เงินทุนหมุนเวียน คือ เงินสดที่คุณมีพร้อมเอาไว้ใช้ชำระบิล เติมสต็อกสินค้าคงคลัง และปฏิบัติงานต่อไปได้ เงินทุนนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเงินทุนหมุนเวียนอาจบ่งชี้ถึงการวางแผนที่ชาญฉลาด แรงกดดันในการเติบโต หรือความไร้ประสิทธิภาพที่แอบแฝงอยู่ แต่วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการดูอย่างรอบคอบว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดจากอะไร ที่ด้านล่างนี้ เราจะพาไปดูวิธีคำนวณการเพิ่มขึ้นของเงินทุนหมุนเวียน และดูว่าการเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นอะไรกันแน่ และวิธีนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของคุณ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร
- คุณจะคำนวณการเพิ่มขึ้นของเงินทุนหมุนเวียนอย่างไร
- มีอะไรบ้างที่ทำให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
- การเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนจะส่งผลดีหรือไม่
- คุณจะปรับปรุงประสิทธิภาพของเงินทุนหมุนเวียนได้อย่างไร
- Stripe Capital จะช่วยคุณได้อย่างไร
เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร
เงินทุนหมุนเวียน คือ เงินที่ธุรกิจของคุณมีพร้อมเอาไว้รองรับการดำเนินงานในแต่ละวัน โดยสูตรคำนวณมีดังนี้
เงินทุนหมุนเวียน = สินทรัพย์หมุนเวียน - หนี้สินหมุนเวียน
สินทรัพย์หมุนเวียนหมายรวมทุกอย่างที่คุณคาดหวังว่าจะแปลงเป็นเงินสดได้ภายใน 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นเงินสด ลูกหนี้การค้า หรือสินค้าคงคลัง ส่วนหนี้สินหมุนเวียนคือสิ่งที่คุณต้องชำระภายใน 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้การค้า ภาษี หรือเงินกู้ระยะสั้น
หากคุณมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน แสดงว่าคุณมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าคุณมีเงินสดในมือเพียงพอที่จะจ่ายเงินให้กับซัพพลายเออร์ จ่ายเงินเดือน และรองรับค่าใช้จ่ายระยะสั้น แต่หากมีหนี้สินมากกว่าสินทรัพย์ คุณก็มีความเสี่ยงที่เงินสดจะขาดมือ
เงินทุนหมุนเวียนสะท้อนถึงสภาพคล่องและความยืดหยุ่นของคุณ เงินทุนนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องในช่วงเวลาที่มีเงินเข้าและออกไม่สัมพันธ์กัน ยิ่งคุณจัดการเรื่องนี้ได้มีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีอิสระในการตัดสินใจมากขึ้นเท่านั้น การใช้เงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพในปี 2024 ส่งผลให้บริษัทที่มีผลการดำเนินงานชั้นนำในด้านการเติบโตของยานพาหนะและยานยนต์สร้างผลกำไรเฉลี่ย 15.6 ล้านดอลลาร์
คุณจะคำนวณการเพิ่มขึ้นของเงินทุนหมุนเวียนอย่างไร
ในการคำนวณหาจำนวนเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ให้เปรียบเทียบเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ (NWC) ของคุณใน 2 ช่วงเวลา
เช่น สมมติว่าคุณมีสินทรัพย์หมุนเวียนอยู่ที่ 500,000 ดอลลาร์ และหนี้สินหมุนเวียนของคุณอยู่ที่ 350,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี เงินทุนหมุนเวียนของคุณก็จะอยู่ที่ 150,000 ดอลลาร์
เมื่อถึงสิ้นปี สินทรัพย์ของคุณอยู่ที่ 540,000 ดอลลาร์ และหนี้สินอยู่ที่ 360,000 ดอลลาร์ เงินทุนหมุนเวียนของคุณก็จะอยู่ที่ 180,000 ดอลลาร์
วิธีคำนวณเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นเป็นดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน = NWC เริ่มต้น - NWC สิ้นสุด
การคำนวณสำหรับตัวอย่างข้างต้นจะเป็นดังนี้
การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน = 150,000 - 180,000 ดอลลาร์ = -30,000 ดอลลาร์
ในการวิเคราะห์กระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นถือเป็นกระแสเงินสดที่ใช้จ่ายออกไป ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงจึงมีค่าเป็นลบหากเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น 30,000 ดอลลาร์เพื่อใช้จัดการภาระหน้าที่ทางการเงินระยะสั้น
มีอะไรบ้างที่ทำให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
เงินทุนหมุนเวียนไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้เอง หากเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ก็แสดงว่ามีลักษณะการดำเนินงานของธุรกิจหรือวงจรการดำเนินงานที่ทำให้เกิดขึ้น
สิ่งที่อาจทำให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นมีดังนี้
คุณสต็อกสินค้าคงคลังไว้
การซื้อสินค้าคงคลังเพิ่มจะส่งผลให้สินทรัพย์หมุนเวียนของคุณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย บางทีคุณอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับช่วงฤดูกาลที่เร่งรีบ หรือบางทียอดขายอาจชะลอตัวลงและสินค้าคงคลังค้างสต็อกนานกว่าที่วางแผนไว้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เงินสดในส่วนนี้ก็ยังเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
ลูกค้าจ่ายเงินช้าลง
หากลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น แสดงว่ามีใบแจ้งหนี้ที่ค้างชำระเพิ่มขึ้น คุณทำยอดขายได้ แต่เงินสดยังไม่มาถึงมือคุณ เหตุผลอาจเป็นเพราะระยะเวลาการชำระเงินที่นานเกินไป การเรียกเก็บเงินที่ช้าลง หรือปริมาณยอดขายแบบให้สินเชื่อที่สูงขึ้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เงินทุนหมุนเวียนของคุณจะเพิ่มขึ้นเพราะคุณมีสินทรัพย์ระยะสั้นมากขึ้นในบัญชี แม้ว่าจะยังนำมาใช้ไม่ได้ก็ตาม
คุณจ่ายบิลก่อนกำหนด
การชำระหนี้สินระยะสั้น เช่น เจ้าหนี้การค้าและภาระผูกพันทางภาษี จะช่วยลดหนี้สินหมุนเวียนให้คุณได้ ซึ่งก็จะช่วยเพิ่ม NWC ของคุณ แม้ว่าการทำเช่นนี้จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ให้บริการหรือช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากส่วนลดต่างๆ แต่สิ่งที่ต้องแลกก็คือคุณจะมีเงินสดในมือน้อยลง
คุณได้รับเงินสดระยะสั้น
คุณอาจได้รับเงินสดระยะสั้นมาจากการคืนภาษี เงินเพิ่มทุน หรือเงินกู้ระยะสั้น หากมีเงินสดเข้าบัญชีและคุณยังไม่ได้นำไปใช้จ่าย สินทรัพย์หมุนเวียนของคุณก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนของคุณเพิ่มขึ้นเช่นกัน
คุณกำลังเติบโต
ธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วมักต้องการเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อรักษาการดำเนินงานเอาไว้ ยอดขายที่สูงขึ้นมักแสดงถึงลูกหนี้การค้าที่มากขึ้น สินค้าคงคลังที่มากขึ้น และบางครั้งก็หมายถึงรอบการชำระเงินรอบกับลูกค้าที่นานขึ้น ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนนั้นไม่ใช่สัญญาณที่เลวร้าย หากแต่เป็นสิ่งที่คุณต้องวางแผนรับมือ การเติบโตมักต้องใช้เงินสดก่อนที่จะเริ่มทำเงิน
เงินทุนหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณมีสินทรัพย์ระยะสั้นเพิ่มเข้ามาอีกหรือลดหนี้สินระยะสั้น บางครั้งก็ตั้งใจให้เกิดขึ้น (เช่น การเตรียมพร้อมสำหรับการผลักดันยอดขาย) แต่บางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ (เช่น ใบแจ้งหนี้ที่ค้างชำระที่กองพะเนิน) หากคุณอยากจะรู้ว่าเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลดีหรือไม่ คุณก็จำเป็นต้องรู้ว่าธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างไร
การเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนจะส่งผลดีหรือไม่
คำตอบขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียนของคุณ คุณคงดูอะไรไม่ได้มากนักหากไม่ได้เจาะลึกข้อมูลเบื้องหลังตัวเลขดังกล่าว
การเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนจะส่งผลดีในกรณีต่อไปนี้
- คุณมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น: บางที คุณก็มีลูกหนี้การค้าหลายราย บางทียอดขายอาจเพิ่มขึ้นและลูกค้าก็จ่ายเงินตรงเวลา บางทีคุณอาจมีเงินสดมากกว่าเมื่อไตรมาสที่แล้ว ซึ่งช่วยให้คุณพอจะมีเงินไปใช้จ่ายเงินเดือน เติมสต็อกสินค้าคงคลัง หรือลงทุนในธุรกิจโดยไม่ต้องขอยืมใคร
- คุณกำลังวางแผนล่วงหน้า: การเพิ่มขึ้นของเงินทุนหมุนเวียนอาจเกิดขึ้นโดยเจตนา เช่น เมื่อคุณสร้างสินค้าคงคลังเอาไว้ก่อนที่ยอดขายจะพุ่งสูงขึ้น หรือกันเงินสดเอาไว้รองรับค่าใช้จ่ายที่กำลังจะมาถึง ตราบใดที่คุณมีแผนที่ตอบโจทย์ความเป็นจริงและเงินก็มีจุดมุ่งหมายโดยเฉพาะ การเพิ่มขึ้นในลักษณะนี้ย่อมเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ
- คุณกำลังลดความเสี่ยงระยะสั้น: หากคุณชำระหนี้บางส่วนไปแล้วและยังมีเงินสดเหลืออยู่ แสดงว่าคุณมีภาระผูกพันน้อยลงโดยที่ยังคงมีสภาพคล่องอยู่
การเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนจะไม่ส่งผลดีในกรณีต่อไปนี้
- เงินสดขาดมือ: หากคุณมีลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกค้าจ่ายเงินช้า (หรือไม่จ่ายเลย) เงินทุนหมุนเวียนของคุณอาจดูมั่นคงเกินจริง เช่นเดียวกับกรณีที่มีสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก คุณก็จะมีสินทรัพย์มากกว่า แต่ไม่ใช่ประเภทที่คุณนำไปใช้จ่ายได้
- คุณขยายธุรกิจอย่างไร้ประสิทธิภาพ: การเติบโตอย่างรวดเร็วอาจทำให้จำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ยอดขายที่เยอะขึ้นก็ตามมาด้วยสินค้าคงคลังที่มากขึ้น ลูกหนี้การค้าที่มากขึ้น และแรงกดดันที่มากขึ้นต่อระบบของคุณ หากไม่ได้วางแผนไว้อย่างเหมาะสม ธุรกิจของคุณอาจใช้จ่ายเงินสดเร็วกว่าที่เงินสดที่คุณได้รับ
- ความไม่เข้ากับโมเดลธุรกิจ: ธุรกิจบางอย่าง เช่น ร้านอาหาร อีคอมเมิร์ซ และ SaaS อาจทำงานแบบลีนโดยมีเงินทุนหมุนเวียนต่ำเพราะเรียกเก็บเงินสดอย่างรวดเร็วและนำไปจ่ายให้กับผู้ให้บริการในภายหลัง ในโมเดลดังกล่าว จำนวนเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอาจชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพ ไม่ใช่ความแข็งแกร่ง
หากจะบอกว่าการเพิ่มขึ้นนั้นดีหรือไม่ดี มีวิธีเดียวคือให้ดูการเปลี่ยนแปลงและเหตุผล และตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นส่งเสริมธุรกิจของคุณหรือทำให้ธุรกิจของคุณชะลอตัวกันแน่
คุณจะปรับปรุงประสิทธิภาพของเงินทุนหมุนเวียนได้อย่างไร
ประสิทธิภาพของเงินทุนหมุนเวียน คือ การทำให้ธุรกิจของคุณมีสภาพคล่องของเงินสด คุณจะเปลี่ยนต้นทุนเป็นรายรับ และเปลี่ยนรายรับเป็นเงินสดได้โดยไม่ปล่อยให้เงินไปกองอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในทางปฏิบัติจะมีลักษณะดังนี้
เรียกเก็บเงินให้เร็วขึ้น
หากคุณต้องรอนานกว่าจะได้รับเงิน คุณก็จะยังนำเงินสดนั้นมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ ให้จัดระยะเวลาการชำระเงินให้กระชั้นชิดขึ้นหากทำได้จูงใจให้มีชำระเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการให้ส่วนลดเล็กน้อย และใช้ซอฟต์แวร์การออกใบแจ้งหนี้ที่จะส่งการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ
การเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อย เช่น การส่งใบแจ้งหนี้ให้เร็วขึ้นและการรับชำระเงินด้วยวิธีต่างๆ มากขึ้น ก็จะช่วยให้คุณได้รับเงินสดเร็วขึ้นได้
เก็บเงินสดเอาไว้ให้นานขึ้น
อย่าจ่ายบิลจนกว่าจะครบกำหนด เว้นแต่จะมีส่วนลดหรือประโยชน์ด้านความสัมพันธ์ ให้กำหนดเวลาการชำระเงินให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่เข้ามา และเจรจาเรื่องระยะเวลากันใหม่หากคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้ให้บริการแล้ว ยิ่งคุณมีเงินสดอยู่ในบัญชีนานเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งควบคุมวิธีการใช้เงินได้มากขึ้นเท่านั้น
ตรวจตราสินค้าคงคลังของคุณ
สินค้าคงคลังก็คือเงินสดดีๆ นี่เอง ยิ่งคุณมีสินค้าคงคลังมากเท่าไหร่ แสดงว่าคุณจะยิ่งมีเงินทุนที่นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น ให้คาดการณ์ให้ดีขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสต็อกสินค้ามากเกินไป ทยอยสั่งซื้อหากซัพพลายเออร์อนุญาตให้ทำได้ และย้ายสต็อกเก่าหรือสต็อกที่ขายออกช้าโดยให้ส่วนลด จัดชุดสินค้า หรือนำไปบริจาค
ลดทอนของที่ไม่ได้ใช้
การดำเนินธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองอาจส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนรั่วไหลได้ ให้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นประจำและตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เจรจาทำสัญญากับผู้ให้บริการขึ้นมาใหม่หากเก่าแล้ว และเปลี่ยนงานซ้ำซากให้ดำเนินไปแบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนการเงินและการปฏิบัติการ
กำหนดเวลาสำหรับค่าใช้จ่ายปริมาณมากอย่างมีชั้นเชิง
อย่าเพิ่งรีบซื้อหากยังไม่จำเป็น ให้หันมาใช้วิธีเช่าแทนที่จะซื้อ (หากวิธีนี้พอจะช่วยลดเงินที่ต้องใช้จ่ายออกไปในแต่ละเดือนได้) แบ่งการใช้เงินลงทุนจำนวนมากให้สอดรับกับเวลาที่มีรายรับเข้ามา และหันมาใช้จ่ายในเดือนที่มีรายรับต่ำเมื่อคุณพอจะแบกรับค่าใช้จ่ายไหวเท่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดรายจ่ายให้สัมพันธ์กับประโยชน์ที่จะได้รับ
ปรับรอบระยะเวลาให้กระชั้นชิดขึ้น
คุณพอจะทำให้การจ่ายเงินและการรับเงินอยู่ใกล้กันมากขึ้นได้หรือไม่ การดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้นจะช่วยให้ออกใบแจ้งหนี้ได้เร็วขึ้น การปรับลดขนาดแบตช์จะช่วยให้ควบคุมสินค้าคงคลังได้รัดกุมขึ้น และระบบแบบครบวงจรจะช่วยลดความล่าช้าและข้อผิดพลาดที่เกิดจากผู้ปฏิบัติงาน เวลาเป็นตัวแปรที่แฝงอยู่ในเงินทุนหมุนเวียนและคนเรามองข้ามกันได้ง่ายที่สุด
วางแผนรองรับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น
อย่ารอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ จัดทำข้อมูลการคาดการณ์ที่แสดงเวลาที่เงินสดเข้ามากับเวลาที่เงินสดออกไป ให้ระบุช่วงเวลาที่มีเงินเข้าลดลงหรือมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเตรียมตัวจัดหาเงินทุนเอาไว้ล่วงหน้า ในการมองหาเงินทุนหมุนเวียน คงไม่มีเวลาไหนแย่ไปกว่าเวลาที่คุณต้องการเงินทุนนั้นมากที่สุดอีกแล้ว
ใช้เงินทุนระยะสั้นอย่างชาญฉลาด
บางครั้ง คุณก็จำเป็นต้องมีเงินสดเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือใช้ประโยชน์จากโอกาส การจัดหาเงินทุนระยะสั้นก็มีไว้เพื่อการนี้ ให้ใช้เพื่อเงินทุนนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงที่เงินทุนหมุนเวียนเข้าออกไม่สัมพันธ์กัน และเลือกตัวเลือกที่มีการคืนเงินแบบยืดหยุ่นซึ่งสัมพันธ์กับรอบรายรับของคุณ ดูค่าใช้จ่ายโดยรวมและผลกระทบต่อเงินสด ไม่ใช่แค่การชำระเงินรายเดือน เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง การจัดหาเงินทุนระยะสั้นก็จะช่วยยื้อเวลาให้คุณสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวยิ่งขึ้น
Stripe Capital จะช่วยคุณได้อย่างไร
Stripe Capital มอบโซลูชันด้านการจัดหาเงินทุนตามรายรับเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงเงินทุนเพื่อการเติบโตและรองรับความจำเป็นในระยะสั้น
Capital ช่วยให้คุณดำเนินการได้ดังต่อไปนี้
- เข้าถึงเงินทุนเพื่อการเติบโตได้เร็วขึ้น: รับการอนุมัติเงินกู้หรือการจ่ายเงินสดล่วงหน้าให้กับผู้ค้าในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการสมัครที่ยาวนานและข้อกำหนดหลักประกันของเงินกู้ธนาคารแบบดั้งเดิม
- เลือกจำนวนเงินที่เหมาะสม: รับจำนวนเงินที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ปรับจำนวนเงินในข้อเสนอของคุณได้ถึงจำนวนสูงสุดของข้อเสนอ ข้อกำหนดของข้อเสนอก็จะปรับไปตามจำนวนเงินที่คุณเลือก
- ปรับการจัดหาเงินทุนให้สอดคล้องกับรายรับของคุณ: โครงสร้างตามรายรับของ Capital จะให้คุณจ่ายเงินเป็นเปอร์เซ็นต์คงที่จากยอดขายประจำวันของคุณ ดังนั้นการชำระเงินจึงปรับตามผลการดำเนินงานของธุรกิจของคุณ หากยอดเงินที่คุณจ่ายผ่านยอดขายไม่ถึงจำนวนขั้นต่ำที่ต้องชำระในแต่ละรอบ Capital จะหักเงินส่วนที่เหลือจากบัญชีธนาคารของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดรอบบิล
- ขยายธุรกิจด้วยความมั่นใจ: มอบเงินทุนสำหรับโครงการริเริ่มเพื่อการเติบโต เช่น แคมเปญการตลาด การจ้างงานใหม่ การขยายสินค้าคงคลัง และอื่นๆ โดยไม่ทำให้มูลค่าหุ้นหรือสินทรัพย์ส่วนตัวของคุณลดลง
- ใช้ความเชี่ยวชาญของ Stripe: Capital ให้บริการโซลูชันด้านการจัดหาเงินทุนที่ออกแบบเองโดยใช้ความเชี่ยวชาญอันลึกซึ้งของ Stripe และข้อมูลการชำระเงิน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Capital จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ