การจัดการกับใบแจ้งหนี้เป็นส่วนสําคัญในการดําเนินธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง การออกใบแจ้งหนี้ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้กระแสเงินสดคล่องตัวขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นมากขึ้น การออกใบแจ้งหนี้ต้องมีความสมดุลระหว่างการส่งข้อมูลที่แม่นยํา การนําเสนออย่างมืออาชีพ และช่วงเวลา โดยไม่ใช่แค่การส่งเอกสารที่มีคําขอให้ชําระเงินง่ายๆ เท่านั้น
การสร้างใบแจ้งหนี้จึงเป็นโอกาสในการนําเสนอข้อมูลด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ซึ่งช่วยลดความสับสน การโต้แย้งที่อาจเกิดขึ้น และการชําระเงินล่าช้าได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ใบแจ้งหนี้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เป็นมืออาชีพและราบรื่น รวมถึงสร้างความประทับใจเชิงบวกให้แก่ลูกค้า
ด้านล่างนี้ เราจะแจกแจงขั้นตอนการสร้างใบแจ้งหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ชัดเจน และเป็นมืออาชีพ ขั้นตอนนี้จะรวมถึงการทําความเข้าใจองค์ประกอบสําคัญของใบแจ้งหนี้ โดยใช้การออกแบบและการสร้างแบรนด์ที่เหมาะกับคุณ การเลือกซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้ที่ใช่ และการใช้ระบบเพื่อเร่งกระบวนการชําระเงิน การเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการสร้างใบแจ้งหนี้เป็นการวางรากฐานเพื่อการปฏิบัติงานทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและเสถียรมากขึ้น
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ใบแจ้งหนี้คืออะไร
- ใบแจ้งหนี้มีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
- วิธีสร้างใบแจ้งหนี้ ข้อมูลที่จําเป็น
- วิธีสร้างใบแจ้งหนี้ แนวทางปฏิบัติแนะนำ
- Stripe สร้างใบแจ้งหนี้ได้ไหม
ใบแจ้งหนี้คืออะไร
ใบแจ้งหนี้คือเอกสารอย่างเป็นทางการที่มีประทับเวลาซึ่งผู้ขายออกให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ขายจะบันทึกธุรกรรมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นภายในใบแจ้งหนี้ เอกสารเชิงการค้านี้จะระบุสินค้าหรือบริการที่ผู้ขายมอบให้และระบุจำนวนเงินที่ผู้ซื้อต้องชำระ จากมุมมองของผู้ขาย ใบแจ้งหนี้จะมีบันทึกการขายที่เป็นทางการ และเป็นส่วนสำคัญของบัญชีการเงินของธุรกิจโดยการทำหน้าที่เป็นเป็นหลักฐานแสดงรายได้
นอกจากจะทําหน้าที่เป็นคําขอสําหรับการชําระเงินแล้ว ใบแจ้งหนี้มีบทบาทสําคัญในการจัดการและติดตามรายรับของธุรกิจด้วย และช่วยให้ธุรกิจเก็บรักษาบันทึกทางการเงินที่ถูกต้อง จัดการกระแสเงินสด และติดตามรายได้เพื่อจุดประสงค์ทางภาษี นอกจากนี้ใบแจ้งหนี้ยังช่วยให้ธุรกิจระบุแนวโน้ม ติดตามพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า และคาดการณ์รายรับในอนาคตได้ด้วย จากมุมมองของผู้ซื้อ ใบแจ้งหนี้ใช้เพื่อยืนยันการซื้อ กระทบยอดบัญชีการเงิน และเป็นหลักฐานอ้างสิทธิ์สําหรับการลดหย่อนภาษี
ใบแจ้งหนี้มีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด
ธุรกิจต่างๆ ใช้ใบแจ้งหนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างบางส่วนมีดังนี้
ส่งคําขอให้ชําระเงิน
ใบแจ้งหนี้ก็คือใบเรียกเก็บเงิน โดยเป็นเอกสารที่บอกว่าลูกค้าต้องจ่ายค่าสินค้าหรือบริการที่ได้รับเป็นจำนวนเท่าใดใช้เก็บเป็นบันทึก
ใบแจ้งหนี้เป็นบันทึกการขายสําหรับทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการรักษาบันทึกทางการเงินที่ถูกต้องและการจัดการกระแสเงินสดติดตามยอดขาย
ใบแจ้งหนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ติดตามการขายของตนและเข้าใจแหล่งที่มาของรายรับ ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อติดตามประสิทธิภาพการทํางานและตัดสินใจได้โดยใช้ข้อมูลประกอบการจัดเตรียมด้านภาษี
สําหรับทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ใบแจ้งหนี้มีความสําคัญในการเตรียมแบบแสดงรายการเพื่อใช้สำหรับยื่นภาษี โดยเป็นเป็นหลักฐานรายได้สําหรับผู้ขายและหลักฐานค่าใช้จ่ายสําหรับผู้ซื้อการคุ้มครองทางกฎหมาย
ในกรณีที่เกิดการโต้แย้งหรือการตรวจสอบบัญชี ใบแจ้งหนี้จะทําหน้าที่เป็นบันทึกทางกฎหมายของธุรกรรม แสดงหลักฐานว่าจําหน่ายผลิตภัณฑ์อะไร มีการเรียกเก็บเงินเท่าไร และเกิดธุรกรรมนั้นขึ้นเมื่อใดการจัดการบัญชีลูกค้า
ใบแจ้งหนี้เป็นเครื่องมือสําหรับการจัดการบัญชีลูกหนี้ การติดตามสถานะใบแจ้งหนี้ที่ชําระแล้วและใบแจ้งหนี้ที่ค้างชําระจะทําให้ธุรกิจสามารถจัดการกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการสื่อสารกับลูกค้า
นอกจากนี้ ใบแจ้งหนี้ยังเป็นช่องทางการสื่อสารเพื่อให้ลูกค้าทราบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการซื้อสินค้าหรือบริการด้วย เช่น ราคา จำนวน และคําอธิบายสินค้าหรือบริการ
หน้าที่หลักของใบแจ้งหนี้คือการบันทึกธุรกรรมของธุรกิจ ช่วยจัดการด้านการเงิน อํานวยความสะดวกในการสื่อสาร และปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมาย
วิธีสร้างใบแจ้งหนี้: ข้อมูลที่จําเป็น
การสร้างใบแจ้งหนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลที่สําคัญๆ และจัดระเบียบใบแจ้งหนี้ในรูปแบบที่มีโครงสร้าง ต่อไปนี้คือรายละเอียดที่จําเป็นสําหรับใบแจ้งหนี้
ข้อมูลของผู้ขาย: ข้อมูลนี้รวมถึงชื่อธุรกิจ ที่อยู่ รายละเอียดการติดต่อ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือหมายเลขประจําตัวของธุรกิจ สําหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว ต้องระบุชื่อและรายละเอียดการติดต่อ
ข้อมูลของผู้ซื้อ: ข้อมูลนี้ควรประกอบด้วยชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อของลูกค้า หากผู้ซื้อเป็นธุรกิจ ใบแจ้งหนี้จะต้องระบุชื่อและที่อยู่ของธุรกิจ
หมายเลขใบแจ้งหนี้: ใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับควรมีรหัสระบุหรือหมายเลขใบแจ้งหนี้ที่ไม่ซ้ำกัน โดยอาจเรียงตามลำดับหรืออิงตามวันที่ หรืออาจเป็นไปตามระบบอื่นๆ ที่เหมาะกับธุรกิจ
วันที่: ควรเป็นวันที่ออกใบแจ้งหนี้
สินค้าหรือบริการ: ส่วนนี้ควรอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ส่งมอบให้ สําหรับสินค้า อาจประกอบด้วยประเภทสินค้า จำนวน ค่าใช้จ่ายต่อหน่วย และยอดรวมของบรรทัดรายการ สําหรับบริการ อาจประกอบด้วยประเภทของบริการ อัตรา (รายชั่วโมง รายวัน ฯลฯ) จํานวนชั่วโมงหรือวัน และยอดรวมของบรรทัดรายการ
ค่าใช้จ่าย: แสดงรายการค่าใช้จ่ายของสินค้าหรือบริการแต่ละรายการอย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่อหน่วยและค่าใช้จ่ายรวมของบรรทัดรายการนั้นๆ
ยอดรวมย่อย: ยอดรวมย่อยคือค่าใช้จ่ายรวมก่อนที่จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม ส่วนลด หรือภาษี
ส่วนลด (หากมี): หากมีการใช้ส่วนลดกับธุรกรรม ให้ระบุส่วนลดที่ใช้ด้วย
ภาษี: คํานวณและระบุภาษีที่เกี่ยวข้อง ระบุประเภทของภาษีและอัตราภาษีให้ครบถ้วน
ค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (หากมี): หากมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดส่งหรือค่าธรรมเนียมดําเนินการ ให้ระบุค่าธรรมเนียมดังกล่าวด้วย
ยอดรวม: จํานวนนี้คือยอดสุดท้ายต้องชำระ โดยจะรวมเงินที่เรียกเก็บ ภาษี และส่วนลดทั้งหมด
เงื่อนไขการชําระเงิน: ใบแจ้งหนี้ควรระบุข้อกําหนดการชําระเงินอย่างชัดเจน เช่น วันครบกําหนดชําระและวิธีการชําระเงินที่ยอมรับได้
หมายเหตุ (ระบุหรือไม่ก็ได้): อาจเป็นหมายเหตุเพิ่มเติมหรือความคิดเห็นใดๆ จากผู้ขาย
บางครั้งอาจมีข้อกําหนดทางกฎหมายเฉพาะสําหรับข้อมูลที่คุณต้องระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตําแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และอุตสาหกรรมของคุณ ในอุตสาหกรรมบางประเภท ธุรกิจอาจจําเป็นต้องใส่ข้อมูลเฉพาะเพิ่มเติม เช่น การแจกแจงรายละเอียดรายชั่วโมงสําหรับงานที่เรียกเก็บเงินในธุรกิจบริการ หรือน้ำหนักและขนาดของผลิตภัณฑ์ในธุรกิจที่จำหน่ายสินค้า ประเภทของธุรกิจและลักษณะของธุรกรรมส่งผลมต่อเวลาและวิธีการสร้างและส่งใบแจ้งหนี้เป็นอย่างมาก
ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางธุรกิจที่มีผลต่อใบแจ้งหนี้
ธุรกิจที่ให้บริการ
สําหรับธุรกิจที่ให้บริการต่างๆ เช่น การให้คําปรึกษาหรือการทํางานอิสระ โดยทั่วไปแล้วมักจะออกใบแจ้งหนี้หลังจากทํางานเสร็จสมบูรณ์ หรือบางครั้งเรียกว่า "การออกใบแจ้งหนี้ตามหลัง" ตัวอย่างเช่น นักออกแบบกราฟิกอาจออกใบแจ้งหนี้หลังจากสรุปการออกแบบโลโก้แล้ว ในบางกรณี เช่น บริการที่กําลังดําเนินอยู่ คุณควรส่งใบแจ้งหนี้เป็นระยะๆ (รายเดือน รายไตรมาส ฯลฯ) โดยระบุบริการที่มอบให้ในรอบนั้นๆธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์
ธุรกิจที่ขายสินค้าจับต้องได้มักจะออกใบแจ้งหนี้ที่จุดขาย หรือเมื่อมีการยืนยันคําสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น ร้านค้าเสื้อผ้าจะส่งใบแจ้งหนี้เมื่อซื้อสินค้า ขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะส่งใบแจ้งหนี้เมื่อมีการประมวลผลคําสั่งซื้อของลูกค้าแล้วการเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้า
โครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เวลานาน เช่น การก่อสร้างหรือการพัฒนาซอฟต์แวร์ตามความต้องการธุรกิจ มักจะใช้การเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้า ซึ่งหมายความว่าระบบจะออกใบแจ้งหนี้ตามเป้าหมายที่สำคัญของโครงการหรือเมื่อส่วนต่างๆ เสร็จสิ้นตามระยะ การเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้าช่วยปรับปรุงกระแสเงินสด และยังช่วยให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
สําหรับบริการแบบสมัครสมาชิก เช่น การเป็นสมาชิกยิมหรือการสมัครใช้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) โดยทั่วไปธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้เป็นประจํา (รายเดือน รายไตรมาส รายปี เป็นต้น) การออกใบแจ้งหนี้ประเภทใช้กับบริการในลักษณะที่เกิดขึ้นซ้ำต่อเนื่องการชําระเงินล่วงหน้า
ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อให้บริการผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า หรือหากเครดิตของลูกค้าไม่แน่นอน ธุรกิจอาจกำหนดให้ต้องชําระเงินล่วงหน้า ธุรกิจจะออกใบแจ้งหนี้ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการชําระเงินล่วงหน้าที่จําเป็นก่อนจะส่งมอบสินค้าหรือบริการให้โมเดลลูกค้าประจำ
ธุรกิจต่างๆ เช่น บริษัทกฎหมายหรือหน่วยงานประชาสัมพันธ์มักจะดําเนินงานโดยอาศัยโมเดลลูกค้าประจำ ซึ่งลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมที่กําหนดไว้ล่วงหน้าเป็นประจํา ในกรณีนี้ ธุรกิจจะออกใบแจ้งหนี้ตามกําหนดการล่วงหน้าซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการจัดสรรค่าธรรมเนียมดังกล่าวอย่างไร (เช่น ชั่วโมงทํางาน) พร้อมกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าบริการประจำ
ในกรณีข้างต้นทั้งหมด คุณจําเป็นต้องสื่อสารให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความคาดหวังด้านการชําระเงิน ออกใบแจ้งหนี้ทันที และติดตามผลการชําระเงินตามความเหมาะสม
วิธีสร้างใบแจ้งหนี้: แนวทางปฏิบัติแนะนำ
การสร้างและจัดการใบแจ้งหนี้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการสร้างรายรับและการจัดการกระแสเงินสด การใช้แนวทางปฏิบัติแนะนําเชิงกลยุทธ์ในส่วนนี้อาจทําให้การชำระเงินรวดเร็วขึ้น คำถามเกี่ยวกับการชําระเงินลดลง และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับลูกค้า ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติแนะนำสำหรับธุรกิจ
ใช้โครงสร้างที่เป็นมืออาชีพ
ใบแจ้งหนี้ของคุณควรมีลักษณะเป็นมืออาชีพและให้ลูกค้าอ่านง่าย ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงแบรนด์และบริการที่มีคุณภาพสูง ความสอดคล้องกันของโครงสร้างจะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ลูกค้าของคุณค้นหาข้อมูลสําคัญได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้การชําระเงินเร็วขึ้น การใช้เทมเพลตใบแจ้งหนี้หรือซอฟต์แวร์เฉพาะทางจะช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้น โดยเป็นการยืนยันว่าใบเก็บเงินทุกใบที่คุณส่งนั้นเป็นไปตามมาตรฐานมืออาชีพระบุข้อมูลที่จําเป็นทั้งหมด
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใบแจ้งหนี้ของคุณมีรายละเอียดที่สําคัญทุกรายการ รวมถึงชื่อธุรกิจและที่อยู่ คําอธิบายสินค้าหรือบริการ และยอดรวมที่ต้องชําระ โปรดระบุหมายเลขประจําตัวผู้เสียภาษีของคุณด้วย (หากกฎหมายกําหนด)แจกแจงบริการหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ
ระบุรายละเอียดของบริการหรือผลิตภัณฑ์แต่ละรายการอย่างรอบคอบ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ใบแจ้งหนี้ที่แจกแจงรายการจะช่วยลดความไม่ชัดเจนในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณเรียกเก็บเงินจากลูกค้า อีกทั้งยังเสริมสร้างความเชื่อมั่นและลดโอกาสในการโต้แย้งการชําระเงินด้วยชี้แจงข้อกําหนดการชําระเงิน
ข้อกําหนดการชําระเงินของคุณควรมีความชัดเจนต่อผู้รับ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเฉพาะเจาะจง เช่น วันครบกําหนดและวิธีการชําระเงินอื่นๆ ที่คุณยอมรับ หากคุณเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมสําหรับการชําระเงินที่ล่าช้า ให้แจ้งข้อกำหนดนี้ล่วงหน้าใช้หมายเลขใบแจ้งหนี้ที่ไม่ซ้ำกัน
โปรดตรวจสอบว่าใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับมีหมายเลขใบแจ้งหนี้เป็นของตัวเอง ระบบการกําหนดหมายเลขจะช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการใบแจ้งหนี้และมีประโยชน์ในกรณีที่มีการโต้แย้งการชําระเงินหรือการตรวจสอบบัญชี โดยช่วยให้คุณติดตามและเรียกดูเอกสารที่ถูกต้องได้อย่างง่ายดายจัดส่งทันที
ส่งใบแจ้งหนี้ทันที ยิ่งลูกค้าของคุณจะได้รับใบแจ้งหนี้เร็วเท่าใด โอกาสที่ลูกค้าจะชําระเงินก่อนกำหนดก็มีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อกระแสเงินสดและการวางแผนทางการเงินของคุณด้วยติดตามผล
หมั่นติดตามผลใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ได้ชําระเงิน การเตือนลูกค้าอย่างสุภาพเมื่อครบกำหนดชำระหรือเลยกําหนดชําระจะช่วยให้ลูกค้าไม่ลืมและเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ คุณสามารถใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติได้ในขั้นตอนนี้ (และขั้นตอนอื่นๆ) เช่น Stripe Invoicing ซึ่งเราจะพูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่างเก็บบันทึกข้อมูล
ปรับใช้แนวทางการเก็บบันทึกข้อมูลที่เป็นระบบระเบียบกับใบแจ้งหนี้ทั้งหมดที่ออกและการชําระเงินที่ได้รับ บันทึกเหล่านี้ทําหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงที่ดีสําหรับการติดตามการชําระเงินและการติดตามใบแจ้งหนี้ที่เลยกําหนดชําระ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สําหรับการจัดการทางการเงิน การตรวจสอบบัญชี และภาระหน้าที่ด้านภาษี การทํางานกับผู้ให้บริการชําระเงินและการเรียกเก็บเงินที่ครอบคลุมอย่าง Stripe จะช่วยลดความซับซ้อนและขั้นตอนการทํางานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาบันทึกข้อมูลทางการเงินใช้เครื่องมือดิจิทัล
ให้เทคโนโลยีทำงานแทนคุณผ่านซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล โซลูชันเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงโซลูชันที่ให้บริการโดย Stripe สามารถใช้ระบบอัตโนมัติในขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ได้หลายแง่มุม เช่น การสร้างใบแจ้งหนี้ตามแบบแผนล่วงหน้า การส่งการแจ้งเตือนเพื่อติดตามผล และการรักษาบันทึกข้อมูลดิจิทัล วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าและลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ได้ปรับแต่งใบแจ้งหนี้ให้เหมาะกับคุณ
ลองเพิ่มหมายเหตุที่ปรับให้เข้ากับลูกค้าหรือคําขอบคุณที่ใช้บริการให้แก้ลูกค้า ข้อความที่จริงใจนี้สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีและเป็นเชิงบวก และเป็นมากกว่าแค่การทำธุรกรรมทําให้การชําระเงินเป็นเรื่องง่าย
ปรับกระบวนการชําระเงินให้ง่ายขึ้นเพื่ออํานวยความสะดวกในการชําระเงินที่ตรงเวลา การให้บริการวิธีการชําระเงินที่หลากหลายและการเปิดใช้การชําระเงินออนไลน์ช่วยให้ลูกค้าชําระใบแจ้งหนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณรับการชําระเงินได้เร็วขึ้นตามไปด้วย
Stripe สร้างใบแจ้งหนี้ได้หรือไม่
Stripe สามารถสร้างและจัดการใบแจ้งหนี้ได้ Stripe ช่วยให้ธุรกิจเรียกเก็บเงินลูกค้าด้วยใบแจ้งหนี้แบบครั้งเดียวหรือตามแบบแผนล่วงหน้า ลูกค้าสามารถชําระเงินได้โดยตรงจากลิงก์ที่รวมอยู่ในใบแจ้งหนี้ผ่านโซลูชันชื่อ Stripe Invoicing
Stripe Invoicing มีด้วยตัวเลือกที่ปรับแต่งได้ การกระทบยอดการชําระเงินอัตโนมัติ และความถี่ในการเรียกเก็บเงินที่ยืดหยุ่นสําหรับการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และยังมีฟีเจอร์การรายงานและการติดตามแบบละเอียดที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการการเงินของตัวเองได้ง่ายขึ้นด้วย
ต่อไปนี้คือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ที่ Invoicing มอบให้ธุรกิจ
ประสิทธิภาพและความรวดเร็ว
Stripe Invoicing ออกแบบมาเพื่อการสร้างและชําระเงินตามใบแจ้งหนี้ที่รวดเร็ว ฟีเจอร์ขั้นสูงและ API ของ Stripe ช่วยให้ใช้ระบบอัตโนมัติกับบัญชีลูกหนี้ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่การสร้างใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการกระทบยอดการชําระเงิน เครื่องมือสําหรับการคํานวณภาษีอัตโนมัติของ Stripe จะช่วยเพิ่มความถูกต้องและการปฏิบัติตามข้อกําหนดให้ครอบคลุมขอบเขตการดําเนินงานทางการเงินของธุรกิจคุณความยืดหยุ่นและการปรับแต่งเอง
Stripe ให้คุณใช้การปรับแต่งระดับสูงสําหรับใบแจ้งหนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบรรทัดรายการ ส่วนลด และอัตราภาษี ไปจนถึงการปรับแต่งรูปลักษณ์ของใบแจ้งหนี้ให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ ความยืดหยุ่นนี้ก็ช่วยในการปรับตามข้อกำหนดของธุรกิจและกรณีการใช้งานที่หลากหลาย นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับทั้งการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าด้วย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจปรับวิธีการออกใบแจ้งหนี้ให้ตรงกับโมเดลธุรกิจของตนได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้นการเข้าถึงและการขยายธุรกิจทั่วโลก
นอกเหนือจากวิธีการชำระเงินทั่วโลกหลากหลายแบบ รวมถึงการรองรับหลายภาษาและสกุลเงินแล้ว Invoicing ยังสามารถขยายไปพร้อมกับธุรกิจของคุณเมื่อมีการเติบโตและขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ ไม่ว่าธุรกิจจะมีขนาดใดหรือมีความซับซ้อนมากหรือน้อยก็ตามอัตราการชําระเงินที่มากขึ้น
ใบแจ้งหนี้ของ Stripe ส่วนใหญ่จะได้รับการชําระเงินภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากลูกค้าสามารถชําระเงินด้วยวิธีการที่หลากหลาย รวมถึงฟีเจอร์การเตือนใบแจ้งหนี้ ซึ่งจะช่วยลดจํานวนใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ได้ชําระได้การเชื่อมต่อการทํางานและความเข้ากันได้
Stripe Invoicing ผสานเข้ากับกับขั้นตอนการทํางานในปัจจุบันของธุรกิจส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย และมีการซิงโครไนซ์แบบเรียลไทม์กับโซลูชันระบบการทําบัญชีและการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่ได้รับความนิยม อีกทั้งยังช่วยให้นําเข้าข้อมูลผ่าน Reports API ของ Stripe ได้ด้วย ฟังก์ชันเหล่านี้สามารถทําให้การจัดการบันทึกทางการเงินง่ายขึ้นมากและจะช่วยให้ระบบการออกใบแจ้งหนี้ของคุณทํางานได้อย่างราบรื่นกับสภาพแวดล้อมทางการเงินในวงกว้างการควบคุมและการกํากับดูแลทางการเงิน
แดชบอร์ดของ Stripe แสดงรายงานโดยละเอียดและชัดเจนซึ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ติดตามใบแจ้งหนี้ที่ยังค้างชําระ ติดตามการชําระเงิน และเรียกเก็บเงินได้ตามลําดับความสําคัญ การกํากับดูแลในระดับนี้ช่วยสร้างความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทและเป็นประโยชน์ต่อการจัดการทางการเงินด้วย
ฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ในการจัดการใบแจ้งหนี้ได้มากขึ้น ทําให้กระบวนการนี้ยุ่งยากน้อยลง ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการปฏิบัติงานทางการเงินได้
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Invoicing โปรดพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเริ่มใช้งาน
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ