วิธีเริ่มทําธุรกิจแบบสมัครสมาชิก: ข้อควรพิจารณาหลักๆ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกมีหลักการทํางานอย่างไร
  3. ข้อดีของโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
  4. ข้อควรพิจารณาสําคัญสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
  5. วิธีเริ่มธุรกิจแบบสมัครสมาชิก: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
    1. ขั้นตอนที่ 1: การวิจัยตลาด
    2. ขั้นตอนที่ 2: การวางแผนธุรกิจ
    3. ขั้นตอนที่ 3: การตั้งค่าด้านกฎหมายและการเงิน
    4. ขั้นตอนที่ 4: สแต็กเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
    5. ขั้นตอนที่ 5: การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดําเนินการตามคําสั่งซื้อ
    6. ขั้นตอนที่ 6: การทําการตลาดและการหาลูกค้าใหม่
    7. ขั้นตอนที่ 7: การบริการลูกค้าและการมีส่วนร่วม
    8. ขั้นตอนที่ 8: การวิเคราะห์และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
    9. ขั้นตอนที่ 9: การขยายธุรกิจและการเติบโต
  6. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
    1. การดูแลธุรกิจแบบสมัครสมาชิกของคุณ
    2. การขยายธุรกิจแบบสมัครสมาชิกของคุณ

สำหรับโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก ลูกค้าจะต้องจ่ายค่าบริการตามรอบเป็นประจําเพื่อเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตรงกันข้ามกับโมเดลการชําระเงินแบบครั้งเดียว โมเดลธุรกิจนี้สร้างรายได้ที่คาดการณ์ได้และสม่ำเสมอให้กับบริษัทต่างๆ และเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกมักพบเห็นได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงสื่อ (เช่น หนังสือพิมพ์และบริการสตรีมมิง) ซอฟต์แวร์ (เช่น แอปพลิเคชันบนคลาวด์) และสินค้าที่จับต้องได้ (เช่น ชุดอาหารหรือกล่องของขวัญรายเดือน) คาดการณ์ว่าตลาดการสมัครสมาชิกแบบดิจิทัลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 650 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 เป็น 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025

ในคู่มือนี้ เราจะอธิบายว่าธุรกิจแบบสมัครสมาชิกคืออะไร วิธีการทํางานของธุรกิจเหล่านี้ โมเดลการสมัครสมาชิกอาจมีประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอย่างไร และวิธีสร้างธุรกิจแบบนี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกมีหลักการทํางานอย่างไร
  • ข้อของโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
  • ข้อควรพิจารณาสําคัญสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก
  • วิธีเริ่มธุรกิจแบบสมัครสมาชิก: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก

ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกมีหลักการทํางานอย่างไร

ธุรกิจแบบสมัครสมาชิกจะจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการตามแบบแผนล่วงหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับการชําระเงินเป็นประจำ ธุรกิจจะได้ประโยชน์จากแหล่งรายรับที่มั่นคงซึ่งจะช่วยปรับปรุงการวางแผนทางการเงินได้ สําหรับลูกค้า การสมัครสมาชิกจะมอบความสะดวก การปรับแต่งตามบุคคล และคุณค่าอย่างต่อเนื่อง นี่คือภาพรวมการทํางานของธุรกิจเหล่านี้

  • ขั้นตอนการลงทะเบียน: ลูกค้าลงทะเบียน ซึ่งมักจะทำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และระบุข้อมูลการชําระเงินเพื่อเริ่มการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

  • การจัดส่งแบบต่อเนื่อง: บริษัทจะส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างต่อเนื่องตามที่สัญญา ซึ่งอาจเป็นการเข้าถึงเนื้อหาดิจิทัล การจัดส่งสินค้าเป็นประจํา หรือบริการต่อเนื่อง

  • การประมวลผลการชําระเงิน: ธุรกิจจะเรียกเก็บเงินจากลูกค้าตามรอบเวลาที่กําหนดไว้ล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ธุรกิจยังจัดการการประมวลผลการชําระเงิน การต่ออายุ และการยกเลิกด้วย

  • การรักษาลูกค้า: โมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิกอาศัยความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ธุรกิจเหล่านี้พยายามทําให้ลูกค้าพึงพอใจและมีส่วนร่วมเพื่อลดการเลิกใช้บริการ หรือก็คืออัตราที่ลูกค้ายกเลิกการสมัครสมาชิก บริษัทต้องอาศัยความคิดเห็นจากผู้สมัครสมาชิกเป็นประจําเพื่อแก้ไขและปรับปรุงข้อเสนอของตัวเอง รวมทั้งสร้างความมั่นใจว่าตนจะมีค่าต่อลูกค้าเสมอ

ข้อดีของโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก

โมเดลการสมัครสมาชิกมีประโยชน์มากมายสําหรับธุรกิจ ซึ่งรวมถึงกระแสรายรับที่เชื่อถือได้และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า นี่คือประโยชน์บางส่วนที่อาจได้จากโมเดลการสมัครสมาชิก

  • รายรับที่คาดเดาได้: โมเดลการสมัครสมาชิกจะมอบรายรับที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ให้ธุรกิจ

  • เงินสดสำรองที่เพิ่มขึ้น: รายรับที่สม่ำเสมอช่วยให้ธุรกิจรักษายอดเงินสดคงเหลือให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นและมีเงินสดสำรองมากขึ้น

  • การวางแผนทางการเงินที่ง่ายขึ้น: การชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าที่สม่ำเสมอจากสมาชิกหมายความว่าบริษัทสามารถคาดการณ์รายรับได้แม่นยํามากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีข้อมูลในการวางแผนงบประมาณและการเงิน

  • ลดค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่: เมื่อธุรกิจแบบสมัครสมาชิกได้ลูกค้าแล้ว ค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกค้าจะต่ํากว่าค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLTV) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจมากเกินกว่าต้นทุนการหาลูกค้าในครั้งแรก

  • ความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดีกว่า: โมเดลแบบสมัครสมาชิกต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของลูกค้าและความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสร้างการสื่อสารและข้อเสนอตามความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความภักดีของลูกค้า

  • โอกาสในการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่อง: ธุรกิจสามารถเข้าหาฐานลูกค้าเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าโดยรวมของลูกค้าได้

  • การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: สําหรับธุรกิจที่ขายสินค้าที่จับต้องได้ การสมัครสมาชิกสามารถช่วยให้คาดการณ์ความต้องการได้มากขึ้น ทําให้ลดของเสียหรือโอกาสที่สินค้าจะหมดสต็อก

  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า: การมีส่วนร่วมกับลูกค้าเป็นประจําช่วยให้ธุรกิจเก็บข้อมูลระยะยาวเกี่ยวกับความต้องการและพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์และบริการ ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และขับเคลื่อนนวัตกรรมได้

ข้อควรพิจารณาสําคัญสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก

ต่อไปนี้คือข้อควรพิจารณาหลักๆ สําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก ตั้งแต่การวิจัยตลาดไปจนถึงการเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์

  • การวิจัยตลาด: จัดทําการวิจัยตลาดอย่างละเอียดเพื่อทําความเข้าใจความต้องการในตลาด สภาพแวดล้อมการแข่งขัน และประเด็นปัญหาของลูกค้า รวมถึงความต้องการและความชอบ ระบุกลุ่มตลาดที่บริการแบบสมัครสมาชิกของคุณอาจได้รับประโยชน์จากการตอบสนองความต้องการที่ยังไม่มีใครตอบโจทย์ได้

  • การจัดทำโมเดลทางการเงิน: พัฒนาโมเดลการเงินอย่างละเอียดที่ผสมผสานอัตราการเลิกใช้บริการ, การคํานวณมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (LTV), ต้นทุนการได้ลูกค้าใหม่ (CAC) และการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน

  • การวิเคราะห์ข้อมูล: วางแผนสําหรับการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงตั้งแต่แรก คุณจะติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ แบ่งลูกค้า คาดการณ์การเลิกใช้บริการ และปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้เหมาะกับบุคคลอย่างไร ลงทุนในเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถดําเนินการได้ ไม่ใช่แค่ข้อมูลที่อธิบายเท่านั้น

  • โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี: ประเมินสแต็กเทคโนโลยีที่จําเป็นต้องใช้เพื่อสนับสนุนธุรกิจแบบสมัครสมาชิกของคุณ รวมถึงระบบการเรียกเก็บเงิน, ระบบการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM), แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูล และเครื่องมือแมชชีนเลิร์นนิงที่อาจใช้เพื่อการวิเคราะห์แบบคาดการณ์และการปรับตามบุคคล

  • กลยุทธ์ค่าบริการ: สํารวจกลยุทธ์ค่าบริการขั้นสูง เช่น ค่าบริการเพื่อดึงดูดลูกค้าหรือการรวมเป็นชุดเพื่อเพิ่มรายรับและการหาลูกค้าใหม่ พิจารณาว่าคุณจะจัดโครงสร้างระดับค่าบริการเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าอัปเกรดหรือสร้างอิทธิพลต่อการรับรู้คุณค่าได้อย่างไร

  • กลยุทธ์ด้านเนื้อหาและผลิตภัณฑ์: วางแผนสําหรับเนื้อหาแบบไดนามิกหรือแผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ที่จะปรับเปลี่ยนตามความคิดเห็นของลูกค้าและข้อมูลเชิงลึก คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะยังคงสดใหม่และน่าสนใจต่อลูกค้าเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจต้องมีการกําหนดเวลาสําหรับการเปิดตัวฟีเจอร์ เนื้อหา หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงกลไกสําหรับการรวมความคิดเห็นของผู้ใช้

  • การรักษาลูกค้าและการมีส่วนร่วม: พัฒนากลยุทธ์การรักษาลูกค้าอย่างชาญฉลาดซึ่งเหนือกว่าการบริการลูกค้าขั้นพื้นฐาน อาจใช้โปรแกรมความภักดี การสร้างชุมชน เนื้อหาหรือคําแนะนําที่ปรับตามบุคคล หรือความพยายามเชิงรุกในลดการเลิกใช้บริการ

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนด: เตรียมพร้อมสําหรับข้อกําหนดทางกฎหมายและกฎระเบียบทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การยกเลิกการสมัครใช้บริการ และการต่ออายุอัตโนมัติ ข้อกําหนดอาจซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ดังนั้นควรปรึกษากับที่ปรึกษาทางกฎหมาย

  • การเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์: พิจารณาโอกาสในการเป็นพาร์ทเนอร์หรือความร่วมมือเพื่อยกระดับสิ่งที่คุณนำเสนอ ขยายการเข้าถึงตลาด หรือเพิ่มคุณค่าให้กับสมาชิก พันธมิตรเชิงกลยุทธ์สามารถกระตุ้นการเติบโตและสร้างความแตกต่างได้

  • เส้นทางของลูกค้า: พัฒนาแผนที่โดยละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางของลูกค้า ระบุจุดติดต่อทั้งหมด โอกาสในการมีส่วนร่วม และจุดที่อาจเกิดปัญหาขัดข้อง ใช้แผนที่นี้เพื่อสร้างประสบการณ์สําหรับลูกค้าที่เรียบง่ายและน่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจและการรักษาลูกค้า

วิธีเริ่มธุรกิจแบบสมัครสมาชิก: คําแนะนําแบบทีละขั้นตอน

การเริ่มต้นธุรกิจแบบสมัครสมาชิกต้องมีการวางแผนและการดําเนินงานอย่างระมัดระวัง ต่อไปนี้คือคําแนะนําแบบทีละขั้นตอนเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้น

ขั้นตอนที่ 1: การวิจัยตลาด

  • ทําการวิจัยตลาดอย่างละเอียดเพื่อระบุช่องว่างที่บริการสมัครสมาชิกของคุณสามารถเติมเต็มได้ ทําความเข้าใจผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและคู่แข่งของคุณ

  • ใช้แบบสํารวจ กลุ่มโฟกัส หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ขั้นต่ํา (MVP) เพื่อทดสอบแนวคิดการสมัครสมาชิกกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ขั้นตอนที่ 2: การวางแผนธุรกิจ

  • จัดทําแผนธุรกิจแบบละเอียดโดยระบุโมเดลธุรกิจของคุณ กลยุทธ์การตลาด การคาดการณ์ทางการเงิน และเป้าหมายต่างๆ

  • เลือกโมเดลการชําระเงินตามรอบบิลประเภทหนึ่ง (เช่น แบบคงที่ ตามการใช้งาน แบ่งตามระดับ) และกําหนดราคา ความถี่ในการเรียกเก็บเงิน และกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของลูกค้า

ขั้นตอนที่ 3: การตั้งค่าด้านกฎหมายและการเงิน

  • เลือกโครงสร้างธุรกิจที่เหมาะสม (เช่น LLC, บริษัท) โดยพิจารณาจากผลกระทบทางภาษี ความรับผิด และความต้องการทางธุรกิจ

  • ปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายทั้งหมด รวมถึงสัญญา ข้อกําหนดการให้บริการ นโยบายความเป็นส่วนตัว และระเบียบข้อบังคับเฉพาะอุตสาหกรรม

  • ตั้งค่าบัญชีธนาคารของธุรกิจ ระบบการทำบัญชี และการติดตามด้านการเงิน วางแผนอย่างพิถีพิถันว่าคุณจะจัดการกระแสเงินสดอย่างไร

ขั้นตอนที่ 4: สแต็กเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

  • เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่รองรับการจัดการการชําระเงินตามรอบบิล (เช่น Shopify, WooCommerce ที่มีปลั๊กอินการชำระเงินตามรอบบิล)

  • ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย เหมาะสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ และปรับให้เหมาะกับการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน

  • ผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์การจัดการการชําระเงินตามรอบบิลเพื่อจัดการการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า การจัดการลูกค้า และการปรับการชําระเงินตามรอบบิล

ขั้นตอนที่ 5: การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดําเนินการตามคําสั่งซื้อ

  • สรุปผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ โดยออกแบบให้ตรงตามความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า

  • สร้างซัพพลายเชนและกระบวนการปฏิบัติตามคําสั่งซื้อที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณขยายได้ตามความต้องการของลูกค้า

ขั้นตอนที่ 6: การทําการตลาดและการหาลูกค้าใหม่

  • พัฒนากลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการตลาดดิจิทัล การตลาดเนื้อหา โซเชียลมีเดีย และแคมเปญทางอีเมลเพื่อดึงดูดผู้สมัครสมาชิก

  • วางแผนแคมเปญเปิดตัวเพื่อสร้างกระแสและดึงดูดผู้สมัครสมาชิกในระยะแรก พิจารณาการมอบโปรโมชันหรือส่วนลดพิเศษเพื่อกระตุ้นให้ลงทะเบียน

ขั้นตอนที่ 7: การบริการลูกค้าและการมีส่วนร่วม

  • สร้างกรอบงานด้านการบริการลูกค้าเพื่อจัดการข้อสอบถาม ข้อร้องเรียน และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ

  • พัฒนากลยุทธ์เพื่อให้ผู้สมัครสมาชิกมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง สร้างฐานลูกค้าที่ภักดี และลดการเลิกใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 8: การวิเคราะห์และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • ติดตามตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพ (KPI) ที่สําคัญ เช่น อัตราการเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้า มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLTV) และค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ เพื่อวัดสถานะธุรกิจของคุณ

  • ใช้คําติชมของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับผลิตภัณฑ์ ค่าบริการ และแผนการตลาดของคุณ

ขั้นตอนที่ 9: การขยายธุรกิจและการเติบโต

  • พิจารณาขยายสายผลิตภัณฑ์หรือเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ตามความคิดเห็นของลูกค้าและแนวโน้มตลาด

  • สํารวจตลาดใหม่ ช่องทางการตลาด หรือโอกาสในการเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อขยายธุรกิจของคุณ

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับธุรกิจแบบสมัครสมาชิก

เมื่อธุรกิจแบบสมัครสมาชิกของคุณเริ่มให้บริการแล้ว คุณจะต้องรักษาการปฏิบัติงานของธุรกิจให้คงอยู่ต่อไป ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ควรคํานึงถึงเมื่อคุณดําเนินธุรกิจและขยายธุรกิจ

การดูแลธุรกิจแบบสมัครสมาชิกของคุณ

  • การลงทะเบียน: ทําให้ขั้นตอนการลงทะเบียนเป็นเรื่องง่ายและตรงไปตรงมา ขั้นตอนการลงทะเบียนที่ยุ่งยากอาจทําให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเปลี่ยนใจได้

  • ความคิดเห็นของลูกค้า: รวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าอยู่เป็นประจําและใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับปรุง ซึ่งอาจทําได้ง่ายๆ แค่การส่งแบบสํารวจหรือการขอให้รีวิว

  • การสื่อสารกับลูกค้า: แจ้งความคืบหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในบริการของคุณเป็นประจํา เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่ตกใจ

  • การบริการลูกค้า: แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ บริการที่ยอดเยี่ยมสามารถเปลี่ยนผู้สมัครสมาชิกที่ไม่พึงพอใจให้เป็นลูกค้าที่ภักดี

  • การยกเลิก: ช่วยให้ลูกค้ายกเลิกบริการได้ง่าย ประสบการณ์การยกเลิกที่เป็นบวกสามารถกระตุ้นให้พวกเขากลับมา

การขยายธุรกิจแบบสมัครสมาชิกของคุณ

  • ข้อเสนอใหม่: เพิ่มผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่เพื่อให้การสมัครสมาชิกของคุณน่าสนใจ โดยไม่จําเป็นต้องซับซ้อน แม้การเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ ก็สร้างความน่าสนใจได้

  • ตลาดใหม่: พิจารณาว่าใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์จากการสมัครสมาชิกของคุณ อาจมีกลุ่มที่คุณยังไม่ได้มุ่งเป้าหมายอยู่

  • นำความคิดเห็นมาปรับใช้: ใช้ความคิดเห็นที่คุณรวบรวมจากลูกค้าเพื่อทําการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและแสดงให้เห็นว่าคุณรับฟังและปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า

  • การแนะนำแบบปากต่อปาก: กระตุ้นให้ผู้สมัครสมาชิกบอกคนอื่นๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผ่านโปรแกรมแนะนําที่เรียบง่ายหรือโดยเสนอรางวัลจูงใจเพื่อแชร์บริการของคุณ

  • การวางแผนทางการเงิน: ประเมินอยู่เป็นประจำว่าเงินของคุณมาจากไหนและกําลังไปที่ไหน ใช้ข้อมูลนี้เพื่อทําการตัดสินใจเกี่ยวกับค่าบริการและการลงทุนในธุรกิจอย่างมีข้อมูล

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas