การให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) คือโซลูชันบนคลาวด์ที่ให้บริการฟีเจอร์อันทรงพลังโดยไม่ต้องติดตั้ง เป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและง่ายดายสำหรับธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม สิ่งที่ทำให้แอปพลิเคชัน SaaS แตกต่างคือความสามารถในการเข้าถึงได้โดยตรงผ่านเว็บเบราว์เซอร์
ปัจจุบัน โมเดลการจัดจำหน่ายนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก บริษัททั่วโลกในทุกภาคส่วนต่างก็ใช้ SaaS คู่มือโดยละเอียดนี้จะอธิบายถึงสิ่งที่ทำให้โซลูชันเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร ลักษณะการทำงาน และข้อดี
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- SaaS คืออะไร
- การทำงานของซอฟต์แวร์ SaaS
- ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม SaaS
- ตัวอย่างแอป SaaS
- ข้อดีของ SaaS
- แนวโน้มการใช้ SaaS ในฝรั่งเศส
- อนาคตของ SaaS
- Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร
SaaS 3.0 คืออะไร
SaaS ให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบคลาวด์ โดยมีบุคคลที่สามเป็นผู้ให้บริการโฮสติ้งและการบริหารจัดการ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดอะไรเลย โดยสามารถเข้าสู่ระบบได้ทุกเมื่อที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต บริษัทต่างๆ สมัครใช้บริการ SaaS ในนามของพนักงานได้ ตลอดจนควบคุมได้ว่าใครสามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ ประโยชน์หลักของ SaaS คือความยืดหยุ่น ทำให้เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท
แนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยเริ่มแรกมีผู้ให้บริการอีเมลและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย วิวัฒนาการของเว็บทำให้หลายองค์กรสร้างโซลูชัน SaaS ของตนเองขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น Sellsy ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ SaaS รายแรกๆ ในฝรั่งเศส ปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ ยังคงพึ่งพาโซลูชัน SaaS เพื่อช่วยรับมือกับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
การทำงานของซอฟต์แวร์ SaaS
เบื้องหลังซอฟต์แวร์ SaaS มีแนวคิดที่เรียบง่าย กล่าวคือ ผู้ให้บริการเป็นผู้จัดหาซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่ผู้ใช้เข้าสู่ระบบผ่านเบราว์เซอร์หรือแอป องค์กรเพียงสมัครใช้บริการแทนการซื้อและติดตั้งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนเบื้องต้นได้อย่างมาก ผู้ให้บริการ SaaS จะเรียกเก็บเงินจากบริษัท และยังดูแลเรื่องการอัปเดตและการคุ้มครองข้อมูลอีกด้วย
แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่แอป SaaS แต่ละแอปก็มีความแตกต่างกันไปตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (เช่น การจัดการทรัพยากรมนุษย์ [HRM], การสื่อสารภายใน/ภายนอก, การเรียกเก็บเงิน)
นอกจากนี้ ส่วน "การให้บริการ" ของ SaaS ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่ยังอธิบายถึงโซลูชัน งานด้านการดูแลระบบ หรือเทคโนโลยีที่ซับซ้อนที่ให้บริการแก่ลูกค้าโดยบุคคลที่สาม เช่น IaaS (การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน) และ PaaS (การให้บริการแพลตฟอร์ม)
SaaS เทียบกับโซลูชันในสถานที่
ซอฟต์แวร์ในสถานที่แตกต่างจากโซลูชัน SaaS ตรงที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของลูกค้าโดยตรง ภายใต้โมเดลการออกให้สิทธิ์ใช้งานนี้ บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการอัปเดตและการบำรุงรักษา รวมถึงการจัดการระบบและการดูแลจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งต้องอาศัยแผนก IT และอาจมีความซับซ้อน การเลือกใช้งาน SaaS ช่วยให้องค์กรต่างๆ ปลดเปลื้องภาระด้านการบำรุงรักษา แพตช์ และการรักษาความปลอดภัยได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการชำระเงินตามรอบบิล
SaaS เทียบกับ IaaS
ใน IaaS ผู้ให้บริการจะจัดหาโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ทั้งหมด (เซิร์ฟเวอร์ เครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล) ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการจัดการด้าน IT ของบริษัท บริษัทจะเข้าถึงระบบคลาวด์ผ่านอินเทอร์เฟซเพื่อจัดการระบบปฏิบัติการและแอปของตน ผู้ให้บริการจะคอยดูแลการทำงานของฮาร์ดแวร์และจัดการปัญหาต่างๆ
SaaS เทียบกับ PaaS
PaaS เป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมซึ่งประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จัดการโดยบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับนักพัฒนา โดยช่วยให้พวกเขาสามารถสร้าง เรียกใช้ และดูแลจัดการโปรแกรมได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน
ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม SaaS
แม้ว่าโซลูชัน SaaS แต่ละโซลูชันจะได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ แต่ทุกโซลูชันก็มีฟีเจอร์บางอย่างที่เหมือนกัน ดังนี้
- การเข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ต (ระบบคลาวด์): ซอฟต์แวร์ SaaS เป็นซอฟต์แวร์ที่โฮสต์และเข้าถึงได้จากระยะไกลผ่านเบราว์เซอร์ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวบนคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบได้ทุกที่ ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต
- การอัปเดตอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง: ผู้ให้บริการจะส่งฟีเจอร์ใหม่ๆ การปรับปรุง และการแก้ไขด้านการรักษาความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการอัปเดตและมั่นใจได้ว่าทุกคนจะได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดแบบเดียวกัน
- แดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย: แพลตฟอร์ม SaaS ทุกแพลตฟอร์มได้รับการสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายและใช้งานง่ายสำหรับสมาชิกในทีมทุกคน
- __ ความสามารถในการขยาย:__ โซลูชัน SaaS ออกแบบมาเพื่อความง่ายดายในการขยายธุรกิจ บริษัทสามารถเพิ่มหรือลบผู้ใช้ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือฟังก์ชันต่างๆ ได้ตามต้องการ
- การเปิดใช้งานอย่างรวดเร็ว: ไม่มีการติดตั้งหรือการตั้งค่าที่ซับซ้อน หมายความว่าองค์กรสามารถเข้าสู่ระบบและเริ่มใช้งานซอฟต์แวร์ได้เกือบจะทันที
- การทำงานร่วมกันที่สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น: เครื่องมือ SaaS หลายรายการมีฟังก์ชันการทำงานร่วมกันที่ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันในเอกสารและโครงการต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์
- __ การผสานการทำงาน:__ การให้บริการ SaaS จำนวนมากได้รับการออกแบบมาเพื่อผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์และแอปอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย (เช่น ผ่าน API)
ตัวอย่างแอป SaaS
Doctolib, PayFit และ Yousign เป็นตัวอย่างโซลูชัน SaaS ที่มีชื่อเสียงที่สุด แพลตฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นตลอดเวลา เช่น Planity ซึ่งเป็นระบบกำหนดเวลาออนไลน์ที่มีลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กใช้บริการอยู่มากกว่า 40,000 ราย Planity ระดมทุน Series C ได้ 45 ล้านยูโรในปี 2024 ต่อไปนี้คือแอปพลิเคชัน SaaS บางส่วนเพิ่มเติมที่โดดเด่นในสาขาของตน
- CRM: Sellsy เป็นเครื่องมือการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าของฝรั่งเศส
- การสัมมนาผ่านเว็บ: Slack และ Microsoft Teams อาจเป็นชื่อที่คุ้นเคย แต่ Livestorm ก็ถือเป็นผู้บุกเบิกด้านบริการประชุมทางไกลและเป็นแพลตฟอร์ม SaaS ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัมมนาผ่านเว็บและกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ
- การสนับสนุนลูกค้า: Dexem เป็นแอป SaaS ที่จัดการการโทรเพื่อให้บริการสนับสนุนลูกค้า
- การจ้างงาน: Between คือโซลูชันการจ้างงานที่เน้นการทำงานร่วมกันซึ่งช่วยผู้สรรหาบุคลากรในการจัดระเบียบเวลา ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้สมัคร อำนวยความสะดวกให้กับการทำงานเป็นทีม และค้นหาผู้ที่มีศักยภาพสูงสุด
- การทำบัญชี: ผู้ให้บริการ SaaS จากฝรั่งเศสอย่าง Pennylane เสนอซอฟต์แวร์การทำบัญชี (เช่น การเรียกเก็บเงิน, การติดตามค่าใช้จ่าย การยื่นภาษี)
ข้อดีของ SaaS
ซอฟต์แวร์ SaaS มีประโยชน์ต่อบริษัทหลายประการ ดังนี้
- __ ความสามารถในการขยาย:__ SaaS ขยายไปพร้อมกับฐานผู้ใช้ ช่วยให้เติบโตได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- โมเดลการชำระเงินตามรอบบิล: ผู้ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการชำระเงินตามรอบบิลเป็นรายเดือนหรือรายปีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่ายแทนที่จะต้องซื้อใบอนุญาตใบเดียว
- การโฮสต์และการบำรุงรักษา: องค์กรต่างๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการระบบเหล่านี้ (เซิร์ฟเวอร์ การบำรุงรักษา การอัปเดต แพตช์) โดยผู้ให้บริการ SaaS จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลให้ทั้งหมด
- การรักษาความปลอดภัย: ผู้ให้บริการ SaaS ทุ่มทุนมหาศาลไปกับการคุ้มครองข้อมูล การสำรองข้อมูลเป็นประจำ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐาน โดยทั่วไปแล้วจะมอบการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าการที่บริษัทดูแลรักษาเอง
- การปรับแต่ง: แอป SaaS ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของธุรกิจแต่ละรายโดยเฉพาะ
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย: ผู้ให้บริการ SaaS จัดการข้อกำหนดทางกฎหมายเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วยลดภาระให้กับลูกค้า
- ความคล่องตัวและความยืดหยุ่น: โซลูชัน SaaS เป็นแบบแยกส่วน จึงง่ายสำหรับองค์กรในการปรับขยายเครื่องมือการจัดการให้เหมาะสมกับธุรกิจ
แนวโน้มการใช้ SaaS ในฝรั่งเศส
SaaS ประสบความสำเร็จอย่างมากในฝรั่งเศส โดยข้อมูลจาก CloudZero ระบุว่าแอปพลิเคชันธุรกิจ 85% ทำงานบน SaaS
บริษัทคอมพิวเตอร์ต่างทุ่มทุนมหาศาลไปกับ SaaS ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทรัพยากรบุคคล (HR), การตลาด และการขาย ต่างก็หันมาใช้ SaaS กันมากขึ้น เครื่องมือ CRM สำหรับแคมเปญโฆษณาอัตโนมัติเป็นหนึ่งในการใช้งาน SaaS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
เมื่อต้องเผชิญกับระบบ SaaS ที่มีให้เลือกมากมายขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์กรต่างๆ จึงคาดหวังข้อเสนอที่ครอบคลุมมากขึ้น บริษัทฝรั่งเศสกำลังทบทวนกลยุทธ์ SaaS ของตนเพื่อเพิ่มรายรับ
การจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ให้บริการ SaaS ที่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลฝรั่งเศสยังได้เปิดตัวกลยุทธ์ของระบบคลาวด์เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและคุณภาพของบริการเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล และเพิ่มพูนความเป็นอิสระในด้านเทคโนโลยีของประเทศ
อนาคตของ SaaS
ตลาด SaaS กำลังเฟื่องฟู โดยโซลูชันในอนาคตจะอาศัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของบริษัท SaaS 3.0 คือการให้บริการระบบซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่ใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงแบบเนทีฟ
โซลูชัน SaaS 3.0 ต่อยอดจากเวอร์ชันก่อนหน้า โดยจะใช้งาน AI เพื่อปรับขั้นตอนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ สร้างข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และมอบประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน วิวัฒนาการนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และเทคนิคของแมชชีนเลิร์นนิง
เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการ SaaS สามารถปรับขั้นตอนให้เป็นอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบในโดเมนเฉพาะ เช่น CRM, HR และการสร้างเนื้อหาได้
SaaS ขนาดเล็กที่ให้บริการธุรกิจขนาดเล็กก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนาข้อเสนอ SaaS เฉพาะอุตสาหกรรมเพิ่มเติมเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมบางประเภท ซอฟต์แวร์ SaaS แบบเฉพาะกลุ่มเป็นหนึ่งในแนวโน้มสำคัญหลายๆ ประการที่จะเข้ามาพลิกโฉมภาคส่วนนี้ในอีกหลายๆ ปีข้างหน้า
Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้
Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาด้านวิศวกรรมหลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ล่วงหน้า การเข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินของ Stripe
- ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
- รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงโดยไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
- เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม
ดูเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ