ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Card Issuing API: คู่มือโดยละเอียดสําหรับธุรกิจ

Issuing
Issuing

Stripe Issuing เป็นผู้มอบระบบออกบัตรสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีบัตรกว่า 75 ล้านใบที่สร้างขึ้นในระบบ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. API การออกบัตรคืออะไร
  3. How do card issuing APIs work?
  4. ประเภทบัตรที่สามารถออกได้
  5. องค์ประกอบของAPI การออกบัตร
  6. API การออกบัตรมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
  7. ประโยชน์ของ API การออกบัตร
  8. ความท้าทายและข้อจำกัดของ API การออกบัตร
  9. ข้อควรพิจารณาด้านระเบียบข้อบังคับและความปลอดภัย
    1. ข้อควรพิจารณาด้านระเบียบข้อบังคับ
    2. ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัย
  10. How to choose a card issuing API provider
    1. Define your needs
    2. Evaluate integration tools
    3. Check compliance
    4. Ask about support
    5. Compare pricing
  11. How to get started with a card issuing API
  12. How Stripe Issuing can help

API การออกบัตรเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้โซลูชันการชำระเงินที่มีการควบคุมและความยืดหยุ่นมากขึ้น ธุรกิจสามารถใช้ API การออกบัตรเพื่อออกบัตรจริงหรือบัตรดิจิทัลได้โดยตรงจากระบบของตนเอง โดยไม่ต้องใช้บริการของบริษัทอื่น การควบคุมโดยตรงในระดับนี้จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในการออกแบบบัตรที่ตรงกับแบรนด์และกรณีการใช้งานเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายขององค์กรหรือโปรแกรมสะสมคะแนนของลูกค้า

ในขณะที่ความต้องการ API ของบัตรเชิงพาณิชย์ จะมีสูงที่สุดในเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา แต่คาดว่าความต้องการในอเมริกาเหนือจะยังคงเติบโตต่อไป

ด้านล่างนี้ เราจะดูสถาปัตยกรรม ความสามารถ และข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ของ API การออกบัตร ตลอดจนข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดและความท้าทายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเทคโนโลยีนี้

เนื้อหาหลักในบทความ

  • API การออกบัตรคืออะไร
  • API การออกบัตรทำงานอย่างไร
  • ประเภทบัตรที่สามารถออกได้
  • องค์ประกอบของ API การออกบัตร
  • API การออกบัตรมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
  • ประโยชน์ของAPI การออกบัตร
  • ความท้าทายและข้อจำกัดของ API การออกบัตร
  • ข้อควรพิจารณาด้านระเบียบข้อบังคับและความปลอดภัย
  • วิธีเลือกผู้ให้บริการ API การออกบัตร
  • วิธีเริ่มต้นใช้งาน API การออกบัตร
  • Stripe Issuing ช่วยอะไรได้บ้าง

API การออกบัตรคืออะไร

API การออกบัตร คืออินเทอร์เฟซที่มอบการเข้าถึงสถาบันการเงินหรือบริการฟินเทคเฉพาะทางแบบเป็นโปรแกรม ช่วยให้ธุรกิจออก จัดการ และควบคุมบัตรชำระเงินได้ API เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกระบวนการสำหรับการจัดการบัตรที่หลากหลาย ประกอบด้วยการสร้างบัตร การเปิดใช้งาน การบล็อก การตรวจสอบธุรกรรม และการสอบถามเกี่ยวกับยอดคงเหลือ ผ่านการผสานการทำงานฟังก์ชันเหล่านี้เข้ากับสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบเอง โดย API การออกบัตรสามารถแยกเป็นส่วนและกำหนดค่าได้อย่างหลากหลายเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งระบบการชำระเงินของตนให้ตรงตามความต้องการด้านการปฏิบัติงานและข้อกำหนดด้านระเบียบข้อบังคับโดยเฉพาะ

How do card issuing APIs work?

Here’s a more detailed look at how card issuing APIs work:

1. Trigger an API call
In the first step of the process, the business application triggers an API call to the card issuing platform. The call includes specific parameters such as the card holder’s identification information, whether the card is a debit or a credit card, and any particular card features, such as spending categories. This API call functions as a tailored instruction set, telling the card issuing platform exactly what the business needs.

2. Validate the data and check compliance
After the API call, the issuing platform undertakes a series of checks for validity and compliance. The issuing platform validates the data in the API call to make sure it conforms to predefined formats and requirements. The issuing platform also carries out compliance checks to make sure the issuing process conforms to financial regulations, such as Know Your Customer (KYC) and Anti-Money Laundering (AML) laws.

3. Communicate with the financial institutions and card networks
Once validation and compliance are confirmed, the API communicates with the relevant financial institution or card network, such as Visa or Mastercard. Often, this part of the process includes a second, more stringent layer of validation and compliance check, which reflects the specific protocols of the financial institution or card network.

4. Set up the new card
After receiving clearance from the financial institutions or card networks, the API facilitates the backend setup for the new card. This involves creating account numbers, setting transaction limits, and formulating the rules governing the card’s usage based on the initial API call’s parameters.

5. Confirm and return the data
In the final step, the API returns to the business application to confirm that the card has been issued successfully. Along with this confirmation, the API also sends back a payload of relevant data, such as the card number, expiry date, and any other parameters. The business application uses this data for subsequent tasks, such as notifying the customer or integrating with expense management systems.

Each step in this process involves high levels of customization. By using card issuing APIs, businesses can fine-tune their payment systems to meet specialized operational needs and compliance requirements.

ประเภทบัตรที่สามารถออกได้

ต่อไปนี้คือตัวอย่างประเภทของบัตรที่ธุรกิจต่างๆ สามารถออกโดยใช้ API ได้

  • บัตรเดบิตใบจริง
    บัตรเหล่านี้เป็นบัตรจริงซึ่งผูกกับบัญชีกระแสรายวันที่สามารถใช้ได้กับตู้ ATM หรือกับระบบบันทึกการขายได้ โดย API การออกบัตรสามารถกำหนดวงเงินใช้จ่ายและข้อจำกัดในการถอนเงินแบบปรับแต่งได้ รวมถึงจัดหมวดหมู่การใช้จ่ายได้ด้วย ฟีเจอร์ขั้นสูงจะประกอบด้วยการล็อกการใช้งานระดับภูมิภาค ซึ่งอนุญาตให้บัตรใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กำหนดเท่านั้น รวมถึง CVV แบบไดนามิกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นระยะเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

  • บัตรเดบิตเสมือน
    บัตรดิจิทัลเหล่านี้จะทำงานเหมือนกับบัตรจริง แต่ไม่มีองค์ประกอบทางกายภาพ โดยจะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลแทน บัตรเดบิตเสมือนมีประโยชน์สำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์ และสามารถสร้างหรือปิดใช้งานได้ตามต้องการ โดย API การออกบัตรสามารถอำนวยความสะดวกให้กับบัตรแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ปลอดภัยเป็นพิเศษหรือการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าได้

  • บัตรเครดิตใบจริง
    บัตรเครดิตใบจริงมักจะมาพร้อมกับความซับซ้อนที่มากขึ้น เช่น การตรวจสอบเครดิตและอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย โดย API การออกบัตรสามารถทำงานร่วมกับโมดูลอื่นๆ ที่จัดการการประเมินเครดิต การประเมินความเสี่ยง และการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายเหล่านี้ได้ ส่วน API บางอย่างอาจสามารถจัดการระบบรางวัลหรือคะแนนสะสมที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตได้

  • บัตรเครดิตเสมือน
    บัตรเครดิตใบจริงในเวอร์ชันดิจิทัลเหล่านี้มีไว้สำหรับการซื้อออนไลน์ โดยสามารถใช้จ่ายเป็นรูปแบบเครดิตเหมือนกัน แต่เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งให้กับธุรกรรมดิจิทัล บัตรดิจิทัลเหล่านี้มักจะออกได้ง่ายและรวดเร็วกว่าบัตรเครดิตใบจริง โดย API การออกบัตรอาจมีฟีเจอร์สำหรับกำหนดวงเงินใช้จ่ายระยะสั้น หรือแม้แต่การสร้างบัตรที่หมดอายุหลังการใช้งานครั้งเดียว

  • บัตรเติมเงิน
    บัตรเหล่านี้มียอดคงเหลือที่เติมไว้ล่วงหน้าและใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร โดย API การออกบัตร มักจะจัดการการออกบัตรเติมเงินหลายรายการพร้อมกัน ซึ่งมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นของขวัญหรือการเบิกจ่ายเงินสด และสามารถกำหนดข้อจำกัดเฉพาะเช่น วันหมดอายุและหมวดหมู่ผู้ค้าที่ได้รับอนุญาตได้

  • บัตรองค์กร
    บัตรเหล่านี้มีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น วงเงินใช้จ่ายตามแผนกและการวิเคราะห์ธุรกรรมขั้นสูงที่เหมาะกับการใช้งานทางธุรกิจ โดย API การออกบัตรสามารถผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์การจัดการค่าใช้จ่ายของธุรกิจและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมหลายสกุลเงินและการใช้งานในต่างประเทศ

  • บัตรแบบร่วมแบรนด์และมีแบรนด์ของตัวเอง
    API การออกบัตรจะช่วยให้ธุรกิจเป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินเพื่อออกบัตรที่มีการสร้างแบรนด์จากทั้งสองฝ่ายได้ บัตรเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับโปรแกรมคะแนนสะสมเฉพาะและ API จะมีโมดูลเฉพาะสำหรับการจัดการการเป็นพาร์ทเนอร์และการให้คะแนนสะสม

ธุรกิจสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ของบัตรใบจริง (หรือดิจิทัล) และลักษณะการทำงานของบัตรแต่ละประเภทได้ การปรับแต่งได้ในระดับสูงนี้ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการด้านการดำเนินงานและการปฏิบัติตามข้อกำหนดเฉพาะทางได้

องค์ประกอบของAPI การออกบัตร

API การออกบัตรทำได้มากกว่าแค่สร้างบัตรชำระเงินใหม่ นี่คือองค์ประกอบหลักที่ควรรู้

  • โมดูลการสร้างและการจัดการบัตร
    โมดูลเหล่านี้ดูแลการออกบัตรและควบคุมการใช้บัตรใบจริงและบัตรดิจิทัล โดยมีตัวเลือกสำหรับการออกบัตรทันทีหรือทยอยออกบัตรตามกฎและเงื่อนไขที่บริษัทผู้ออกบัตรกำหนด ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้โมดูลเหล่านี้เพื่อปรับลักษณะการทำงานของบัตรหลังออกบัตรได้ เช่น เปลี่ยนแปลงวงเงินใช้จ่าย เปลี่ยนสถานะการใช้งานของบัตร หรือจำกัดการใช้งานเฉพาะธุรกรรมบางประเภทได้

  • การอนุมัติและการจัดการธุรกรรม
    องค์ประกอบเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นด่านหน้าเพื่อประเมินว่าธุรกรรมบัตรแต่ละรายการควรได้รับอนุญาตหรือถูกปฏิเสธ รวมถึงประมวลผลข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์และเปรียบเทียบกับกฎหรือข้อจำกัดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น หากบัตรมีการบล็อกรหัสหมวดหมู่ผู้ค้า (MCC) เฉพาะ องค์ประกอบนี้จะปฏิเสธธุรกรรมจากหมวดหมู่ที่ถูกจำกัด

  • การประเมินความเสี่ยงและการตรวจจับการฉ้อโกง
    องค์ประกอบเหล่านี้ใช้อัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมและรายงานกิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง และยังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับชุดข้อมูลต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ข้อมูลเครดิตบูโรหรือบริการตรวจจับการฉ้อโกงของบุคคลที่สาม ส่วนนี้ของ API จะมีการประเมินอย่างละเอียด โดยใช้ตัวแปรหลายตัว เช่น ความรวดเร็วของธุรกรรม รูปแบบทางภูมิศาสตร์ และฐานข้อมูลด้านการฉ้อโกงที่รู้จัก

  • การจัดการบัญชีและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
    ส่วนนี้ของ API ช่วยให้มั่นใจว่าบัตรที่ออกทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับระดับท้องถิ่น รัฐบาลกลาง และระดับสากล ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันนี้จะตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS), กฎต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และข้อกำหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรายงานสำหรับการตรวจสอบภายในและภายนอกได้ด้วย

  • การรายงานและการวิเคราะห์
    องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลโดยให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการใช้จ่าย อัตราการอนุมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย และสามารถสร้างรายงานแบบเรียลไทม์และผสานการทำงานกับระบบข้อมูลธุรกิจที่มีอยู่เพื่อให้มุมมองที่สอดคล้องกันเกี่ยวกับการทำงานของบัตร

  • การชำระเงินและการกระทบยอด
    โมดูลเหล่านี้มุ้งเน้นที่การดำเนินการกับธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์และกระทบยอดกับบันทึกของบริษัทผู้ออกบัตร ซึ่งขั้นตอนนี้มักเกี่ยวข้องกับการคำนวณในการกำหนด ค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร การเรียกเก็บเงินผ่านเครือข่ายบัตร และข้อมูลทางการเงินอื่นๆ นอกจากนี้ ยังกำหนดโครงสร้างสำหรับการแก้ไขการโต้แย้งการชำระเงินและการดึงเงินคืนด้วย

  • การจัดการโปรแกรมแลกรางวัลและสะสมคะแนน
    องค์ประกอบนี้ช่วยให้บริษัทผู้ออกบัตรกำหนด จัดสรร และจัดการคะแนนสะสมหรือข้อเสนอเงินคืนที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตร องค์ประกอบขั้นสูงนี้ยังรองรับระบบคะแนนสะสมแบบกำหนดระดับ โปรโมชันตามช่วงเทศกาล หรือการเป็นพาร์ทเนอร์กับโปรแกรมสะสมคะแนนของบริษัทอื่นด้วย

API การออกบัตรมีองค์ประกอบที่หลากหลายแต่เชื่อมต่อถึงกัน ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ออกบัตรและจัดการโปรแกรมบัตรโดยใช้รายละเอียดจำนวนมากทั้งในเชิงลึกและละเอียดได้ ธุรกิจสามารถปรับแต่งโปรแกรมบัตรให้เหมาะกับข้อกำหนดด้านการปฏิบัติงาน โปรไฟล์ความเสี่ยง และวัตถุประสงค์ของธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงได้

API การออกบัตรมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด

API การออกบัตรช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะ

  • โซลูชันการจัดการค่าใช้จ่าย
    ธุรกิจต่างๆ ใช้ API เพื่อสร้างบัตรองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่งใช้นโยบายด้านการใช้จ่ายกับพนักงานได้โดยอัตโนมัติ บัตรเหล่านี้สามารถออกได้กำหนดวงเงินไว้ล่วงหน้าสำหรับค่าใช้จ่ายบางประเภท หรือแม้กระทั่งมีการใช้งานตามกำหนดเวลา ตัวอย่างเช่น นายจ้างสามารถตั้งค่าให้บัตรทำงานได้เฉพาะกับการเดินทางเพื่อธุรกิจที่เจาะจง และจำกัดการใช้งานในการเดินทางทั่วไปและค่าอาหาร

  • แพลตฟอร์มบริการแบบออนดีมานด์
    ธุรกิจที่ดำเนินงานบนแพลตฟอร์มงานอิสระหรือบริการแบบออนดีมานด์อื่นๆ สามารถใช้ API เหล่านี้ในการออกบัตรเบิกจ่ายให้แก่ลูกจ้างได้ โดยจะช่วยลดอุปสรรคในการผสานการทำงานกับระบบธนาคารต่างๆ สำหรับการโอนเงินโดยตรง ผู้ทำงานจึงได้รับเงินของตนทันที และช่วยให้ผู้ทำงานมีความพึงพอใจและทุ่มเทกับงานมากขึ้น

  • แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสและอีคอมเมิร์ซ
    สำหรับแพลตฟอร์มที่มีผู้ให้บริการหลายราย API การออกบัตรสามารถอำนวยความสะดวกในการสร้าง "บัญชีย่อย" ที่ผูกกับบัญชีธุรกิจหลัก บัญชีย่อยเหล่านี้จะได้รับเงินแบบเรียลไทม์ตามยอดขาย การคืนเงิน หรือปัจจัยอื่นๆ กระบวนการนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการเข้าถึงรายได้ของตนได้รวดเร็วขึ้น และมอบการทำงานที่โปร่งใสด้านการเงินร่วมกับแพลตฟอร์ม

  • โปรแกรมด้านการดูแลสุขภาพและสวัสดิการ
    ธุรกิจบางแห่งใช้ API การออกบัตรเพื่อสร้างบัญชีค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพเฉพาะทาง บัญชีเหล่านี้ถูกจำกัดไว้ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และมักจะเป็นไปตามข้อบังคับของบัญชีออมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (HSA) หรือบัญชีการใช้จ่ายที่ยืดหยุ่น (FSA) การกำหนดค่าขั้นสูงนี้สามารถจำกัดการใช้เฉพาะกับผู้ให้บริการหรือบริการทางการแพทย์บางประเภทได้ ทำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดได้มากขึ้นพร้อมกับลดภาระด้านการดูแลระบบ

  • โปรแกรมคะแนนสะสมและแลกรางวัล
    โปรแกรมสะสมคะแนนแบบดั้งเดิมมักจะใช้คะแนนหรือเครดิตแบบดิจิทัล แต่บัตรที่ออกผ่าน API สามารถทำหน้าที่เป็นบัตรสะสมคะแนนแบบมีแบรนด์ได้ ธุรกิจสามารถโอนคะแนนสะสมเพื่อรับเงินคืนไปยังบัตรเหล่านี้ได้โดยตรง หรือกำหนดค่าเพื่อมอบส่วนลดที่จุดขายก็ได้ วิธีนี้สามารถช่วยกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำและช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้

  • ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวและการเดินทาง
    บริษัทในภาคธุรกิจนี้สามารถใช้ API เพื่อออกบัตรสำหรับการเดินทางโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถเติมเงินในหลายๆ สกุลเงิน และช่วยให้ผู้เดินทางจัดการการเงินของตนในต่างประเทศได้สะดวก นอกจากนี้ บัตรเหล่านี้ยังสามารถกำหนดค่าด้วยฟีเจอร์ประกันภัยการเดินทางหรือรายละเอียดการติดต่อฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น

  • โซลูชันการชำระเงินแบบ B2B
    ธุรกิจสามารถออกบัตรให้กับพันธมิตรหรือผู้ขายผ่าน API การออกบัตร เพื่อการออกใบแจ้งหนี้และการชำระเงินที่ง่ายดาย แทนที่จะต้องตัดเช็คหรือโอนเงินระหว่างธนาคาร ธุรกิจสามารถประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดได้ด้วยการเติมเงินให้กับบัตรเหล่านี้ได้ทันทีด้วยจำนวนเงินที่ชำระจริง โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าธุรกรรมทั่วโลกของตลาดการชำระเงินแบบ B2B จะสูงถึง 213.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2032 ซึ่งหมายความว่าการลดความซับซ้อนของกระบวนการชำระเงินอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ

API การออกบัตรเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับธุรกิจ และสามารถเป็นวิธีการที่จะพลิกโฉมกระบวนการดำเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติ และช่วยปรับปรุงการดำเนินงานด้านการเงินในอุตสาหกรรมหลากหลายแขนงให้ดีขึ้นได้

ประโยชน์ของ API การออกบัตร

การนำ API การออกบัตรไปใช้อาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจได้ในหลายวิธี ประโยชน์โดยละเอียดมีดังนี้

  • ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
    การใช้ API การออกบัตรช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กับการหลีกเลี่ยงระยะเวลารอคอยที่ยาวนานแบบเดิมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ การเป็นพาร์ทเนอร์ และการพัฒนาต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกที่ต้องการเปิดตัวโปรแกรมสะสมคะแนน ไม่จำเป็นต้องสร้างโครงสร้างทางการเงินขึ้นมาใหม่ทั้งหมดหากใช้เทคโนโลยีนี้ แต่สามารถใช้ API เพื่อเปิดตัวบัตรที่มีแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระบบสะสมคะแนนในตัว ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องใช้กระบวนการที่กินระยะเวลานาน

  • การแสดงข้อมูลทางการเงิน
    ด้วยฟังก์ชันในการรายงานเชิงลึก API การออกบัตรจะช่วยให้ธุรกิจมีข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่าย การจัดสรรทรัพยากร และอื่นๆ ได้อย่างลึกซึ้ง ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ทันทีผ่านแดชบอร์ด โดยจะช่วยให้สามารถปรับงบประมาณและนโยบายการใช้จ่ายขององค์กรได้แบบเรียลไทม์

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการจัดการความเสี่ยง
    การจัดการกับระเบียบข้อบังคับทางการเงินเป็นงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและการจัดสรรทรัพยากรจำนวนมาก โดย API การออกบัตรมักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายในตัว ซึ่งจะจัดการข้อกำหนดเกี่ยวกับ KYC, กฎ AML และระเบียบข้อบังคับเฉพาะในระดับภูมิภาคหรือเฉพาะภาคอื่นๆ ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยลดความจำเป็นที่ธุรกิจจะต้องใช้ทีมกฎหมายเฉพาะทางเพื่อดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายการเงินต่างๆ

  • การปรับแต่งและการควบคุม
    ข้อดีหลักอย่างหนึ่งของการใช้ API สำหรับการออกบัตรคือการปรับแต่งพารามิเตอร์ของการทำงานของบัตรให้เหมาะสม ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจะควบคุมวงเงินใช้จ่าย ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ และประเภทธุรกรรมที่อนุญาตได้ ตัวเลือกเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการจัดการค่าใช้จ่าย ซึ่งธุรกิจสามารถลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และทำให้การบังคับใช้นโยบายมีความชัดเจนมากขึ้น

  • ความเร็วในการติดตั้งใช้งาน
    การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบเดิมๆ อาจล่าช้าขึ้น เนื่องจากมีข้อกำหนดทางกฎหมายและปัญหาทางเทคนิค โดย API การออกบัตรจะช่วยเร่งกระบวนการนี้ได้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก API มักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์สำเร็จรูปและผ่านการทดสอบมาแล้ว ธุรกิจจึงสามารถนำเสนอแนวคิดออกสู่ตลาดได้ในเวลาอันรวดเร็ว

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย
    การสร้างบริการทางการเงินมักจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในหลายด้าน ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงาน โซลูชัน API ต่างจากตัวเลือกแบบแยกส่วน เนื่องจากจะอยู่ในรูปแบบของบริการในตัวพร้อมโครงสร้างค่าบริการที่โปร่งใส ทำให้ธุรกิจมีแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง และหลีกเลี่ยงการมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเกี่ยวกับการสร้างระบบเองภายใน

  • ความสามารถในการขยาย
    เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ความต้องการด้านการจัดการทางการเงินก็อาจมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ API การออกบัตรจะนำเสนอโซลูชันที่ปรับขนาดได้และสามารถปรับให้เข้ากับธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเพิ่มบัตรใหม่หรือการผสานการทำงานรวมบริการเพิ่มเติม เช่น การรองรับหลายสกุลเงิน ที่ API ก็สามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจได้ โดยไม่ต้องปรับปรุงระบบทั้งหมด

API การออกบัตรจะช่วยให้ธุรกิจมีวิธีที่คล่องตัว ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เป็นไปตามข้อกำหนด และปรับแต่งได้ในการจัดการธุรกรรมและนโยบายทางการเงินต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนได้

ความท้าทายและข้อจำกัดของ API การออกบัตร

แม้ว่า API การออกบัตรจะให้ประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายและข้อจำกัดที่ธุรกิจต้องพิจารณา นี่คือความท้าทายบางส่วนเหล่านี้

  • การพึ่งพาผู้ให้บริการ
    การพึ่งพา API ของบุคคลที่สามในการทำธุรกรรมทางการเงินอาจนำไปสู่การพึ่งพาผู้ให้บริการ API หากผู้ให้บริการตัดสินใจเปลี่ยนราคา ข้อกำหนดในการให้บริการ หรือแม้แต่ยุติ API อาจทำให้ธุรกิจตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบากได้ การเลิกพึ่งพาผู้ให้บริการนี้และการย้ายไปยังระบบใหม่อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการลงทุนเป็นอย่างมาก

  • ข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล
    ข้อมูลทางการเงินมักเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ เมื่อใช้ API จากบริษัทภายนอกกับการออกบัตร ธุรกิจต่างๆ ต้องให้ความไว้วางใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ให้บริการดังกล่าวด้วย แม้ว่าผู้ให้บริการ API จะมีโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยที่ทั่วถึง แต่ทุกระบบก็ล้วนมีความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูล ซึ่งความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาจนำมาสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงต่อธุรกิจได้

  • ตัวเลือกการปรับแต่งที่จำกัด
    แม้ API การออกบัตรจะมีฟีเจอร์และฟังก์ชันมากมายแต่อาจจะไม่ครอบคลุมถึงความต้องการเฉพาะทางทุกด้านของธุรกิจ โดยอาจปรับแต่งในด้านที่นอกเหนือจากขอบเขตของ API ได้ยาก และต้องใช้กระบวนการทำงานที่ซับซ้อน ข้อจำกัดนี้อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากเป็นพิเศษต่อธุรกิจที่มีข้อกำหนดเฉพาะเจาะจงหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

  • ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    แม้ว่าหลาย API การออกบัตรจะอ้างว่าสามารถจัดการการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ แต่ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดคือธุรกิจที่ใช้บริการดังกล่าว กฎหมายเกี่ยวกับบริการทางการเงินอาจแตกต่างกันอย่างมากตามเขตอำนาจศาลต่างๆ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ธุรกิจต้องคอยติดตามและปรับเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย ซึ่งอาจสร้างภาระงานที่หนัก แม้ API จะช่วยได้บางส่วนก็ตาม

  • ความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น
    การผสานการทำงาน API การออกบัตรเข้ากับระบบธุรกิจที่ใช้อยู่อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิค แม้ตัว API เองจะได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แต่การตั้งค่าเริ่มต้นมักจะมีหลายขั้นตอน เช่น การย้ายข้อมูล การทดสอบระบบ และการฝึกอบรมพนักงาน งานเหล่านี้อาจใช้เวลานานและใช้ทรัพยากรที่แตกต่างจากการดำเนินงานอื่นๆ

  • เวลาหน่วงและระยะเวลาหยุดทำงาน
    API ทุกรายการอาจมีระยะเวลาหยุดทำงานเป็นครั้งคราวเมื่อต้องบำรุงรักษาหรือเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ในภาคธุรกิจการเงิน ความไม่พร้อมใช้งานแค่เวลาสั้นๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ ในขณะที่เวลาหน่วงเล็กน้อยในการประมวลผลธุรกรรมอาจส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของลูกค้าได้

  • การใช้จ่ายเกิน
    แม้ว่า API มักจะมีค่าบริการที่โปร่งใส แต่สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเกินค่าประมาณเบื้องต้นได้ ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบล่วงหน้า สำหรับธุรกิจ การวางแผนในสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดทางการเงิน

  • ข้อจำกัดด้านการขยายธุรกิจ
    แม้ว่า API การออกบัตรจะสร้างขึ้นเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขีดจำกัดด้านความรวดเร็วในการปรับตัวตามความต้องการที่เปลี่ยนไป หากธุรกิจมีการเติบโตสูงกว่าที่คาดไว้มาก อาจพบว่า API ไม่สามารถขยายขอบเขตได้อย่างรวดเร็วพอที่จะตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ได้โดยไม่เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ

แม้ว่า API การออกบัตรจะช่วยพลิกโฉมวิธีการทำธุรกรรมทางการเงินได้ แต่ธุรกิจต่างๆ จะต้องใช้การวางแผนอย่างถี่ถ้วนและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับความท้าทายและข้อจำกัดเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อควรพิจารณาด้านระเบียบข้อบังคับและความปลอดภัย

การใช้ API การออกบัตรมาพร้อมความท้าทายเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาด้านระเบียบข้อบังคับและความปลอดภัยโดยเฉพาะที่ธุรกิจต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ซึ่งประกอบด้วย

ข้อควรพิจารณาด้านระเบียบข้อบังคับ

  • ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น
    บริการทางการเงินต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับหลายข้อที่แตกต่างกันออกไปตามเขตอำนาจศาล ไม่ว่าจะเป็นระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) ในยุโรป หรือกฎหมายปฏิรูปการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภคดอดด์-แฟรงค์วอลล์สตรีท ในสหรัฐฯ ธุรกิจต่างๆ ต้องมั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายทั้งในระดับท้องถิ่นและระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน การติดตามความเปลี่ยนแปลงของระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างใกล้ชิดและทำการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ

  • กฎ "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) และการต่อด้านการฟอกเงิน (AML)
    ในขณะที่ผู้ให้บริการ API หลายรายสามารถตรวจสอบการปฏิบัติตาม KYC และ AML ได้ในระดับหนึ่งจากบริการของตน แต่การปฏิบัติตามข้อกำหนดอยู่เสมอนั้นเป็นความรับผิดชอบของธุรกิจโดยตรง ธุรกิจต่างๆ ต้องยืนยันตัวตนของลูกค้าและตรวจสอบธุรกรรมเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย

  • มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS)
    แม้ว่า API การออกบัตรส่วนใหญ่จะอ้างว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI แต่ธุรกิจต่างๆ ไม่ควรยึดปัจจัยข้อนี้โดยสมบูรณ์ แต่ต้องดำเนินการตรวจสอบสถานะด้วยตัวเองร่วมด้วยเพื่อยืนยันว่าข้อมูลธุรกรรมทั้งหมดได้รับการจัดการตามข้อกำหนดของ PCI

ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัย

  • การเข้ารหัสข้อมูล
    ข้อมูลที่ส่งทั้งหมดโดยเฉพาะข้อมูลทางการเงิน ควรได้รับการเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพและเป็นปัจจุบัน ผู้ให้บริการ API หลายแห่งเสนอการเข้ารหัสรวมอยู่ในบริการ แต่ธุรกิจต่างๆ ก็ควรใช้มาตรการการเข้ารหัสของตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยเช่นกัน

  • การควบคุมสิทธิ์เข้าถึง
    ธุรกิจต่างๆ ควรมีการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุมัติวงเงินหลายระดับเพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เหลือน้อยที่สุด โดยสามารถใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA) และนโยบายรหัสผ่านที่รัดกุมเป็นแนวทางหลัก แต่อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมอย่างการยืนยันข้อมูลไบโอเมตริก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของธุรกิจ

  • ความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลและการตรวจสอบบัญชี
    ควรมีการตรวจสอบบัญชีและการตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์อยู่เป็นประจำในทุกระบบธุรกรรมทางการเงิน ธุรกิจควรสร้างมาตรการแบบต่อเนื่องเพื่อยืนยันว่าข้อมูลมีความถูกต้องสมบูรณ์และไม่มีการดัดแปลงแก้ไข โดยมักต้องใช้การดูแลรักษาบันทึกที่ปลอดภัยและการใช้วิธี Checksum

  • แผนรับมือกับเหตุการณ์
    ไม่มีระบบใดที่ไม่เคยล่ม ในกรณีที่มีการละเมิดหรือระบบล่ม การมีแผนรับมือกับปัญหาที่ครอบคลุมจะช่วยลดความเสียหายได้ แผนรับมือกับเหตุการณ์ที่มีประสิทธิภาพควรมีขั้นตอนในการแยกระบบที่ได้รับผลกระทบออกมาและแจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบเพิ่มเติม นอกเหนือจากการจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาและกู้คืนบริการ

  • การประเมินความเสี่ยงของผู้ให้บริการ
    ธุรกิจควรทำการประเมินความเสี่ยงอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกผู้ให้บริการ API เพื่อประเมินโปรโตคอลความปลอดภัยของผู้ให้บริการ วิธีนี้อาจรวมถึงการตรวจสอบมาตรฐานรับรองความปลอดภัยของผู้ให้บริการ การตรวจสอบประวัติเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย และการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยโดยใช้บริษัทภายนอก

สำหรับธุรกิจ การใช้ API การออกบัตรหมายถึงความรับผิดชอบที่นอกเหนือจากการผสานการทำงานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ การทำความเข้าใจข้อพิจารณาด้านการกำกับดูแลและการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สามารถช่วยให้ธุรกิจบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

How to choose a card issuing API provider

Choosing a card issuing API provider is a strategic decision that depends on your specific business goals, but there are a few considerations that apply to any business. Here’s a step-by-step guide.

Define your needs

It’s important to determine how you plan to use a card issuing API before looking at providers. Do you want to issue virtual cards for online payments? Do you want to create physical cards for employees? Do you want to generate cards for a loyalty program? Once you understand your use case, you can determine which features you need.

Evaluate integration tools

Detailed documentation and developer tools make integrating a card issuing API much easier. Look for a provider that offers software development kits (SDKs) or client libraries, a sandbox environment for testing, and webhooks for real-time updates.

Check compliance

Whichever provider you choose should comply with global standards such as PCI DSS and KYC regulations. If you operate globally, assess whether providers meet the legal requirements in each region and stay on top of regulatory changes.

Ask about support

If you experience issues with your API, you want to know that the provider will be easy to reach. Ask how you can reach customer support, how quickly they respond on average, and whether you’ll have a dedicated success manager.

Compare pricing

Review each provider’s pricing structure and make sure you understand the cost breakdown. Card issuance fees, monthly maintenance fees, transaction fees, and platform fees are all typical, but look for signs of hidden fees. Ask for a quote if pricing isn’t public.

How to get started with a card issuing API

After you choose a provider, there are a few steps you need to take to get started with your card issuing API. Here's a roadmap to launching your own card issuing program:

  1. Sign up and get API access: Create an account with your provider and review the API documentation.
  2. Integrate the API: Connect the API to your existing systems, typically using an API key.
  3. Set up card management: Establish spending controls and limits, and build a user interface (UI) for customers, if applicable.
  4. Test: Simulate user signups, card creation, spending, and errors to ensure everything behaves correctly.
  5. Go live: Once you know everything is working, you can launch your issuing program.

Continue monitoring card issuance and usage after you go live and make improvements as needed.

How Stripe Issuing can help

Stripe Issuing allows you to easily create, distribute, and manage custom cards—generating new revenue streams and enhancing your customer experience.

Issuing can help you:

  • Launch new card products: Quickly create physical, virtual, or tokenized cards customized to your specific business needs—whether that’s expense cards, rewards, or something else.
  • Improve operational efficiency: Automate card issuance and management through Stripe’s APIs, reducing the complexity of working with multiple card issuers.
  • Enhance customer experience: Offer your customers a branded card experience that integrates seamlessly with your existing products and services.
  • Gain visibility and control: Access detailed transaction data and controls to monitor card usage, set spending limits, and suspend cards when needed.
  • Expand revenue opportunities: Monetize your card programs by collecting shared interchange revenue or by offering value-added services.
  • Access Stripe’s expertise: Benefit from robust infrastructure and compliance support, influenced by Stripe’s experience powering card programs for leading companies.

Learn more about how Stripe Issuing can help you drive growth with custom card programs, or get started today.

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Issuing

Issuing

ระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Stripe Docs เกี่ยวกับ Issuing

ดูวิธีใช้ Stripe Issuing API สร้าง จัดการ และแจกจ่ายบัตรชำระเงินสำหรับธุรกิจของคุณ