การรายงานทางธุรกิจแบบมาตรฐาน (Standard Business Reporting หรือ SBR) เป็นกรอบการทำงานระดับชาติของเนเธอร์แลนด์ในการรายงานธุรกิจแบบดิจิทัล ซึ่งช่วยให้บริษัท นักบัญชี และหน่วยงานของรัฐใช้ถ้อยคำแบบเดียวกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน เมื่อใช้คำศัพท์กลางเพียงแบบเดียวและมีเครือข่ายการนำส่งที่ปลอดภัยผ่านพอร์ทัล Digipoort ของรัฐบาล SBR ก็จะเชื่อมโยงเอกสารที่ยื่นให้กับสถาบันต่างๆ เช่น หอการค้าของเนเธอร์แลนด์ (KVK) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านภาษีและศุลกากร (Belastingdienst) ระบบนี้จะเปลี่ยนการยื่นข้อมูลด้วยตนเองที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันให้เป็นขั้นตอนรูปแบบเดียวที่ได้มาตรฐานและตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มคุณภาพของข้อมูล
ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงวิธีการทำงานของ SBR คนที่ต้องใช้ และดูว่าบริษัทต่างๆ จะวางระบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดได้อย่างไร
เนื้อหาหลักในบทความ
- SBR ในเนเธอร์แลนด์คืออะไร
- SBR ทำงานอย่างไร
- เหตุใดจึงมีการนำ SBR เข้ามาใช้กับการรายงานธุรกิจ
- มีใครบ้างที่ต้องใช้ SBR ในการยื่นข้อมูล
- คุณจะยื่นบัญชีประจำปีด้วย SBR ได้อย่างไร
- SBR มีประโยชน์อย่างไรบ้างต่อธุรกิจ
- มีเครื่องมือและซอฟต์แวร์ใดบ้างที่รองรับการรายงานด้วย SBR
- Stripe Issuing ช่วยอะไรได้บ้าง
SBR ในเนเธอร์แลนด์คืออะไร
SBR เป็นกรอบการทำงานระดับชาติที่เนเธอร์แลนด์ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจกับหน่วยงานราชการและธนาคารต่างๆ ในรูปแบบดิจิทัล
SBR ช่วยกำหนดวิธีจัดรูปแบบ ติดป้ายกำกับ และส่งข้อมูลทางการเงินที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ทุกสถาบัน (ไม่ว่าจะเป็น Belastingdienst, KVK, Statistics Netherlands หรือธนาคาร) ตีความข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันได้ ธุรกิจจะส่งข้อมูลตัวเลขต่างๆ เพียงครั้งเดียว และระบบรับข้อมูลแต่ละแห่งจะอ่านข้อมูลดังกล่าวโดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องกรอกอีกรอบ
ธุรกิจต่างๆ ใช้ SBR เพื่อส่งบัญชีประจำปี การยื่นภาษี และข้อมูลทางสถิติจากซอฟต์แวร์ทำบัญชีโดยตรง ระบบของรัฐบาลสามารถประมวลผลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวได้ทันที
SBR ทำงานอย่างไร
ทุกส่วนของระบบ SBR (เช่น ข้อมูล เทคโนโลยี และขั้นตอน) จะใช้กฎชุดเดียวกัน กฎเหล่านั้นช่วยให้ข้อมูลทางการเงินสามารถย้ายจากระบบทำบัญชีของบริษัทไปยังฐานข้อมูลของรัฐที่เกี่ยวข้องได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลอีกรอบหรือตีความด้วยตนเอง
กรอบการทำงานนี้สร้างขึ้นจากองค์ประกอบ 3 อย่าง
ระบบคำศัพท์กลางของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Taxonomy)
ระบบคำศัพท์กลางของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Taxonomy) คือมาตรฐานที่กำหนดว่ารายงานทางการเงินควรมีข้อมูลใดบ้าง เมื่อหน่วยงานต่างๆ ใช้คำจำกัดความแบบเดียวกัน ก็จะสามารถนำข้อมูลกลับมาใช้ใหม่ได้ และตัวเลขที่บันทึกไว้หนึ่งครั้งแล้วในบัญชีของบริษัทก็จะนำไปใช้กับรายงานต่างๆ ได้มากมาย (เช่น บัญชีประจำปี การยื่นภาษี สถิติ) โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไข
XBRL (ภาษาการรายงานธุรกิจแบบขยายได้)
XBRL จะช่วยให้ข้อมูลนั้นๆ มีโครงสร้าง XBRL เป็นรูปแบบสากลแบบเปิด ซึ่งจะแท็กข้อมูลทุกรายการเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจแน่ชัดว่าข้อมูลนั้นแสดงถึงอะไร ในรายงาน SBR ช่องข้อความแต่ละช่องจะมีป้ายกำกับมาตรฐาน การยื่นเอกสารในเนเธอร์แลนด์จำนวนมากใช้ XBRL แบบอินไลน์ ซึ่งจะฝังแท็กเหล่านั้นไว้ในเอกสารที่อ่านได้ เพื่อให้ไฟล์เดียวสามารถใช้ได้กับทั้งบุคลากรและระบบ
Digipoort
เมื่อจัดเตรียมรายงานแล้ว รายงานนั้นจะส่งผ่าน Digipoort ซึ่งเป็นเกตเวย์แบบดิจิทัลที่ปลอดภัยของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ Digipoort จะกำหนดเส้นทางของข้อความไปยังหน่วยงานที่ถูกต้อง ได้แก่ KVK, Belastingdienst หรือ Statistics Netherlands การส่งข้อมูลทุกครั้งจะได้รับการตรวจสอบสิทธิ์และเข้ารหัสโดยใช้ใบรับรอง PKIoverheid (ซึ่งก็คือโครงสร้างพื้นฐานคีย์สาธารณะของรัฐบาล)
เมื่อใช้องค์ประกอบเหล่านี้ร่วมกัน ก็จะเกิดกระบวนการทำงานอัตโนมัติ ธุรกิจต่างๆ จะจัดเตรียมข้อมูลในซอฟต์แวร์ที่รองรับ SBR และยื่นผ่าน Digipoort ข้อมูลก็จะเข้าสู่ทะเบียนสาธารณะหรือฐานข้อมูลที่ถูกต้อง โดย KVK จะได้รับบัญชีประจำปีที่ตรวจสอบความถูกต้องในทันทีและพร้อมเผยแพร่ ขณะที่ Belastingdienst และ Statistics Netherlands จะได้รับข้อมูลที่สอดคล้องกันซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์ได้ทันทีโดยไม่ต้องแปล
เหตุใดจึงมีการนำ SBR เข้ามาใช้กับการรายงานธุรกิจ
ก่อนที่จะมี SBR ธุรกิจในเนเธอร์แลนด์จะส่งตัวเลขชุดเดียวกันไปยังสถาบันหลายแห่ง โดยที่แต่ละแห่งก็มีรูปแบบและคำจำกัดความแตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อนและข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกันในแต่ละหน่วยงาน
SBR ได้วางกรอบการทำงานแบบดิจิทัลระดับชาติที่ Belastingdienst, KVK, Statistics Netherlands และธนาคารต่างๆ ใช้ร่วมกันได้ ระบบนี้กำหนดให้ข้อมูลใช้ถ้อยคำแบบเดียวกัน ช่องทางการส่งที่ปลอดภัย และการตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้การส่งรายงานจากระบบของบริษัทไปยังฐานข้อมูลสาธารณะเป็นไปอย่างราบรื่น
โปรแกรมนี้เริ่มขึ้นปี 2004 ในชื่อ Netherlands Taxonomy Project ซึ่งใช้ XBRL เพื่อ
วางระบบคำจำกัดความของข้อมูล ซึ่งเกิดขึ้นผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาล นักบัญชี ธนาคาร และผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ แต่ละฝ่ายล้วนมีส่วนช่วยให้ข้อมูลมีความสอดคล้องกันและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ บริษัทต่างๆ จะจัดเตรียมข้อมูลตามระบบคำศัพท์กลางนั้นและส่งผ่านระบบ Digipoort จากนั้น หน่วยงานต่างๆ สามารถประมวลผลและนำข้อมูลชุดเดียวกันนี้ไปใช้ซ้ำกับขั้นตอนการทำงานต่างๆ ได้
ประโยชน์จากโปรแกรมนี้เห็นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นภาระด้านธุรการที่ลดลง 25% จากปี 2002-2007 โดย SBR ได้เปลี่ยนการรายงานที่กระจัดกระจายและต้องทำทีละแบบฟอร์ม ให้เป็นระบบเดียวที่สอดคล้องกัน ซึ่งเข้ากับวิธีการทำงานของทีมการเงินยุคใหม่
มีใครบ้างที่ต้องใช้ SBR ในการยื่นข้อมูล
บริษัทในเนเธอร์แลนด์แทบทุกแห่งที่ยื่นงบการเงินต่อ KVK จะต้องใช้ SBR การเปลี่ยนผ่านนี้เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ แยกตามขนาดบริษัทและความซับซ้อนของการรายงาน นิติบุคคลขนาดเล็กและขนาดย่อมต้องยื่นงบการเงินผ่าน SBR มาตั้งแต่ปี 2016 โดยข้อกำหนดนี้ได้ขยายครอบคลุมถึงบริษัทขนาดกลางในปี 2017 และตั้งแต่ปีงบประมาณ 2025 เป็นต้นไป บริษัทขนาดใหญ่ก็จะต้องยื่นงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน SBR
บริษัทต่างชาติที่มีสาขาในเนเธอร์แลนด์ก็จะต้องทำตามข้อกำหนดการยื่นงบการเงินในรูปแบบดิจิทัลเดียวกันนี้ โดยบริษัทเหล่านี้จะยื่นผ่านตัวกลางในเนเธอร์แลนด์หรือใช้ใบรับรองดิจิทัลที่ได้รับอนุมัติแล้วเพื่อเข้าสู่ระบบก็ได้
คุณจะยื่นบัญชีประจำปีด้วย SBR ได้อย่างไร
การยื่นบัญชีประจำปีด้วย SBR จะมีขั้นตอนในระบบดิจิทัลที่ชัดเจน ระบบทำบัญชีของบริษัทจะจัดทำงบการเงิน ระบบจะติดแท็กกำกับข้อมูลตามระบบคำศัพท์กลางของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Taxonomy) และส่งรายงานที่เสร็จสมบูรณ์ผ่าน Digipoort ไปยัง KVK ทั้งนี้ ธุรกิจมักจะดำเนินขั้นตอนทั้งหมดนี้ในซอฟต์แวร์ทำบัญชี ขั้นตอนในการยื่นมีดังนี้
จัดเตรียมงบการเงิน
สรุปข้อมูลทางการเงิน (เช่น งบดุล กำไรขาดทุน บันทึกต่างๆ) ไว้ในซอฟต์แวร์ทำบัญชีหรือรวมบัญชี แต่ละตัวเลขจะเชื่อมโยงกับคำจำกัดความที่ถูกต้องในระบบคำศัพท์กลางของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Taxonomy) รายงานจึงมีโครงสร้างตามรูปแบบของ SBR อยู่แล้ว
เลือกวิธีการส่ง
บริษัทขนาดเล็กมักจะยื่นผ่านพอร์ทัลออนไลน์ของ KVK ซึ่งบริษัทจะป้อนตัวเลขโดยตรงหรืออัปโหลดไฟล์ XBRL ส่วนบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่มักจะยื่นจากระบบของตนเองผ่าน Digipoort และส่งรายงานในรูปแบบ XBRL หรือ XBRL แบบอินไลน์
ตรวจสอบสิทธิ์ในการส่ง
การยื่นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์จะใช้ใบรับรอง PKIoverheid ซึ่งเป็นข้อมูลประจำตัวแบบดิจิทัล ซึ่งจะยืนยันตัวตนของผู้ส่งและรักษาความปลอดภัยในการส่ง นักบัญชีที่ยื่นเอกสารแทนลูกค้าจะส่งรายงานต่างๆ ภายใต้ใบรับรองของตน
ส่งและยืนยัน
ทันทีที่ส่งรายงาน Digipoort จะตรวจสอบความถูกต้องของโครงสร้างและรายละเอียดของบริษัท ก่อนที่จะส่งรายงานต่อให้กับ KVK ระบบจะส่งการยืนยันให้ผู้ส่งในทันทีหรือส่งข้อความแจ้งข้อผิดพลาด โดยสามารถแก้ไขปัญหา (เช่น หมายเลขบริษัทไม่ตรงกัน) และส่งใหม่ได้ทันที
รอการเผยแพร่และนำกลับมาใช้ใหม่
เมื่อเอกสารได้รับอนุมัติ ก็จะปรากฏในทะเบียนธุรกิจสาธารณะ และสามารถนำข้อมูลเดียวกันนี้ไปใช้กับสถาบันอื่นๆ ได้ด้วย เช่น Statistics Netherlands จะใช้ข้อมูลนี้ในการวิเคราะห์ และธนาคารอาจขอข้อมูลนี้ในการประเมินเครดิตได้
ข้อมูลทางการเงินจะตรงจากระบบทำบัญชีเข้าสู่ KVK ผ่านช่องทางเดียว และระบบจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในทันทีที่เข้าไป
SBR มีประโยชน์อย่างไรบ้างต่อธุรกิจ
SBR ช่วยให้การรายงานทางการเงินรวดเร็ว เป็นระเบียบ และไว้วางใจได้ง่ายขึ้น บริษัทจะจัดเตรียมตัวเลขต่างๆ แค่ครั้งเดียว แล้วชุดข้อมูลเดียวกันนี้จะเข้าไปยังทุกหน่วยงานที่ต้องใช้ข้อมูลนั้นๆ
มาดูประโยชน์ที่ SBR มีต่อธุรกิจอย่างละเอียดกัน
ความซ้ำซ้อนน้อยลงและความแม่นยำสูงขึ้น
รายงานแต่ละฉบับจะมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน ไม่ใช่การปะติดปะต่อเอาจากสเปรดชีตหลายๆ รายการ คำจำกัดความที่เป็นมาตรฐานจะช่วยขจัดความคลุมเครือ ส่วนกฎการตรวจสอบความถูกต้องก็จะตรวจหาจุดต่างๆ ที่ไม่ตรงกันก่อนการส่งออกไป หน่วยงานกำกับดูแลจึงได้รับข้อมูลที่มีความเป็นระเบียบและสอดคล้องกัน
การดำเนินการที่รวดเร็วขึ้น
ข้อมูลที่ยื่นจะผ่าน Digipoort แบบเรียลไทม์ ระบบจะส่งการยืนยันให้ผู้ส่งโดยเร็วและสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ได้ทันที
การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมขึ้น
ระบบจะเข้ารหัสข้อมูลทุกอย่างที่ส่ง และตรวจสอบยืนยันด้วยใบรับรอง PKIoverheid ซึ่งจะยืนยันตัวตนของผู้ส่ง และดูแลเนื้อหาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ความสะดวกในการใช้งาน
SBR ดำเนินการโดยเป็นส่วนหนึ่งของรอบบัญชีปกติ รายงานจะย้ายจากซอฟต์แวร์ทางการเงินไปยังบันทึกสาธารณะแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องดำเนินการแยกต่างหากหรือทำงานซ้ำซ้อน การปฏิบัติตามข้อกำหนดจึงกลายเป็นขั้นตอนจัดการข้อมูลอีกอย่างหนึ่งที่ถูกต้อง รวดเร็ว และตรวจสอบยืนยันได้
มีเครื่องมือและซอฟต์แวร์ใดบ้างที่รองรับการรายงานด้วย SBR
SBR ได้กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานในซอฟต์แวร์ทำบัญชีและการเงินของเนเธอร์แลนด์ไปแล้ว แพลตฟอร์มต่างๆ ที่ธุรกิจ นักบัญชี และผู้สอบบัญชีใช้กันก็สร้างไฟล์ XBRL หรือ XBRL แบบอินไลน์ และส่งไฟล์ดังกล่าวผ่าน Digipoort อย่างปลอดภัยได้แล้ว โดยขั้นตอนนี้มักจะอยู่ในระบบเดียวกันกับที่ทีมต่างๆ ใช้ในการทำบัญชี การจัดการภาษี หรือการรวมบัญชี โดยไม่ต้องมีขั้นตอนการทำงานแยกต่างหาก
บริษัทขนาดเล็กที่ไม่ใช้ซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์สามารถยื่นผ่านพอร์ทัลออนไลน์ของ KVK ได้ ซึ่งคุณจะใช้วิธีการป้อนโดยตรงหรือใช้ไฟล์ XBRL ที่ส่งออกมาจากเครื่องมือทำบัญชีอย่างง่ายก็ได้ คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าซอฟต์แวร์มีฟังก์ชัน SBR หรือไม่ผ่านซัพพลายเออร์หรือที่ softwarepakketten.nl
องค์กรขนาดใหญ่มักจะใช้ระบบสำหรับองค์กร ซึ่งจะกำหนดบัญชีให้ตรงกับคำจำกัดความของ SBR โดยอัตโนมัติ แพลตฟอร์มเหล่านี้จะรองรับหน่วยงานต่างๆ หลายแห่ง รวมถึงโมดูลรับรองการตรวจสอบทางดิจิทัล และเชื่อมต่อโดยตรงกับ Digipoort เพื่อใช้ในการส่งข้อมูล
ชุมชนนักพัฒนาที่แน่นแฟ้นได้พัฒนาขึ้นในเรื่อง SBR ด้วยเช่นกันผ่านไลบรารีแบบโอเพนซอร์ส ซึ่งช่วยให้การผสานการทำงานในแบบของตนเองมีความเรียบง่าย ระบบการทำบัญชีและการรายงานหลักๆ ที่ใช้กันในเนเธอร์แลนด์ก็จะใช้ SBR โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งจะผสานเข้ากับวิธีการยื่นเอกสาร วิธีที่นักบัญชีรับรองรายงาน และวิธีที่บริษัทเชื่อมต่อข้อมูลกับบันทึกสาธารณะ
Stripe Issuing ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Issuing ให้คุณสร้าง แจกจ่าย และจัดการบัตรที่กำหนดเองได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะสร้างช่องทางรายรับใหม่ๆ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
Issuing ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้
เปิดตัวผลิตภัณฑ์บัตรใหม่ๆ: สร้างบัตรจริง บัตรเสมือน หรือบัตรที่แปลงเป็นโทเค็นที่ปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรชำระค่าใช้จ่าย รางวัล หรืออื่นๆ
ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน: ออกบัตรและจัดการบัตรด้วยระบบอัตโนมัติผ่าน API ของ Stripe ที่จะช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานร่วมกับบริษัทผู้ออกบัตรหลายราย
ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า: ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใช้งานบัตรจากแบรนด์ต่างๆ ที่ผสานการทำงานกับผลิตภัณฑ์และบริการที่คุณมีอยู่ได้อย่างราบรื่น
เพิ่มการมองเห็นข้อมูลและการควบคุม: เข้าถึงรายละเอียดข้อมูลธุรกรรมและมาตรการควบคุมเพื่อติดตามการใช้บัตร กำหนดวงเงินใช้จ่าย และระงับบัตรเมื่อจำเป็น
เพิ่มโอกาสสร้างรายรับ: สร้างรายได้จากโปรแกรมบัตรโดยการเรียกเก็บค่าธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคารหรือโดยการเสนอบริการเสริม
เข้าถึงความเชี่ยวชาญของ Stripe: รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการสนับสนุนด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ของ Stripe ในการขับเคลื่อนโปรแกรมบัตรสำหรับบริษัทชั้นนำมากมาย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Issuing สามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตของคุณด้วยโปรแกรมบัตรที่กำหนดเอง หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ