การประมวลผลใบแจ้งหนี้ OCR คืออะไร สิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Invoicing
Invoicing

Stripe Invoicing คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้สำหรับทั่วโลกที่สร้างมาเพื่อช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น สร้างใบแจ้งหนี้แล้วส่งให้ลูกค้าของคุณได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องใช้โค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. วิธีใช้เทคโนโลยี OCR ในการจัดการใบแจ้งหนี้
    1. การแปลงใบแจ้งหนี้เป็นดิจิทัล
    2. การจดจำและการดึงข้อความ
    3. การดึงข้อมูล
    4. การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
    5. การผสานการทํางานของระบบการเงิน
    6. การทำตามขั้นตอนการทํางานอัตโนมัติ
    7. การค้นหาและการเรียกดูข้อมูล
    8. การวิเคราะห์และการรายงาน
  3. ประโยชน์ของการใช้ OCR ในการประมวลผลใบแจ้งหนี้
  4. การดึงข้อมูล OCR นั้นถูกต้องและเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
    1. ความถูกต้อง
    2. ความน่าเชื่อถือ
  5. วิธีผสานการทํางาน OCR เข้ากับขั้นตอนการทํางานเจ้าหนี้การค้าของคุณ
    1. เลือกซอฟต์แวร์ OCR ที่เหมาะสม
    2. จัดเตรียมใบแจ้งหนี้ของคุณ
    3. ตั้งค่าขั้นตอนการทํางานของ OCR
    4. การฝึกและปรับแต่งโมเดล OCR
    5. ติดตั้งใช้งานขั้นตอนการตรวจสอบ
    6. ตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพ
  6. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการนํา OCR ไปใช้งาน
    1. กำหนดวัตถุประสงค์ของคุณ
    2. เลือกโซลูชัน OCR ที่เหมาะสม
    3. เตรียมเอกสารของคุณ
    4. กําหนดค่าและฝึกระบบ OCR ของคุณ
    5. ติดตั้งใช้งานกระบวนการตรวจสอบและแก้ไข
    6. ผสานการทํางานกับระบบอื่นๆ

OCR (การจดจําอักขระทางแสง) คือเทคโนโลยีที่แปลงรูปภาพของข้อความให้เป็นโค้ดที่สามารถนําไปใช้ในการประมวลผลข้อมูลได้มากถึง 90% ของข้อมูลของธุรกิจมีอยู่ในรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น ข้อความที่ไม่สามารถค้นหาได้ในฐานข้อมูล แต่ OCR สามารถช่วยได้ OCR ช่วยให้เอกสารประเภทต่างๆ เช่น เอกสารกระดาษที่สแกนแล้ว ไฟล์ PDF และรูปภาพที่ถ่ายโดยกล้องดิจิทัล กลายเป็นข้อมูลที่สามารถแก้ไขและค้นหาได้ การประมวลผลใบแจ้งหนี้ OCR ใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อทำให้การดึงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ดิจิทัลเป็นอัตโนมัติ

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายถึงประโยชน์ของการใช้ OCR ในการประมวลผลใบแจ้งหนี้ การดึงข้อมูล OCR นั้นแม่นยําและเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด และวิธีผสานการประมวลผล OCR เข้ากับการดําเนินธุรกิจของคุณ

เนื้อหาหลักในบทความ

  • วิธีใช้เทคโนโลยี OCR ในการจัดการใบแจ้งหนี้
  • ประโยชน์ของการใช้ OCR ในการประมวลผลใบแจ้งหนี้
  • การดึงข้อมูล OCR นั้นถูกต้องและน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
  • ผสานการทํางาน OCR เข้ากับขั้นตอนการทํางานของเจ้าหนี้การค้าของคุณ
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการนํา OCR ไปใช้งาน

วิธีใช้เทคโนโลยี OCR ในการจัดการใบแจ้งหนี้

โดยแปลงใบแจ้งหนี้ให้เป็นระบบดิจิทัลและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดึงมา OCR ช่วยปรับกระบวนการออกใบแจ้งหนี้ให้ง่ายขึ้นในหลายๆ ด้าน ต่อไปนี้คือวิธีที่เทคโนโลยี OCR ถูกนำมาใช้ในการจัดการใบแจ้งหนี้

การแปลงใบแจ้งหนี้เป็นดิจิทัล

  • การสแกน: ใบแจ้งหนี้ฉบับจริงได้รับการสแกนเพื่อสร้างรูปภาพดิจิทัล

  • การถ่ายภาพ: รูปใบแจ้งหนี้ถูกถ่ายรูปผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือกล้องดิจิทัล

การจดจำและการดึงข้อความ

  • การจดจําอักขระด้วยแสง: ซอฟต์แวร์ OCR ประมวลผลรูปภาพที่สแกนเพื่อจดจําและแปลงข้อความที่พิมพ์หรือเขียนด้วยมือให้เป็นข้อความที่แมชชีนสามารถอ่านได้

  • การระบุช่องข้อมูล: ซอฟต์แวร์จะระบุช่องข้อมูลหลัก เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ ชื่อซัพพลายเออร์ บรรทัดรายการ ปริมาณ ราคา และยอดรวม

การดึงข้อมูล

  • การดึงข้อมูลตามเทมเพลต: ระบบ OCR จะใช้เทมเพลตที่กําหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อดึงข้อมูลเฉพาะจากใบแจ้งหนี้ ซึ่งทํางานได้ดีเมื่อรูปแบบใบแจ้งหนี้สอดคล้องกัน

  • การดึงข้อมูลอัจฉริยะ: ระบบ OCR ขั้นสูงใช้อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงในการจดจําและดึงข้อมูลจากใบแจ้งหนี้รูปแบบต่างๆ

การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

  • การตรวจสอบตามกฎ: ข้อมูลที่ดึงออกมาจะได้รับการตรวจสอบตามกฎที่กําหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อยืนยันความถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ระบบอาจตรวจสอบว่าวันที่ใบแจ้งหนี้อยู่ในช่วงที่กําหนดหรือจํานวนเงินทั้งหมดตรงกับผลรวมของบรรทัดรายการหรือไม่

  • การตรวจสอบเทียบข้อมูล: ระบบ OCR จะอ้างอิงข้อมูลที่ดึงมาจากบันทึกที่มีอยู่ เช่น ใบสั่งซื้อหรือฐานข้อมูลของผู้ให้บริการเพื่อยืนยันความถูกต้อง

การผสานการทํางานของระบบการเงิน

  • การผสานการทํางาน ERP: ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจะถูกผสานรวมเข้าไปในระบบ การวางแผนทรัพยากร องค์กร (ERP) เพื่อให้บันทึกทางการเงินได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง

  • ซอฟต์แวร์การทําบัญชี: ข้อมูลที่ดึงมาจาก OCR จะถูกผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์การทําบัญชี ทําให้งานทําบัญชีเป็นอัตโนมัติและลดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง

การทำตามขั้นตอนการทํางานอัตโนมัติ

  • ขั้นตอนการอนุมัติ: ระบบ OCR เรียกใช้ขั้นตอนการทํางานอัตโนมัติสําหรับการอนุมัติใบแจ้งหนี้ และส่งใบแจ้งหนี้ให้กับบุคลากรที่เหมาะสมตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้ล่วงหน้า

  • การแจ้งเตือนและการเตือนภัย: ระบบ OCR จะส่งการแจ้งเตือนและการเตือนภัยอัตโนมัติสําหรับใบแจ้งหนี้ที่ไม่ตรงกัน หรือการอนุมัติที่ค้างอยู่

การค้นหาและการเรียกดูข้อมูล

  • ฐานข้อมูลที่ค้นหาได้: ระบบ OCR จะจัดเก็บข้อมูลที่ดึงออกมาไว้ในฐานข้อมูลที่ค้นหาได้เพื่อให้เรียกดูใบแจ้งหนี้หรือจุดข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว มีประโยชน์อย่างยิ่งสําหรับการตรวจสอบ การตรวจสอบความสอดคล้องตามข้อกําหนด และการวิเคราะห์ทางการเงิน

  • การจัดการเอกสาร: เทคโนโลยี OCR ช่วยให้สามารถค้นหาใบแจ้งหนี้ที่สแกนได้โดยใช้คีย์เวิร์ด วันที่ หรือเกณฑ์อื่นๆ

การวิเคราะห์และการรายงาน

  • การวิเคราะห์ข้อมูล: สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ดึงมาจากระบบ OCR เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการใช้จ่าย ประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ และเมตริกทางการเงินอื่นๆ

  • การรายงาน: ระบบสามารถสร้างรายงานอัตโนมัติที่จัดตั้งขึ้นจากข้อมูลที่ดึงมาและตรวจสอบแล้ว

ประโยชน์ของการใช้ OCR ในการประมวลผลใบแจ้งหนี้

การใช้ OCR สําหรับการประมวลผลใบแจ้งหนี้จะสร้างประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • งานที่ต้องทําด้วยตัวเองน้อยลง: OCR ช่วยให้พนักงานไม่ต้องพิมพ์ข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ลงในระบบบัญชีด้วยตนเอง จึงประหยัดเวลาและต้นทุนแรง และช่วยให้พนักงานมีเวลาไปมุ่งเน้นที่งานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

  • ข้อผิดพลาดน้อยลง: OCR ยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง เช่น การพิมพ์ผิดและการกรอกข้อมูลสลับ การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้หมายถึงการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น การชําระเงินที่ไม่ถูกต้องหรือการพลาดส่วนลด

  • การประมวลผลที่รวดเร็วขึ้น: OCR ช่วยให้การประมวลผลใบแจ้งหนี้รวดเร็วขึ้นมาก ซึ่งช่วยให้วงจรการชําระเงินสั้นลง และช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถจัดการใบแจ้งหนี้จํานวนมากด้วยทรัพยากรเท่าเดิม และยังสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนลดการชําระเงินล่วงหน้าจากซัพพลายเออร์ได้

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดที่ง่ายขึ้น: การปฏิบัติตามข้อกําหนดทางการเงินและกฎหมายภาษีต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง OCR ช่วยให้ธุรกิจจัดทําบันทึกข้อมูลที่ถูกต้องและลดความเสี่ยงของการไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนด

  • การจัดการใบแจ้งหนี้: OCR จะแปลงใบแจ้งหนี้เป็นระบบดิจิทัล ทําให้สามารถค้นหาและเข้าถึงได้ง่าย โดยช่วยเพิ่มการมองเห็นภาพรวมของกระบวนการ เจ้าหนี้การค้า (AP) และอํานวยความสะดวกในการตรวจสอบบัญชี

  • ความสามารถในการปรับตัว: ซอฟต์แวร์ OCR ที่ทันสมัยสามารถจัดการรูปแบบใบแจ้งหนี้ เลย์เอาต์ และแม้แต่ภาษาที่แตกต่างกันได้ มอบมีความยืดหยุ่นให้ธุรกิจที่ต้องจัดการกับซัพพลายเออร์ที่หลากหลาย

การดึงข้อมูล OCR นั้นถูกต้องและเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด

ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของการดึงข้อมูล OCR มีการปรับปรุงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับการจัดการใบแจ้งหนี้ แต่ยังคงมีข้อจํากัดอยู่

ความถูกต้อง

ซอฟต์แวร์ OCR ที่ทันสมัยส่วนใหญ่มีความแม่นยําในระดับหน้าที่สูง ซึ่งมักจะทำได้ ถึง 98% หรือ 99% นั่นหมายความว่าจาก 1,000 ตัวอักษรในหน้า 980-990 ตัวอักษรจะได้รับการจดจําอย่างถูกต้อง

แต่ตัวชี้วัดที่สําคัญที่สุดของ OCR คือความแม่นยําในระดับฟิลด์ ซึ่งก็คือความแม่นยําในการดึงข้อมูลเฉพาะ เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ และจํานวนเงิน นี่คือจุดที่ OCR อาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใบแจ้งหนี้มีรูปแบบที่ซับซ้อนหรือไม่สอดคล้องกัน คุณภาพใบแจ้งหนี้ไม่ดี (เช่น การสแกนด้วยความละเอียดต่ำ หรือการเขียนด้วยมือ) หรือซอฟต์แวร์ OCR ไม่ได้รับการฝึกฝนสําหรับใบแจ้งหนี้โดยเฉพาะ

ความน่าเชื่อถือ

OCR ดึงข้อมูลด้วยวิธีเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์โดยการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง แต่ความน่าเชื่อถือของ OCR ยังขึ้นอยู่กับว่าซอฟต์แวร์จัดการข้อผิดพลาดและข้อยกเว้นได้ดีเพียงใด โซลูชันบางส่วนที่ช่วยปรับปรุงการจัดการข้อผิดพลาด ได้แก่

  • การตรวจสอบความถูกต้องเพื่อรายงานข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น (เช่น ยอดรวมไม่ตรงกัน)

  • ตรวจสอบโดยมนุษย์เพื่อยืนยันและแก้ไขข้อมูลที่ดึงมา

  • อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงที่ปรับปรุงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเลือกซอฟต์แวร์ OCR ให้เพิ่มความแม่นยําและความน่าเชื่อถือโดยการยืนยันว่ารูปภาพมีคุณภาพสูง ผสานกับการตรวจสอบโดยมนุษย์ และเลือกโซลูชันที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับการประมวลผลใบแจ้งหนี้ โดยแนะนำให้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • เทมเพลตสําเร็จรูปสําหรับเลย์เอาต์ใบแจ้งหนี้ทั่วไป

  • มีความสามารถแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบต่างๆ

  • มีกลไกการตรวจสอบความถูกต้องและการจัดการข้อผิดพลาด

วิธีผสานการทํางาน OCR เข้ากับขั้นตอนการทํางานเจ้าหนี้การค้าของคุณ

ต่อไปนี้คือวิธีผสานการทํางาน OCR เข้ากับขั้นตอนการทํางานที่คุณมีอยู่

เลือกซอฟต์แวร์ OCR ที่เหมาะสม

  • ใบแจ้งหนี้เฉพาะ OCR: เลือกซอฟต์แวร์ OCR ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะหรือได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพสําหรับการประมวลผลใบแจ้งหนี้ โซลูชันเหล่านี้มักมาพร้อมกับเทมเพลตที่ผ่านการฝึกฝนไว้ล่วงหน้าสําหรับรูปแบบใบแจ้งหนี้ทั่วไป และเข้าใจคําศัพท์เฉพาะที่ใช้ในใบแจ้งหนี้

  • ฟีเจอร์เฉพาะ: ค้นหาฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การดึงข้อมูลอัตโนมัติ การจดจําบรรทัดรายการ การจับคู่ PO คําแนะนําการเขียนโค้ดบัญชีแยกประเภท (GL) และความสามารถในการผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์การทําบัญชีหรือ ERP ที่มีอยู่

  • ตัวเลือกการติดตั้งใช้งาน: ตัดสินใจว่าคุณต้องการซอฟต์แวร์ OCR บนระบบคลาวด์หรือในสถานที่ โดยทั่วไปแล้วโซลูชันแบบคลาวด์จะนําไปปรับใช้และขยายธุรกิจได้ง่ายกว่า ในขณะที่โซลูชันที่จัดตั้งขึ้นในสถานที่จะช่วยให้คุณควบคุมและปรับแต่งได้มากยิ่งขึ้น

จัดเตรียมใบแจ้งหนี้ของคุณ

  • รูปแบบมาตรฐาน: หากเป็นไปได้ ควรขอให้ผู้ให้บริการของคุณส่งใบแจ้งหนี้ในรูปแบบมาตรฐาน (เช่น PDF) เพื่อการประมวลผล OCR ง่ายยิ่งขึ้น

  • การสแกนที่ชัดเจน: สร้างภาพสแกนคุณภาพสูงหรือรูปภาพดิจิทัลของใบแจ้งหนี้ฉบับกระดาษ ใช้เครื่องสแกนที่มีความละเอียดและการตั้งค่าที่เพียงพอเพื่อผลลัพธ์ OCR ที่เหมาะสม

  • ที่เก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์: สร้างสถานที่แบบรวมศูนย์ (เช่น โฟลเดอร์ที่แชร์ การจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์) เพื่อจัดเก็บใบแจ้งหนี้ทั้งหมดเพื่อให้ซอฟต์แวร์ OCR เข้าถึงได้ง่าย

ตั้งค่าขั้นตอนการทํางานของ OCR

  • การดึงข้อมูล: กําหนดค่าซอฟต์แวร์ OCR เพื่อดึงข้อมูลส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น หมายเลขใบแจ้งหนี้ ชื่อผู้ให้บริการ วันที่ บรรทัดรายการ จํานวนเงิน และภาษี

  • กฎการตรวจสอบความถูกต้อง: ใช้กฎการตรวจสอบความถูกต้องเพื่อตรวจสอบความคลาดเคลื่อนและรายงานข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในข้อมูลที่ดึงมา (เช่น ยอดรวมไม่ตรงกัน วันที่ไม่ถูกต้อง)

  • ขั้นตอนการอนุมัติ: ผสานการทํางานของซอฟต์แวร์ OCR กับขั้นตอนการอนุมัติที่คุณมีอยู่เพื่อส่งใบแจ้งหนี้ไปยังผู้อนุมัติที่เหมาะสมตามกฎที่กําหนดไว้ล่วงหน้า

  • ส่งออกข้อมูล: ตั้งค่าซอฟต์แวร์ OCR เพื่อส่งออกข้อมูลที่ดึงออกมาไปยังระบบบัญชีหรือระบบ ERP ของคุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทําได้ผ่านการผสานการทํางาน API โดยตรงหรือการส่งออกไฟล์

การฝึกและปรับแต่งโมเดล OCR

  • การฝึกอบรมเบื้องต้น: ฝึกซอฟต์แวร์ OCR ด้วยชุดตัวอย่างใบแจ้งหนี้ของคุณเพื่อให้สามารถจําแนกรูปแบบใบแจ้งหนี้และคําศัพท์เฉพาะของคุณได้

  • การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดในข้อมูลที่ดึงมาเป็นประจําเพื่อช่วยให้โมเดล OCR เรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ

ติดตั้งใช้งานขั้นตอนการตรวจสอบ

  • การมีส่วนร่วมกับผู้ใช้งาน: ถึงแม้จะเป็นเทคโนโลยี OCR ที่ดีที่สุด แต่เราก็ยังขอแนะนําให้ทําการตรวจสอบจากมนุษย์ในระดับหนึ่งเพื่อยืนยันข้อมูลที่ดึงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับใบแจ้งหนี้ที่มีมูลค่าสูงหรือใบแจ้งหนี้ที่มีบรรทัดรายการที่ซับซ้อน

  • การจัดการข้อยกเว้น: จัดทํากระบวนการจัดการข้อยกเว้นและข้อผิดพลาดที่ระบุโดยซอฟต์แวร์ OCR ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการ ตรวจสอบด้วยตนเอง การแก้ไข หรือการติดต่อกับผู้ให้บริการ

ตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพ

  • ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลัก (KPI): ติดตาม KPI เช่น เวลาในการประมวลผลใบแจ้งหนี้ อัตราข้อผิดพลาด และการประหยัดต้นทุนเพื่อวัดประสิทธิภาพของการติดตั้งใช้งาน OCR ของคุณ

  • การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: ตรวจสอบและปรับปรุงขั้นตอนการทํางาน OCR ของคุณเป็นประจํา โดยปรับการตั้งค่าและฝึกโมเดลใหม่ตามความจําเป็นเพื่อรักษาความแม่นยําและประสิทธิผลสูง

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการนํา OCR ไปใช้งาน

ใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดต่อไปนี้เพื่อนํา OCR มาใช้ในธุรกิจของคุณ

กำหนดวัตถุประสงค์ของคุณ

ระบุเอกสารหรือกระบวนการเฉพาะเจาะจงที่ OCR สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากที่สุด มุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่มีการป้อนข้อมูลด้วยตัวเองจํานวนมาก งานที่ทําซ้ำๆ หรือที่ความแม่นยําสําคัญที่สุด (เช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้ การดึงข้อมูลจากแบบฟอร์ม การเก็บรักษาเอกสาร) กําหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ เช่น การลดเวลาในการประมวลผลลงตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด การปรับปรุงความแม่นยําของข้อมูล หรือการประหยัดต้นทุน

เลือกโซลูชัน OCR ที่เหมาะสม

ประเมินปริมาณและประเภทของเอกสารที่คุณจะประมวลผล ระดับความแม่นยําที่กําหนด และงบประมาณของคุณ พิจารณาฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เทมเพลตสำเร็จรูป สามารถแมชชีนเลิร์นนิงได้ รองรับภาษา และตัวเลือกการผสานการทํางาน และเลือกโซลูชันที่สามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการของคุณได้

ประเมินตัวเลือกซอฟต์แวร์ OCR แบบต่างๆ ผ่านการสาธิตหรือการทดลองใช้ และทดสอบด้วยประเภทเอกสารเฉพาะของคุณเพื่อประเมินความถูกต้องและประสิทธิภาพ

เตรียมเอกสารของคุณ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารของคุณได้รับการสแกนหรือบันทึกด้วยความละเอียดสูง (300 DPI หรือสูงกว่า) ด้วยความคมชัดดีและสัญญาณรบกวนน้อยที่สุด ปรับแต่งรูปภาพที่เอียงกลับมาตรง หากเป็นไปได้ให้สร้างมาตรฐานรูปแบบเอกสาร (เช่น PDF/A) เพื่อให้ซอฟต์แวร์ OCR ดําเนินการได้ง่ายขึ้น

กําหนดค่าและฝึกระบบ OCR ของคุณ

หากเอกสารของคุณมีเลย์เอาต์ที่สอดคล้องกัน ให้สร้างเทมเพลตในซอฟต์แวร์ OCR เพื่อกําหนดพื้นที่ที่ต้องดึงข้อมูลออกมา (เช่น ช่องใบแจ้งหนี้ ช่องแบบฟอร์ม) หากใช้ OCR ที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิง ให้จัดเตรียมชุดการฝึกของเอกสารที่มีป้ายกํากับเพื่อแนะนําให้ระบบจดจําแบบอักษร เลย์เอาต์ และประเภทข้อมูลต่างๆ ใช้กฎการตรวจสอบตวามถูกต้องเพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาดและความไม่สอดคล้องในข้อมูลที่ดึงมา กฎเหล่านี้สามารถตรวจสอบว่าวันที่ถูกต้อง การคํานวณถูกต้อง และช่องข้อมูลเฉพาะไม่ได้ว่าง

ติดตั้งใช้งานกระบวนการตรวจสอบและแก้ไข

สร้างขั้นตอนกาตรวจสอบคุณภาพที่ทําให้มนุษย์สามารถตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ดึงมา และใช้ข้อเสนอแนะจากกระบวนการตรวจสอบเพื่อปรับปรุงความแม่นยําของระบบ OCR เมื่อเวลาผ่านไป สําหรับ OCR ที่จัดตั้งขึ้นด้วยแมชชีนเลิร์นนิง ขั้นตอนนี้จะรวมถึงการแก้ไขข้อผิดพลาดในข้อมูลการฝึกและฝึกโมเดลใหม่อีกครั้ง

ผสานการทํางานกับระบบอื่นๆ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ OCR สามารถส่งออกข้อมูลที่ดึงออกมาไปยังระบบอื่นๆ เช่น ซอฟต์แวร์การทําบัญชี ฐานข้อมูล หรือระบบการจัดการเอกสาร ผสานการทํางาน OCR เข้ากับเครื่องมืออัตโนมัติสําหรับขั้นตอนการทํางานของคุณเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการต่างๆ เช่น การอนุมัติใบแจ้งหนี้ การป้อนข้อมูลไปยังระบบอื่นๆ และการจัดเก็บเอกสาร

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Invoicing

Invoicing

สร้างและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าได้ในไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Invoicing

สร้างและจัดการใบแจ้งหนี้สำหรับการชำระเงินครั้งเดียวด้วย Stripe Invoicing