แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติคืออะไร คืออะไรและทํางานอย่างไร

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก รวมทั้ง Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติคืออะไร
  3. วิธีการทํางานของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
  4. ประโยชน์ของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
  5. ความท้าทายของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
    1. เทคโนโลยี
    2. การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด
    3. การปฏิบัติงาน
    4. การเงิน
    5. กลยุทธ์และความสัมพันธ์
    6. การเติบโตและความยืดหยุ่น
  6. วิธีเลือกแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
    1. ประเมินความต้องการทางธุรกิจของคุณ
    2. ประเมินฟีเจอร์สําคัญ
    3. พิจารณาการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย
    4. วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและ ROI
    5. ตรวจสอบการสนับสนุนและความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ
    6. ดําเนินการทดลองใช้และทดสอบ
    7. ขอความคิดเห็นและการอ้างอิง

ระบบการชําระเงินแบบเดิมๆ ใช้เวลานาน ต้องใช้แรงงานมาก และมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติมอบทางเลือกที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยยิ่งขึ้นให้แก่ธุรกิจ แพลตฟอร์มเหล่านี้จะประกอบด้วยโซลูชันระบบอัตโนมัติที่สะดวกสําหรับกระบวนการต่างๆ เช่น การออกใบแจ้งหนี้ การจ่ายเงินเดือนของพนักงาน และการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถปรับปรุงการดําเนินงานด้านการเงิน ได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า และช่วยให้มีทรัพยากรมากขึ้นสําหรับงานเชิงกลยุทธ์

ความจําเป็นสำหรับกระบวนการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพและเรียบง่ายในอุตสาหกรรมต่างๆ กําลังเพิ่มขึ้น ตลาดระบบอัตโนมัติสําหรับเจ้าหนี้การค้าทั่วโลกมีมูลค่าเกือบ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2032 ด้านล่างเราจะอธิบายการทํางานของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ ประโยชน์ และความท้าทาย รวมถึงวิธีเลือกแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจของคุณ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติคืออะไร
  • วิธีการทํางานของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
  • ประโยชน์ของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
  • ความท้าทายของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ
  • วิธีเลือกแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ

แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติคืออะไร

แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติจะช่วยอํานวยความสะดวกให้กับกระบวนการชําระเงินอัตโนมัติ เช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้ ขั้นตอนการอนุมัติ และธุรกรรมทางการเงิน ช่วยลดการป้อนข้อมูลด้วยตัวเองและการควบคุมดูแลด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมักจะผสานการทํางานกับระบบการบัญชีและระบบธนาคาร เพื่อให้การชําระเงินถูกต้อง ตรงเวลา และเป็นไปตามข้อกําหนด

ต่อไปนี้คือฟีเจอร์บางส่วนที่มักรวมอยู่ในแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ

  • การประมวลผลใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ: ซึ่งจะมาพร้อมกับความสามารถในการหักยอดและประมวลผลใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR)

  • ขั้นตอนการอนุมัติ: ลําดับงานที่ตั้งค่าได้ได้จะกําหนดกฎสําหรับการอนุมัติใบแจ้งหนี้ตามเงื่อนไข เช่น ยอดเงินและผู้ให้บริการ

  • การชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์: รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย เช่น การชําระเงินผ่าน Automated Clearing House (ACH), การโอนเงินระหว่างธนาคาร, บัตรเครดิต และกระเป๋าเงินดิจิทัล

  • การตรวจจับการฉ้อโกง: ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย การเข้ารหัส และอัลกอริทึมตรวจจับความผิดปกติ จะช่วยป้องกันกิจกรรมการฉ้อโกงและรักษาความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล

  • การผสานการทํางานทางการเงิน: ประกอบดว้ยการผสานการทํางานและการซิงโครไนซ์ข้อมูลกับระบบการเงินที่มีอยู่ เช่น การวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) และซอฟต์แวร์การทําบัญชี

  • การรายงานและการวิเคราะห์ที่ปรับแต่งได้: เครื่องมือและแดชบอร์ดการรายงานที่ครอบคลุมจะติดตามการชําระเงิน วิเคราะห์รูปแบบการใช้จ่าย และจัดการกระแสเงินสด

  • การจัดการผู้ให้บริการ: เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลผู้ให้บริการ รวมถึงข้อกําหนดการชําระเงิน ข้อมูลติดต่อ และหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี

  • การจัดการด้านภาษีและการปฏิบัติตามข้อกําหนด: เกี่ยวข้องกับการคํานวณภาษีอัตโนมัติและเส้นทางการตรวจสอบธุรกรรมแต่ละรายการอย่างละเอียด

  • ฟังก์ชันทั่วโลก: มีการรองรับธุรกรรมหลายสกุลเงินและการชําระเงินระหว่างประเทศ

วิธีการทํางานของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ

แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติจะประมวลผลใบแจ้งหนี้ การอนุมัติการชําระเงิน ดําเนินการชําระเงิน และตรวจจับการฉ้อโกงการชําระเงินได้โดยอัตโนมัติโดยใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย นี่คือการทํางานของระบบอัตโนมัติในการชําระเงิน

  • การดึงข้อมูลใบแจ้งหนี้: แพลตฟอร์มจะได้รับใบแจ้งหนี้จากแหล่งต่างๆ เช่น อีเมล พอร์ทัลผู้ให้บริการ และจดหมายฉบับจริง ระบบสามารถใช้ OCR และแมชชีนเลิร์นนิงในการดึงข้อมูลสําคัญจากใบแจ้งหนี้เหล่านั้น ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดผู้ให้บริการ หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ บรรทัดรายการ และจํานวนเงิน

  • การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการจับคู่ใบแจ้งหนี้: แพลตฟอร์มจะตรวจสอบข้อมูลที่ดึงมาโดยเทียบกับกฎและรูปแบบที่กําหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องแม่นยํา โดยจะจับคู่ข้อมูลกับคําสั่งซื้อหรือสัญญาที่เกี่ยวข้อง และระบุข้อมูลที่ไม่ตรงกันเพื่อให้ตรวจสอบ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถช่วยตรวจจับสัญญาณของพฤติกรรมฉ้อโกงในระหว่างกระบวนการนี้

  • ขั้นตอนการอนุมัติ: แพลตฟอร์มจะใช้ระบบอัตโนมัติในการส่งใบแจ้งหนี้ไปให้ผู้อนุมัติที่เหมาะสมและติดตามสถานะการอนุมัติตามกฎที่กําหนดไว้ล่วงหน้า (เช่น จำนวนเงิน ผู้ให้บริการ แผนก) จากนั้นผู้อนุมัติจะได้รับการแจ้งเตือนและเตือนความจำ วิธีนี้ช่วยเร่งให้ชําระเงินเสร็จเร็วขึ้นและลดการใช้แรงงานคน นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังสามารถระบุส่วนลดการชําระเงินก่อนกำหนดที่อาจได้รับด้วย

  • การดําเนินการชําระเงิน: เมื่อการชําระเงินได้รับอนุมัติ แพลตฟอร์มจะเริ่มกระบวนการชําระเงินตามวิธีการชําระเงินที่เลือก (เช่น ACH, การโอนเงินระหว่างธนาคาร) และค่ากําหนดของผู้ให้บริการ โดยจะเป็นไปตามมาตรฐานและระเบียบข้อบังคับของอุตสาหกรรมสำหรับการประมวลผลการชําระเงินที่ปลอดภัย จากนั้นผู้ใช้จะได้รับการยืนยันการดําเนินการชําระเงินและรายละเอียดธุรกรรม

  • การกระทบยอดและการรายงาน แพลตฟอร์มจะจับคู่การชําระเงินกับใบแจ้งหนี้และรายการเดินบัญชีธนาคาร และระบุข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ในระหว่างกระบวนการนี้ อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) จะช่วยในการสื่อสารระหว่างแพลตฟอร์มกับระบบอื่นๆ เช่น ERP, ระบบการบัญชี และระบบธนาคาร จากนั้นแพลตฟอร์มจะสร้างรายงานเกี่ยวกับเมตริกสําคัญ เช่น สถานะการชําระเงิน กระแสเงินสด และประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ

ประโยชน์ของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ

ธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติจะได้ประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • กระบวนการที่ปรับปรุง: แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติจะลดงานที่ต้องทําด้วยตัวเอง เช่น การป้อนข้อมูล การจับคู่ใบแจ้งหนี้ และการขออนุมัติเส้นทางการส่งเงิน ซึ่งจะช่วยลดเวลาของรอบการชําระเงินและปรับปรุงขั้นตอนการทํางาน การวิเคราะห์ข้อมูลแบบต่อเนื่องช่วยส่งเสริมการปรับปรุงกระบวนการชําระเงินอย่างต่อเนื่อง

  • ข้อผิดพลาดน้อยลง: การดึงข้อมูลและการตรวจสอบข้อมูลอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยําและประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการลดข้อผิดพลาดในการประมวลผลที่ต้องทําด้วยตัวเอง

  • ค่าใช้จ่ายที่ลดลง: แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติช่วยลดต้นทุน โดยลดแรงงานคนทํางาน หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้า และมองหาโอกาสในการได้รับส่วนลดการชําระเงินก่อนกำหนด

  • มีทรัพยากรพร้อมใช้งานมากขึ้น: เนื่องจากระบบอัตโนมัติจะจัดการงานที่เป็นกิจวัตร พนักงานจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่ามากขึ้น

  • การมองเห็นข้อมูล: การผสานการทํางานกับ ERP และระบบการทําบัญชีที่มีอยู่ทําให้สามารถดูข้อมูลทางการเงินแบบครบวงจรได้

  • ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์: แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะการชําระเงิน ใบแจ้งหนี้ที่ค้างชําระ และการคาดการณ์กระแสเงินสดทันที ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการเงินสด การลงทุน และการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีข้อมูล

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนด: ขั้นตอนการทํางานอัตโนมัติและเส้นทางการตรวจสอบช่วยในด้านการปฏิบัติตามนโยบายภายใน การปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมาย และกระบวนการตรวจสอบ

  • การป้องกันการฉ้อโกง: แพลตฟอร์มขั้นสูงใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อตรวจจับความผิดปกติ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และกิจกรรมที่น่าสงสัย

  • ความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ที่ดีขึ้น: แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ด้วยการส่งการชําระเงินที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังอาจจะนําเสนอฟีเจอร์ที่สะดวกสําหรับซัพพลายเออร์ เช่น พอร์ทัลสำหรับซัพพลายเออร์ที่ช่วยให้เข้าถึงใบแจ้งหนี้และข้อมูลการชําระเงินแบบบริการตัวเอง รวมถึงโปรแกรมการชําระเงินก่อนกำหนด

ความท้าทายของแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ

แม้แพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติจะให้ประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายและความเสี่ยงเหล่านี้อยู่ด้วย

เทคโนโลยี

  • การผสานการทํางาน: การผสานการทํางานแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติเข้ากับระบบการเงินและซอฟต์แวร์ ERP ที่มีอยู่อาจมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ล้าสมัยหรือใช้โซลูชันที่ออกแบบเอง

  • การย้ายข้อมูล: การย้ายข้อมูลทางการเงินไปยังแพลตฟอร์มอัตโนมัติแบบใหม่มีความเสี่ยง เช่น การสูญเสียและความเสียหายของข้อมูล ธุรกิจต้องรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูลให้ปลอดภัยระหว่างกระบวนการย้ายข้อมูล

  • ระบบหยุดทํางาน: ระบบอัตโนมัติสําหรับการชําระเงินอาจประสบปัญหาหยุดทำงานหรือเกิดความขัดข้องเช่นเดียวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ ซึ่งทําให้กระบวนการชําระเงินขัดข้องและส่งผลกระทบต่อการจัดการกระแสเงินสด

การรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกําหนด

  • การรักษาความปลอดภัยข้อมูล: การจัดการข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ช่องโหว่ในแพลตฟอร์มสามารถทำให้ธุรกิจเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลและการฉ้อโกงทางการเงินได้

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนด: การไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและมาตรฐานทางการเงินอาจทําให้เกิดบทลงโทษทางกฎหมาย แพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติจะต้องคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดอยู่เสมอ

  • การพึ่งพาผู้ให้บริการ: ธุรกิจมักจะต้องพึ่งพาโปรโตคอลการรักษาความปลอดภัยของผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับมาตรฐานหรือความต้องการด้านการรักษาความปลอดภัยของตนเองเสมอไป

การปฏิบัติงาน

  • การใช้งานโดยผู้ใช้และการฝึกอบรม: การไม่เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงในหมู่พนักงานหรือการฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอสามารถขัดขวางการนําเทคโนโลยีอัตโนมัติใหม่ไปใช้ให้สำเร็จได้

  • การพึ่งพาระบบอัตโนมัติมากเกินไป: การพึ่งพากระบวนการอัตโนมัติมากเกินไปอาจลดทักษะของพนักงาน ซึ่งอาจทําให้การทํางานด้วยตนเองในเวลาที่จําเป็นกลายเป็นเรื่องท้าทาย

  • การบํารุงรักษาและการสนับสนุน: แพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติต้องมีการบํารุงรักษาอย่างต่อเนื่องและการสนับสนุนทางเทคนิคจึงจะทํางานได้ การสนับสนุนที่ไม่เพียงพออาจนําไปสู่ความล่าช้าในการปฏิบัติงานและความไร้ประสิทธิภาพ

การเงิน

  • เงินลงทุนเริ่มแรก: การใช้แพลตฟอร์มอัตโนมัติมีต้นทุนในช่วงแรกเริ่มค่อนข้างสูง ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบ และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม

  • ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI): มีความเสี่ยงอยู่เสมอที่ ROI อาจไม่สมเหตุสมผลกับค่าใช้จ่ายขั้นต้น โดยเฉพาะหากแพลตฟอร์มไม่สามารถส่งมอบการปรับปรุงที่คาดหวังหรือการประหยัดต้นทุนได้

กลยุทธ์และความสัมพันธ์

  • การต่อต้านจากซัพพลายเออร์: ซัพพลายเออร์บางรายอาจมีความลังเลหรือไม่สามารถปรับตัวตามวิธีการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่แพลตฟอร์มอัตโนมัติใช้ ซึ่งอาจจะทําให้ความสัมพันธ์ตึงเครียด

  • อำนาจในการเจรจา: ข้อกําหนดของการชําระเงินอัตโนมัติอาจลดความยืดหยุ่นในการเจรจาข้อกำหนดกับซัพพลายเออร์แบบเป็นกรณีๆ ไป

  • กระบวนการภายใน: การชําระเงินอัตโนมัติอาจทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญกับกระบวนการและการควบคุมทางการเงินภายใน การทําเช่นนี้อาจรบกวนขึ้นงานที่มีอยู่และต้องใช้เวลาในการปรับตัว

การเติบโตและความยืดหยุ่น

  • การปรับแต่งได้อย่างจํากัด: บางแพลตฟอร์มมีตัวเลือกในการปรับแต่งที่จํากัด ซึ่งอาจไม่ตรงตามความต้องการหรือความซับซ้อนที่ไม่เหมือนใครของธุรกิจแต่ละแห่ง

  • ข้อจํากัดด้านการเติบโต: เมื่อธุรกิจเติบโต การดําเนินงานด้านการเงินก็จะมีความซับซ้อนมากขึ้น แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการออกแบบมาให้ขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพอาจขัดขวางการเติบโตมากกว่าจะอํานวยความสะดวก

วิธีเลือกแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติ

ต่อไปนี้เป็นคําแนะนําทีละขั้นตอนเกี่ยวกับการเลือกแพลตฟอร์มการชําระเงินอัตโนมัติที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ประเมินความต้องการทางธุรกิจของคุณ

  • พิจารณาว่ากระบวนการชําระเงินในแง่มุมใดบ้างที่ต้องปรับปรุง เช่น ความเร็ว ความถูกต้อง และความปลอดภัย

  • กําหนดสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้วยระบบอัตโนมัติสําหรับการชําระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการปฏิบัติงาน การปรับปรุงการจัดการกระแสเงินสด การเพิ่มความปลอดภัย หรือทั้งหมดที่กล่าวมา

  • คิดถึงขนาดธุรกิจในปัจจุบันและแผนการเติบโตในอนาคต แพลตฟอร์มควรจะสามารถรับมือกับการเพิ่มปริมาณธุรกรรมและความซับซ้อน

ประเมินฟีเจอร์สําคัญ

  • แพลตฟอร์มควรผสานการทํางานกับ ERP, ระบบการทําบัญชี และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ที่คุณมีอยู่ ตรวจสอบความเข้ากันได้

  • ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เช่น การเข้ารหัส การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย และการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยทางการเงินที่เกี่ยวข้อง

  • ตรวจสอบว่าอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของแพลตฟอร์มนั้นใช้งานง่ายสําหรับสมาชิกทุกคนในทีม ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการฝึกอบรมและลดความต่อต้านในการนำไปใช้

  • พิจารณาว่ามีการนําเสนอระบบอัตโนมัติประเภทใด แพลตฟอร์มครอบคลุมกระบวนการต่างๆ เช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้ การดําเนินการชําระเงิน และการกระทบยอดหรือไม่

  • ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มอสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับกระบวนการทางธุรกิจและข้อกําหนดของขั้นตอนการทำงานของคุณหรือไม่

พิจารณาการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการรักษาความปลอดภัย

  • ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มเป็นไปตามข้อบังคับและมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

  • ตรวจสอบโปรโตคอลความปลอดภัยของข้อมูล ขั้นตอนการสํารองข้อมูล และแผนการกู้คืนหลังภัยพิบัติของแพลตฟอร์ม

  • ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มมีเส้นทางการตรวจสอบที่ครอบคลุมสําหรับธุรกรรมทุกรายการ

วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายและ ROI

  • ตรวจสอบโครงสร้างค่าบริการของแพลตฟอร์ม มีการเรียกเก็บเงินต่อธุรกรรม ต่อเดือน หรือมีค่าธรรมเนียมรายปีหรือไม่ ทําความเข้าใจค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการติดตั้ง การสมัครใช้บริการ และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสําหรับฟีเจอร์หรือบริการเพิ่มเติม

  • พิจารณา ROI ที่เป็นไปได้จากการใช้แพลตฟอร์ม การประหยัดต้นทุนและประสิทธิผลคุ้มค่ากับรายจ่ายหรือไม่ ทำวิเคราะห์ต้นทุน-ข้อดีเพื่อทําการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

ตรวจสอบการสนับสนุนและความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ

  • ค้นคว้าเกี่ยวกับชื่อเสียงของผู้ให้บริการในตลาด อ่านรีวิวและกรณีศึกษาของลูกค้าเพื่อวัดความพึงพอใจของผู้ใช้และประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม

  • พิจารณาระดับการสนับสนุน ผู้ให้บริการให้การสนับสนุน ทรัพยากรด้านการฝึกอบรม และการบํารุงรักษาอย่างต่อเนื่องทุกวันตลอด 24 ชม. หรือไม่

  • ดูประวัติของผู้ให้บริการเพื่อดูการปรับปรุงและการอัปเดต เลือกผู้ให้บริการที่ปรับปรุงและอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้แพลตฟอร์มมีประสิทธิภาพเมื่อมีเทคโนโลยีและมาตรฐานใหม่ๆ ออกมา

ดําเนินการทดลองใช้และทดสอบ

  • ก่อนที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้าย ขอการสาธิตจากผู้ให้บริการที่คัดเลือกมาแล้วเพื่อลองใช้แพลตฟอร์ม วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจฟีเจอร์และการใช้งานแต่ละตัวเลือกได้ดียิ่งขึ้น

  • หากเป็นไปได้ให้ทําการทดสอบนําร่องกับแพลตฟอร์ม นําแพลตฟอร์มไปใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมเพื่อประเมินประสิทธิภาพและผลกระทบที่มีต่อกระบวนการของคุณ สิ่งนี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกในทางปฏิบัติที่อาจเห็นไม่ชัดเจนในการสาธิต

ขอความคิดเห็นและการอ้างอิง

  • ให้สมาชิกจากทีมของคุณเข้าร่วมในกระบวนการประเมิน เนื่องจากสมาชิกจะเป็นผู้ใช้หลักของแพลตฟอร์ม

  • ขอให้ผู้ให้บริการส่งข้อมูลอ้างอิงจากธุรกิจอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับธุรกิจของคุณ ติดต่อผู้ให้ข้อมูลอ้างอิงเหล่านี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์และผลลัพธ์ที่ได้จากแพลตฟอร์ม

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย