Payment optimization: Six strategies for businesses

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. วิธีหากลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินที่เหมาะสม
  3. กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน
    1. เพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
    2. รองรับผู้รับบัตรภายในท้องถิ่น
    3. ตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงอย่างแข็งขัน
    4. ทํางานอัตโนมัติทุกส่วนที่เป็นไปได้
    5. เปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสในวงกว้าง
    6. สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวม

ระบบการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคํานึงถึงลูกค้าเป็นส่วนสําคัญในกลยุทธ์ธุรกิจโดยรวม เนื่องจากตลาดการชําระเงินดิจิทัลทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า $12.5 ล้านล้านภายในปี 2027 จึงเป็นที่ชัดเจนว่าวิธีที่ธุรกิจจัดการธุรกรรมจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกําไร รวมถึงความมั่นคงและการเติบโตในอนาคต

ในยุคของการค้าทั่วโลกและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ธุรกิจจะต้องหันกลับมาประเมินกลยุทธ์การชําระเงินของตนเอง การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการชำระเงินของธุรกิจจะช่วยลดต้นทุน พร้อมทั้งปรับปรุงกระบวนการ เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสบการณ์โดยรวมของลูกค้า ด้านล่างนี้ เราจะสำรวจกลยุทธ์ที่มีประสิทธิผลสูงสุดบางประการที่ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้เพื่อปรับแต่งและเสริมความแข็งแกร่งให้กับการชำระเงินของตน ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และผู้รับบัตรในท้องถิ่น ไปจนถึงการตรวจจับการฉ้อโกง และอื่นๆ อีกมากมาย

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • วิธีหากลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินที่เหมาะสม
  • กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน
    • เพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
    • รองรับผู้รับบัตรภายในท้องถิ่น
    • ตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงอย่างแข็งขัน
    • ทํางานอัตโนมัติทุกส่วนที่เป็นไปได้
    • เปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสในวงกว้าง
    • สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวม

วิธีหากลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินที่เหมาะสม

ก่อนที่จะธุรกิจจะใช้กลยุทธ์ได้ จะต้องสร้างกลยุทธ์ขึ้นมาก่อน ดังนั้น ก่อนที่จะสำรวจกลยุทธ์เฉพาะเจาะจงที่สามารถช่วยคุณปรับปรุงระบบนิเวศการชำระเงิน เรามาเริ่มต้นด้วยกระบวนการที่ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้เพื่อสร้างรายการกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะ เป้าหมาย โมเดลธุรกิจ ตลาดสำคัญ และโอกาสในการเติบโต กระบวนการดังกล่าวจะมีลักษณะดังนี้

  • ประเมินสถานการณ์การชําระเงินในปัจจุบัน
    เริ่มต้นด้วยการประเมินกระบวนการชําระเงิน ระบบ และเทคโนโลยีที่คุณมีอยู่ ทําความเข้าใจความท้าทาย ประสิทธิภาพ และส่วนที่ควรปรับปรุงในปัจจุบันของคุณ การประเมินนี้ควรประกอบด้วยการวิเคราะห์ปริมาณธุรกรรมวิธีการชําระเงิน ค่าใช้จ่ายในการทําธุรกรรม ความคิดเห็นของลูกค้า และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือเหตุการณ์การฉ้อโกงที่ตรวจพบ

  • กําหนดวัตถุประสงค์ของธุรกิจ
    ระบุวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจที่เกี่ยวกับการชําระเงินของคุณ ซึ่งรวมถึงการลดต้นทุน การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า การเพิ่มกระแสเงินสด และการคาดการณ์โมเดลการเงิน การขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ๆ หรือการลดความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง คุณจําเป็นต้องปรับกลยุทธ์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์โดยรวมของธุรกิจ

  • ระบุปัจจัยตลาดที่สําคัญ
    พิจารณาตลาดเฉพาะเจาะจงที่คุณดําเนินธุรกิจอยู่และประเทศที่คุณวางแผนจะขยายธุรกิจ ตลาดแต่ละแห่งอาจมีความต้องการการชําระเงิน ข้อบังคับ และโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกัน ศึกษาแนวโน้มการชําระเงิน ความต้องการของลูกค้า วิธีการชําระเงินในท้องถิ่น และข้อกําหนดทางกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การชําระเงินของคุณ

  • วิเคราะห์แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับอุตสาหกรรม
    ศึกษาแนวทางปฏิบัติด้านการชําระเงินและกลยุทธ์ของธุรกิจที่ประสบความสําเร็จในอุตสาหกรรมของคุณ ค้นหากรณีศึกษา รายงานการศึกษาวิจัย และเรื่องราวความสําเร็จเพื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินที่ได้ผล ระบุแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับโมเดลธุรกิจและวัตถุประสงค์ของคุณ

  • ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม
    ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ทีมการเงิน ทีมไอที ทีมปฏิบัติงาน ทีมสนับสนุนลูกค้า และทีมการตลาด เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ รวบรวมข้อมูลเชิงลึก มุมมอง และจุดที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับการชําระเงิน การทํางานร่วมกันนี้จะช่วยระบุโอกาสต่างๆ และช่วยให้มั่นใจว่ากลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินขั้นสุดท้ายจะสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรที่กว้างขึ้น

  • พิจารณาการขยายขอบเขตการใช้งานและความยืดหยุ่น
    คาดการณ์การเติบโตและข้อกําหนดด้านการขยายธุรกิจในอนาคตเมื่อออกแบบกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน ประเมินความสามารถในการขยายกิจการและการปรับตัวของโซลูชันต่างๆ เพื่อรองรับการเพิ่มปริมาณธุรกรรม การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เลือกกลยุทธ์ที่สามารถปรับและขยายเมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น

  • ประเมินค่าใช้จ่ายและประโยชน์
    ประเมินค่าใช้จ่าย ทั้งแบบล่วงหน้าและแบบต่อเนื่อง ที่เกี่ยวข้องกับการปรับใช้กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงินแต่ละกลยุทธ์ พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบ การอัปเกรดระบบ การฝึกอบรมพนักงาน และศักยภาพในการประหยัดค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือประสิทธิภาพการดำเนินงาน เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายเหล่านี้กับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เช่น ความภักดีของลูกค้าและมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (LTV) ที่เพิ่มขึ้น รายรับที่สูงขึ้น การลดความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง และกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ

  • จัดลําดับความสําคัญและพัฒนาแผนการดําเนินการ
    กำหนดลำดับความสำคัญของกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินที่สอดคล้องกับธุรกิจของคุณโดยอิงจากการประเมินความต้องการ เป้าหมาย ปัจจัยทางการตลาด แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้อกำหนดด้านการปรับขนาด และการวิเคราะห์ต้นทุน-ผลประโยชน์ จัดทําแผนการดําเนินการโดยละเอียดซึ่งจะระบุขั้นตอนที่กําหนด ลําดับเวลา ผู้รับผิดชอบ และตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI) เพื่อวัดความสําเร็จของกลยุทธ์แต่ละแบบ

  • ติดตั้ง ตรวจสอบ และดําเนินการอีกครั้ง
    ดำเนินการตามกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินที่เลือก โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการผสานการทำงานอย่างเหมาะสมกับระบบและกระบวนการที่มีอยู่ ติดตามผลของกลยุทธ์ที่มีต่อเมตริกธุรกิจและประสบการณ์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและลูกค้าเพื่อระบุจุดที่ควรปรับปรุงเพิ่มเติม ทำการปรับเปลี่ยนตามต้องการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การชําระเงินของคุณ

เมื่อปฏิบัติตามกระบวนการนี้ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถพัฒนาแผนกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินที่รอบคอบ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเติบโต สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า และขับเคลื่อนความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของธุรกิจอีกด้วย

กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพการชําระเงิน

ด้านล่างนี้เป็นรายการกลยุทธ์ 6 ประการที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในวิธีที่ธุรกิจและลูกค้าดำเนินการธุรกรรม และการทำการค้า กลยุทธ์เหล่านี้สอดคล้องกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการชำระเงิน การเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อวิธีการชำระเงิน และโลกาภิวัตน์ของการค้า ทั้งนี้ ชุดกลยุทธ์ที่ธุรกิจของคุณลงทุนควรสะท้อนความต้องการและเป้าหมายที่เฉพาะของคุณเอง

เพิ่มประสิทธิภาพให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่

การใช้งานสมาร์ทโฟนยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก งานวิจัยของ Juniper ชี้ให้เห็นว่าภายในปี 2024 กระเป๋าเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จะมีส่วนในการทําธุรกรรมมูลค่ากว่า $9 ล้านล้าน ธุรกิจต่างๆ จึงต้องปรับกลยุทธ์การชําระเงินของตนเพื่อให้ตามทันอยู่เสมอ การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าและมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นอีกด้วย เมื่อกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay, Google Wallet และอื่นๆ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อกลุ่มประชากรจำนวนมากได้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งนิยมทำธุรกรรมแบบดิจิทัล นอกจากนี้ ก็ยังเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าได้ ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ยังมอบฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม ธุรกรรมอันรวดเร็ว และการทําบันทึกที่สะดวกอีกด้วย

Starbucks เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของธุรกิจซึ่งปรับตัวตามทิศทางการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของธุรกิจแห่งนี้ผสานรวมการชําระเงิน โปรแกรมรางวัล และฟีเจอร์รับคําสั่งซื้อล่วงหน้า โดยคิดเป็นยอดธุรกรรมประมาณ 25% ในสหรัฐฯ ของธุรกิจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของประสบการณ์การชำระเงินที่ปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่และประสบความสำเร็จ

Stripe รองรับการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อันครอบคลุม เมื่อใช้ SDK ของ Stripe สำหรับ Android และ iOS ธุรกิจต่างๆ จะสามารถผสานการทํางาน Stripe เข้ากับแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของตน เพื่อมอบประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่น ปลอดภัย และสะดวกสบายให้กับลูกค้า นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ ซึ่งรวมถึง Apple Pay และ Google Pay ที่ช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยด้วยวิธีการชําระเงินที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

รองรับผู้รับบัตรภายในท้องถิ่น

สําหรับธุรกิจที่ดําเนินงานข้ามพรมแดน การรองรับผู้รับบัตรภายในท้องถิ่นอาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงซึ่งเกิดขึ้นจากการรับชําระเงินระหว่างประเทศ การรองรับผู้รับบัตรภายในท้องถิ่นช่วยให้ธุรกิจประมวลผลการชําระเงินผ่านเกตเวย์การชําระเงินในประเทศที่ออกบัตรชําระเงินได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนธุรกรรมและเพิ่มอัตราการชําระเงินสําเร็จได้อย่างมาก กลยุทธ์นี้ยังช่วยลดโอกาสที่การชําระเงินจะถูกปฏิเสธเนื่องจากธนาคารในประเทศมีแนวโน้มที่จะอนุมัติธุรกรรมจากผู้รับบัตรในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้โดยการรองรับสกุลเงินและวิธีการชําระเงินต่างๆ ในท้องถิ่น จึงช่วยขจัดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงินได้

จากการศึกษาของ CMSPI ระบุว่า ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มอัตราอนุมัติได้โดยใช้ผู้รับบัตรในท้องถิ่น ลองพิจารณากลยุทธ์การชำระเงินของ Airbnb: เพื่อรองรับความต้องการการชำระเงินที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ Airbnb ได้ใช้ผู้รับบัตรในท้องถิ่น ซึ่งทำให้กระบวนการทำธุรกรรมราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับทั้งเจ้าของบ้านและผู้เข้าพัก วิธีนี้ช่วยให้ Airbnb เจาะตลาดในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Stripe รองรับการซื้อภายในประเทศผ่านเครือข่ายการชำระเงินและการคลังระดับโลก ด้วย Stripe ธุรกิจต่างๆ จะสามารถประมวลผลการชำระเงินในมากกว่า 135 สกุล และเข้าถึงวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นของตลาดสำคัญต่างๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติ ลดค่าใช้จ่าย และมอบประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นมากขึ้นให้แก่ลูกค้าได้

ตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงอย่างแข็งขัน

การฉ้อโกงเป็นข้อกังวลที่สําคัญในด้านระบบดิจิทัลในปัจจุบัน และธุรกิจต่างๆ จะต้องดําเนินการในเชิงรุกเพื่อตรวจจับและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง นอกเหนือจากการปกป้องผลกําไรแล้ว ความเสี่ยงนี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อความไว้วางใจของลูกค้า ซึ่งส่งผลต่อชื่อเสียงในการบอกต่อแบบปากต่อปาก การแนะนําลูกค้า การเก็บรักษาลูกค้าปัจจุบัน และ LTV เมื่อมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น แมชชีนเลิร์นนิงและปัญญาประดิษฐ์ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถตรวจจับและวิเคราะห์กิจกรรมที่น่าสงสัยได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้หยุดการฉ้อโกงก่อนเกิดขึ้นจริงได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างเช่น American Express ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงในแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจจับธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง แนวทางการตรวจจับการฉ้อโกงที่เข้มงวดนี้ช่วยให้บริษัทรักษาอัตราส่วนการฉ้อโกงต่อยอดขายที่ต่ําที่สุดในอุตสาหกรรมได้

Stripe Radar ซึ่งรวมอยู่ใน Stripe คือชุดเครื่องมือตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิงซึ่งใช้ข้อมูลจากธุรกรรมหลายล้านรายการทั่วโลกที่ประมวลผลโดย Stripe เพื่อช่วยธุรกิจระบุและป้องกันธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกง บริการนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกฎเองได้เพื่อการควบคุมที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบการป้องกันการฉ้อโกงอัตโนมัติที่ครอบคลุม

ทํางานอัตโนมัติทุกส่วนที่เป็นไปได้

ระบบอัตโนมัติในกระบวนการชําระเงินมีประโยชน์หลายประการ ได้แก่ การลดข้อผิดพลาดจากการดำเนินการด้วยตัวเอง เพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงาน ประหยัดเวลา และลดต้นทุน ตัวอย่างเช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้อัตโนมัติจะช่วยให้มั่นใจว่าการชําระเงินจะตรงเวลา หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า และปรับปรุงความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังช่วยให้สามารถติดตามและรายงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจและกลยุทธ์แก่ธุรกิจ เมื่อนำระบบอัตโนมัติมาใช้ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่ความสามารถหลักและการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่งานบริหารที่ซ้ำซากจำเจ

ตามรายงานของ McKinsey ระบุว่า ธุรกิจที่ปรับกระบวนการให้เป็นอัตโนมัติจะเห็นประสิทธิผลเพิ่มขึ้น 20%-35% ซึ่งหมายความว่าจะมีข้อผิดพลาดจากการดำเนินงานด้วยตนเองน้อยลง และลดเวลาที่ต้องใช้กับงานทั่วไป Stripe มอบ API และ Webhook ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทํางานด้านการชําระเงินที่หลากหลายได้โดยอัตโนมัติ ตั้งแต่การสร้างการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และแพ็กเกจการชำระเงินตามรอบบิล เพื่อจัดการการคืนเงินและการดึงเงินคืน นอกจากนี้ Stripe Sigma ยังเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ SQL ซึ่งสามารถสร้างรายงานทางการเงินโดยอัตโนมัติ จึงช่วยในการตัดสินใจและวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ

เปิดใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสในวงกว้าง

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยเร่งการนําการชําระเงินแบบไร้สัมผัสมาใช้อย่างมาก และแนวโน้มนี้ยังไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว จากการศึกษาล่าสุดของ Visa ระบุว่า ลูกค้า 48% บอกว่าจะไม่ซื้อของจากร้านค้าที่ไม่ได้เสนอวิธีชําระเงินแบบไร้สัมผัส สําหรับธุรกิจ การให้บริการการชําระเงินแบบไร้สัมผัสนั้นเป็นสิ่งสําคัญ การใช้การชําระเงินแบบไร้สัมผัสในวงกว้างจะช่วยให้ธุรกิจมอบวิธีการที่ปลอดภัย รวดเร็ว และสะดวกสําหรับลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งส่งผลให้ขั้นตอนการชําระเงินรวดเร็วขึ้น ปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น และประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น นอกจากนี้ การชําระเงินแบบไร้สัมผัสยังมอบข้อมูลที่ดีขึ้นสําหรับการวิเคราะห์และการปรับบริการให้เหมาะกับบุคคล ธุรกิจต่างๆ จึงมีโอกาสเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นและปรับปรุงข้อเสนอต่างๆ ให้สอดคล้องกัน

Apple Pay เป็นหนึ่งในตัวอย่างชั้นนําของตลาด ด้วยการทำให้ธุรกรรมรวดเร็ว ปลอดภัย และไร้สัมผัส ทำให้วิธีนี้เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายที่สุด โดยมีฐานผู้ใช้ที่คาดว่าจะเกิน 60 ล้านคนภายในปี 2024

โซลูชันการชําระเงินทั้งหมดของ Stripe รวมถึง Stripe Terminal ช่วยให้บริการรับชําระเงินแบบไร้สัมผัสที่จุดขายเกิดขึ้นได้ ด้วยเครื่องอ่านบัตรที่ผ่านการรับรองล่วงหน้าและ SDK ที่แข็งแกร่ง ธุรกิจต่างๆ จะสามารถสร้างประสบการณ์การชำระเงินแบบกำหนดเองสำหรับธุรกรรมในสถานที่ได้ Stripe Terminal รองรับบัตรแบบใช้ชิป EMV และวิธีการแบบไร้สัมผัส เช่น Apple Pay และ Google Pay

สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวม

การค้าแบบแพลตฟอร์มรวม ประกอบด้วยการผสานช่องทางการขายทั้งหมด เช่น ร้านค้าจริง แพลตฟอร์มออนไลน์ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ฯลฯ เพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่น นั่นหมายความว่าลูกค้าจะเริ่มขั้นตอนการซื้อสินค้าในช่องทางหนึ่งและดำเนินการต่อให้เสร็จในช่องทางอื่นได้ โดยใช้ข้อมูลที่ผสานการทํางานร่วมกันในทุกแพลตฟอร์ม ข้อดีของแนวทางนี้มีอยู่หลายประการ เช่น สามารถเพิ่มยอดขายได้ด้วยการขจัดอุปสรรคในการซื้อ เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าด้วยการให้ความสะดวกและความยืดหยุ่น และมอบมุมมองแบบองค์รวมให้กับธุรกิจเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า

Stripe ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแนวทางการค้าแบบแพลตฟอร์มรวมด้วยการผสานการชําระเงินออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันได้อย่างคล่องตัว แดชบอร์ดครบวงจรของ Stripe ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการชําระเงินในทุกช่องทางในที่เดียว โดยนําเสนอมุมมองอันครอบคลุมสำหรับประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจ นอกจากนี้ธุรกิจต่างๆ ยังอาจใช้ API ของ Stripe เพื่อซิงค์ข้อมูลลูกค้าในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะและเข้าใจง่ายในทุกช่องทาง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและเริ่มใช้งาน โปรดไปที่นี่

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe