ในโปรตุเกส คาดการณ์ว่ารายได้จากอีคอมเมิร์ซจะสูงถึง 5,380,000,000 ดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มรับชำระเงินในตลาดนี้ แต่ความสำเร็จของธุรกิจจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าถึงกระแสการชำระเงินแบบไร้สัมผัส การทำให้ธุรกรรมระหว่างประเทศง่ายขึ้นทั้งภายในและภายนอกสหภาพยุโรป รวมถึงปัจจัยสำคัญอื่นๆ
เราจะอธิบายรายละเอียดกลยุทธ์ต่างๆ สำหรับการเข้าสู่สภาพแวดล้อมการชำระเงินของโปรตุเกส ซึ่งรวมถึงวิธีการต่อไปนี้
- การรักษาสมดุลระหว่างการชำระเงินแบบดิจิทัลและเงินสด
- การปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้า
- การอำนวยความสะดวกในธุรกรรมระหว่างประเทศ
สถานะของตลาด
วัฒนธรรมการชำระเงินของโปรตุเกสมีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยวิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิม เช่น เงินสดนั้นมีการใช้คู่กับทางเลือกดิจิทัล โดยกระเป๋าเงินดิจิทัลและแอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเครือข่ายระหว่างธนาคาร Multibanco ได้ทำให้การชำระเงินออนไลน์เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการชำระด้วยเงินสด
ธนาคารกลางโปรตุเกส (Banco de Portugal) เป็นผู้นำกิจกรรมทางการเงินและการเงินของประเทศ โดยดำเนินนโยบายการเงิน กำกับดูแลสถาบันการเงิน และดูแลให้ระบบการชำระเงินทำงานได้อย่างถูกต้อง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โปรตุเกส (CMVM) ทำหน้าที่กำกับดูแลหลักทรัพย์และสถาบันการเงินอื่นๆ องค์กรเหล่านี้ร่วมมือกับกระทรวงการคลังเพื่อรักษาเสถียรภาพและความโปร่งใสของระบบการเงินของประเทศ นอกจากนี้โปรตุเกสยังปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับภูมิภาค รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ในฐานะสมาชิกของสหภาพยุโรปอีกด้วย
วิธีการชำระเงิน
ลูกค้าชาวโปรตุเกสมักใช้เงินสดและช่องทางการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ นี่คือวิธีการชำระเงินยอดนิยมในโปรตุเกส
การใช้งาน
ถึงแม้จำนวนธุรกรรมเงินสดจะลดลง 17% ในช่วงปี 2019 ถึง 2022 แต่จากข้อมูลของธนาคารกลางยุโรป (ECB) พบว่า 64% ของธุรกรรม ณ จุดขาย (POS) ในปี 2022 ยังคงใช้เงินสดอยู่ แต่การชำระเงินผ่านบัตรก็ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยลูกค้าชาวโปรตุเกสกว่า 56% บอกว่าวิธีการชำระเงินผ่านบัตรหรือช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินสด เป็นตัวเลือกการชำระเงินผ่าน POS ที่พวกเขาชอบ
นอกจากนี้ประเทศโปรตุเกสยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านการชำระเงินแบบไร้สัมผัสอีกด้วย โดยในปี 2022 ธุรกรรมบัตรเครดิต 49% เป็นแบบไร้สัมผัส วิธีการชำระเงินผ่านมือถือที่พัฒนาในประเทศ เช่น กระเป๋าเงินดิจิทัล MB WAY ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากความสะดวกในการเชื่อมต่อบัญชีธนาคารหรือบัตรของผู้ใช้กับโทรศัพท์
Multibanco ช่วยให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าออนไลน์และชำระเงินด้วยเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มที่ร่วมรายการ โดยข้อมูลจาก SIBS ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง Multibanco บอกว่ามีธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 190 ล้านรายการในเดือนมิถุนายนปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 170 ล้านรายการในเดือนมิถุนายนของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความสะดวกสบายที่มากขึ้นในการทำธุรกรรมดิจิทัล
วิธีการชำระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในโปรตุเกส
- บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
- การโอนเงินผ่านธนาคาร
- Multibanco
- กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น MB WAY)
วิธีการชําระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในโปรตุเกส
- บัตรเครดิต
- การโอนเงินผ่านธนาคาร
- การหักบัญชีอัตโนมัติ (เช่น เขตพื้นที่เพื่อการชำระเงินในยุโรป [SEPA])
แนวโน้ม
มีผู้ให้บริการซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) หลายรายเปิดตัวในโปรตุเกส รวมถึง Klarna และ FLOA Pay ซึ่งเปิดตัวแผนการผ่อนชำระที่นอกเหนือจากบัตรเครดิตให้ลูกค้าชาวโปรตุเกสได้รู้จัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ลูกค้าชาวโปรตุเกสจะใช้การชำระเงินผ่าน BNPL สำหรับการซื้อของชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
ธุรกิจที่กำลังจะรับชำระเงินในโปรตุเกสควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และกระบวนการเรียกเก็บเงินคืน โดยมีภาพรวมดังนี้
ภาษี
สำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่แล้ว โปรตุเกสมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มมาตรฐานอยู่ที่ 23% โดยมีอัตราภาษีที่ลดลงเหลือ 13% และ 6% สำหรับสินค้าบางอย่าง เช่น อาหาร ซึ่งเขตปกครองตนเองมาเดราและหมู่เกาะอะโซเรสมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างกันเล็กน้อย ถึงแม้ลูกค้าจะจ่ายภาษีตรงนี้เมื่อซื้อสินค้า แต่ธุรกิจต่างๆ มีหน้าที่จัดเก็บและส่งภาษีนี้ให้กับรัฐ และการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ถูกลงโทษได้
การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
Direção-Geral do Consumidor หรือกรมคุ้มครองผู้บริโภคของโปรตุเกสจะทำหน้าที่กำกับดูแลการคุ้มครองธุรกรรมและการแก้ไขการโต้แย้ง โดยธุรกิจมักมีหน้าที่ในการแสดงหลักฐานความถูกต้องของธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกค้าแจ้งว่าธุรกรรมนั้นไม่ได้รับอนุญาต ในฐานะสมาชิกของสหภาพยุโรป โปรตุเกสปฏิบัติตามข้อกำหนดบริการการชำระเงินฉบับปรับปรุง (PSD2) ซึ่งมีหัวใจสำคัญคือการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) มาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นนี้ส่งผลต่อการดึงเงินคืนและข้อพิพาท โดยธุรกรรมที่ปฏิบัติตาม SCA มักประสบปัญหาเรื่องข้อพิพาทน้อยลงเนื่องจากมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ระเบียบข้อบังคับ SEPA ยังกำหนดกรอบการกำกับดูแลของประเทศอีกด้วย สำหรับการดึงเงินคืนที่เกี่ยวข้องกับการหักบัญชีอัตโนมัติภายใต้ SEPA ลูกค้ามีสิทธิ์ขอคืนเงินได้ภายใน 8 สัปดาห์หลังจากที่ทำธุรกรรม
การชำระเงินระหว่างประเทศ
การชำระเงินระหว่างประเทศมักต้องมีการแปลงสกุลเงิน ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้มากขึ้นไปอีก นี่คือประเด็นเรื่องของการชำระเงินข้ามพรมแดนในโปรตุเกสที่ควรทราบ
การแปลงสกุลเงิน: สำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นนอกเขตยูโรโซน การแปลงสกุลเงินมักเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฝ่ายลูกค้าหรือฝ่ายธุรกิจ เมื่อทำธุรกรรมแล้ว โดยทั่วไปจะมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินตั้งแต่ 1% ถึง 3% ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้จะถูกโอนไปที่ลูกค้าหรือธุรกิจเป็นผู้รับผิดชอบ
คุณสมบัติสกุลเงินหลายสกุล สำหรับธุรกิจที่วางแผนจะติดต่อกับลูกค้าในประเทศที่ไม่ได้ใช้เงินสกุลยูโร การระบุราคาเป็นสกุลเงินหลายสกุลหรือใช้เกตเวย์การชำระเงินที่ตรวจจับตำแหน่งของลูกค้าและแสดงสกุลเงินที่สอดคล้องกันอาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ
การโอนเงินผ่านธนาคารแบบ SEPA: โปรตุเกสอยู่ในเขต SEPA ซึ่งช่วยให้สามารถโอนเงินระหว่าง 36 ประเทศสมาชิกได้อย่างรวดเร็วและประหยัด การโอนเงินผ่านธนาคารแบบ SEPA เป็นการโอนเงินครั้งเดียวที่มักใช้เพื่อการซื้อของลูกค้าและธุรกิจภายในเขต SEPA
การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
โปรตุเกสดำเนินงานตามระเบียบข้อบังคับของสหภาพยุโรปเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ปลอดภัยและโปร่งใส นี่วิธีที่ประเทศนี้จัดการกับปัญหาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ควรรู้
กฎหมายคุ้มครองข้อมูล: โปรตุเกสปฏิบัติตาม GDPR ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลที่เข้มงวดและต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี Comissão Nacional de Proteção de Dados (CNPD) ซึ่งเป็นหน่วยงานปกป้องข้อมูลระดับชาติของโปรตุเกสเป็นผู้ตรวจสอบการปฏิบัติตาม GDPR
กฎระเบียบการยืนยันตัวตนของลูกค้า: โปรตุเกสปฏิบัติตาม PSD2 ของสหภาพยุโรปเช่นกัน โดยการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินออนไลน์และการเข้าถึงบัญชีที่ต้องใช้วิธีการยืนยันตัวตนหลายวิธี เป็นหลักการสำคัญของ PSD2 การยืนยันตัวตนนี้อาจเป็นรหัสผ่าน ข้อมูลไบโอเมตริก เช่น ลายนิ้วมือ หรือการแสดงการเข้าถึงโทรศัพท์หรือบัตรอื่นที่ลงทะเบียนในชื่อผู้ชำระเงิน
แนวทางต่อต้านการฟอกเงิน (AML): นี่คือสิ่งที่เป็นไปตามคำสั่งของสหภาพยุโรป โดยโปรตุเกสบังคับใช้กฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (CTF) ซึ่งกำหนดให้สถาบันการเงินต้องจัดตั้งระบบตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย โดยมีบทลงโทษที่รุนแรงหากไม่ปฏิบัติตาม โดย Unidade de Informação Financeira (UIF) ซึ่งเป็นหน่วยตำรวจเฉพาะกิจจะทำหน้าที่บังคับใช้มาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ในโปรตุเกส
ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
ตลาดโปรตุเกสมีหลายอย่างที่คล้ายกับตลาดยุโรป แต่ก็มีความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรนำมาพิจารณาในกลยุทธ์ทางธุรกิจ นี่คือวิธีสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในโปรตุเกส
ช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย: ถึงแม้ทั่วโลกจะผลักดันให้ธุรกรรมไร้เงินสดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่การเปลี่ยนผ่านของโปรตุเกสกลับเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวเพื่อรองรับรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลาย การมีตัวเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า เช่น บัตรเครดิตและบัตรเดบิต กระเป๋าเงินดิจิทัล และ BNPL จะช่วยให้ผู้คนคุ้นเคยกับขั้นตอนการชำระเงินและลดการทิ้งตะกร้าสินค้าให้น้อยลงได้
การปรับแต่งการมีส่วนร่วมของลูกค้าให้เข้ากับท้องถิ่น: ปรับแต่งเว็บไซต์และหน้าชำระเงินให้เหมาะกับลูกค้าชาวโปรตุเกสด้วยการแปลข้อความให้เป็นภาษาโปรตุเกสและแสดงราคาเป็นยูโร รวมถึงควรมีช่องทางช่วยเหลือลูกค้า เช่น การแชทสดเป็นภาษาโปรตุเกส เพื่อแสดงให้ลูกค้าในท้องถิ่นเห็นว่าธุรกิจของตนนั้นมีคุณค่า
ธุรกรรมข้ามพรมแดนที่ง่ายขึ้น: SEPA ช่วยให้ธุรกรรมการชำระเงินภายในยูโรโซนราบรื่นยิ่งขึ้น และค่าธรรมเนียมการโอนที่ต่ำสามารถช่วยธุรกิจประหยัดเงินได้ สำหรับการชำระเงินจากประเทศนอกสหภาพยุโรป ความโปร่งใสเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมจะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป: ในฐานะสมาชิกของสหภาพยุโรป โปรตุเกสปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเช่น GDPR ซึ่งการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบตรงนี้อาจทำให้มีโทษปรับสูงสุด 20 ล้านยูโร หรือ 4% ของยอดขายต่อปีทั่วโลกของธุรกิจ การลงทุนด้านเวลาและทรัพยากรเพื่อให้ธุรกิจเป็นไปตามตาม GDPR และข้อกำหนดอื่นๆ ของสหภาพยุโรป จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ๆ ได้
ประเด็นสำคัญ
ธุรกิจที่ขยายตลาดเข้าสู่โปรตุเกสสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้าได้ด้วยการนำระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัสมาใช้ ปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้เหมาะสมกับท้องถิ่น และทำให้ธุรกรรมระหว่างประเทศสะดวกขึ้น นี่คือข้อควรพิจารณาและกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ในระบบการชำระเงินของโปรตุเกส
หันมาใช้การชำระเงินแบบไร้สัมผัส
เตรียมพร้อมสำหรับบัตรแบบไร้สัมผัส: การชำระเงินแบบไร้สัมผัสมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในโปรตุเกส ธุรกิจของคุณจะต้องมีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่สามารถรองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้ทั้งที่จุดขายและแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ยอมรับบทบาทของการชำระเงินผ่านมือถือ การชำระเงินผ่านมือถือได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศโปรตุเกส และการปรับระบบการชำระเงินให้รองรับกระเป๋าเงินดิจิทัลสามารถตอบสนองฐานลูกค้าที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีได้
ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ Multibanco: Multibanco คือผู้นำในตลาดการชำระเงินในโปรตุเกส การผสานการทำงานกับ Multibanco ให้เป็นตัวเลือกการชำระเงินจะเข้าถึงลูกค้าชาวโปรตุเกสและทำให้กระบวนการชำระเงินเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ยกระดับประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้า
แปลอินเทอร์เฟซลูกค้าให้เป็นภาษาท้องถิ่น การแปลข้อมูลออนไลน์ของธุรกิจของคุณเป็นภาษาโปรตุเกสและคำนึงถึงความแตกต่างในแต่ละภูมิภาคสามารถยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้และเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินได้
นำข้อเสนอแนะมาปรับใช้: การมีส่วนร่วมกับลูกค้าชาวโปรตุเกสเพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะหลังจากที่พวกเขาซื้อสินค้าแล้วสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องปรับปรุงและแนวโน้มในท้องถิ่นที่จะใช้ประโยชน์ได้
ให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลของลูกค้าเป็นอันดับแรก: วิธีการเข้ารหัสที่รัดกุม การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย และการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) จะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับธุรกิจ ตลอดจนรับรองความสอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป
อำนวยความสะดวกให้กับธุรกรรมระหว่างประเทศ
ให้ข้อมูลการแปลงสกุลเงินอย่างโปร่งใส: เนื่องจากโปรตุเกสเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ธุรกรรมจำนวนมากจึงใช้สกุลเงินยูโร แต่กับธุรกิจที่ให้บริการนักท่องเที่ยวหรือลูกค้าต่างชาตินอกเขตยูโรโซน การสื่อสารเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมอย่างโปร่งใสสามารถสร้างความไว้วางใจและลดการทิ้งตะกร้าสินค้าได้
ใช้การโอนเงินแบบ SEPA: ใช้วิธีการนี้แบบข้ามพรมแดนเพื่อลดค่าธรรมเนียมให้น้อยลงและลดเวลาการทำธุรกรรม
ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป: เนื่องจากกฎระเบียบทางการเงินของสหภาพยุโรปมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจต่างๆ จะต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมระหว่างประเทศ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ