ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Card Issuing API: คู่มือโดยละเอียดสําหรับธุรกิจ

Issuing
Issuing

Stripe Issuing เป็นผู้มอบระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีบัตรกว่า 200 ล้านใบที่สร้างขึ้นในระบบ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. Card Issuing API คืออะไร
  3. Card Issuing API ทํางานอย่างไร
  4. ประเภทบัตรที่สามารถออกได้
  5. องค์ประกอบของ Card Issuing API
  6. Card Issuing API
  7. ประโยชน์ของ Card Issuing API
  8. ความท้าทายและข้อจํากัดของ Card Issuing API
  9. ข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัย
    1. ข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    2. ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัย

Card Issuing API เป็นเครื่องมือที่จะพลิกโฉมธุรกิจที่ต้องการติดตั้งใช้งานโซลูชันการชําระเงินที่มีการควบคุมและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น API เหล่านี้ช่วยให้องค์กรออกบัตรจริงหรือบัตรดิจิทัลได้โดยตรงจากระบบของตัวเอง โดยไม่จําเป็นต้องใช้บริการของบริษัทอื่น การควบคุมโดยตรงในระดับนี้ช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสใหม่ๆ ในการออกแบบบัตรที่ตรงกับแบรนด์และกรณีการใช้งานเฉพาะของตน ไม่ว่าจะเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายขององค์กรหรือโปรแกรมสะสมคะแนนของลูกค้าก็ตาม แม้ว่ารายงานจาก Citigroup ปี 2022 จะพบว่าความต้องการใช้งานAPI ของบัตรเพื่อธุรกิจมีอัตราสูงสุดในเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา แต่ก็คาดการณ์ว่าความต้องการใช้งานในอเมริกาเหนือจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ระยะเวลาที่ธุรกิจสามารถออกและนําบัตรเหล่านี้ไปใช้ก็เป็นประโยชน์หลักอีกอย่างหนึ่งของ Card Issuing API วิธีการแบบดั้งเดิมมักจะมีกระบวนการที่ยุ่งยากและใช้เวลารอนาน แต่ API ได้ขจัดอุปสรรคเหล่านี้ไปได้จำนวนมาก ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถออกบัตรได้แทบจะทันที ซึ่งช่วยให้ตอบสนองความต้องการในตลาดได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถในการนําไปใช้งานอย่างรวดเร็วนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในภาคธุรกิจ เช่น ฟินเทค การค้าปลีก และบริการแบบออนดีมานด์ ซึ่งมีระยะเวลาเป็นปัจจัยสำคัญ

นอกจากนี้ Card Issuing API ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสและการกํากับดูแลทางการเงินอีกด้วย บริษัทต่างๆ สามารถติดตามการใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ กําหนดวงเงินใช้จ่าย และแม้แต่จัดหมวดหมู่ธุรกรรมเพื่อให้ทําบัญชีได้ง่ายขึ้น เมื่อธุรกิจต้องการเพิ่มผลลัพธ์และจัดสรรทรัพยากรให้ดียิ่งขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้จึงสร้างประโยชน์ให้ได้อย่างมาก Card Issuing API คือโซลูชันที่มองการณ์ไกลสําหรับธุรกิจที่ต้องการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของการชําระเงิน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก็ยังคงต้องศึกษาและวางแผนอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเริ่มใช้งาน

ด้านล่างนี้ เราจะมาสํารวจสถาปัตยกรรม ฟังก์ชัน และข้อดีในเชิงกลยุทธ์ของ Card Issuing API นอกจากนี้ เราจะมาพูดถึงข้อควรพิจารณาในการปฏิบัติตามข้อกําหนดและความท้าทายที่ธุรกิจควรพิจารณาด้วย สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนใช้งานมีดังนี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • Card Issuing API คืออะไร
  • Card Issuing API ทํางานอย่างไร
  • ประเภทบัตรที่สามารถออกได้
  • องค์ประกอบของ Card Issuing API
  • Card Issuing API มีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
  • ประโยชน์ของ Card Issuing API
  • ความท้าทายและข้อจํากัดของ Card Issuing API
  • ข้อควรพิจารณาด้านกฎหมายและการรักษาความปลอดภัย

Card Issuing API คืออะไร

Card Issuing API คืออินเทอร์เฟซที่มอบการเข้าถึงสถาบันการเงินหรือบริการฟินเทคเฉพาะทางแบบเป็นโปรแกรม ช่วยให้ธุรกิจออก จัดการ และควบคุมบัตรชําระเงินได้ API เหล่านี้ทําหน้าที่เป็นกระบวนการสําหรับงานหลากหลายประเภท ประกอบด้วยการสร้างบัตร การเปิดใช้งาน การบล็อก การตรวจสอบธุรกรรม และการสอบถามเกี่ยวกับยอดคงเหลือ ผ่านการเชื่อมต่อฟังก์ชันเหล่านี้เข้ากับสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบเอง API เหล่านี้สามารถแยกเป็นส่วนและกําหนดค่าได้อย่างหลากหลาย ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งระบบการชําระเงินของตนให้ตรงตามความต้องการด้านการปฏิบัติงานและข้อกําหนดทางกฎหมายโดยเฉพาะ

Card Issuing API ทํางานอย่างไร

วิธีการใช้งาน Card Issuing API แบบละเอียดมีดังนี้

  • การเริ่มต้นการเรียกใช้ API
    ในขั้นตอนแรกของกระบวนการ แอปพลิเคชันสําหรับธุรกิจจะทริกเกอร์การเรียกใช้ API ไปยังแพลตฟอร์มที่ออกบัตร การเรียกใช้จะมีพารามิเตอร์เฉพาะ เช่น ข้อมูลระบุตัวตนของลูกค้า การระบุว่าบัตรดังกล่าวเป็นบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต และฟีเจอร์บัตรต่างๆ เช่น หมวดหมู่การใช้จ่าย ฟังก์ชันการเรียกใช้ API นี้เป็นชุดคําสั่งที่ปรับแต่งให้เหมาะกับคุณ โดยเป็นการแจ้งแพลตฟอร์มที่ออกบัตรเกี่ยวกับความต้องการของธุรกิจ

  • การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    หลังจากเรียกใช้ API แล้ว แพลตฟอร์มที่ออกบัตรจะตรวจสอบความถูกต้องและการปฏิบัติตามข้อกําหนดตามชุดกระบวนการ แพลตฟอร์มที่ออกบัตรจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในการเรียกใช้ API เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามรูปแบบและข้อกําหนดที่ตั้งไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้ แพลตฟอร์มที่ออกบัตรยังดําเนินการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนดเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการออกบัตรเป็นไปตามข้อบังคับทางการเงิน เช่น กฎหมาย "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) และกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML)

  • การสื่อสารกับสถาบันการเงินและเครือข่ายบัตร
    เมื่อได้รับการยืนยันการตรวจสอบความถูกต้องและการปฏิบัติตามข้อกําหนดแล้ว API จะสื่อสารกับสถาบันการเงินหรือเครือข่ายบัตรที่เกี่ยวข้อง เช่น Visa หรือ Mastercard ขั้นตอนนี้ในกระบวนการมักจะประกอบด้วยการตรวจสอบความถูกต้องและการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามโปรโตคอลที่กำหนดโดยสถาบันการเงินหรือเครือข่ายบัตร

  • การสร้างบัญชีแบ็กเอนด์
    หลังจากได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินหรือเครือข่ายบัตรแล้ว API จะช่วยอํานวยความสะดวกในการสร้างแบ็กเอนด์สําหรับบัตรใหม่ ซึ่งจะมีการสร้างหมายเลขบัญชี การกําหนดวงเงินธุรกรรม และการกําหนดกฎที่ใช้ควบคุมโดยอิงตามพารามิเตอร์ของการเรียกใช้ API เริ่มต้น

  • การยืนยันและการส่งกลับข้อมูล
    ในขั้นตอนสุดท้าย API จำย้อนกลับไปที่แอปพลิเคชันธุรกิจเพื่อยืนยันว่าออกบัตรเรียบร้อยแล้ว นอกจากการยืนยันนี้แล้ว API จะส่งเพย์โหลดของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกลับมาด้วย เช่น หมายเลขบัตร วันหมดอายุ และพารามิเตอร์อื่นๆ แอพลิเคชันธุรกิจจะใช้ข้อมูลนี้สําหรับงานในส่วนถัดไป เช่น การแจ้งลูกค้าหรือการเชื่อมต่อการทำงานกับระบบการจัดการค่าใช้จ่าย

แต่ละขั้นตอนในกระบวนการนี้ต้องใช้การปรับแต่งและความเฉพาะตัวในระดับสูง การใช้ Card Issuing API ช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งระบบการชําระเงินของตนให้ตรงตามความจำเป็นด้านการปฏิบัติงานและข้อบังคับที่เฉพาะเจาะจงได้

ประเภทบัตรที่สามารถออกได้

ต่อไปนี้คือตัวอย่างประเภทของบัตรที่ธุรกิจต่างๆ สามารถออกโดยใช้ API ได้

  • บัตรเดบิตใบจริง
    บัตรเหล่านี้เป็นบัตรจริงซึ่งผูกกับบัญชีกระแสรายวันที่สามารถใช้ได้กับตู้ ATM หรือกับระบบบันทึกการขาย Card Issuing API สามารถกําหนดวงเงินใช้จ่ายและข้อจํากัดในการถอนเงินแบบปรับแต่งได้ รวมถึงจัดหมวดหมู่การใช้จ่ายได้ด้วย ฟีเจอร์ขั้นสูงจะประกอบด้วยการล็อกการใช้งานระดับภูมิภาค ซึ่งจํากัดให้บัตรใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กําหนดเท่านั้น รวมถึง CVV แบบไดนามิกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นระยะเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

  • บัตรเดบิตดิจิทัล
    บัตรดิจิทัลเท่านั้นเหล่านี้จะมีหน้าที่คล้ายกับบัตรจริง แต่ไม่มีองค์ประกอบทางกายภาพ บัตรเดบิตดิจิทัลมีประโยชน์สําหรับธุรกรรมออนไลน์ และสามารถสร้างหรือปิดใช้ได้ตามต้องการ Card Issuing API สามารถอํานวยความสะดวกให้กับบัตรแบบใช้ครั้งเดียวเพื่อการทําธุรกรรมออนไลน์ที่ปลอดภัยเป็นพิเศษ หรือการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

  • บัตรเครดิตใบจริง
    บัตรเครดิตใบจริงมักจะมาพร้อมกับความซับซ้อนที่มากขึ้น เช่น การตรวจสอบเครดิตและอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย Card Issuing API สามารถทํางานร่วมกับโมดูลอื่นๆ ที่จัดการการประเมินเครดิต การประเมินความเสี่ยง และการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายเหล่านี้ ส่วน API บางอย่างอาจจัดการระบบเครดิตสะสมหรือคะแนนที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิตได้

  • บัตรเครดิตดิจิทัล
    บัตรเครดิตใบจริงเในวอร์ชันดิจิทัลเหล่านี้มีไว้สําหรับการซื้อออนไลน์ โดยสามารถใช้จ่ายเป็นรูปแบบเครดิตเหมือนกัน แต่เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งให้กับธุรกรรมดิจิทัล บัตรดิจิทัลเหล่านี้มักจะออกได้ง่ายและรวดเร็วกว่าบัตรเครดิตใบจริง โดย Card Issuing API อาจมีฟีเจอร์สําหรับกําหนดวงเงินใช้จ่ายระยะสั้น หรือแม้แต่การสร้างบัตรที่หมดอายุหลังการใช้งานครั้งเดียว

  • บัตรเติมเงิน
    บัตรเหล่านี้มียอดคงเหลือที่เติมไว้ล่วงหน้าและใช้งานได้โดยไม่จําเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร Card Issuing API มักจะจัดการการออกบัตรเติมเงินหลายรายการพร้อมกัน ซึ่งมีประโยชน์สําหรับใช้เป็นของขวัญหรือการเบิกจ่ายเงินสด และสามารถกําหนดข้อจํากัดเฉพาะเช่น วันหมดอายุและหมวดหมู่ผู้ค้าที่ได้รับอนุญาตได้

  • บัตรองค์กร
    บัตรเหล่านี้มีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น วงเงินใช้จ่ายตามแผนกและการวิเคราะห์ธุรกรรมขั้นสูงที่เหมาะกับการใช้งานทางธุรกิจ Card Issuing API สามารถผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์การจัดการค่าใช้จ่ายของธุรกิจและอํานวยความสะดวกในการทําธุรกรรมหลายสกุลเงินและการใช้งานในต่างประเทศ

  • บัตรแบบร่วมแบรนด์และมีแบรนด์ของตัวเอง
    Card Issuing API ช่วยให้ธุรกิจเป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันการเงินเพื่อออกบัตรที่มีการสร้างแบรนด์จากทั้ง 2 ฝ่ายได้ บัตรเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับโปรแกรมเครดิตสะสมเฉพาะและ API จะมีโมดูลเฉพาะสําหรับการจัดการการเป็นพาร์ทเนอร์และการให้คะแนนสะสม

ธุรกิจสามารถปรับแต่งรูปลักษณ์ของบัตรใบจริง (หรือดิจิทัล) และลักษณะการทำงานของบัตรแต่ละประเภทได้ การปรับแต่งได้ในระดับสูงนี้ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการด้านการดําเนินงานและการปฏิบัติตามข้อกําหนดเฉพาะทางได้

องค์ประกอบของ Card Issuing API

  • โมดูลการสร้างและการจัดการบัตร
    โมดูลเหล่านี้ดูแลการออกบัตรและควบคุมการใช้บัตรใบจริงและบัตรดิจิทัล โดยมีตัวเลือกสําหรับการออกบัตรทันทีหรือทยอยออกบัตรตามกฎและเงื่อนไขที่บริษัทผู้ออกบัตรกําหนด ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้โมดูลเหล่านี้เพื่อปรับลักษณะการทำงานของบัตรหลังออกบัตรได้ เช่น เปลี่ยนแปลงวงเงินใช้จ่าย เปลี่ยนสถานะการใช้งานของบัตร หรือจํากัดการใช้งานเฉพาะธุรกรรมบางประเภทได้

  • การอนุมัติและการจัดการธุรกรรม
    องค์ประกอบเหล่านี้จะทําหน้าที่เป็นด่านหน้าเพื่อประเมินว่าธุรกรรมบัตรแต่ละรายการควรได้รับอนุญาตหรือถูกปฏิเสธ รวมถึงประมวลผลข้อมูลธุรกรรมแบบเรียลไทม์และเปรียบเทียบกับกฎหรือข้อจํากัดที่กําหนดไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น หากบัตรมีการบล็อกรหัสหมวดหมู่ผู้ค้า (MCC) เฉพาะ องค์ประกอบนี้จะปฏิเสธธุรกรรมจากหมวดหมู่ที่ถูกจํากัด

  • การประเมินความเสี่ยงและตรวจจับการฉ้อโกง
    องค์ประกอบเหล่านี้ใช้อัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมและรายงานกิจกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง และยังสามารถเชื่อมโยงเข้ากับชุดข้อมูลต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ข้อมูลเครดิตบูโรหรือบริการตรวจจับการฉ้อโกง ส่วนนี้ของ API มีการประเมินอย่างละเอียด โดยใช้ตัวแปรหลายตัว เช่น ความรวดเร็วของธุรกรรม รูปแบบทางภูมิศาสตร์ และฐานข้อมูลด้านการฉ้อโกงที่รู้จัก

  • การจัดการบัญชีและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    ส่วนนี้ของ API ช่วยให้มั่นใจว่าบัตรที่ออกทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับระดับท้องถิ่น รัฐบาลกลาง และระดับสากล ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันนี้จะตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS), กฎต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และข้อกําหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรายงานสําหรับการตรวจสอบภายในและภายนอกได้ด้วย

  • การรายงานและการวิเคราะห์
    องค์ประกอบเหล่านี้ทําหน้าที่เป็นส่วนสําคัญในการตัดสินใจที่มีข้อมูลประกอบ โดยจะให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการใช้จ่าย อัตราการอนุมัติ และอีกมากมาย และสามารถสร้างรายงานแบบเรียลไทม์และผสานการทํางานกับระบบข้อมูลธุรกิจที่มีอยู่เพื่อให้มุมมองที่สอดคล้องกันเกี่ยวกับการทำงานของบัตร

  • การชําระเงินและการกระทบยอด
    โมดูลเหล่านี้เน้นที่การดำเนินการกับธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์และกระทบยอดกับบันทึกของบริษัทผู้ออกบัตร ซึ่งขั้นตอนนี้มักเกี่ยวข้องกับการคํานวณที่ซับซ้อนในการกําหนดค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร การเรียกเก็บเงินผ่านเครือข่ายบัตร และข้อมูลทางการเงินอื่นๆ นอกจากนี้ ยังกำหนดโครงสร้างสําหรับการแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงินและการดึงเงินคืนด้วย

  • การจัดการโปรแกรมแลกรางวัลและสะสมคะแนน
    องค์ประกอบนี้ช่วยให้บริษัทผู้ออกบัตรกําหนด จัดสรร และจัดการคะแนนสะสมหรือข้อเสนอเงินคืนที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตร องค์ประกอบขั้นสูงนี้ยังรองรับระบบคะแนนสะสมแบบกำหนดระดับ โปรโมชันตามช่วงเทศกาล หรือการเป็นพาร์ทเนอร์กับโปรแกรมสะสมคะแนนของบริษัทอื่นด้วย

Card Issuing API มีองค์ประกอบที่หลากหลายแต่เชื่อมต่อถึงกัน ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ออกบัตรและจัดการโปรแกรมบัตรที่ซับซ้อนได้โดยใช้รายละเอียดจำนวนมากทั้งในเชิงลึกและละเอียดได้ ธุรกิจสามารถปรับแต่งโปรแกรมบัตรให้เหมาะกับข้อกําหนดด้านการปฏิบัติงาน โปรไฟล์ความเสี่ยง และวัตถุประสงค์ของธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงได้

Card Issuing API

Card Issuing API ช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบเอง ซึ่งนอกเหนือไปจากการอํานวยความสะดวกในการชําระเงินเพื่อตอบสนองความต้องการ

  • โซลูชันการจัดการค่าใช้จ่าย
    ธุรกิจต่างๆ ใช้ API เพื่อสร้างบัตรองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่งใช้นโยบายด้านการใช้จ่ายกับพนักงานได้โดยอัตโนมัติ บัตรเหล่านี้สามารถออกได้กำหนดวงเงินไว้ล่วงหน้าสําหรับค่าใช้จ่ายบางประเภท หรือแม้กระทั่งมีการใช้งานตามกำหนดเวลา ตัวอย่างเช่น นายจ้างสามารถตั้งค่าให้บัตรทํางานได้เฉพาะกับการเดินทางเพื่อธุรกิจที่เจาะจง และจํากัดการใช้งานในการเดินทางทั่วไปและค่าอาหาร

  • แพลตฟอร์มบริการแบบออนดีมานด์
    ธุรกิจที่ดําเนินงานบนแพลตฟอร์มงานอิสระหรือบริการแบบออนดีมานด์อื่นๆ สามารถใช้ API เหล่านี้ในการออกบัตรเบิกจ่ายให้แก่ลูกจ้างได้ โดยจะช่วยลดอุปสรรคในการผสานการทํางานกับระบบธนาคารต่างๆ สำหรับการโอนเงินโดยตรง ผู้ทำงานจึงได้รับเงินของตนทันที และช่วยให้ผู้ทำงานมีความพึงพอใจและทุ่มเทกับงานมากขึ้น

  • แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสและอีคอมเมิร์ซ
    สําหรับแพลตฟอร์มที่มีผู้ให้บริการหลายราย Card Issuing API สามารถอํานวยความสะดวกในการสร้าง "บัญชีย่อย" ที่ผูกกับบัญชีธุรกิจหลัก บัญชีย่อยเหล่านี้จะได้รับเงินแบบเรียลไทม์ตามยอดขาย การคืนเงิน หรือปัจจัยอื่นๆ กระบวนการนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการเข้าถึงรายได้ของตนได้รวดเร็วขึ้น และมอบการทำงานที่โปร่งใสด้านการเงินร่วมกับแพลตฟอร์ม

  • โปรแกรมด้านการดูแลสุขภาพและสวัสดิการ
    ธุรกิจบางแห่งใช้ Card Issuing API เพื่อสร้างบัญชีค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพเฉพาะทาง บัญชีเหล่านี้ถูกจํากัดไว้ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และมักจะเป็นไปตามข้อบังคับของบัญชีออมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (HSA) หรือบัญชีการใช้จ่ายที่ยืดหยุ่น (FSA) การกําหนดค่าขั้นสูงนี้สามารถจํากัดการใช้เฉพาะกับผู้ให้บริการหรือบริการทางการแพทย์บางประเภทได้ ทําให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดได้มากขึ้นพร้อมกับลดภาระด้านการดูแลระบบ

  • โปรแกรมสะสมคะแนนและรางวัล
    โปรแกรมสะสมคะแนนแบบดั้งเดิมมักจะใช้คะแนนหรือเครดิตแบบดิจิทัล แต่บัตรที่ออกผ่าน API สามารถทำหน้าที่เป็นบัตรสะสมคะแนนแบบมีแบรนด์ได้ ธุรกิจสามารถโอนคะแนนสะสมเพื่อรับเงินคืนไปยังบัตรเหล่านี้ได้โดยตรง หรือกําหนดค่าเพื่อมอบส่วนลดที่จุดขายก็ได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการกระตุ้นให้ซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำและเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า

  • ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวและการเดินทาง
    บริษัทในภาคธุรกิจนี้สามารถใช้ API เพื่อออกบัตรสําหรับการเดินทางโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถเติมเงินในหลายๆ สกุลเงิน และช่วยให้ผู้เดินทางจัดการการเงินของตนในต่างประเทศได้สะดวก นอกจากนี้ บัตรเหล่านี้ยังสามารถกําหนดค่าด้วยฟีเจอร์ประกันภัยการเดินทางหรือรายละเอียดการติดต่อฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น

  • โซลูชันการชําระเงินแบบ B2B
    ธุรกิจสามารถออกบัตรให้แก่พาร์ทเนอร์หรือผู้ให้บริการเพื่อให้การออกใบแจ้งหนี้และการชำระเงินเป็นไปอย่างสะดวก ธุรกิจสามารถประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดผ่านการให้เงินในบัตรเหล่านี้ได้ทันทีด้วยจํานวนการชำระเงินที่แน่นอน โดยไม่ต้องตัดยอดจากเช็คหรือเริ่มต้นการโอนเงินระหว่างธนาคาร จากการศึกษาของ Juniper Research เราคาดว่ามูลค่าของตลาดการชําระเงินแบบ B2Bจะสูงถึง 111 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027 ซึ่งหมายความว่าการปรับขั้นตอนการชําระเงินให้ง่ายขึ้นให้ผลลัพธ์ที่สําคัญต่อธุรกิจได้

Card Issuing API เป็นเครื่องมือที่อเนกประสงค์สําหรับธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจจัดการกับการดำเนินการทางการเงินที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เพียงแค่ออกบัตรได้เร็วเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่จะพลิกโฉมกระบวนการดําเนินงานด้วยระบบอัตโนมัติ และปรับปรุงการดําเนินงานด้านการเงินในอุตสาหกรรมหลากหลายแขนงให้ดีขึ้น

ประโยชน์ของ Card Issuing API

การนํา Card Issuing API ไปใช้อาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจได้ในหลายวิธี ประโยชน์โดยละเอียดมีดังนี้

  • ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
    การใช้ Card Issuing API ช่วยให้ธุรกิจสามารถนําเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กับการหลีกเลี่ยงระยะเวลารอคอยที่นานอันเนื่องมาจากข้อกําหนดทางกฎหมาย การเป็นพาร์ทเนอร์ หรือการพัฒนาระบบ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกที่ต้องการเปิดตัวโปรแกรมสะสมคะแนนไม่จำเป็นต้องสร้างโครงสร้างทางการเงินที่ซับซ้อนขั้นมาเองทั้งหมดหากใช้เทคโนโลยีนี้ แต่สามารถใช้ API เพื่อเปิดตัวบัตรที่มีแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระบบสะสมคะแนนในตัว ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องใช้กระบวนการที่กินระยะเวลานาน

  • การแสดงข้อมูลทางการเงิน
    Card Issuing API จะให้ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่าย การจัดสรรทรัพยากร และอื่นๆ อีกมากมายด้วยฟังก์ชันการรายงานที่เจาะลึก โดยข้อมูลนี้ถือว่ามีคุณค่าต่อการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำการปรับเปลี่ยนด้านงบประมาณองค์กรและนโยบายการใช้จ่ายได้ ธุรกิจจะเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีผ่านแดชบอร์ด เพื่อรับการวิเคราะห์ทางการเงินแบบครอบคลุมที่สามารถประกอบการตัดสินใจได้

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการจัดการความเสี่ยง
    การจัดการกับระเบียบข้อบังคับทางการเงินเป็นงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและการจัดสรรทรัพยากรจํานวนมาก Card Issuing API มักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายในตัว ซึ่งจัดการข้อกําหนด KYC, กฎ AML และระเบียบข้อบังคับเฉพาะในระดับภูมิภาคหรือเฉพาะภาคอื่นๆ ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยลดความจําเป็นที่ธุรกิจจะต้องใช้ทีมกฎหมายเฉพาะทางเพื่อดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายการเงินที่ซับซ้อนซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

  • การปรับแต่งและการควบคุม
    ข้อดีหลักอย่างหนึ่งของการใช้ API สําหรับการออกบัตรคือการปรับแต่งพารามิเตอร์ของการทํางานของบัตรให้เหมาะสม ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจะควบคุมวงเงินใช้จ่าย ข้อจํากัดทางภูมิศาสตร์ และประเภทธุรกรรมที่อนุญาตได้ ตัวเลือกเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการจัดการค่าใช้จ่าย ซึ่งธุรกิจสามารถลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และบังคับใช้นโยบายได้ง่ายขึ้น

  • ความเร็วในการติดตั้งใช้งาน
    การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบเดิมๆ อาจใช้เวลานาน เนื่องจากมีข้อกำหนดทางกฎหมายและความซับซ้อนทางเทคนิค Card Issuing API จะช่วยเร่งกระบวนการนี้ได้อย่างมาก เนื่องจาก API มักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์สําเร็จรูปและผ่านการทดสอบมาแล้ว ธุรกิจจึงสามารถนำเสนอแนวคิดสู่ตลาดได้ในเวลาอันรวดเร็ว

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย
    การสร้างบริการทางการเงินมักจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายในหลายด้าน ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ และค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงาน โซลูชัน API ต่างจากตัวเลือกแบบแยกส่วน เนื่องจากจะอยู่ในรูปแบบของบริการในตัวพร้อมโครงสร้างค่าบริการที่โปร่งใส ทำให้ธุรกิจมีแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง และหลีกเลี่ยงการมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเกี่ยวกับการสร้างระบบเองภายใน

  • ความสามารถในการขยายขอบเขต
    เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ความต้องการด้านการจัดการทางการเงินก็อาจมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ Card Issuing API นําเสนอโซลูชันที่ปรับขนาด ซึ่งจะปรับให้เข้ากับขนาดและความซับซ้อนของธุรกิจ ไม่ว่าจะเพิ่มบัตรใหม่หรือเชื่อมต่อระบบเพิ่มเติม เช่น การรองรับหลายสกุลเงิน API ก็จะเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจได้โดยที่ไม่ต้องปรับปรุงระบบทั้งหมด

Card Issuing API ทางเลือกที่อเนกประสงค์และมีประสิทธิภาพที่ตรงตามเงื่อนไขหลายข้อของธุรกิจ โดยมอบวิธีการที่คล่องตัว มีข้อมูลประกอบ เป็นไปตามข้อกําหนด และปรับแต่งได้เพื่อจัดการธุรกรรมและนโยบายทางการเงิน ซึ่งทั้งหมดนี้ทําได้พร้อมๆ กับการประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่าย

ความท้าทายและข้อจํากัดของ Card Issuing API

แม้ว่า Card Issuing API จะมอบประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายและข้อจํากัดที่ธุรกิจต้องพิจารณาด้วย เราลองมาดูที่รายละเอียดต่อไปนี้

  • การพึ่งพาผู้ให้บริการ
    การใช้ API ของบริษัทอื่นกับธุรกรรมทางการเงินอาจต้องพึ่งพาผู้ให้บริการ API หากผู้ให้บริการตัดสินใจเปลี่ยนค่าบริการ ข้อกําหนดการให้บริการ หรือแม้กระทั่งเลิกใช้ API ธุรกิจก็อาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก การเลิกพึ่งพาผู้ให้บริการนี้ต้องใช้การลงทุนจํานวนมาก ทั้งด้านเวลาและทรัพยากร เพื่อย้ายข้อมูลไปยังระบบใหม่

  • ข้อกังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
    ข้อมูลทางการเงินมักเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ เมื่อใช้ API จากบริษัทภายนอกกับการออกบัตร ธุรกิจต่างๆ ต้องให้ความไว้วางใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ให้บริการดังกล่าวด้วย แม้ว่าผู้ให้บริการ API จะมีโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยที่ทั่วถึง แต่ทุกระบบก็ล้วนมีความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูล ซึ่งความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาจนำมาสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงได้

  • ตัวเลือกการปรับแต่งที่จํากัด
    แม้ Card Issuing API บัตรจะมีฟีเจอร์และฟังก์ชันมากมายแต่อาจจะไม่ครอบคลุมถึงความต้องการเฉพาะทางทุกด้านของธุรกิจ โดยอาจปรับแต่งในด้านที่นอกเหนือจากขอบเขตของ API ได้ยาก และต้องใช้กระบวนการทำงานที่ซับซ้อน ข้อจํากัดนี้อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากเป็นพิเศษต่อธุรกิจที่มีข้อกําหนดเฉพาะเจาะจงหรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

  • ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    แม้ว่า Card Issuing API หลายรายการจะอ้างว่าสามารถจัดการการปฏิบัติตามข้อกําหนดได้ แต่ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดคือธุรกิจที่ใช้บริการดังกล่าว กฎหมายเกี่ยวกับบริการทางการเงินอาจแตกต่างกันอย่ามากตามเขตอำนาจศาลต่างๆ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ธุรกิจต้องคอยติดตามและปรับเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย ซึ่งอาจสร้างภาระงานที่หนัดแม้ API จะช่วยได้บางส่วนก็ตาม

  • ความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น
    การผสานการทํางาน Card Issuing API เข้ากับระบบธุรกิจที่ใช้อยู่อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิค แม้ตัว API เองจะได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แต่การตั้งค่าเริ่มต้นมักจะมีหลายขั้นตอน เช่น การย้ายข้อมูล การทดสอบระบบ และการฝึกอบรมพนักงาน งานเหล่านี้อาจใช้เวลานานและทรัพยากรที่แตกต่างจากการดําเนินงานอื่นๆ

  • เวลาหน่วงและระยะเวลาหยุดทํางาน
    API ทุกรายการอาจมีการหยุดทํางานเป็นครั้งคราวเมื่อต้องบํารุงรักษาหรือเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด ในภาคธุรกิจการเงิน ความไม่พร้อมใช้งานแค่เวลาสั้นๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ ในขณะที่เวลาหน่วงเล็กน้อยในการประมวลผลธุรกรรมอาจส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของลูกค้าได้

  • การใช้จ่ายเกิน
    แม้ว่า API มักจะมีค่าบริการที่โปร่งใส แต่สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจทําให้เกิดค่าใช้จ่ายเกินค่าประมาณเบื้องต้นได้ ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบล่วงหน้า สําหรับธุรกิจ การวางแผนในสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งสําคัญเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดทางการเงิน

  • ข้อจํากัดด้านการขยายธุรกิจ
    แม้ว่า Card Issuing API จะสร้างขึ้นเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขีดจํากัดด้านความรวดเร็วในการปรับตัวตามความต้องการที่เปลี่ยนไป หากธุรกิจมีการเติบโตสูงกว่าที่คาดไว้มาก อาจพบว่า API ไม่สามารถขยายขอบเขตได้อย่างรวดเร็วพอที่จะตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ได้โดยไม่เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ

แม้ว่า Card Issuing API จะช่วยพลิกโฉมวิธีการทําธุรกรรมทางการเงินได้ แต่ธุรกิจต่างๆ จะต้องใช้การวางแผนอย่างถี่ถ้วนและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับความท้าทายและข้อจํากัดเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัย

การใช้ Card Issuing API มาพร้อมความท้าทายเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามข้อบังคับและการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ ซึ่งธุรกิจต้องตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เรามาสำรวจปัจจัยเหล่านี้กัน

ข้อควรพิจารณาด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

  • ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น
    บริการทางการเงินต้องปฏิบัติตามข้อบังคับหลายข้อที่แตกต่างกันออกไปตามเขตอํานาจศาล ไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) ในยุโรป หรือกฎหมายปฏิรูปการเงินและคุ้มครองผู้บริโภค (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) ในสหรัฐฯ ธุรกิจก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายระดับท้องถิ่นและระดับสากลอย่างครบถ้วน การปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงด้านข้อบังคับต้องอาศัยการติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • กฎ "รู้จักลูกค้าของคุณ (KYC)" และการต่อด้านการฟอกเงิน (AML)
    ในขณะที่ผู้ให้บริการ API หลายรายสามารถตรวจสอบการปฏิบัติตาม KYC และ AML ได้ในระดับหนึ่งจากบริการของตน แต่การปฏิบัติตามข้อกําหนดอยู่เสมอนั้นเป็นความรับผิดชอบของธุรกิจโดยตรง ธุรกิจต่างๆ ต้องยืนยันตัวตนของลูกค้าและตรวจสอบธุรกรรมเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย

  • มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS)
    แม้ว่า Card Issuing API ส่วนใหญ่จะอ้างว่าปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI แต่ธุรกิจต่างๆ ไม่ควรยึดปัจจัยข้อนี้โดยสมบูรณ์ แต่ต้องดําเนินการตรวจสอบสถานะด้วยตัวเองร่วมด้วยเพื่อยืนยันว่าข้อมูลธุรกรรมทั้งหมดได้รับการจัดการตามข้อกําหนดของ PCI

ข้อควรพิจารณาด้านความปลอดภัย

  • การเข้ารหัสข้อมูล
    ข้อมูลที่ส่งทั้งหมดโดยเฉพาะข้อมูลทางการเงิน ควรได้รับการเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึมที่มีประสะิทธิภาพและเป็นปัจจุบัน ผู้ให้บริการ API หลายแห่งเสนอการเข้ารหัสรวมอยู่ในบริการ แต่ธุรกิจต่างๆ ควรใช้มาตรการการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเพื่อเพิ่มความปลอดภัยด้วย

  • การควบคุมสิทธิ์เข้าถึง
    ธุรกิจต่างๆ ควรมีการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุมัติวงเงินหลายระดับเพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เหลือน้อยที่สุด โดยสามารถใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย (2FA) และนโยบายรหัสผ่านที่รัดกุมเป็นแนวทางหลัก แต่อาจจําเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมอย่างการยืนยันข้อมูลไบโอเมตริก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของธุรกิจ

  • ความถูกต้องสมบูรณ์และการตรวจสอบบัญชี
    ควรมีการตรวจสอบบัญชีและการตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์เป็นประจําในทุกระบบธุรกรรมทางการเงิน ธุรกิจควรสร้างมาตรการแบบต่อเนื่องเพื่อยืนยันว่าข้อมูลจะมีความถูกต้องสมบูรณ์และไม่มีการดัดแปลงแก้ไข โดยมักต้องใช้การดูแลรักษาบันทึกที่ปลอดภัยและการใช้วิธี Checksum

  • แผนรับมือกับเหตุการณ์
    ไม่มีระบบใดที่ไม่เคยล่ม ในกรณีที่มีการละเมิดหรือระบบล่ม การมีแผนรับมือกับปัญหาที่ครอบคลุมจะช่วยลดความเสียหายได้ แผนรับมือกับเหตุการณ์ที่มีประสิทธิภาพควรมีขั้นตอนในการแยกระบบที่ได้รับผลกระทบออกมาและแจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบเพิ่มเติม นอกเหนือจากการจัดทําแผนกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาและกู้คืนบริการ

  • การประเมินความเสี่ยงของผู้ให้บริการ
    ธุรกิจควรทําการประเมินความเสี่ยงอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกผู้ให้บริการ API เพื่อประเมินโปรโตคอลความปลอดภัยของผู้ให้บริการ วิธีนี้อาจรวมถึงการตรวจสอบมาตรฐานรับรองความปลอดภัยของผู้ให้บริการ การตรวจสอบประวัติเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย และการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยโดยใช้บริษัทภายนอก

สําหรับธุรกิจ การใช้ Card Issuing API หมายถึงความรับผิดชอบที่นอกเหนือจากการผสานการทำงานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ การทำความเข้าใจข้อพิจารณาด้านการกํากับดูแลและการรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สามารถช่วยให้ธุรกิจบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมความพร้อมสําหรับอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Issuing

Issuing

ระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Stripe Docs เกี่ยวกับ Issuing

ดูวิธีใช้ Stripe Issuing API สร้าง จัดการ และแจกจ่ายบัตรชำระเงินสำหรับธุรกิจของคุณ