SaaS คืออะไร คู่มือเกี่ยวกับการให้บริการระบบซอฟต์แวร์

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. SaaS 3.0 คืออะไร
  3. การทำงานของซอฟต์แวร์ SaaS
    1. SaaS เทียบกับโซลูชันในสถานที่
    2. SaaS เทียบกับ IaaS
    3. SaaS เทียบกับ PaaS
  4. ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม SaaS
  5. ตัวอย่างแอป SaaS
  6. ข้อดีของ SaaS
  7. แนวโน้มการใช้ SaaS ในฝรั่งเศส
  8. อนาคตของ SaaS
  9. Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

การให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) คือโซลูชันบนคลาวด์ที่ให้บริการฟีเจอร์อันทรงพลังโดยไม่ต้องติดตั้ง เป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและง่ายดายสำหรับธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม สิ่งที่ทำให้แอปพลิเคชัน SaaS แตกต่างคือความสามารถในการเข้าถึงได้โดยตรงผ่านเว็บเบราว์เซอร์

ปัจจุบัน โมเดลการจัดจำหน่ายนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก บริษัททั่วโลกในทุกภาคส่วนต่างก็ใช้ SaaS คู่มือโดยละเอียดนี้จะอธิบายถึงสิ่งที่ทำให้โซลูชันเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร ลักษณะการทำงาน และข้อดี

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • SaaS คืออะไร
  • การทำงานของซอฟต์แวร์ SaaS
  • ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม SaaS
  • ตัวอย่างแอป SaaS
  • ข้อดีของ SaaS
  • แนวโน้มการใช้ SaaS ในฝรั่งเศส
  • อนาคตของ SaaS
  • Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

SaaS 3.0 คืออะไร

SaaS ให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบคลาวด์ โดยมีบุคคลที่สามเป็นผู้ให้บริการโฮสติ้งและการบริหารจัดการ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดอะไรเลย โดยสามารถเข้าสู่ระบบได้ทุกเมื่อที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต บริษัทต่างๆ สมัครใช้บริการ SaaS ในนามของพนักงานได้ ตลอดจนควบคุมได้ว่าใครสามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ ประโยชน์หลักของ SaaS คือความยืดหยุ่น ทำให้เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท

แนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยเริ่มแรกมีผู้ให้บริการอีเมลและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย วิวัฒนาการของเว็บทำให้หลายองค์กรสร้างโซลูชัน SaaS ของตนเองขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น Sellsy ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ SaaS รายแรกๆ ในฝรั่งเศส ปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ ยังคงพึ่งพาโซลูชัน SaaS เพื่อช่วยรับมือกับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

การทำงานของซอฟต์แวร์ SaaS

เบื้องหลังซอฟต์แวร์ SaaS มีแนวคิดที่เรียบง่าย กล่าวคือ ผู้ให้บริการเป็นผู้จัดหาซอฟต์แวร์และโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่ผู้ใช้เข้าสู่ระบบผ่านเบราว์เซอร์หรือแอป องค์กรเพียงสมัครใช้บริการแทนการซื้อและติดตั้งโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนเบื้องต้นได้อย่างมาก ผู้ให้บริการ SaaS จะเรียกเก็บเงินจากบริษัท และยังดูแลเรื่องการอัปเดตและการคุ้มครองข้อมูลอีกด้วย

แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่แอป SaaS แต่ละแอปก็มีความแตกต่างกันไปตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (เช่น การจัดการทรัพยากรมนุษย์ [HRM], การสื่อสารภายใน/ภายนอก, การเรียกเก็บเงิน)

นอกจากนี้ ส่วน "การให้บริการ" ของ SaaS ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่ยังอธิบายถึงโซลูชัน งานด้านการดูแลระบบ หรือเทคโนโลยีที่ซับซ้อนที่ให้บริการแก่ลูกค้าโดยบุคคลที่สาม เช่น IaaS (การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน) และ PaaS (การให้บริการแพลตฟอร์ม)

SaaS เทียบกับโซลูชันในสถานที่

ซอฟต์แวร์ในสถานที่แตกต่างจากโซลูชัน SaaS ตรงที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของลูกค้าโดยตรง ภายใต้โมเดลการออกให้สิทธิ์ใช้งานนี้ บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการอัปเดตและการบำรุงรักษา รวมถึงการจัดการระบบและการดูแลจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งต้องอาศัยแผนก IT และอาจมีความซับซ้อน การเลือกใช้งาน SaaS ช่วยให้องค์กรต่างๆ ปลดเปลื้องภาระด้านการบำรุงรักษา แพตช์ และการรักษาความปลอดภัยได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการชำระเงินตามรอบบิล

SaaS เทียบกับ IaaS

ใน IaaS ผู้ให้บริการจะจัดหาโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ทั้งหมด (เซิร์ฟเวอร์ เครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล) ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการจัดการด้าน IT ของบริษัท บริษัทจะเข้าถึงระบบคลาวด์ผ่านอินเทอร์เฟซเพื่อจัดการระบบปฏิบัติการและแอปของตน ผู้ให้บริการจะคอยดูแลการทำงานของฮาร์ดแวร์และจัดการปัญหาต่างๆ

SaaS เทียบกับ PaaS

PaaS เป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมซึ่งประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จัดการโดยบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับนักพัฒนา โดยช่วยให้พวกเขาสามารถสร้าง เรียกใช้ และดูแลจัดการโปรแกรมได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน

ฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม SaaS

แม้ว่าโซลูชัน SaaS แต่ละโซลูชันจะได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ แต่ทุกโซลูชันก็มีฟีเจอร์บางอย่างที่เหมือนกัน ดังนี้

  • การเข้าถึงผ่านอินเทอร์เน็ต (ระบบคลาวด์): ซอฟต์แวร์ SaaS เป็นซอฟต์แวร์ที่โฮสต์และเข้าถึงได้จากระยะไกลผ่านเบราว์เซอร์ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวบนคอมพิวเตอร์ของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบได้ทุกที่ ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต
  • การอัปเดตอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง: ผู้ให้บริการจะส่งฟีเจอร์ใหม่ๆ การปรับปรุง และการแก้ไขด้านการรักษาความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการอัปเดตและมั่นใจได้ว่าทุกคนจะได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดแบบเดียวกัน
  • แดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย: แพลตฟอร์ม SaaS ทุกแพลตฟอร์มได้รับการสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายและใช้งานง่ายสำหรับสมาชิกในทีมทุกคน
  • __ ความสามารถในการขยาย:__ โซลูชัน SaaS ออกแบบมาเพื่อความง่ายดายในการขยายธุรกิจ บริษัทสามารถเพิ่มหรือลบผู้ใช้ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือฟังก์ชันต่างๆ ได้ตามต้องการ
  • การเปิดใช้งานอย่างรวดเร็ว: ไม่มีการติดตั้งหรือการตั้งค่าที่ซับซ้อน หมายความว่าองค์กรสามารถเข้าสู่ระบบและเริ่มใช้งานซอฟต์แวร์ได้เกือบจะทันที
  • การทำงานร่วมกันที่สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น: เครื่องมือ SaaS หลายรายการมีฟังก์ชันการทำงานร่วมกันที่ช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันในเอกสารและโครงการต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์
  • __ การผสานการทำงาน:__ การให้บริการ SaaS จำนวนมากได้รับการออกแบบมาเพื่อผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์และแอปอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย (เช่น ผ่าน API)

ตัวอย่างแอป SaaS

Doctolib, PayFit และ Yousign เป็นตัวอย่างโซลูชัน SaaS ที่มีชื่อเสียงที่สุด แพลตฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นตลอดเวลา เช่น Planity ซึ่งเป็นระบบกำหนดเวลาออนไลน์ที่มีลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กใช้บริการอยู่มากกว่า 40,000 ราย Planity ระดมทุน Series C ได้ 45 ล้านยูโรในปี 2024 ต่อไปนี้คือแอปพลิเคชัน SaaS บางส่วนเพิ่มเติมที่โดดเด่นในสาขาของตน

  • CRM: Sellsy เป็นเครื่องมือการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าของฝรั่งเศส
  • การสัมมนาผ่านเว็บ: Slack และ Microsoft Teams อาจเป็นชื่อที่คุ้นเคย แต่ Livestorm ก็ถือเป็นผู้บุกเบิกด้านบริการประชุมทางไกลและเป็นแพลตฟอร์ม SaaS ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัมมนาผ่านเว็บและกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ
  • การสนับสนุนลูกค้า: Dexem เป็นแอป SaaS ที่จัดการการโทรเพื่อให้บริการสนับสนุนลูกค้า
  • การจ้างงาน: Between คือโซลูชันการจ้างงานที่เน้นการทำงานร่วมกันซึ่งช่วยผู้สรรหาบุคลากรในการจัดระเบียบเวลา ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้สมัคร อำนวยความสะดวกให้กับการทำงานเป็นทีม และค้นหาผู้ที่มีศักยภาพสูงสุด
  • การทำบัญชี: ผู้ให้บริการ SaaS จากฝรั่งเศสอย่าง Pennylane เสนอซอฟต์แวร์การทำบัญชี (เช่น การเรียกเก็บเงิน, การติดตามค่าใช้จ่าย การยื่นภาษี)

ข้อดีของ SaaS

ซอฟต์แวร์ SaaS มีประโยชน์ต่อบริษัทหลายประการ ดังนี้

  • __ ความสามารถในการขยาย:__ SaaS ขยายไปพร้อมกับฐานผู้ใช้ ช่วยให้เติบโตได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีค่าใช้จ่ายสูง
  • โมเดลการชำระเงินตามรอบบิล: ผู้ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการชำระเงินตามรอบบิลเป็นรายเดือนหรือรายปีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่ายแทนที่จะต้องซื้อใบอนุญาตใบเดียว
  • การโฮสต์และการบำรุงรักษา: องค์กรต่างๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการระบบเหล่านี้ (เซิร์ฟเวอร์ การบำรุงรักษา การอัปเดต แพตช์) โดยผู้ให้บริการ SaaS จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลให้ทั้งหมด
  • การรักษาความปลอดภัย: ผู้ให้บริการ SaaS ทุ่มทุนมหาศาลไปกับการคุ้มครองข้อมูล การสำรองข้อมูลเป็นประจำ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐาน โดยทั่วไปแล้วจะมอบการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าการที่บริษัทดูแลรักษาเอง
  • การปรับแต่ง: แอป SaaS ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของธุรกิจแต่ละรายโดยเฉพาะ
  • การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย: ผู้ให้บริการ SaaS จัดการข้อกำหนดทางกฎหมายเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วยลดภาระให้กับลูกค้า
  • ความคล่องตัวและความยืดหยุ่น: โซลูชัน SaaS เป็นแบบแยกส่วน จึงง่ายสำหรับองค์กรในการปรับขยายเครื่องมือการจัดการให้เหมาะสมกับธุรกิจ

แนวโน้มการใช้ SaaS ในฝรั่งเศส

SaaS ประสบความสำเร็จอย่างมากในฝรั่งเศส โดยข้อมูลจาก CloudZero ระบุว่าแอปพลิเคชันธุรกิจ 85% ทำงานบน SaaS

บริษัทคอมพิวเตอร์ต่างทุ่มทุนมหาศาลไปกับ SaaS ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ทรัพยากรบุคคล (HR), การตลาด และการขาย ต่างก็หันมาใช้ SaaS กันมากขึ้น เครื่องมือ CRM สำหรับแคมเปญโฆษณาอัตโนมัติเป็นหนึ่งในการใช้งาน SaaS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

เมื่อต้องเผชิญกับระบบ SaaS ที่มีให้เลือกมากมายขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์กรต่างๆ จึงคาดหวังข้อเสนอที่ครอบคลุมมากขึ้น บริษัทฝรั่งเศสกำลังทบทวนกลยุทธ์ SaaS ของตนเพื่อเพิ่มรายรับ

การจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ให้บริการ SaaS ที่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลฝรั่งเศสยังได้เปิดตัวกลยุทธ์ของระบบคลาวด์เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและคุณภาพของบริการเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล และเพิ่มพูนความเป็นอิสระในด้านเทคโนโลยีของประเทศ

อนาคตของ SaaS

ตลาด SaaS กำลังเฟื่องฟู โดยโซลูชันในอนาคตจะอาศัยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของบริษัท SaaS 3.0 คือการให้บริการระบบซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่ใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงแบบเนทีฟ

โซลูชัน SaaS 3.0 ต่อยอดจากเวอร์ชันก่อนหน้า โดยจะใช้งาน AI เพื่อปรับขั้นตอนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ สร้างข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และมอบประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน วิวัฒนาการนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และเทคนิคของแมชชีนเลิร์นนิง

เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการ SaaS สามารถปรับขั้นตอนให้เป็นอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบในโดเมนเฉพาะ เช่น CRM, HR และการสร้างเนื้อหาได้

SaaS ขนาดเล็กที่ให้บริการธุรกิจขนาดเล็กก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนาข้อเสนอ SaaS เฉพาะอุตสาหกรรมเพิ่มเติมเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมบางประเภท ซอฟต์แวร์ SaaS แบบเฉพาะกลุ่มเป็นหนึ่งในแนวโน้มสำคัญหลายๆ ประการที่จะเข้ามาพลิกโฉมภาคส่วนนี้ในอีกหลายๆ ปีข้างหน้า

Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาด้านวิศวกรรมหลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ล่วงหน้า การเข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินของ Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงโดยไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการ 99.999% และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม

ดูเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe