อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) Open Banking เป็นเกตเวย์ดิจิทัลที่ช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสร้างแอปพลิเคชันและบริการเกี่ยวกับระบบของสถาบันการเงินได้ เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญสำหรับ Open Banking ซึ่งเป็นโมเดลที่ส่งเสริมความโปร่งใสและการเข้าถึงในภาคธุรกิจการเงินมากขึ้นด้วยการแชร์ข้อมูลด้วยวิธีการที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานโดยได้รับอนุญาตจากลูกค้า มูลค่าธุรกรรมผ่าน Open Banking ทั่วโลกสูงถึง 57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสําคัญของ API เหล่านี้และการชําระเงินที่สามารถทำได้ด้วย API ดังกล่าว
ด้านล่างนี้เราจะอธิบายว่า Open Banking API ทํางานอย่างไร นักพัฒนาใช้ทําอะไรได้บ้าง ความสําคัญ ข้อดี และวิธีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินด้วย API เหล่านี้
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- Open Banking API ทํางานอย่างไร
- นักพัฒนาใช้ Open Banking API ทำอะไรได้บ้าง
- เหตุใด Open Banking API จึงสําคัญ
- ประโยชน์ของ Open Banking API
- วิธีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินด้วย Open Banking API
Open Banking API ทํางานอย่างไร
Open Banking API สร้างช่องทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารกับผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทอื่น (TPP) ที่เป็นมาตรฐานและปลอดภัย กระบวนการนี้จะช่วยให้มั่นใจว่ามีเพียงบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปตามกรอบข้อบังคับ เช่น คําสั่งว่าด้วยบริการชําระเงินฉบับปรับปรุง (PSD2) ในยุโรปและสิทธิ์ข้อมูลผู้บริโภคในออสเตรเลีย นี่คือการทํางานของ API เหล่านี้
การสร้างมาตรฐาน: Open Banking API ใช้ชุดโปรโตคอลและรูปแบบข้อมูลที่มีมาตรฐานทั่วทั้งอุตสาหกรรมการธนาคาร สิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันที่สามารถโต้ตอบกับธนาคารหลายรายได้ง่ายขึ้นโดยไม่จําเป็นต้องปรับแต่งการผสานการทํางานให้เหมาะสมกับแต่ละธนาคาร
การอนุมัติและการตรวจสอบสิทธิ์: ลูกค้าจะต้องอนุญาตให้ TPP เข้าถึงข้อมูลของตัวเองก่อน โดยปกติแล้วลูกค้าจะดําเนินการผ่านขั้นตอนการอนุมัติแบบเปิด (OAuth) เข้าสู่ระบบบัญชีธนาคาร และให้สิทธิ์ TPP เข้าถึงข้อมูลของตน กระบวนการนี้ช่วยรับรองว่า TPP ได้รับความยินยอมให้เข้าถึงข้อมูล เป็นการรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกค้า
การดึงข้อมูล: เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว TPP จะใช้ API เป็นสะพานกับเซิร์ฟเวอร์ของธนาคารเพื่อดึงข้อมูล เช่น ยอดคงเหลือบัญชีและประวัติธุรกรรมจากฐานข้อมูลของธนาคารได้
การใช้งานข้อมูล: TPP สามารถใช้ข้อมูลที่ดึงมาเพื่อให้บริการต่างๆ เช่น เครื่องมือจัดการทางการเงิน คําแนะนําทางการเงินส่วนบุคคล และบริการชําระเงิน ตัวอย่างเช่น แอปจัดงบประมาณอาจใช้ข้อมูลธุรกรรมเพื่อช่วยผู้ใช้ติดตามการใช้จ่ายและค้นหาโอกาสในการออม
มาตรการรักษาความปลอดภัย: โปรโตคอลความปลอดภัยที่เข้มงวดของ Open Banking API จะปกป้องข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อน มาตรการเหล่านี้ประกอบด้วยการเข้ารหัส แนวทางการเขียนโค้ดที่ปลอดภัย และการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจํา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการละเมิดข้อมูลและปกป้องข้อมูลของลูกค้าได้
นักพัฒนาใช้ Open Banking API ทําอะไรได้บ้าง
นักพัฒนาสามารถใช้ Open Banking API สร้างแอปพลิเคชันและบริการทางการเงินที่หลากหลายซึ่งขับเคลื่อนโซลูชันทางการเงินที่ล้ํานวัตกรรม ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ และทําให้การดําเนินธุรกิจง่ายขึ้นได้ นี่คือผลิตภัณฑ์และบริการบางส่วนที่เป็นไปได้โดย API เหล่านี้
เครื่องมือจัดการทางการเงินส่วนบุคคล: นักพัฒนาสามารถสร้างแอปที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการการเงินของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย Open Banking API เครื่องมือเหล่านี้สามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายบัญชีเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย ตั้งเป้าหมายงบประมาณ และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีประหยัดเงิน
บริการที่เริ่มต้นการชําระเงิน: Open Banking API ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปที่เริ่มต้นการชําระเงินได้จากบัญชีธนาคารของผู้ใช้โดยตรง แอปเหล่านี้ทำให้ไม่ต้องใช้ระบบการชําระเงินแบบเดิมๆ เช่น บัตรเครดิต เพื่ออํานวยความสะดวกสําหรับธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยยิ่งขึ้น
บริการให้คะแนนเครดิตและให้กู้ยืม: เมื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินแบบละเอียดจาก Open Banking API นักพัฒนาจะสามารถสร้างโมเดลการให้คะแนนเครดิตที่แม่นยํายิ่งขึ้นและบริการให้กู้ยืมส่วนบุคคลได้มากขึ้น ซึ่งนําไปสู่การอนุมัติเงินกู้ที่รวดเร็วขึ้นและอัตราเงินกู้ที่ออกแบบเองได้มากขึ้น
บริการรวบรวมบัญชี: นักพัฒนาสามารถใช้ Open Banking API เพื่อสร้างบริการที่รวบรวมข้อมูลจากบัญชีธนาคารและบัญชีการเงินต่างๆ ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เห็นมุมมองสถานะทางการเงินของตัวเองโดยรวม เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจ
การตรวจจับการฉ้อโกง: การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมจาก Open Banking API ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างอัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติและอาจเป็นการฉ้อโกงได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ธุรกรรมทางการเงิน
แพลตฟอร์มการลงทุนและการออม: แพลตฟอร์มการลงทุนอัตโนมัติหรือที่ปรึกษาด้านการเงินที่พัฒนาผ่าน Open Banking API สามารถให้คําแนะนําด้านการลงทุนที่ปรับแต่งได้ตามข้อมูลทางการเงินและการยอมรับความเสี่ยงของผู้ใช้
การธนาคารแบบมาร์เก็ตเพลส: นักพัฒนาสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้ให้บริการทางการเงินหลายรายนําเสนอผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ใช้โดยตรง จากนั้นผู้ใช้เหล่านี้จะเปรียบเทียบและเลือกบริการต่างๆ เช่น ประกันภัย เงินกู้ และบัญชีออมทรัพย์ได้
โซลูชันการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: นักพัฒนาสามารถใช้ Open Banking API เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมาย เช่น การตรวจสอบตามข้อกําหนดด้านการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และการตรวจสอบตามข้อกําหนดด้านการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC)
เหตุใด Open Banking API จึงสําคัญ
Open Banking API ได้พลิกโฉมประสบการณ์ของผู้ใช้และการทำงานแบ็กเอนด์ในบริการธนาคาร นี่คือตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงและผลที่ได้จาก API เหล่านี้
การแข่งขัน: API ช่วยให้ธนาคารสามารถแชร์ระบบและข้อมูลกับนักพัฒนาบุคคลที่สาม บริษัทเทคโนโลยีการเงิน และสถาบันการเงินอื่นๆ ได้ ทําให้ผู้มีบทบาทจํานวนมากขึ้นสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ ต่อยอดจากระบบธนาคารที่มีอยู่เดิมได้ ในท้ายที่สุด การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าด้วยการให้ทางเลือกมากขึ้นซึ่งมีการปรับแต่งมากขึ้นด้วย
ประสบการณ์ของลูกค้า: API มอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายมากขึ้นด้วยการผสานบริการธนาคารกับแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถดูยอดคงเหลือในธนาคารและชําระเงินได้โดยตรงจากแอปจัดทํางบประมาณหรือแพลตฟอร์มการจัดการทางการเงิน แทนที่จะต้องเปลี่ยนไปมาระหว่างแอปธนาคารกับผู้ให้บริการบุคคลที่สาม
การเข้าถึงและการช่วยสําหรับการเข้าถึง: เมื่อเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทฟินเทคและองค์กรอื่นๆ ธนาคารสามารถใช้ API เพื่อให้บริการทางการเงินแก่ตลาดและกลุ่มประชากรใหม่ๆ ได้ รวมถึงกลุ่มคนและธุรกิจด้อยโอกาสที่อาจไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารแบบดั้งเดิม
ระบบอัตโนมัติ: API สามารถทําให้กระบวนการธนาคารต่างๆ เช่น ใบสมัครเงินกู้ การเปิดบัญชี และการประมวลผลการชําระเงินเป็นไปโดยอัตโนมัติและง่ายขึ้น ซึ่งช่วยลดงานและข้อผิดพลาดที่เกิดจากการดําเนินการโดยมนุษย์ และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของธนาคาร
ช่องทางสร้างรายรับ: การเรียกเก็บเงินจากนักพัฒนาบุคคลที่สามหรือธุรกิจต่างๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูลและบริการธนาคารธนาคารจะช่วยให้ธนาคารสร้างรายรับจาก API ได้ วิธีนี้สามารถเปิดกระแสรายรับใหม่ๆ ให้กับธนาคาร และสร้างโอกาสในการทํางานร่วมกันและการเป็นพาร์ทเนอร์
ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: API สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าและความต้องการของลูกค้าแก่ธนาคารได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลของตน จากนั้นธนาคารจะใช้ข้อมูลเชิงลึกนี้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเฉพาะบุคคล ปรับปรุงการจัดการความเสี่ยง และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
ประโยชน์ของ Open Banking API
นี่คือวิธีที่ Open Banking API เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า ธุรกิจ และสถาบันทางการเงิน
ลูกค้า
การปรับแต่ง: Open Banking API ช่วยอำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินอย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถเสนอคําแนะนําทางการเงิน คําแนะนําเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และข้อกําหนดเงินกู้ที่ออกแบบเองโดยอิงตามพฤติกรรมการใช้จ่าย รูปแบบรายรับ และเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล
ความรู้ด้านการเงินที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล: Open Banking API สามารถให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจของลูกค้าและปรับปรุงความรู้ด้านการเงินของลูกค้าด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายและพฤติกรรมทางการเงิน
ความโปร่งใสและการควบคุม: Open Banking API ช่วยให้ลูกค้าเห็นมุมมองสถานะทางการเงินของตนเองได้ชัดเจนขึ้น และช่วยให้ลูกค้าควบคุมวิธีใช้ข้อมูลของตัวเองได้
การจัดการการชําระเงินตามรอบบิล: Open Banking API สามารถติดตามและจัดการการชําระเงินตามรอบบิลโดยอัตโนมัติ ระบุโอกาสในการประหยัด และแม้แต่เจรจาให้ได้ข้อเสนอที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้าได้
ธุรกิจ
โมเดลทางเลือกสำหรับการให้คะแนนเครดิต: นักพัฒนาสามารถใช้ข้อมูล Open Banking เพื่อพัฒนาโมเดลการให้คะแนนเครดิตทางเลือกที่พิจารณาปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากโมเดลแบบเดิมๆ ได้ ซึ่งอาจขยายการเข้าถึงเครดิตไปสู่กลุ่มประชากรที่ด้อยโอกาส
การประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์: ธุรกิจสามารถตรวจสอบสถานะทางการเงินอย่างต่อเนื่องได้โดยใช้ข้อมูลธ Open Banking เพื่อระบุและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืม การชําระเงิน และการลงทุน
การเงินแบบผสานรวมในตัว: Open Banking API ช่วยให้ธุรกิจสามารถผสานบริการทางการเงินลงในผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่มีอยู่โดยตรง เพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าและกระแสรายรับใหม่ๆ ที่ดียิ่งขึ้น
การสร้างรายรับจากข้อมูล: ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูล Open Banking แบบรวมที่ไม่มีการระบุตัวตนเพื่อพัฒนาข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าและการวิเคราะห์สําหรับการใช้งานภายในหรือขายให้แก่บริษัทอื่น
สถาบันการเงิน
การประสานงานสภาพแวดล้อม: ธนาคารที่ใช้ Open Banking API สามารถพัฒนาจากการเป็นผู้ให้บริการแบบเดิมไปสู่การเป็นผู้ประสานงานสภาพแวดล้อมทางการเงินในวงกว้าง โดยการร่วมมือกับบริษัทฟินเทคเพื่อมอบบริการที่หลากหลายมากขึ้น
โมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย API: ธนาคารสามารถใช้ API ของตัวเองเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เช่น การให้บริการธนาคาร (BaaS) เพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและบริการทางการเงินแก่ธุรกิจอื่นๆ ผ่าน API
ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน: การเปิดรับ Open Banking และการพัฒนากลยุทธ์ API ที่แข็งแกร่งช่วยให้ธนาคารสร้างความแตกต่างในตลาด ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้
การฉ้อโกง: Open Banking API มักจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง อย่างเช่น การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) และการเข้ารหัส ซึ่งจะช่วยลดการฉ้อโกงและเพิ่มความปลอดภัยทางการเงินได้
วิธีปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินด้วย Open Banking API
ธุรกิจที่ใช้ Open Banking API จะต้องใช้โปรโตคอลที่เข้มงวด เทคโนโลยีขั้นสูง และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อปกป้องความถูกต้องสมบูรณ์ การรักษาความลับ และความพร้อมใช้ของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงิน ซึ่งสามารถทําได้โดยใช้กลยุทธ์และเทคนิคเหล่านี้
การตรวจสอบสิทธิ์และการอนุมัติ
SCA: ผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA) เพื่อเข้าถึงข้อมูลของตัวเอง โดยมักจะต้องใช้สิ่งที่ผู้ใช้รู้ (รหัสผ่าน) สิ่งที่ผู้ใช้มี (อุปกรณ์มือถือ) และสิ่งที่ผู้ใช้เป็น (ไบโอเมตริก)
OAuth 2.0 และ OpenID Connect: ใช้โปรโทคอลเหล่านี้เพื่อการเข้าถึงที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ OAuth 2.0 อนุญาตให้บริการของบริษัทอื่นเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลประจําตัวของผู้ใช้ ในขณะที่ OpenID Connect เพิ่มเลเยอร์การตรวจสอบสิทธิ์เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้
การเข้ารหัสข้อมูล
การเข้ารหัสขณะพักและระหว่างส่ง: เข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดในขณะที่ส่งผ่านเครือข่ายโดยใช้ Transport Layer Security (TLS) และดําเนินการเช่นนั้นขณะจัดเก็บในฐานข้อมูลหรือระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบถาวร
มาตรฐานการเข้ารหัสแบบรัดกุม: ใช้มาตรฐานการเข้ารหัส เช่น Advanced Encryption Standard (AES) ที่มีความยาวคีย์เพียงพอสําหรับปกป้องข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน
ความปลอดภัยของ API
เกตเวย์ API: นําเกตเวย์ API มาใช้เพื่อจัดการการรับส่งข้อมูลของ API เกตเวย์สามารถช่วยป้องกันการโจมตีอย่าง Distributed Denial of Service (DDoS) บังคับใช้นโยบายความปลอดภัย และเพิ่มเลเยอร์การรักษาความปลอดภัย
การจํากัดอัตรา: ป้องกันการโจมตีโดยมิชอบและ Distributed Denial of Service (DoS) ที่อาจเกิดขึ้น โดยการจํากัดความถี่ที่ผู้ใช้หรือบริการสามารถเข้าถึง API ภายในช่วงเวลาหนึ่งๆ
การกําหนดเวอร์ชัน API: รักษา API เวอร์ชันเก่าเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานกับเวอร์ชันเก่าได้ ในขณะเดียวกันก็ปรับใช้และบังคับใช้มาตรฐานความปลอดภัยที่ใหม่กว่าในเวอร์ชันล่าสุด
การตรวจสอบการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนด
การทดสอบการเจาะระบบ: ทําการทดสอบการเจาะระบบอยู่เสมอเพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
การปฏิบัติตามมาตรฐานทางกฎหมาย: ปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมาย เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR), PSD2 และข้อกําหนดระดับท้องถิ่นอื่นๆ ในประเทศที่กําหนดมาตรการด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลโดยเฉพาะ
การประเมินความปลอดภัยโดยบุคคลที่สาม: ปรึกษาบริษัทรักษาความปลอดภัยภายนอกเพื่อประเมินสภาวะความปลอดภัยของ API
การเข้าถึงข้อมูล
การควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท (RBAC): ใช้ RBAC เพื่อให้ผู้ใช้และระบบสามารถเข้าถึงได้เฉพาะข้อมูลที่จําเป็นเท่านั้น
หลักการการมีสิทธิ์น้อยที่สุด: ใช้หลักการการมีสิทธิ์น้อยที่สุดกับทุกระบบและบริการ เพื่อลดสิทธิ์ในการเข้าถึงและลดผลกระทบจากการละเมิดความปลอดภัย
การติดตามตรวจสอบและการตรวจจับความผิดปกติ
การติดตามตรวจสอบแบบเรียลไทม์: ใช้เครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัยเพื่อติดตามกิจกรรมที่ผิดปกติซึ่งบ่งชี้ถึงการละเมิด เช่น รูปแบบการเข้าถึง API ผิดปกติหรือการเรียก API ที่ไม่ได้รับการอนุมัติ
การตรวจจับความผิดปกติ: นําระบบตรวจจับความผิดปกติแบบแมชชีนเลิร์นนิงมาใช้เพื่อระบุและตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ผิดปกติแบบเรียลไทม์
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ