับการอัปเกรดแพ็กเกจและดาวน์เกรด

  • การออกใบแจ้งหนี้ในตัว

  • ตรรกะการลองซ้ำสําหรับการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ

Stripe Identity

หากแอปกําหนดให้ต้องยืนยันตัวตน Stripe Identity จะช่วยคุณยืนยันตัวตนของผู้ใช้ด้วยการตรวจสอบยืนยันตัวตนด้วยเอกสารและภาพเซลฟี ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยปฏิบัติตามข้อกําหนดในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเงินและในมาร์เก็ตเพลส

Stripe Treasury

สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการมากกว่าการชําระเงินพื้นฐานและต้องการนําเสนอฟีเจอร์คล้ายกับแอปธนาคาร Stripe Treasuryนับเป็นโซลูชันที่ทรงคุณค่า เนื่องจากมีประโยชน์เป็นพิเศษสําหรับแอปฟินเทคซึ่งช่วยให้คุณ

  • สร้างบัญชีสําหรับผู้ใช้

  • จัดการกระแสเงินสด

  • เปิดใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคารและยอดคงเหลือที่ได้ดอกเบี้ย

Stripe Radar

Stripe Radar เป็นระบบป้องกันการฉ้อโกงในตัวของ Stripe ซึ่งใช้ AI ในการตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ คุณสามารถปรับแต่งเกณฑ์ความเสี่ยงและตรวจสอบการชําระเงินที่มีการเตือนความเสี่ยงได้ด้วยตนเองหากต้องการ

Stripe Tax

Stripe Tax คํานวณและเก็บภาษีอัตโนมัติสําหรับธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจในหลายเขตอํานาจศาล โดยรองรับการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษีทั่วโลกและผสานการทํางานกับ API ของ Stripe ในการกําหนดภาษีสําหรับผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้และผลิตภัณฑ์ดิจิทัล

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe