โมเดลธุรกิจแบบการสมัครสมาชิกกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่สื่อ และความบันเทิงไปจนถึงซอฟต์แวร์และบริการ ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกมีการเติบโตของรายได้เร็วกว่าบริษัทในดัชนี S&P 500 เกือบห้าเท่า ในช่วงปี 2012 ถึง 2022 โมเดลแบบการสมัครสมาชิกช่วยสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง และคาดการณ์ได้ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้า ทำให้เป็นที่น่าดึงดูดใจสำหรับธุรกิจจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนมาสู่โมเดลการชำระเงินตามรอบบิลก็มาพร้อมกับความท้าทาย โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลการชำระเงิน การดูแลจัดการ รอบการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ระดับราคาแพ็กเกจที่แตกต่างกัน การอัปเกรด การดาวน์เกรด การยกเลิก การคืนเงิน รวมถึงวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งอาจกลายมาเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ธุรกิจแบบการสมัครสมาชิกยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินระหว่างประเทศ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความอ่อนไหวของลูกค้า ซึ่งก่อให้เกิดอุปสรรคเพิ่มเติมอีกด้วย
โมเดลการชำระเงินตามรอบบิลสามารถสร้างรายรับที่คาดการณ์ได้มากขึ้น รักษาการมีส่วนร่วมลูกค้า และเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้าได้ เพื่อให้เข้าถึงประโยชน์เหล่านี้ ธุรกิจจำเป็นต้องทำความเข้าใจ และนำระบบการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลที่มีประสิทธิภาพมาใช้ก่อน นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อเริ่มต้นใช้งาน
เนื้อหาหลักในบทความ
- การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลคืออะไร
- ประเภทของโมเดลการชำระเงินตามรอบบิล
- การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลทำงานอย่างไร
- ฟีเจอร์ที่ควรมองหาในเกตเวย์การชำระเงินตามรอบบิล
- วิธีประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล
- วิธีการที่ Stripe รองรับการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล
ค่าบริการตามการใช้งานเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่
การนําค่าบริการตามการใช้งาน (UBP) มาใช้มีตัวแปรมากมาย คู่มือนี้จะเปิดเผยวิธีตัดสินใจว่า UBP เป็นโมเดลค่าบริการที่ดีที่สุดสําหรับบริษัทของคุณหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม.
การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลคืออะไร
การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล หมายถึงระบบและวิธีการที่ใช้ในการจัดการการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าสำหรับบริการแบบสมัครสมาชิก ซึ่งรวมถึงธุรกิจต่างๆ เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เว็บไซต์ข่าว ผู้ให้บริการ SaaS และอื่นๆ
ประเภทของโมเดลการชำระเงินตามรอบบิล
มีโมเดลการชำระเงินตามรอบบิลหลากหลายที่ธุรกิจสามารถเลือกใช้ได้ โดยตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดจะขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของธุรกิจนั้นๆ: ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ กลุ่มลูกค้า และเป้าหมาย โมเดลการชำระเงินตามรอบบิล ได้แก่ :
การชำระเงินตามรอบบิลแบบคงที่
รูปแบบที่ตรงไปตรงมาที่สุด ก็คือการชำระเงินตามรอบบิลแบบคงที่ ซึ่งสมาชิกจะต้องชำระเงินในจำนวนคงที่ในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยรอบการชำระอาจเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ตัวอย่างเช่น แพ็กเกจการสมัครใช้บริการแบบรายเดือนของ Netflix หรือการสมัครใช้บริการแบบรายปีของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตามการใช้งานหรือชำระเงินเมื่อใช้งาน
ในโมเดลนี้ ผู้สมัครใช้บริการจะชำระเงินเฉพาะตามการใช้งานจริงเท่านั้น โมเดลนี้พบได้ทั่วไปในหมวดบริการสาธารณูปโภคเช่น ไฟฟ้าและก๊าซ แต่ก็เป็นที่นิยมสำหรับบริการดิจิทัลเช่นกัน อย่าง AWS (Amazon Web Services) ที่ผู้ใช้จะชำระเงินสำหรับทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ที่ตนได้ใช้งานแบ่งระดับ
โมเดลนี้นำเสนอบริการในหลายระดับที่มีราคาแตกต่างกัน โดยแต่ละระดับจะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการ และงบประมาณของตนได้ หลายบริษัท SaaSนิยมใช้โมเดลนี้ฟรีเมียม
ในโมเดลฟรีเมียม ฟีเจอร์พื้นฐานของผลิตภัณฑ์หรือบริการจะมีให้ใช้ฟรี ในขณะที่ฟีเจอร์หรือบริการขั้นสูงจะมีการคิดค่าบริการ โมเดลนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในบริการออนไลน์ และแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึง LinkedIn, Spotify และเกมมือถือหลายประเภทค่าบริการต่อผู้ใช้
โมเดลนี้เป็นรูปแบบที่ราคาของการสมัครใช้บริการจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ใช้งาน มักถูกใช้โดยบริษัท B2B SaaS ซึ่งอาจกำหนดเป็นราคาคงที่ต่อผู้ใช้หนึ่งราย หรือให้ส่วนลดเมื่อจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นไฮบริด
บริษัทบางแห่งใช้การผสมผสานของโมเดลข้างต้น เพื่อให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่น ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ SaaS อาจเสนอโมเดลฟรีเมียม ควบคู่กับการกำหนดราคาที่มีทั้งแบบระดับราคาคงที่ และแบบคิดตามจำนวนผู้ใช้
การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลทำงานอย่างไร
นี่คือวิธีการทำงานของการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลทีละขั้นตอน:
1. ลูกค้าลงทะเบียน
กระบวนการชำระเงินตามรอบบิลเริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกค้าตัดสินใจมาสมัครใช้บริการ โดยลูกค้าจะกรอกแบบฟอร์มพร้อมให้รายละเอียดที่จำเป็น เช่น ชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลการชำระเงิน ซึ่งอาจเป็นรายละเอียดบัตรเครดิต,ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือการเข้าถึงวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้ในแพลตฟอร์มการชำระเงินที่มีอยู่แล้ว เช่น Shopify นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกแผนการสมัครสมาชิก และรอบการเรียกเก็บเงินที่ต้องการได้ (รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี)
2. การแปลงโทเค็นเข้ารหัสข้อมูลการชำระเงิน
จากนั้นข้อมูลการชำระเงินที่มีความอ่อนไหวจะถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมในอนาคต โดยปกติแล้วขั้นตอนนี้จะดำเนินการโดยใช้การแปลงเป็นโทเค็น ซึ่งเป็นการแทนที่ข้อมูลสำคัญด้วยสัญลักษณ์ระบุตัวตนเฉพาะหรือโทเค็น ที่ยังคงเก็บข้อมูลสำคัญไว้ครบถ้วนโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัย ธุรกิจมักใช้บริการจากบุคคลที่สามที่เรียกว่า เกตเวย์การชำระเงิน เพื่อจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้อย่างปลอดภัย และรักษาการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS)
3. ระบบการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลจะเก็บรายละเอียดการชำระเงินตามรอบบิล
รายละเอียดการชำระเงินตามรอบบิล รวมถึงแผนที่เลือก ความถี่ในการเรียกเก็บเงิน และข้อมูลการชำระเงินที่แปลงเป็นโทเค็น จะถูกจัดเก็บไว้ในระบบการจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ระบบนี้ทำให้รอบการเรียกเก็บเงินเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยจะคิดค่าบริการจากลูกค้าตามรอบ และแผนที่พวกเขาเลือกไว้
4. เกตเวย์การชำระเงิน และผู้ประมวลผลจัดการคำขอการชำระเงิน
เมื่อถึงกำหนดชำระเงิน ระบบการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลจะส่งคำขอชำระเงินออกมา โดยคำขอนี้จะรวมถึงจำนวนเงิน และข้อมูลการชำระเงินที่แปลงเป็นโทเค็น จากนั้นจะถูกส่งไปยังเกตเวย์การชำระเงิน เกตเวย์จะสื่อสารกับผู้ประมวลผลการชำระเงิน ซึ่งจะติดต่อกับธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรของลูกค้าเพื่อขออนุมัติการทำธุรกรรม
5. ธุรกรรมได้รับการอนุมัติ
ธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรของลูกค้าจะตรวจสอบรายละเอียดการทำธุรกรรม และดำเนินการอนุมัติหรือปฏิเสธการชำระเงิน การอนุมัติหรือการปฏิเสธจะถูกส่งต่อผ่านผู้ประมวลผลการชำระเงินและเกตเวย์ ไปยังระบบการจัดการการชำระเงินตามรอบบิล
6. ลูกค้าได้รับแจ้งสถานะการชำระเงิน
ระบบการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลจะบันทึกธุรกรรม และสถานะของธุรกรรมนั้น หากการชำระเงินสำเร็จ การให้บริการจะดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก แต่หากธุรกรรมล้มเหลว (เช่น เนื่องจากยอดเงินไม่เพียงพอหรือบัตรหมดอายุ) ระบบสามารถส่งการแจ้งเตือนไปยังลูกค้าเพื่ออัปเดตข้อมูลการชำระเงิน และอาจจะพยายามลองเรียกชำระเงินใหม่อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาที่กำหนด
กระบวนการนี้จะถูกทำซ้ำในช่วงเริ่มต้นของการเรียกเก็บเงินในแต่ละรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าถูกเรียกเก็บเงินอย่างถูกต้องตามแผนการสมัครใช้บริการที่ได้เลือกไว้ ทั้งกระบวนการจะดำเนินไปโดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงแทบไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเข้ามาดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมจากทั้งธุรกิจ และลูกค้า
การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลยังครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงการสมัครใช้บริการ เช่น การอัปเกรด การดาวน์เกรด หรือการยกเลิกแพ็กเกจ ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ ระบบจะคำนวณการคิดค่าบริการแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน และปรับการเรียกเก็บเงินให้เหมาะสม สำหรับกรณีการยกเลิก ระบบจะดำเนินการเพื่อไม่ให้มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเกิดขึ้น
การประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลช่วยจัดการ และปรับกระบวนการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า รักษาความต่อเนื่องของการให้บริการ และขับเคลื่อนความยั่งยืนของธุรกิจ
ฟีเจอร์ที่ควรมองหาในเกตเวย์การชำระเงินตามรอบบิล
เมื่อเลือกเกตเวย์การชำระเงินตามรอบบิล สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาฟีเจอร์ที่รองรับความต้องการเฉพาะของการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โดยฟีเจอร์หลักที่ควรมองหามีดังนี้:
รูปแบบการเรียกเก็บเงินที่ยืดหยุ่น: สามารถตั้งรอบการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติได้ตามรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี และรองรับทั้งการเรียกเก็บเงินแบบอัตราคงที่ หรือการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานจริง
การจัดการการชำระเงินตามรอบบิล: ผู้ใช้สามารถหยุดชั่วคราว ยกเลิก อัปเกรด หรือดาวน์เกรดแพ็กเกจของตนได้อย่างสะดวกสบาย การเรียกเก็บเงินจะถูกคิดตามสัดส่วนโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
วิธีการชำระเงินที่หลากหลาย: ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านบัตร, กระเป๋าเงินดิจิทัล, การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือวิธีการการชำระเงินแบบดั้งเดิม
การวิเคราะห์ และรายงานผล: ฟีเจอร์การวิเคราะห์ข้อมูล และการรายงานจะแสดงรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าต่อเดือน (MRR), อัตราการเลิกใช้บริการ และมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (LTV)
ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนด: ข้อมูลการชำระเงินจะถูกเข้ารหัส และแปลงเป็นโทเค็นตามมาตรฐานสากล เช่น PCI DSS โปรโตคอลการยืนยันตัวตนของลูกค้า เช่น 3D Secureยืนยันตัวตนลูกค้าโดยไม่สร้างอุปสรรคในขั้นตอนการชำระเงิน
ในทุกธุรกิจแบบสมัครสมาชิกจะมีความต้องการที่แตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าสินค้าที่ขายคืออะไรกลุ่มลูกค้าเป็นใคร และรูปแบบการดำเนินงานเป็นอย่างไร แต่การให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น ความง่ายในการใช้งาน และความปลอดภัยของการชำระเงิน จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทุกทีมธุรกิจ
วิธีประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล
ธุรกิจมีทางเลือกหลายรูปแบบในการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล ตัวเลือกมักขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ความสามารถทางเทคนิค ปริมาณธุรกรรม และความต้องการของลูกค้า ต่อไปนี้คือวิธีการที่ได้พบบ่อย
การประมวลผลภายในบริษัท
สำหรับธุรกิจที่มีทรัพยากรมากมายและความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคมากพอ ก็อาจสามารถสร้างระบบภายในองค์กรเพื่อประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิลได้ วิธีนี้ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโปรโตคอลการประมวลผลการชำระเงิน การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น PCI DSS และการจัดการรอบการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าอย่างครบถ้วน แม้ว่าทางเลือกนี้จะส่งมอบการควบคุม และการปรับแต่งในระดับสูง แต่โดยทั่วไปแล้วก็มีความซับซ้อนและใช้ทรัพยากรจำนวนมากเกตเวย์การชำระเงินตามรอบบิล
เกตเวย์การชำระเงินทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ปลอดภัยระหว่างธุรกิจกับลูกค้าของคุณ โดยจะส่งข้อมูลการชำระเงินไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องหรือเครือข่ายบัตรเกตเวย์เหล่านี้รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และการโอนเงินผ่านธนาคาร หากธุรกิจของคุณทำงานร่วมกับผู้ให้บริการประมวลผลการชำระเงินอย่าง Stripe ซึ่งขยายฟังก์ชันของบัญชีผู้ค้าให้กับธุรกิจ คุณไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีผู้ค้าของตนเองซอฟต์แวร์การจัดการการชำระเงินตามรอบบิล
แพลตฟอร์มการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลส่งมอบโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับการจัดการและประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล โดยจะทำหน้าที่ประมวลผลการเรียกเก็บเงิน การเรียกเก็บเงิน จัดเก็บข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าอย่างปลอดภัย จัดการระดับการชำระเงินตามรอบบิล และดูแลการเปลี่ยนแปลงหรือการยกเลิก แพลตฟอร์มเหล่านี้รวมถึง Stripe มักจะเสนอฟังก์ชันการทำงานของเกตเวย์การชำระเงินตามรอบบิล หรือผสานการทำงานร่วมกับเกตเวย์การชำระเงินที่หลากหลายเพื่อดำเนินการการชำระเงินระบบการหักบัญชีอัตโนมัติ
ระบบการหักบัญชีอัตโนมัติ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเรียกเก็บเงินจากบัญชีธนาคารของลูกค้าได้โดยตรง วิธีนี้ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับการสมัครใช้บริการในระยะยาวหรือธุรกรรมที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องประมวลผลผ่านบัตรเครดิต และลดความเสี่ยงจากการชำระเงินล้มเหลวอันเกิดจากบัตรหมดอายุชุดเครื่องมือ
ธุรกิจอาจเลือกใช้การผสมผสานของเครื่องมือข้างต้น โดยขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของตนเอง ตัวอย่างเช่น ธุรกิจอาจใช้แพลตฟอร์มการจัดการการชำระเงินตามรอบบิลเพื่อดูแลการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ผสานการทำงานกับเกตเวย์การชำระเงินเพื่อประมวลผลธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตอย่างปลอดภัย และยังเสนอตัวเลือกการหักบัญชีอัตโนมัติสำหรับลูกค้าบางราย หรือในการสมัครใช้บริการที่มีมูลค่าสูง
ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดก็ตาม ควรสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และความต้องการทางธุรกิจของคุณ เป้าหมายหลักควรเป็นการมอบประสบการณ์การชำระเงินที่เรียบง่าย ปลอดภัย และสะดวกให้กับลูกค้าเสมอ และในขณะเดียวกันก็ต้องรับประกันประสิทธิภาพ และการขยายตัวได้ของธุรกิจด้วย
วิธีการที่ Stripe รองรับการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล
Stripe นำเสนอโซลูชั่นที่หลากหลาย รวมถึงการรองรับสำหรับการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล ต่อไปนี้คือวิธีที่ Stripe ทำให้สามารถใช้งานสำหรับการชำระเงินตามรอบบิลของธุรกิจได้:
Stripe Billing
Stripe Billing เป็นชุดเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าโดยเฉพาะ ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการสมัครใช้บริการ ตั้งค่ารอบการเรียกเก็บเงิน และจัดการการเรียกเก็บเงินที่เกิดขึ้นเป็นประจำ อีกทั้งยังรองรับโมเดลการกำหนดราคาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นราคาแบบคงที่ แบบคิดต่อที่นั่ง แบบขั้นบันได และแบบคิดตามการใช้งานจริงการจัดเก็บข้อมูลการชำระเงินที่ปลอดภัย
Stripe จัดเก็บข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าอย่างปลอดภัยโดยใช้การแปลงเป็นโทเค็น เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทั้งหมดจะได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสมที่สุด Stripe ยังได้รับการรับรองในระดับสูงสุดของมาตรฐาน PCI DSS ซึ่งหมายความว่าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดวิธีการชำระเงิน
Stripe รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิตและบัตรเดบิตหลักทั้งหมด วิธีการชำระเงินเฉพาะประเทศต่างๆ เช่น Alipay หรือ การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA และกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Pay และ Google Pay ซึ่งหมายความว่าธุรกิจสามารถเสนอทางเลือกการชำระเงินที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของลูกค้าได้Smart Retries และการจัดการการติดตามหนี้
Stripe มีระบบตรรกะการลองเรียกชำระเงินใหม่อัจฉริยะสำหรับจัดการกรณีการชำระเงินล้มเหลว โดยจะพยายามเรียกเก็บเงินจากบัตรโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาที่มีโอกาสสำเร็จสูงที่สุด Stripe ยังมีระบบการจัดการการติดตามหนี้ในตัวที่สามารถส่งอีเมลแจ้งเตือนซึ่งปรับแต่งได้ไปยังลูกค้าเมื่อการชำระเงินล้มเหลว และแจ้งให้ลูกค้าทำการอัปเดตข้อมูลการชำระเงินของตนรอบระยะเวลาการเรียกเก็บเงิน และการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนที่ยืดหยุ่น
Stripe ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าการชำระเงินตามรอบบิลได้กับทุกรอบการเรียกเก็บเงิน (รายเดือน รายปี เป็นต้น) และยังจัดการการคำนวณเพื่อแบ่งชำระตามสัดส่วนได้โดยอัตโนมัติ หากลูกค้าอัปเกรดหรือดาวน์เกรดการสมัครใช้บริการในระหว่างงวดการชำระเงินตามรอบบิลการรายงาน และการวิเคราะห์
Stripe จัดทำรายงาน และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการชำระเงินตามรอบบิล และรายรับของคุณแบบละเอียด เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และสามารถตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลประกอบได้แนวทางที่เน้น API เป็นอันดับแรก
Stripe ถูกออกแบบมาด้วยแนวทางที่เน้น API เป็นอันดับแรก ซึ่งหมายความว่าสามารถผสานการทำงานเข้ากับแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มใดๆ ได้เกือบทั้งหมด การทำเช่นนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งการตั้งค่าการชำระเงินตามรอบบิล และประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้ตามความต้องการStripe Checkout
สำหรับธุรกิจที่ต้องการหน้าการชำระเงินสำเร็จรูปที่ปลอดภัย Stripe Checkoutจะให้บริการกระบวนการชำระเงินที่รวดเร็ว และปรับแต่งได้ พร้อมทั้งรองรับการชำระเงินตามรอบบิล
ฟีเจอร์เหล่านี้ และระบบนิเวศของโซลูชันการชำระเงินที่ครอบคลุมของ Stripe ทำให้ Stripe ส่งมอบแพลตฟอร์มที่ครบวงจร และยืดหยุ่นสำหรับการประมวลผลการชำระเงินตามรอบบิล ช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัวเพียงพอในการสร้างประสบการณ์ที่เรียบง่ายให้กับลูกค้า ดูข้อมูลเพิ่มเติม และเริ่มต้นใช้งาน
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ