แม้จะเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะขนาดเล็กและมีประชากรเพียงกว่า 574,000 คน แต่มอลตาก็เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ และเป็นที่ตั้งของธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งและสถาบันการเงินอื่นๆ มอลตามีระบบการรับชำระเงินที่พัฒนามาเป็นอย่างดี และมีวิธีการชำระเงินที่หลากหลายสำหรับทั้งลูกค้าและธุรกิจ
ภาคการชำระเงินของมอลตามีการกำกับดูแลที่เข้มงวด และธุรกิจจำเป็นต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ในฐานะที่มอลตาเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป จึงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริการชำระเงิน (PSD2) ฉบับแก้ไข ซึ่งเป็นกรอบที่กำหนดการดำเนินงานของผู้ให้บริการการชำระเงิน สถาบันการเงิน และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
บริการทางการเงินในมอลตาครอบคลุมทั้งสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมและฟินเทคเฉพาะทาง ส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่ง โดยมีกรอบกำกับดูแลที่ส่งเสริมการพัฒนาและการรักษาความปลอดภัย
ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายข้อควรพิจารณาสำหรับธุรกิจที่วางแผนจะเข้าสู่ตลาดการชำระเงินของมอลตา โดยมีหัวข้อต่างๆ ดังนี้
- เปิดรับความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น
- ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการกำกับดูแล
- ดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุม
สถานะของตลาด
วิธีการชำระเงินที่ใช้กันมากที่สุดในมอลตาคือเงินสด อย่างไรก็ตาม การใช้การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีวิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย บัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในมอลตา และธุรกิจส่วนใหญ่ยอมรับบัตรเครดิตหลักทุกแบรนด์ รวมถึง Visa, Mastercard, American Express และ Diners Club
บัตรเดบิตก็ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในมอลตา เช่นเดียวกับบัตรเติมเงิน ซึ่งสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ในทุกธุรกิจที่รับชำระด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต
การใช้การชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มีการเติบโตในมอลตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี ผลการสำรวจของ Central Bank of Malta ในปี 2018 พบว่าการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกกล่าวถึงมากเป็นอันดับสองสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค และเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภค มูลค่าธุรกรรมของตลาดการชำระเงินผ่านระบบบันทึกการขาย (POS) ทางอุปกรณ์เคลื่อนที่ในมอลตาคาดว่าจะอยู่ที่ 1.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้า ตลอดจนความเชื่อมั่นที่มากขึ้นในด้านการรักษาความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของตัวเลือกการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
กฎระเบียบของรัฐบาลมีบทบาทสำคัญต่อการใช้เงินสดในเศรษฐกิจของมอลตา มาตรการด้านกฎระเบียบมุ่งสนับสนุนการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและต่อสู้กับการฉ้อโกงทางการเงิน หน่วยงานด้านภาษีได้เสนอสิ่งจูงใจสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเพื่อส่งเสริมการใช้งาน มอลตายังได้กำหนดข้อจำกัดการชำระเงินด้วยเงินสดสำหรับธุรกรรมบางประเภทเพื่อลดความเสี่ยงในการฟอกเงิน และห้ามการชำระเงินสดที่มูลค่าเกินกว่า 10,000 ยูโร กฎระเบียบเหล่านี้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป และสะท้อนถึงความพยายามร่วมกันในการส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
วิธีการชำระเงิน
แม้ว่าเงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในมอลตา แต่ลูกค้าก็ใช้วิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ภาพรวมมีดังต่อไปนี้
การใช้งานปัจจุบัน
ในปี 2022 เงินสดมีสัดส่วนคิดเป็น 77% ของธุรกรรมผ่าน POS ในมอลตา ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในยุโรปที่รวมอยู่ในรายงานของ European Central Bank อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินดิจิทัล และการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยประมาณหนึ่งในสี่ของการชำระเงินแบบ peer-to-peer เกิดขึ้นผ่านโทรศัพท์มือถือ การแพร่หลายของการชำระเงินแบบไร้สัมผัสและเทคโนโลยีรหัส QR ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเปลี่ยนผ่านจากการใช้เงินสดเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
บัตรเครดิตได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วทั้งมอลตา ทั้งในเขตเมืองและชนบท โดยเมื่อรวมบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเข้าด้วยกัน คิดเป็น 26% ของมูลค่าธุรกรรมผ่าน POS ในปี 2022 นอกจากนี้ อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงในมอลตา โดยกว่า 95% ของครัวเรือนในเขตชานเมืองมอลตาสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ในปี 2024 ซึ่งสอดคล้องกับการแพร่หลายในการซื้อสินค้าออนไลน์และการชำระเงินด้วยบัตรออนไลน์
การชำระเงินแบบไร้สัมผัสในมอลตายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เร็วขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามข้อมูลจาก European Central Bank สัดส่วนของธุรกรรมแบบไร้สัมผัสในการชำระเงินด้วยบัตรผ่าน POS ทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 39% ในปี 2019 เป็น 74% ในปี 2022
วิธีการชำระเงินแบบ B2C ที่ได้รับความนิยมในมาเลเซีย
- เงินสด
- บัตรเครดิต
- บัตรเดบิต
วิธีการชำระเงินแบบ B2B ที่ได้รับความนิยมในมาเลเซีย
- บัตรเครดิต
- การโอนเงินผ่านธนาคาร
แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น
แนวทางเชิงรุกของมอลตาในการนำโซลูชันเทคโนโลยีทางการเงินมาใช้ รวมถึงบล็อกเชน มีความคล้ายคลึงกับตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น สิงคโปร์และสหราชอาณาจักร
ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
นอกเหนือจากธนาคารแบบดั้งเดิมแล้ว มอลตายังเป็นที่ตั้งของผู้ให้บริการทางการเงินที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อไปนี้คือแนวทางการดำเนินงานในตลาดนี้
ภาษี
ในมอลตา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 18% สำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีอัตราที่ลดลงสำหรับบางหมวดหมู่ และสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร จะไม่มีการเรียกเก็บ VAT แม้ว่าลูกค้าจะเป็นผู้รับภาระ VAT โดยตรงเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ แต่ธุรกิจเป็นผู้มีหน้าที่จัดเก็บและนำส่ง VAT ให้แก่รัฐบาล การปฏิบัติตามกฎระเบียบ VAT อย่างถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็น และหากมีการนำส่งล่าช้าหรือไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้ถูกปรับสูงและอาจถูกตรวจสอบบัญชีได้
การดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
ท่าทีของมอลตาเกี่ยวกับการดึงเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงินนั้นให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยได้รับอิทธิพลจากทั้งกฎระเบียบของสหภาพยุโรปและกฎหมายภายในประเทศ ซึ่งกำหนดให้ธุรกิจต้องพิสูจน์ความถูกต้องชอบธรรมของธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการพิสูจน์ความแท้จริงของธุรกรรมอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย ธุรกิจจึงจำเป็นต้องตรวจสอบธุรกรรมและเก็บรักษาเอกสารหลักฐานอย่างครบถ้วนเพื่อลดผลกระทบทางการเงินจากการโต้แย้งการชำระเงิน
มอลตาปฏิบัติตาม PSD2 ซึ่งบังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) โดย SCA สามารถมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการดึงเงินคืน เนื่องจากระดับการตรวจสอบยืนยันในขณะที่ทำธุรกรรมสามารถนำมาอ้างอิงเป็นหลักฐานในการตัดสินได้
นอกจากนี้ มอลตายังปฏิบัติตามข้อกำหนดของพื้นที่การชำระเงินยูโรเดียว (Single Euro Payments Area: SEPA) ซึ่งกำหนดให้ลูกค้ามีสิทธิ์ได้รับเงินคืนจากธุรกรรมการหักบัญชีอัตโนมัติ หากมีการร้องขอภายในระยะเวลา 8 สัปดาห์
การชำระเงินระหว่างประเทศ
ตลาดการชำระเงินของมอลตาดำเนินงานเชื่อมโยงกับตลาดโลกในหลายลักษณะ สะท้อนถึงทั้งความชอบของผู้บริโภคที่เหมือนกันและกรอบกฎระเบียบที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งมีรายละเอียดกันดังนี้
การแปลงสกุลเงิน
นักท่องเที่ยวจากประเทศนอกเขตยูโรโซนมักแปลงสกุลเงินของตนที่สถาบันการเงินหรือศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราเฉพาะทาง โดยหน่วยงานเหล่านี้มักบวกอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมอยู่ในช่วง 1%–3% บางธนาคารอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่ายสำหรับการแปลงสกุลเงิน ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 2–10 ยูโร เครื่องถอนเงินสดอัตโนมัติ (ATM) ในมอลตาอาจเสนอทางเลือกให้เจ้าของบัตรสามารถถอนเงินสดเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้ โดยมีค่าธรรมเนียมการให้บริการต่อธุรกรรมอยู่ระหว่าง 2–5 ยูโร** บทบาทของมอลตาในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่ง SEPA**
SEPA ช่วยทำให้การโอนเงินผ่านธนาคารที่เป็นสกุลยูโรมีความสะดวกและเอื้อต่อการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนภายในยูโรโซน ทำให้ลูกค้าและธุรกิจในมอลตาสามารถติดต่อและทำธุรกรรมกับคู่ค้าในยุโรปได้ง่ายขึ้นความร่วมมือทางการค้า
นอกเหนือจากความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป มอลตายังมีความสัมพันธ์ทางการค้าสำคัญกับสหราชอาณาจักร ซึ่งครอบคลุมถึงบริการทางการเงินและธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ และกับอิตาลีซึ่งมีหลายด้านที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิดกับบริการทางการเงินของมอลตา
การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
มอลตาให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัย การปฏิบัติตามข้อกำหนด และปัจจัยด้านกฎระเบียบในภาคการชำระเงินเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางและข้อกำหนดของสหภาพยุโรป ต่อไปนี้คือสิ่งที่คาดว่าจะได้พบ
กฎหมายคุ้มครองข้อมูล
มอลตาปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ซึ่งเป็นกฎระเบียบที่ใช้ทั่วสหภาพยุโรปที่กำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดในการคุ้มครองข้อมูลลูกค้า GDPR กำหนดให้หน่วยงานต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งในการเก็บข้อมูล และให้สิทธิ์แก่ลูกค้าในการร้องขอให้ลบข้อมูลของตน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “สิทธิ์ที่จะถูกลืม” (Right to be Forgotten)การกำกับดูแลของ Malta Financial Services Authority (MFSA)
MFSA เป็นหน่วยงานกำกับหลักที่ดูแลบริการทางการเงิน รวมถึงสถาบันการชำระเงินและสถาบันเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีหน้าที่บังคับใช้การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรปและกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดFinancial Intelligence Analysis Unit (FIAU)
FIAU เป็นหน่วยงานกลางของมอลตาที่รับผิดชอบในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน รวมถึงการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย โดยทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ และเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่น่าสงสัยการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (CFT)
มอลตาปฏิบัติตามคำสั่ง AML และ CFT ของสหภาพยุโรป โดยสถาบันการเงินต้องจัดให้มีระบบเพื่อติดตามและรายงานกิจกรรมที่อาจน่าสงสัย พร้อมทั้งมีบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับการไม่ปฏิบัติตาม
ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
ระบบการชำระเงินของมอลตามีอุปสรรคบางอย่างในการเข้าสู่ตลาด เช่น ความล่าช้าในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ข้อกำหนดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และความซับซ้อนของธุรกรรมระหว่างประเทศที่อยู่นอกสหภาพยุโรป ธุรกิจควรเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับปัจจัยเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า
ความล่าช้าในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกิดใหม่
ความท้าทายที่สำคัญประการหนึ่งของมอลตาคือความล่าช้าในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ แม้ว่าการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก แต่มีลูกค้าเพียงส่วนน้อยในมอลตาที่ใช้วิธีการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ในปี 2022 การชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มีสัดส่วนเพียงประมาณ 3% ของธุรกรรม POS ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจที่จำเป็นต้องรองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดการข้อมูล
GDPR ได้เพิ่มความจำเป็นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับธุรกิจที่ดำเนินงานในมอลตา การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดอาจส่งผลให้ถูกปรับจำนวนมหาศาล สูงสุดถึง 20 ล้านยูโร หรือ 4% ของรายได้ทั่วโลกต่อปีของบริษัท ข้อกำหนดเหล่านี้ทำให้ธุรกิจต้องลงทุนในการกำกับดูแลข้อมูล โดยเฉพาะในระบบการชำระเงินซึ่งมีเรื่องความละเอียดอ่อนของข้อมูลและความถี่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นประเด็นสำคัญความซับซ้อนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
การจัดการธุรกรรมระหว่างประเทศที่อยู่นอก SEPA ซึ่งระบบการชำระเงินที่เรียบง่ายของ SEPA ไม่ครอบคลุมนั้นอาจมีความซับซ้อน ธุรกิจที่ดำเนินงานระหว่างประเทศต้องเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความหลากหลายของกรอบกฎระเบียบ และความแตกต่างด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกิจจึงจำเป็นต้องรับมือกับประเด็นเหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและผลลัพธ์ทางการเงินของบริษัทการโต้แย้งในเรื่องการชำระเงินด้วยบัตร
การจัดการการชำระเงินด้วยบัตรที่มีข้อโต้แย้งถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในมอลตา เช่นเดียวกับในตลาดอื่นๆ อีกหลายแห่ง ในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจจำเป็นต้องอาศัยการลงทุนในระบบการแก้ไขข้อพิพาทที่ซับซ้อนและต้องมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งอาจใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
ประเด็นสำคัญ
ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของมอลตาและความมุ่งมั่นในการพัฒนาทางการเงิน ทำให้มอลตาเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจ ต่อไปนี้คือสรุปประเด็นสำคัญสำหรับการเข้าสู่ตลาดการชำระเงินของมอลตา
เปิดรับความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น
ใช้การหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA
ระบบ SEPA มีอิทธิพลอย่างมากในมอลตา และธุรกิจและลูกค้าจำนวนมากพึ่งพาการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ SEPA สำหรับการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ในปี 2022 มีการส่งการชำระเงินผ่าน SEPA มากกว่า 18 ล้านรายการจากมอลตา การใช้เกตเวย์การชำระเงินที่สอดคล้องกับ SEPA สามารถเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจที่ดำเนินงานในรูปแบบการชำระเงินตามรอบบิลหรือโมเดลรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าใช้ตัวเลือกที่มีหลายสกุลเงิน
มอลตาเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยม และการนำเสนอทางเลือกการชำระเงินด้วยหลายสกุลเงินสามารถช่วยเพิ่มประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้าได้ ลูกค้าชื่นชอบความสะดวกในการชำระเงินด้วยสกุลเงินที่ตนเองต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางมาจากต่างประเทศ ดังนั้นควรมั่นใจว่าระบบชำระเงินของคุณรองรับหลายสกุลเงินเพื่อตอบสนองฐานลูกค้าที่หลากหลายรับเงินสด
ในปี 2021 มอลตามีสัดส่วนการใช้เงินสดเทียบกับการทำธุรกรรมแบบไม่ใช้เงินสดสูงที่สุดในกลุ่มประเทศในยูโรโซน ซึ่งหมายความว่าธุรกิจยังคงต้องให้ความสำคัญกับการรองรับลูกค้าที่ต้องการชำระด้วยเงินสดต่อไป
ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการกำกับดูแล
ปฏิบัติตามกฎ GDPR
มอลตามีกฎระเบียบเฉพาะเกี่ยวกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการชำระเงิน การปฏิบัติตามกฎหมายในพื้นที่ เช่น GDPR และข้อแก้ไขเพิ่มเติมเฉพาะของมอลตา เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นทราบบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลในพื้นที่
MFSA ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับหลักที่ดูแลบริการทางการเงินในมอลตา กรอบการกำกับดูแลของ MFSA สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป โดยคุ้มครองผลประโยชน์ของลูกค้าและรักษาความมั่นคงของภาคการเงินทำความเข้าใจความสำคัญของ PSD2
การที่ประเทศปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป รวมถึง PSD2 จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในภาคการชำระเงินภายในประเทศ
ดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุม
พิจารณาใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงิน
ผู้ให้บริการชำระเงินในมอลตาปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในประเทศ และหลายรายได้นำเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิง มาใช้ในการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง พร้อมทั้งคุ้มครองข้อมูลของลูกค้า__ ปฏิบัติตาม PSD2__
ภายใต้กฎระเบียบ PSD2 ผู้ให้บริการชำระเงินในมอลตาจะต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ซึ่งจำเป็นต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยสำหรับธุรกรรมจำนวนมากใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย และการเข้ารหัสระดับสูง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการชำระเงิน
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ