การประมวลผลโดยตรง (STP) คือวิธีการทําธุรกรรมโดยอัตโนมัติซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมการเงินเพื่อเร่งการดําเนินงานให้เร็วขึ้นและขจัดความจําเป็นที่จะต้องดําเนินการด้วยตัวเอง ระบบอัตโนมัติประเภทนี้จะตรวจจับและป้องกันกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและการสูญเสียจากการฉ้อโกง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินของสหรัฐฯ ได้รับรายงานว่าในปี 2022 มูลค่าการสูญเสียเฉลี่ยอยู่ที่ $300,000 ต่อปีจากการออกใบแจ้งหนี้เป็นการฉ้อโกง
ด้านล่างนี้เราจะอธิบายวิธีทํางานของ STP, ประโยชน์, วิธีใช้, ความท้าทายจาก STP ที่พบบ่อย และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการนำไปใช้งาน
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การประมวลผลโดยตรง (STP) มีการทำงานอย่างไร
- การประมวลผลการชําระเงินแบบดั้งเดิมเทียบกับการประมวลผลการชําระเงินแบบ STP
- ธุรกิจประเภทใดเหมาะกับการนำ STP ไปใช้งานมากที่สุด
- ประโยชน์ของ STP
- วิธีการใช้งาน STP
- ความท้าทายในการนํา STP ไปใช้งาน และวิธีรับมือกับความท้าทายเหล่านั้น
- แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการนำ STP ไปใช้งาน
การประมวลผลโดยตรง (STP) มีการทำงานอย่างไร
STP ช่วยทําให้วงจรการดําเนินการของธุรกรรมทางการเงินดําเนินไปโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่การเริ่มทําธุรกรรมไปถึงขั้นเสร็จสมบูรณ์ ทําให้ไม่จําเป็นต้องดําเนินการต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น การป้อนข้อมูล การยืนยัน หรือการกระทบยอด ระบบอัตโนมัตินี้ทำให้เวลาในการประมวลผลรวดเร็วขึ้น ข้อผิดพลาดน้อยลง และลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน ต่อไปนี้คือวิธีการทำงาน
- การเริ่มต้น: มีการเริ่มต้นธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ใบสั่งชําระเงินหรือใบสั่งการค้า โดยอาจจะดําเนินการผ่านบริการธนาคารออนไลน์ แพลตฟอร์มซื้อขาย หรือช่องทางดิจิทัลอื่นๆ 
- การตรวจสอบ: ระบบตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรมโดยอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงข้อมูลบัญชี จํานวนเงิน และคําสั่งที่เกี่ยวข้อง 
- เสริมคุณค่า: ระบบจะดึงข้อมูลเพิ่มเติมที่จําเป็นสําหรับการประมวลผล (เช่น อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน รายละเอียดการรักษาความปลอดภัย) และเพิ่มไปยังธุรกรรมโดยอัตโนมัติ 
- การประเมินความเสี่ยง: ระบบจะตรวจสอบความเสี่ยงเพื่อตรวจจับการฉ้อโกงหรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยอิงตามกฎหรืออัลกอริทึม 
- การอนุมัติ: หากธุรกรรมผ่านการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยง ธุรกรรมนั้นจะได้รับอนุมัติและดําเนินการต่อในขั้นถัดไปโดยอัตโนมัติ 
- การกำหนดเส้นทาง: ระบบจะส่งธุรกรรมไปยังปลายทางที่เหมาะสมสําหรับชนิดธุรกรรมและคําสั่งนั้นๆ โดยอาจเป็นสำนักหักบัญชี ผู้ประมวลผลการชําระเงิน หรือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน 
- การชําระเงิน: ธุรกรรมจะได้รับการชำระทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะโอนเงินระหว่างบัญชี และทำการอัปเดตในระบบที่เกี่ยวข้อง 
- การยืนยัน: ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมจะได้รับการยืนยันทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าดําเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว 
การประมวลผลการชําระเงินแบบดั้งเดิมเทียบกับการประมวลผลการชําระเงินแบบ STP
ต่อไปนี้คือรายละเอียดความแตกต่างระหว่างการประมวลผลการชําระเงินแบบดั้งเดิมกับ STP
การประมวลผลการชําระเงินแบบดั้งเดิม
การประมวลผลการชําระเงินแบบดั้งเดิมนั้นต้องอาศัยการป้อนข้อมูล การยืนยัน และการกระทบยอดด้วยตัวเองระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแต่ละขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนนี้มักเกี่ยวข้องกับเอกสารฉบับจริง อย่างเช่น เช็ค ใบแจ้งหนี้ และใบเสร็จ และเวลาในการประมวลผลอาจมีทั้งหลายชั่วโมง ไปจนถึงหลายวันเนื่องด้วยขั้นตอนที่ต้องดำเนินการด้วยตนเอง และความล่าช้าในการแลกเปลี่ยนเอกสารที่อาจเกิดขึ้น
การป้อนข้อมูลด้วยตัวเองยังนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดมากขึ้น ซึ่งอาจทําให้เกิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ทำให้ต้องมีมาตรการแก้ไข และต้นทุนการดําเนินงานสำหรับแรงงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งจําเป็นต่อการดําเนินการขั้นตอนนี้ การติดตามสถานะของการชําระเงินต้องอาศัยการตรวจสอบด้วยตนเองและการสื่อสารระหว่างฝ่ายต่างๆ เพิ่มเติม
STP
STP เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และอัตโนมัติ กระบวนการนี้ใช้การแลกเปลี่ยนและการสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขจัดความจําเป็นในการใช้เอกสารฉบับจริง เวลาในการประมวลผลจะลดลงอย่างมาก: ธุรกรรมอาจใช้เวลาไม่กี่นาทีหรือ แม้แต่วินาทีก็จะเสร็จสมบูรณ์
ระบบอัตโนมัติที่เกี่ยวข้องใน STP จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาด ลดการใช้แรงงานคนและต้นทุนการดําเนินงาน รวมทั้งให้ข้อมูลสถานะและประวัติการชําระเงินแบบเรียลไทม์ จึงช่วยให้ติดตามและกระทบยอดได้ง่ายขึ้น
| 
    
    
    
    ฟีเจอร์
   | 
    
    
    
    การประมวลผลแบบเดิมๆ
   | 
    
    
    
    STP
   | 
|---|---|---|
| การแทรกแซงโดยพนักงาน | สูง | ต่ำ/ไม่มี | 
| แบบกระดาษ | ใช่ | ไม่ | 
| เวลาในการประมวลผล | ไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน | ไม่กี่วินาทีหรือนาที | 
| อัตราข้อผิดพลาด | สูง | ต่ำ | 
| ค่าใช้จ่าย | สูง | ต่ำ | 
| การมองเห็นข้อมูล | จำกัด | สูง | 
ตัวอย่างการประมวลผลแต่ละประเภท
แบบดั้งเดิม
- การส่งเช็คทางไปรษณีย์ 
- การป้อนรายละเอียดใบแจ้งหนี้ลงในระบบด้วยตัวเอง 
- โทรหาธนาคารเพื่อยืนยันธุรกรรม 
STP
- การชําระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต 
- การตั้งค่าการชําระเงินตามรอบบิล 
ธุรกิจประเภทใดเหมาะกับการนำ STP ไปใช้งานมากที่สุด
ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง ธุรกิจที่มีปริมาณธุรกรรมจำนวนมาก และธุรกิจที่จัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนนั้นเหมาะต่อการนํา STP มาใช้
STP สามารถช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกําหนดได้โดยการบังคับใช้กฎและดูแลเส้นทางการตรวจสอบ เร่งความเร็วในการทําธุรกรรม รวมทั้งช่วยปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างมีความแม่นยํามากขึ้นและลดความเสี่ยงของข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ได้ ธุรกิจประเภทต่างๆ เหล่านี้จะได้รับประโยชน์จาก STP เป็นอย่างมาก
- ธนาคารและสถาบันการเงิน: STP ใช้กันอย่างแพร่หลายสําหรับการประมวลผลการชําระเงิน การชําระเงินทางการค้า การกระทบยอดบัญชี และการปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน 
- บริษัทประกันภัย: STP ช่วยลดความยุ่งยากในการประมวลผลการเคลม การออกนโยบาย และการเรียกเก็บเงินค้าเบี้ยประกัน 
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: STP ช่วยให้การชําระเงินออนไลน์และการดําเนินการตามคําสั่งซื้อเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย 
- ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ: STP ช่วยให้การลงทะเบียนผู้ป่วย การเรียกเก็บเงิน การประมวลผลการเคลมประกันภัยนั้นง่ายขึ้น และปกป้องข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย 
- หน่วยงานราชการ: STP ใช้สําหรับการเก็บภาษี การเบิกจ่ายสวัสดิการ รวมทั้การประมวลผลใบอนุญาตและปกป้องบันทึกของพลเมืองที่มีข้อมูลละเอียดอ่อน 
ประโยชน์ของ STP
STP มอบสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้กับธุรกิจ
การดําเนินการที่ปรับแต่งอย่างละเอียด
- ลดภาระงานที่ต้องดําเนินการเอง: STP ช่วยกําจัดงานที่ต้องทำซ้ําๆ เช่น การป้อนข้อมูล การยืนยัน และการกระทบยอด จึงช่วยให้บุคลากรมีเวลาไปมุ่งเน้นกิจกรรมที่สําคัญ 
- การประมวลผลแบบรวดเร็ว: STP ทําให้ขั้นตอนการทํางานเป็นอัตโนมัติและเร่งความเร็วในการทําธุรกรรม 
- ความสามารถในการปรับขนาด: ระบบ STP สามารถจัดการปริมาณธุรกรรมได้มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสำหรับดำเนินการด้วยตนเองเพิ่มเติม 
ลดค่าใช้จ่าย
- ลดค่าใช้จ่ายในแรงงาน: ระบบอัตโนมัติช่วยลดความจําเป็นในการใช้แรงงานคน ทําให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนได้ 
- การลดข้อผิดพลาด: STP ลดข้อผิดพลาดที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงจากการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง เช่น ข้อมูลไม่ถูกต้องหรือข้อมูลซ้ํา 
- ลดการใช้กระดาษ: STP ประหยัดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ การจัดเก็บ และการส่งไปรษณีย์ที่เกิดจากกระบวนการที่ใช้กระดาษ 
ข้อมูลที่มีความแม่นยํามากขึ้น
- ข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์น้อยลง: ระบบอัตโนมัติจะลดความเสี่ยงของความไม่สอดคล้องและความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง 
- การปฏิบัติตามข้อกําหนดที่ดีขึ้น: คุณสามารถกําหนดค่าระบบ STP เพื่อบังคับใช้กฎและระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติตามข้อกําหนด เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องแม่นยําของข้อมูลและลดความเสี่ยงต่อการถูกลงโทษจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนด 
- ความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล: STP จะรักษาความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลตลอดวงจรการทําธุรกรรม 
ประสบการณ์ที่ดีกว่าสําหรับลูกค้า
- ธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น: STP ช่วยให้การประมวลผลธุรกรรมเกิดขึ้นเกือบจะทันที ซึ่งนําไปสู่ความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าที่สูงขึ้น 
- ความโปร่งใส: การติดตามและการอัปเดตสถานะแบบเรียลไทม์ช่วยให้ลูกค้าทราบความคืบหน้าของธุรกรรม 
- ข้อผิดพลาดที่ลดลง: ข้อผิดพลาดน้อยลงหมายถึงการร้องเรียนและการสอบถามข้อมูลจากลูกค้าน้อยลง ซึ่งนําไปสู่ปฏิสัมพันธ์ที่ราบรื่นและน่าพึงพอใจมากขึ้น 
การลดความเสี่ยง
- การตรวจจับการฉ้อโกง: ระบบ STP สามารถผสานโมเดลการประเมินความเสี่ยงและอัลกอริทึมตรวจจับการฉ้อโกงเข้าด้วยกันเพื่อระบุและป้องกันกิจกรรมการฉ้อโกง 
- เส้นทางการตรวจสอบ: ระบบ STP จะสร้างเส้นทางการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ เพื่ออํานวยความสะดวกในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการควบคุมภายใน 
วิธีการใช้งาน STP
STP ได้รับการนำไปประยุกต์ใช้อย่างหลากหลาย ต่อไปนี้คือวิธีการใช้งานรูปแบบต่างๆ
การประมวลผลการชําระเงิน
STP ทําธุรกรรมตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นไปจนถึงการชําระเงิน STP จะสร้างขั้นตอนอัตโนมัติสำหรับการดำเนินงานดังต่อไปนี้
- ยืนยันรายละเอียดการชําระเงิน 
- ตรวจสอบว่ามีเงินทุนเพียงพอ 
- อนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมแบบเรียลไทม์ 
- กำหนดเส้นทางการชําระเงินผ่านช่องทางที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด โดยอิงตามพารามิเตอร์ธุรกรรม 
- โอนเงินระหว่างบัญชีผู้จ่ายกับผู้รับเงิน 
- กระทบยอดคงเหลือและอัปเดตบันทึก 
นอกจากนี้ยังใช้ STP เพื่อการประมวลผลเงินเดือน การคํานวณเงินเดือนอัตโนมัติ การหักภาษี และการฝากบัญชีอัตโนมัติ
การชําระเงินทางการค้า
STP จัดการการชําระเงินการค้า STP จะสร้างขั้นตอนอัตโนมัติสำหรับการดำเนินงานดังต่อไปนี้
- ดําเนินการซื้อขาย จับคู่คําสั่งซื้อและขายในตลาดทางการเงิน 
- หักยอดและชำระเงินทางการค้า โอนหลักทรัพย์และเงินทุนระหว่างคู่สัญญาซื้อขาย 
- กระทบยอดรายละเอียดการค้าและข้อมูลที่คลาดเคลื่อน 
การประมวลผลการเคลมประกันภัย
STP ประมวลผลการเคลมประกันภัยโดยอัตโนมัติ STP:
- ช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ให้บริการทางการแพทย์ส่งคําขอเคลมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ 
- ยืนยันรายละเอียดกรมธรรม์ การมีสิทธิ์รับความคุ้มครอง และความถูกต้องของการเคลม 
- ประเมินและอนุมัติการเคลมตามกฎที่กําหนดไว้ล่วงหน้าและแนวทางทางการแพทย์ 
KYC (รู้จักลูกค้าของคุณ)
STP ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ดําเนินการตามกระบวนการ KYC ได้ STP จะสร้างขั้นตอนอัตโนมัติสำหรับการดำเนินงานดังต่อไปนี้
- ยืนยันตัวตนของลูกค้าโดยใช้เอกสารดิจิทัล ข้อมูลไบโอเมตริก และฐานข้อมูลของบริษัทอื่น 
- ดําเนินกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน เก็บรวบรวม รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลและประเมินความเสี่ยง 
- ติดตามตรวจสอบธุรกรรมและกิจกรรมของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อหารูปแบบที่น่าสงสัย 
นอกจากนี้ STP ยังสามารถมีบทบาทในการจัดการเงินกู้และซัพพลายเชนได้อีกด้วย STP ประมวลผลใบสมัครเงินกู้โดยอัตโนมัติ การประเมินและควบคุมความเสี่ยง รวมทั้งอนุมัติและอํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนใบสั่งซื้อ ใบแจ้งหนี้ และเอกสารการจัดส่งสําหรับกระบวนการซัพพลายเชน
ความท้าทายในการนํา STP ไปใช้งาน และวิธีรับมือกับความท้าทายเหล่านั้น
การนํา STP มาใช้นั้นอาจมีความท้าทาย ต่อไปนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นและวิธีรับมือ
ระบบแบบเดิม
มีหลายองค์กรที่ใช้ระบบเดิมอันล้าสมัยซึ่งเข้ากันไม่ได้กับกระบวนการอัตโนมัติของ STP การเชื่อมต่อเทคโนโลยีใหม่เข้ากับระบบเหล่านี้อาจซับซ้อนและมีค่าใช้จ่าย
วิธีแก้ปัญหา
- การติดตั้งใช้งานแบบแบ่งช่วง: ค่อยๆ แทนที่ระบบเดิมด้วยโซลูชันที่ใช้ร่วมกับ STP ได้ 
- มิดเดิลแวร์: ใช้ซอฟต์แวร์มิดเดิลแวร์เพื่อปิดช่องว่างระหว่างระบบเดิมกับระบบใหม่ 
- การผสานการทํางาน API: พัฒนาอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) เพื่อเชื่อมต่อระบบแบบเดิมกับแพลตฟอร์ม STP 
ค่าใช้จ่าย
การติดตั้งใช้งาน STP ต้องมีการลงทุนล่วงหน้าเป็นจํานวนมากทั้งในแง่ของซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และการฝึกอบรมใหม่ๆ
วิธีแก้ปัญหา
- วิธีการแบบแบ่งช่วง: ติดตั้ง STP แบบแบ่งระยะโดยเริ่มจากส่วนที่มีผลกระทบสูงและค่อยๆ ขยายไปยังกระบวนการอื่น 
- โซลูชันบนระบบคลาวด์: พิจารณาการใช้แพลตฟอร์ม STP บนระบบคลาวด์ที่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าต่ำและความสามารถในการปรับขนาด 
การต่อต้านในองค์กร
พนักงานอาจต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างหรือไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่
วิธีแก้ปัญหา
- การจัดการการเปลี่ยนแปลง: ใช้แผนการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมซึ่งเกี่ยวข้องกับการสื่อสารการฝึกอบรมและการสนับสนุนที่ชัดเจนสําหรับพนักงานตลอดการเปลี่ยนผ่าน 
- การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง: ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สําคัญเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ และตอบข้อกังวลของพวกเขาเพื่อรับความเห็นชอบ 
- สิ่งจูงใจ: มอบสิ่งจูงใจและชื่นชมพนักงานที่เปิดรับและส่งเสริมการนํา STP ไปใช้งาน 
คุณภาพและมาตรฐานของข้อมูล
รูปแบบข้อมูลและคุณภาพที่ไม่สอดคล้องในระบบต่างๆ อาจขัดขวางการติดตั้งใช้งาน STP ได้
วิธีแก้ปัญหา
- การจัดระเบียบข้อมูล: จัดระเบียบและสร้างมาตรฐานข้อมูลที่มีอยู่อย่างถี่ถ้วนเพื่อให้มั่นใจว่าจะนำไปใช้งานร่วมกับกระบวนการ STP ได้ 
- การกํากับดูแลข้อมูล: กําหนดนโยบายและขั้นตอนการกํากับดูแลข้อมูลเพื่อรักษาคุณภาพและสร้างมาตรฐานเดียวกันให้กับข้อมูล 
- การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล: นำกลไกการตรวจสอบข้อมูลมาใช้เพื่อให้มีเพียงข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์เท่านั้นที่เข้าสู่ระบบ STP 
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
การติดตั้งใช้งาน STP ต้องเป็นไปตามข้อบังคับของอุตสาหกรรมและกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
วิธีแก้ปัญหา
- ความเชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนด: ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกําหนดเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการ STP นั้นเป็นไปตามข้อบังคับทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง 
- เส้นทางการตรวจสอบ: รักษาแนวทางการตรวจสอบที่รัดกุมเพื่อติดตามและบันทึกกิจกรรม STP ทั้งหมดเพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานและการปฏิบัติตามข้อกําหนด 
- มาตรการรักษาความปลอดภัย: ใช้การควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและป้องกันการเข้าถึงหรือการละเมิดโดยไม่ได้รับอนุญาต 
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการนำ STP ไปใช้งาน
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณนํา STP มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณภาพของข้อมูล
- จัดทำโปรไฟล์ข้อมูลเป็นประจําเพื่อระบุความไม่สอดคล้อง ค่าที่ขาดหายไป และค่าที่ผิดปกติ 
- ปรับใช้วิธีการจัดระเบียบข้อมูลอัตโนมัติเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด กําหนดรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน และปรับปรุงข้อมูลที่ขาดหายไป 
- บังคับใช้กฎการตรวจสอบข้อมูลที่เข้มงวด ณ จุดป้อนข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์เข้าไปในระบบ STP 
การจัดการข้อยกเว้น
- กําหนดกฎและเกณฑ์ที่ชัดเจนสําหรับการระบุข้อยกเว้นที่จําเป็นต้องดําเนินการด้วยตัวเอง เช่น ยอดธุรกรรมที่ผิดปกติหรือลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง 
- สร้างการกำหนดเส้นทางและส่งต่อเรื่องของกรณีที่เป็นข้อยกเว้นไปยังบุคลากรที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที 
- วิเคราะห์ข้อมูลข้อยกเว้นเพื่อระบุรูปแบบและต้นตอของปัญหา และใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อปรับปรุงกฎและกระบวนการ STP 
การเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการทํางาน
- ใช้เครื่องมือขุดกระบวนการเพื่อแสดงภาพและวิเคราะห์เส้นทางการส่งธุรกรรมผ่านระบบ STP โดยระบุปัญหาติดขัดและความไม่มีประสิทธิภาพ 
- ใช้ระบบอัตโนมัติสําหรับกระบวนการอัตโนมัติ (RPA) เพื่อทํางานซ้ําๆ ภายในขั้นตอนการทํางานของ STP เช่น การสกัดข้อมูล การตรวจสอบ และการกระทบยอด 
- ใช้อัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจใน STP เช่น การตรวจจับการฉ้อโกง การประเมินความเสี่ยง และการกําหนดเส้นทาง 
การผสานการทํางานระบบ
- ใช้ API เพื่อเชื่อมต่อระบบและแอปพลิเคชันที่แยกจากกัน เพื่อช่วยอํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการซิงโครไนซ์แบบเรียลไทม์ 
- แยกกระบวนการ STP ที่ซับซ้อนออกเป็นบริการย่อยๆ ที่แยกกันซึ่งสามารถพัฒนา ติดตั้งใช้งาน และปรับขนาดได้อย่างอิสระ 
- ออกแบบระบบ STP เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์และทริกเกอร์สําหรับการประมวลผลและการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ 
การติดตามตรวจสอบและการวิเคราะห์
- นําแดชบอร์ดมาใช้งานและแสดงข้อมูลประสิทธิภาพ STP แบบเรียลไทม์ รวมถึงปริมาณธุรกรรม เวลาในการประมวลผล อัตราข้อผิดพลาด และแนวโน้มข้อยกเว้น 
- ใช้การวิเคราะห์แบบคาดการณ์เพื่อคาดคะแนปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และจัดการปัญหาเหล่านั้นในเชิงรุกก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ STP 
- วิเคราะห์ต้นตอของข้อผิดพลาดและข้อยกเว้นเพื่อระบุปัญหารากฐานและดําเนินการแก้ไข 
การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- ทําการตรวจสอบกระบวนการและประสิทธิภาพ STP เป็นประจําเพื่อระบุส่วนที่ต้องปรับปรุง 
- นําขั้นตอนการพัฒนาและการติดตั้งใช้งานที่คล่องตัวมาใช้ ซึ่งจะมอบความยืดหยุ่นและปรับตัวเข้ากับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป 
- ส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ฝ่ายปฏิบัติงาน และฝ่ายธุรกิจเพื่อปรับโซลูชัน STP ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและส่งมอบผลลัพธ์ที่จับต้องได้ 
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ