ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์: สิ่งนี้คืออะไร ทํางานอย่างไร และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ

Billing
Billing

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. หลักการทำงานของการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  3. ประโยชน์ของการใช้การเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  4. ความท้าทายในการใช้การเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์
  5. สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกผู้ให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  6. Stripe จะช่วยได้อย่างไร

การเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์คือวิธีการสร้างใบเรียกเก็บเงินจากข้อมูลการใช้งานทรัพยากในสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ วิธีการเรียกเก็บเงินลักษณะนี้ช่วยให้สามารถบริหารจัดการงานด้านการเรียกเก็บเงินได้โดยอัตโนมัติ ปรับขนาดได้ และยืดหยุ่น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อบริการ เช่น ซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นวิธีการจัดการงานด้านการเรียกเก็บเงินที่คล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้ และมีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่บริการและการใช้งานของลูกค้าแต่ละรายอาจแตกต่างกันอย่างมาก คาดการณ์ว่ามูลค่าของการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ในตลาดทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 เป็น 15.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2031

เดิมทีระบบการเรียกเก็บเงินดําเนินการโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งภายในองค์กรที่ทํางานแบบคงที่และต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก ในทางตรงกันข้าม ระบบการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์โฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ที่เข้าถึงได้ออนไลน์ ซึ่งประมวลผลข้อมูลและใช้ข้อมูลการเรียกเก็บเงินแบบเรียลไทม์ การทำงานลักษณะนี้เหมาะกับธุรกิจที่ให้บริการที่มีรูปแบบการใช้งานหลากหลาย เนื่องจากสามารถติดตามและเรียกเก็บเงินค่าบริการที่ใช้ได้อย่างถูกต้องแม่นยํา

ลักษณะสําคัญของการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์คือความสามารถในการปรับขนาด ในขณะที่ธุรกิจเติบโตหรือประสบกับความต้องการที่ผันผวน ระบบการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์สามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้ ช่วยให้ธุรกิจเรียกเก็บเงินได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องอัปเกรดหรือเปลี่ยนแปลงระบบอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้การเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ยังมักมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ การประมวลผลการชําระเงินแบบบูรณาการ และการรายงานทางการเงินอย่างละเอียด ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการเรียกเก็บเงิน และยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกระแสรายรับรวมทั้งรูปแบบการใช้งานของลูกค้า

ด้านล่างนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ ได้แก่ หลักการทำงาน ข้ดดีและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงสิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกผู้ให้บริการการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • หลักการทำงานของการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  • ประโยชน์ของการใช้การเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  • ความท้าทายในการใช้การเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  • สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกผู้ให้บริการการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์
  • Stripe ช่วยอะไรได้บ้าง

Forrester ยกให้ Stripe เป็นผู้นําในด้านการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า Stripe ได้รับคะแนนสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเกณฑ์การประเมิน 10 ข้อ และสูงกว่าความคิดเห็นโดยเฉลี่ยจากลูกค้า อ่านรายงานเพื่อดูเหตุผลที่เราเชื่อว่า Stripe Billing สามารถช่วยให้คุณปลดล็อกกระแสรายรับใหม่ๆ ปรับตัวตามแนวโน้มของตลาด และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

หลักการทำงานของการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์

การเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ทำกระบวนการออกใบแจ้งหนี้บริการออนไลน์ให้เป็นอัตโนมัติ ระบบนี้เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ให้บริการแบบแปรผัน เช่น การให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS) หรือธุรกิจที่ใช้โมเดลบริการแบบสมัครสมาชิก การทำงานมีดังนี้

  • การติดตามการใช้งาน: ระบบจะติดตามการใช้บริการของลูกค้าแต่ละราย ตัวอย่างเช่น ในโมเดล SaaS ระบบอาจติดตามจํานวนผู้ใช้หรือปริมาณการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ การติดตามนี้ทำเพื่อให้ข้อมูลการเรียกเก็บเงินอัปเดตและถูกต้อง

  • การประมวลผลข้อมูลการใช้งาน: ระบบการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ประมวลผลข้อมูลการใช้งานตามโครงสร้างค่าบริการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโมเดลจ่ายตามการใช้งาน การชําระเงินตามรอบบิล หรือแบบแบ่งระดับ ระบบจะใช้อัตราที่ถูกต้องตรงกับข้อมูลผู้ใช้ในการคํานวณใบเรียกเก็บเงิน

  • การออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ: ระบบจะสร้างใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติตามการคํานวณเหล่านี้ จากนั้นจึงส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้า โดยปกติจะส่งทางอีเมล ซึ่งช่วยลดงานที่ต้องทําด้วยคนและช่วยลดข้อผิดพลาดในการเรียกเก็บเงินที่อาจเกิดขึ้น

  • การผสานรวมระบบประมวลผลการชําระเงิน: ระบบเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์จำนวนมากมีฟีเจอร์การประมวลผลการชําระเงินในตัว ช่วยให้ลูกค้าชําระใบแจ้งหนี้ทางออนไลน์ได้ ซึ่งเพิ่มความสะดวกกับลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการเรียกเก็บเงินในขณะเดียวกัน

  • การรายงานทางการเงิน: สุดท้ายระบบจะจัดทำรายงานทางการเงินโดยละเอียด รายงานเหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบรายรับ การชําระเงินที่ยังค้างชําระ และสถานะทางการเงินโดยรวม ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล

ระบบการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ช่วยให้มั่นใจว่าการเรียกเก็บเงินของคุณง่ายและถูกต้องโดยรับหน้าที่จัดการกับงานส่วนที่ยุ่งยาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการให้บริการอย่างรวดเร็วตามที่ลูกค้าสมัยใหม่คาดหวัง

ประโยชน์ของการใช้การเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์

การใช้ระบบการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์มีข้อดีหลายประการกับธุรกิจของคุณ ได้แก่

  • ความสามารถในการปรับขนาด: ระบบเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ออกแบบมาเพื่อขยายไปพร้อมกับการเติบโตของธุรกิจ รองรับจํานวนธุรกรรมและความซับซ้อนที่มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพเพิ่มเติม

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: ระบบเหล่านี้มักจะใช้รูปแบบบริการสมัครสมาชิก ซึ่งหมายความว่าธุรกิจไม่ต้องลงเงินก้อนแรกจำนวนมากกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ยังช่วยลดรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบํารุงรักษาด้านไอทีและการอัพเกรดอีกด้วย

  • ความยืดหยุ่น: โซลูชันการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์สามารถกำหนดรอบการเรียกเก็บเงิน โมเดลค่าบริการ และตัวเลือกการชําระเงินเองได้ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ

  • ความสามารถในการเข้าถึง: ระบบเหล่านี้อยู่บนคลาวด์ จึงมีข้อดีที่เข้าถึงจากระยะไกลได้ ทําให้ทีมสามารถปฏิบัติงานด้านการเรียกเก็บเงินได้จากทุกที่

  • ระบบอัตโนมัติ: ระบบเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ช่วยให้เปลี่ยนงานที่ทำเป็นกิจวัตรเป็นระบบอัตโนมัติได้หลายอย่าง เช่น การออกใบแจ้งหนี้ การประมวลผลการชําระเงิน และการบันทึกรายรับ ซึ่งนําไปสู่ข้อผิดพลาดและค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบที่ลดลง

  • การผสานการทํางาน: โดยทั่วไปแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถผสานการทํางานกับระบบธุรกิจอื่นๆ ได้ เช่น การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) และการวางแผนทรัพยากรสําหรับองค์กร (ERP) เพื่อให้ข้อมูลที่ไหลอยู่ในระบบเป็นหนึ่งเดียวกันและเพื่อความถูกต้องของรายงานทางการเงินที่ดีขึ้น

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย: ผู้ให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ของคุณควรสร้างขึ้นโดยมีระเบียบข้อบังคับและมาตรฐานทางการเงินผสานอยู่ในเทคโนโลยี โดยมีหลายรายที่ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น

  • การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์: ธุรกิจจะได้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลการเรียกเก็บเงินแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถใช้ในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และช่วยระบุแนวโน้มและด้านต่างๆ ที่ควรเพิ่มประสิทธิภาพ

  • ประสบการณ์ของลูกค้า: ผู้ให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ควรมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและพอร์ทัลแบบบริการตัวเอง ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วยความโปร่งใสและความสามารถในการรับมือกับปัญหาการชําระเงินตามรอบบิลและการเรียกเก็บเงิน

สําหรับธุรกิจที่ต้องการอัปเดตโครงสร้างพื้นฐานการเรียกเก็บเงิน แพลตฟอร์มบนคลาวด์อาจเป็นตัวเลือกที่คล่องตัวและปรับขนาดได้ซึ่งประหยัดกว่าระบบเดิม นอกจากนี้ยังมีข้อได้เปรียบเพิ่มเติมเนื่องจากบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ ทําให้มั่นใจได้ถึงการดําเนินงานที่ราบรื่นและคุณสมบัติที่เป็นปัจจุบัน

ความท้าทายในการใช้การเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์

แต่นอกเหนือจากข้อดีของการเรียกเก็บเงินออนไลน์ผ่านคลาวด์ ก็อาจมีความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น

  • การพึ่งพิงผู้ให้บริการ: การพึ่งพิงผู้ให้บริการภายนอกในการดําเนินงานด้านการเรียกเก็บเงินอาจทําให้ธุรกิจเกิดความเสี่ยงหากบริการหยุดทํางานหรือมีการหยุดชะงัก

  • ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล: การมอบหมายให้บริการคลาวด์บุคคลที่สามดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าอาจทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลและความปลอดภัยของข้อมูลทางการเงิน

  • ความยากลําบากในการย้ายข้อมูล: การเปลี่ยนผ่านจากระบบการเรียกเก็บเงินแบบเดิมมาเป็นโซลูชันบนระบบคลาวด์อาจเป็นการดำเนินงานที่ซับซ้อน โดยเฉพาะสําหรับธุรกิจที่มีกระบวนการของตนเองอยู่แล้วและมีชุดข้อมูลขนาดใหญ่

  • ปัญหาด้านการผสานการทำงาน: แม้ว่าการผสานการทํางานจะเป็นประโยชน์ แต่ก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายเช่นกัน การดูแลให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ทํางานอย่างราบรื่นกับระบบที่มีอยู่อาจมีงานที่ต้องทำและการปรับแต่งที่มาก

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดและระเบียบข้อบังคับ: การดำเนินการในสภาพแวดล้อมด้านการกํากับดูแลที่หลากหลายในภูมิภาคต่างๆ อาจมีความซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลบนคลาวด์

  • ความสามารถในการคาดการณ์ค่าใช้จ่าย: แม้โดยทั่วไปแล้วโมเดลแบบจ่ายตามการใช้งานจะคุ้มค่า แต่ก็อาจคาดเดาต้นทุนได้ยากหากไม่คาดการณ์หรือจัดการอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเรียกเก็บเงินค่าบริการคลาวด์คิดตามการใช้งานของลูกค้า

  • การฝึกอบรมและการตอบรับ: พนักงานของคุณอาจต้องฝึกอบรมเพื่อปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ ซึ่งอาจต้องใช้ทรัพยากรมากและนําไปสู่การต่อต้านหากไม่มีการสื่อสารถึงประโยชน์อย่างชัดเจน

  • ประสิทธิภาพและความล่าช้า: สําหรับธุรกิจบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดําเนินงานในภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่ด้อยพัฒนา ระบบการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์อาจประสบปัญหาด้านประสิทธิภาพเนื่องจากความล่าช้าของเครือข่าย

  • ขีดจํากัดในการปรับแต่ง: แม้ว่าโซลูชันการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์จะยืดหยุ่น แต่ก็อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงของบางอุตสาหกรรม ทําให้มีช่องว่างด้านคุณสมบัติการใช้งานที่อาจต้องเติมเต็มด้วยโซลูชันอื่นหรือต้องพัฒนาเองเพิ่มเติม

  • การจัดการข้อมูล: การจัดการการเคลื่อนที่ของข้อมูลระหว่างระบบการเรียกเก็บเงินผ่นคลาวด์กับระบบธุรกิจอื่นๆ ต้องใช้แนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลข้อมูลที่เข้มงวดเพื่อให้เกิดความถูกต้องและสม่ำเสมอ

  • ความซับซ้อนด้านสกุลเงินและภาษี: การจัดการหลายสกุลเงินและระเบียบข้อบังคับด้านภาษีต้องอาศัยการอัปเดตระบบการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับอัตราแลกเปลี่ยนและระเบียบข้อบังคับปัจจุบัน

ความท้าทายเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้โดยเลือกพันธมิตรด้านการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ที่เหมาะสม แต่ก็ยังควรที่จะตระหนักถึงความท้าทายเหล่านี้

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกผู้ให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์

ขณะที่มองหาผู้ให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ คุณจะต้องประเมินว่าผู้ให้บริการรายนั้นเหมาะกับการดําเนินงานปัจจุบัน เป้าหมายทางการเงินของคุณ และประสบการณ์ของลูกค้าอย่างไร ต่อไปนี้คือสิ่งที่สําคัญมากที่สุดเมื่อคุณมองหาผู้ให้บริการ

  • ความสามารถในการปรับขนาด: บริการควรปรับเปลี่ยนตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นหรือผันผวนของคุณได้ง่าย ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมาของผู้ให้บริการในการขยายการดำเนินงานให้กับธุรกิจอื่นๆ โดยเน้นที่ธุรกิจที่มีขนาดและรูปแบบการเติบโตใกล้เคียงกับคุณ

  • ความแม่นยําในการเรียกเก็บเงิน: มองหาผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงมั่นคงเรื่องความแม่นยำในการเรียกเก็บเงินและการรายงาน ความสามารถในการติดตามการใช้งานด้วยความละเอียดสูงจะช่วยป้องกันข้อโต้แย้งและสร้างความเชื่อมั่นได้

  • ตัวเลือกการปรับแต่ง: บริการเรียกเก็บเงินควรเปิดให้คุณปรับแต่งรอบการเรียกเก็บเงิน ตัวเลือกการชําระเงิน และโมเดลค่าบริการได้เองเพื่อให้เหมาะสมกับโมเดลธุรกิจและความต้องการของลูกค้าคุณ

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย: ผู้ให้บริการจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและข้อกําหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ตรวจสอบใบรับรองด้านปฏิบัติตามข้อกําหนดและมาตรการด้านรักษาความปลอดภัยของผู้ให้บริการอย่างละเอียด

  • ระดับการสนับสนุนและการบริการ: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างรวดเร็วและรอบรู้ ตรวจสอบข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) ของผู้ให้บริการเพื่อทําความเข้าใจข้อผูกพันด้านการสนับสนุน

  • ความสามารถในการผสานการทำงาน: ระบบการเรียกเก็บเงินควรผสานการทํางานกับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่คุณมีอยู่ได้อย่างราบรื่น พิจารณาอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API)และเครื่องมือการผสานการทํางานอื่นๆ ที่ผู้ให้บริการมี เพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มจะเชื่อมต่อกับระบบของคุณได้

  • อินเทอร์เฟซและประสบการณ์ผู้ใช้: อินเทอร์เฟซสําหรับทั้งทีมและลูกค้าของคุณควรที่จะใช้งานง่าย ประสบการณ์ผู้ใช้งานมีบทบาทต่อความเร็วในการปรับตัวเข้ากับระบบของทีมงานคุณและมีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าต่อขั้นตอนการเรียกเก็บเงิน

  • ความโปร่งใสด้านค่าใช้จ่าย: โมเดลค่าบริการของบริการการเรียกเก็บเงินควรตรงไปตรงมาโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ให้ประเมินค่าใช้จ่ายเทียบกับฟีเจอร์และบริการที่มีให้

  • ประวัติการกู้คืนและระยะเวลาหยุดทํางาน: ตรวจสอบประวัติการดำเนินงานของผู้ให้บริการเกี่ยวกับความขัดข้องของระบบและความสามารถในการกู้คืนอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์ดังกล่าว

  • ความคิดเห็นและข้อมูลอ้างอิง: รวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการการเรียกเก็บเงินทั้งในปัจจุบันและในอดีตเพื่อวัดระดับความพึงพอใจและปัญหาที่พบบ่อย

  • นวัตกรรมทางเทคโนโลยี: มองหาผู้ให้บริการที่ลงทุนเพื่อให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่เสมอและสามารถปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มและความก้าวหน้าใหม่ๆ

  • สถานะทางการเงินของผู้ให้บริการ: ความมั่นคงทางการเงินของผู้ให้บริการเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการสนับสนุน และความสามารถในการเป็นพันธมิตรธุรกิจในระยะยาว

  • ข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึก: บริการควรให้การวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างมีข้อมูลโดยอ้างอิงจากแนวโน้มการเรียกเก็บเงินและพฤติกรรมของลูกค้า

  • ข้อควรพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม: ธุรกิจที่มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนควรพิจารณาว่าผู้ให้บริการมีนโยบายสีเขียวหรือไม่ และจัดการการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลอย่างไร

การเลือกผู้ให้บริการเรียกเก็บเงินผ่านคลาวด์ที่เหมาะสมเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ความพึงพอใจของลูกค้า และผลกําไรของคุณ ใช้เวลาในการตรวจสอบและเปรียบเทียบบริการต่างๆ โดยใช้เกณฑ์เหล่านี้เพื่อค้นหาผู้ให้บริการที่ตรงกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

Stripe จะช่วยได้อย่างไร

Stripe Billing ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการเรียกเก็บเงินผ่านระบบคลาวด์ ลดค่าใช้จ่ายในบริหาร และรองรับการขยายไปสู่ระดับโลกสําหรับธุรกิจ SaaS และธุรกิจบนคลาวด์ Stripe Billing รวมการชําระเงิน การชําระเงินตามรอบบิล การออกใบแจ้งหนี้ และการจัดการรายรับไว้ด้วยกัน ซึ่งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า และช่วยลดค่าใช้จ่าย Stripe Billing ช่วยจัดการงานเรียกเก็บเงินของคุณได้ด้วยความสามารถดังต่อไปนี้

  • โมเดลการเรียกเก็บเงินหลายรูปแบบ: Stripe รองรับโมเดลธุรกิจ SaaS ทุกประเภท โดยมีค่าบริการตามจํานวนผู้ใช้และการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน

  • ใบแจ้งหนี้และอินเทอร์เฟซสําเร็จรูป: ลูกค้า Stripe รายงานว่าเทมเพลตใบแจ้งหนี้ที่ผ่านการปรับปรุงมักจะได้รับชำระเงินเร็วกว่าใบแจ้งหนี้แบบเดิม ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรของทีมการเงินและทีมวิศวกร

  • ระบบลูกค้าบริการตัวเอง: พอร์ทัลลูกค้าสําเร็จรูปของ Stripe ช่วยให้ผู้สมัครใช้บริการจัดการการชําระเงินตามรอบบิลและอัปเดตรายละเอียดการเรียกเก็บเงินของตัวเอง ซึ่งสามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับแบรนด์ของบริษัท

  • การดำเนินงานอัตโนมัติ: Stripe ทําให้ประสบการณ์ของผู้ใช้หลายๆ ส่วนเป็นระบบอัตโนมัติอย่างที่คุณไม่คาดคิดว่าจะทำให้ง่ายขึ้นได้ โดยระบบจะใช้ Webhook เพื่อดําเนินการบางอย่างให้เสร็จสิ้นโดยอัตโนมัติตามพฤติกรรมในอดีตของลูกค้า แล้วส่งใบเรียกเก็บเงินตามสัดส่วนเมื่อมีการเปลี่ยนแพ็กเกจ

  • รองรับสกุลเงินและการชําระเงินทั่วโลก: เมื่อใช้ Stripe คุณสามารถรับชําระเงินได้มากกว่า 135 สกุลเงิน ด้วยวิธีการชําระเงินที่รองรับธุรกรรมทั่วโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้อย่างมาก

  • เครื่องมือกู้คืนรายรับ: เครื่องมือการติดตามหนี้ของ Stripe ช่วยให้คุณกู้คืนการชําระเงินที่ไม่สําเร็จได้เป็นจํานวนมาก จึงช่วยลดการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ

  • การรายงานรายรับอัตโนมัติ: Stripe ลดความยุ่งยากในการทําบัญชีด้วยการบันทึกรายรับอัตโนมัติสําหรับสถานการณ์ซับซ้อนหลายรูปแบบ

  • การทํางานอัตโนมัติด้านการเงินและรายรับ: Stripe ช่วยให้คุณกู้คืนรายรับได้มากขึ้นและปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงานโดยรวมด้วยระบบการเรียกเก็บเงิน การชําระเงิน ภาษี และรายรับอัตโนมัติ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับStripe Billing

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Billing

Billing

เรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก

Stripe Docs เกี่ยวกับ Billing

สร้างและจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ติดตามการใช้งาน และออกใบแจ้งหนี้