บัตรเครดิตฟินเทค: กลไกการทํางานและวิธีที่ธุรกิจต่างๆ นำไปใช้

Issuing
Issuing

Stripe Issuing เป็นผู้มอบระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีบัตรกว่า 200 ล้านใบที่สร้างขึ้นในระบบ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ฟีเจอร์สําคัญของบัตรเครดิตฟินเทค
  3. บัตรเครดิตธุรกิจแบบเดิมเทียบกับบัตรเครดิตฟินเทค
    1. บัตรเครดิตสําหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม
    2. บัตรเครดิตฟินเทค
  4. วิธีที่ธุรกิจใช้บัตรเครดิตฟินเทค
    1. ธุรกิจสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็ก
    2. บริษัทด้านเทคโนโลยีและการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS)
    3. อีคอมเมิร์ซและธุรกิจออนไลน์
    4. ผู้ทํางานอิสระและกิจการที่มีเจ้าของรายเดียว
  5. ตัวเลือกบัตรเครดิตฟินเทคสําหรับธุรกิจ
  6. วิธีเลือกบัตรเครดิตฟินเทคที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
    1. ประเมินความต้องการทางธุรกิจและรูปแบบการใช้จ่ายของคุณ
    2. เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ย
    3. สํารวจรางวัลและสิทธิประโยชน์
    4. ให้ความสําคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้และการเชื่อมต่อการทํางาน
    5. หาข้อมูลเกี่ยวกับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน

บริษัทฟินเทคคือบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้านบริการทางการเงิน บริษัทบางแห่งมีบัตรเครดิตซึ่งเรียกว่าบัตรเครดิตฟินเทค บัตรเครดิตฟินเทคต่างจากบัตรเครดิตแบบดั้งเดิมตรงที่ใช้เทคโนโลยีใหม่กว่าที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์อย่างเช่น การผสานรวมกับกระเป๋าเงินดิจิทัล เครื่องมือจัดการทางการเงินส่วนบุคคล การวิเคราะห์การใช้จ่ายแบบเรียลไทม์ และโปรแกรมรางวัลที่ไม่เหมือนใครซึ่งปรับให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้

บัตรเครดิตฟินเทคคือวิธีการชําระเงินที่สะดวกและปลอดภัย และเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการชําระเงินดิจิทัลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าธุรกรรมทั้งหมด 11.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ด้านล่างเราจะอธิบายว่าธุรกิจต่างๆ ใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตฟินเทคอย่างไร และบัตรเหล่านี้แตกต่างจากบัตรเครดิตของธุรกิจแบบดั้งเดิมอย่างไร

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ฟีเจอร์สําคัญของบัตรเครดิตฟินเทค
  • บัตรเครดิตธุรกิจแบบเดิมเทียบกับบัตรเครดิตฟินเทค
  • วิธีที่ธุรกิจใช้บัตรเครดิตฟินเทค
  • ตัวเลือกบัตรเครดิตฟินเทคสําหรับธุรกิจ
  • วิธีเลือกบัตรเครดิตฟินเทคที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

ฟีเจอร์สําคัญของบัตรเครดิตฟินเทค

บัตรเครดิตฟินเทคบางอย่างมีความเฉพาะทาง แต่ทั้งหมดมักจะมีฟีเจอร์ต่อไปนี้

  • การติดตามและการจัดการค่าใช้จ่ายแบบเรียลไทม์: บัตรฟินเทคช่วยให้ติดตามค่าใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ภายในงบประมาณและระบุธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างรวดเร็ว

  • วงเงินใช้จ่ายที่ปรับแต่งได้: บัตรเครดิตฟินเทคมักจะอนุญาตให้ธุรกิจกําหนดวงเงินใช้จ่ายในบัตรพนักงานแต่ละคน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ธุรกิจสามารถปรับขีดจํากัดเหล่านี้ได้แบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นเมื่อความต้องการมีการเปลี่ยนแปลงไป

  • บัตรดิจิทัลและบัตรจริง: ผู้ให้บริการฟินเทคหลายแห่งมีทั้งบัตรดิจิทัลและบัตรจริง ผู้ใช้สามารถสร้างบัตรดิจิทัลสําหรับธุรกรรมออนไลน์หรือสําหรับแผนกและโครงการเฉพาะทางได้ทันที ซึ่งเพิ่มการรักษาความปลอดภัยและความสะดวกสบายอีกชั้นหนึ่ง

  • การเชื่อมต่อการทํางานกับซอฟต์แวร์ทางการเงิน: ปกติแล้วบัตรฟินเทคสามารถผสานการทํางานกับซอฟต์แวร์การจัดการค่าใช้จ่ายและการทำบัญชีที่ได้รับความนิยม เช่น QuickBooks, Xero และ Expensify การผสานการทํางานสามารถทําให้ขั้นตอนการกระทบยอดดําเนินไปโดยอัตโนมัติ ประหยัดเวลา และลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ได้

  • การรายงานและการวิเคราะห์อัตโนมัติ: บัตรเครดิตฟินเทคมักจะรวมฟีเจอร์การรายงานขั้นสูงซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับเมตริกทางการเงินต่างๆ รายงานเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจทําการตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น และปรับแต่งกลยุทธ์ทางการเงินของตัวเอง

  • ค่าธรรมเนียมต่ําหรือไม่มีค่าธรรมเนียม: บัตรเครดิตฟินเทคหลายแห่งไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ และให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ําลง ซึ่งอาจน่าสนใจเป็นพิเศษสําหรับธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจสตาร์ทอัพ

  • โปรแกรมรางวัลที่ทันสมัย: ข้อเสนอของโปรแกรมรางวัลของบัตรฟินเทคมักจะตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจยุคใหม่ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมอาจมอบเงินคืนสําหรับการสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์หรือการใช้จ่ายเพื่อการโฆษณา หรือมอบสิทธิพิเศษในการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มุ่งเน้นเทคโนโลยี เป็นต้น

  • การออกบัตรและการจัดการบัตรอย่างง่ายดาย: ขั้นตอนการออกบัตรฟินเทคใบใหม่มักจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา การจัดการที่ง่ายดายนี้รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงหรือปิดใช้บัตรตามต้องการ

บัตรเครดิตธุรกิจแบบเดิมเทียบกับบัตรเครดิตฟินเทค

แม้บัตรเครดิตแบบดั้งเดิมและฟินเทคจะตอบโจทย์ความต้องการคล้ายๆ กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังมีความแตกต่างที่สําคัญที่สามารถทําให้แต่ละตัวเลือกเหมาะสมกับผู้ใช้บางกลุ่มได้ดีกว่า นี่คือความแตกต่างที่สําคัญ

บัตรเครดิตสําหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม

ธนาคารรายใหญ่หรือสถาบันการเงินเป็นผู้ออกบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รับประโยชน์ในแง่ของบริการที่มีความน่าเชื่อถือและการมีประวัติที่มั่นใจได้ ลองมาเปรียบเทียบกับบัตรเครดิตฟินเทค

  • วงเงินเครดิต: โดยทั่วไปวงเงินสําหรับบัตรเหล่านี้จะสูงกว่าวงเงินของบัตรเครดิตฟินเทค ทำให้เหมาะสําหรับธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายรายเดือนจํานวนมาก

  • โปรแกรมรางวัล: โปรแกรมรางวัลของบัตรแบบดั้งเดิมนั้นเชื่อถือได้เป็นอย่างดี โดยมักจะรวมถึงรางวัลการเดินทาง เงินคืน และคะแนนที่สามารถแลกรับบริการต่างๆ ได้ โปรแกรมเหล่านี้อาจมีความครอบคลุมมากกว่าโปรแกรมที่ฟินเทคมอบให้ แต่อาจมีค่าธรรมเนียมรายปี

  • ฟังก์ชันการผสานการทํางาน: โดยทั่วไปแล้วบัตรเครดิตแบบดั้งเดิมจะผสานกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ของธนาคารที่ออกบัตร ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการเงินของตนผ่านแพลตฟอร์มเดียว

  • อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไป โดยปกติแล้ว ธนาคารจะเสนออัตราเปอร์เซ็นต์รายปี (APR) ที่หลากหลายโดยอิงตามความน่าเชื่อถือทางเครดิตของธุรกิจ บางครั้งอาจมีโปรโมชั่น APR แนะนํา 0%

  • ค่าธรรมเนียม: บัตรเครดิตแบบดั้งเดิมหลายแห่งมีค่าธรรมเนียมสูงกว่าบัตรเครดิตฟินเทค ซึ่งประกอบด้วยค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ

  • มาตรการรักษาความปลอดภัย: บัตรแบบดั้งเดิมใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่มีระบบตรวจจับการฉ้อโกงที่มั่นคง การคุ้มครองที่เป็นที่รู้จัก และการครอบคลุมความรับผิด

บัตรเครดิตฟินเทค

บริษัทการเงินใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีจะออกบัตรเครดิตฟินเทคเพื่อสร้างกระแสที่กระทบต่ออุตสาหกรรมบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม ข้อดีหลักๆ ของบัตรเหล่านี้อยู่ที่ฟีเจอร์และการปรับแต่งใหม่ๆ เช่น ธุรกิจมักจะสามารถกําหนดวงเงินใช้จ่ายเฉพาะเจาะจง สร้างบัตรดิจิทัลให้แผนกต่างๆ หรือติดตามค่าใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ ลองมาเปรียบเทียบกับบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม

  • วงเงินเครดิต: บัตรฟินเทคบางใบมีวงเงินเครดิตแบบไดนามิกตามกระแสเงินสด ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจสตาร์ทอัพหรือธุรกิจที่มีรายรับผันผวน บางใบอาจมีวงเงินใช้จ่ายที่ปรับแต่งได้ ปกติแล้วบัตรแบบดั้งเดิมจะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า และวงเงินจะอิงตามคะแนนเครดิตและประวัติเครดิตของธุรกิจนั้นๆ

  • โปรแกรมรางวัล: บัตรฟินเทคมักให้รางวัลที่ทันสมัยกว่าบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม โดยปรับให้เหมาะกับธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี รางวัลเหล่านี้อาจรวมถึงเงินคืนในการสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์ การโฆษณา หรือค่าใช้จ่ายทั่วไปอื่นๆ ของธุรกิจ

  • ฟังก์ชันการผสานการทํางาน: บัตรฟินเทคมักจะผสานการทํางานกับเครื่องมือและแพลตฟอร์มฟินเทคอื่นๆ เช่น ซอฟต์แวร์การทําบัญชี แอปติดตามค่าใช้จ่าย และเครื่องมือการวิเคราะห์ขั้นสูง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจดําเนินกระบวนการทางการเงินของตนโดยอัตโนมัติได้

  • อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันไป แต่ฟินเทคมักจะมีอัตราดอกเบี้ยต่ํากว่าบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม โดยส่วนใหญ่จะมอบโปรโมชัน APR ช่วงแนะนำ 0%

  • ค่าธรรมเนียม: บัตรเครดิตฟินเทคจำนวนมากมีค่าธรรมเนียมต่ํากว่าบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม โดยอาจไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ หรือมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใสกว่า

  • มาตรการรักษาความปลอดภัย: บัตรฟินเทคใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง และหลายๆ เจ้าก็ใช้มาตรการที่ทันสมัยกว่าบัตรแบบดั้งเดิม อย่างการตรวจจับการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

วิธีที่ธุรกิจใช้บัตรเครดิตฟินเทค

บัตรฟินเทคอาจเป็นส่วนสําคัญในกลยุทธ์การชําระเงินของธุรกิจ ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ธุรกิจประเภทต่างๆ นิยมใช้บัตรเครดิตฟินเทค

ธุรกิจสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็ก

ธุรกิจสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กจะได้ประโยชน์ที่สําคัญจากการใช้บัตรเครดิตฟินเทค ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีมักต้องการการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีอื่นๆ และจะได้รับประโยชน์จากวงเงินเครดิตแบบไดนามิกของบัตรฟินเทคและโปรแกรมรางวัลที่ปรับแต่งเอง ผู้ค้าปลีกรายย่อยมักจะต้องจัดการงบประมาณที่ไม่สูงนัก จึงจะได้รับประโยชน์จากค่าธรรมเนียมที่ต่ําของบัตรฟินเทคและความสะดวกในการใช้งาน

ต่อไปนี้คือประโยชน์ที่ทำให้บัตรเครดิตฟินเทคเหมาะกับธุรกิจสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็ก

  • การเข้าถึงเครดิต: บัตรฟินเทคมักจะประเมินเครดิตตามกระแสเงินสดและเมตริกธุรกิจอื่นๆ แทนที่จะใช้การตรวจสอบเครดิตแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดเล็กสามารถเข้าถึงเครดิตได้มากขึ้นโดยไม่ต้องมีประวัติสินเชื่อที่มั่นคง

  • วงเงินเครดิตแบบไดนามิก: บัตรฟินเทคสามารถปรับวงเงินได้แบบเรียลไทม์ตามผลประกอบการของธุรกิจ ซึ่งช่วยมอบความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพที่มักคาดเดาการเงินได้ยาก

  • ประสิทธิภาพในแง่ของค่าใช้จ่าย: บัตรฟินเทคจํานวนมากมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพลดต้นทุนการดําเนินงานได้

  • การจัดการค่าใช้จ่ายแบบเรียลไทม์: บัตรฟินเทคใช้การติดตามแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือนทันที ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ จับตาดูการใช้จ่ายได้อย่างใกล้ชิดและระบุค่าใช้จ่ายที่ไม่จําเป็นได้อย่างรวดเร็ว

บริษัทด้านเทคโนโลยีและการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS)

บัตรเครดิตฟินเทคเหมาะกับบริษัทด้านเทคโนโลยีและบริษัท SaaS เนื่องจากเน้นการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีและการปรับแต่ง ผู้ให้บริการ SaaS มักจะใช้จ่ายกับบริการคลาวด์ ซอฟต์แวร์ และการตลาดดิจิทัลอยู่บ่อยครั้ง จึงจะได้ประโยชน์จากรางวัลเป็นเงินคืนที่มีความเกี่ยวข้องและฟีเจอร์การจัดการค่าใช้จ่ายของบัตรฟินเทค บริษัทให้คําปรึกษาด้านไอทีที่จัดการรายจ่ายที่เกี่ยวกับโครงการสามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์อย่างเช่น วงเงินใช้จ่ายที่กําหนดเอง การติดตามค่าใช้จ่ายแบบเรียลไทม์ และความสามารถในการออกบัตรของพนักงานหลายใบ

นี่คือข้อดีที่ทำให้บัตรเครดิตฟินเทคเหมาะกับบริษัทเทคโนโลยีและ SaaS

  • โปรแกรมรางวัลที่กําหนดเอง: บัตรเครดิตฟินเทคหลายแห่งมีรางวัลที่สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของบริษัทเทคโนโลยี เช่น การคืนเงินจากการสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์ ส่วนลดสําหรับบริการบนคลาวด์ และการประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาดิจิทัล

  • การผสานการทํางานซอฟต์แวร์: บัตรฟินเทคมักจะสามารถผสานกับซอฟต์แวร์การจัดการค่าใช้จ่ายและการทําบัญชีที่มีอยู่เดิม ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในขั้นตอนการกระทบยอดและทําให้ข้อมูลทางการเงินเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

  • ความยืดหยุ่น: เมื่อบริษัทด้านเทคโนโลยีเติบโตขึ้น บัตรฟินเทคก็จะเติบโตไปพร้อมๆ กับบริษัทเหล่านี้ โดยปกติแล้วบัตรเหล่านี้จะมีวงเงินที่ยืดหยุ่นและช่วยให้ผู้ใช้ออกบัตรดิจิทัลให้พนักงานหรือแผนกใหม่ได้ทันที

  • การรักษาความปลอดภัย: บริษัทด้านเทคโนโลยีดําเนินการธุรกรรมออนไลน์บ่อยครั้ง และจะได้ประโยชน์จากฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้นของบัตรฟินเทค เช่น การแปลงเป็นโทเค็น การตรวจจับการฉ้อโกงที่ขับเคลื่อนด้วย AI และบัตรดิจิทัล

อีคอมเมิร์ซและธุรกิจออนไลน์

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซใช้ธุรกรรมดิจิทัลเป็นจำนวนมากและต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง ซึ่งบัตรเครดิตฟินเทคก็สามารถมอบให้ได้ ผู้ค้าปลีกออนไลน์จะได้รับประโยชน์จากค่าธรรมเนียมต่ําของบัตรฟินเทคและบัตรดิจิทัลสําหรับธุรกรรมออนไลน์ที่ปลอดภัย ตัวแทนดิจิทัลที่จัดการหลายโครงการจะได้ประโยชน์จากความสามารถในการออกบัตรดิจิทัลหลายใบเพื่อการติดตามและการเรียกเก็บเงินที่ง่ายขึ้น

ต่อไปนี้คือข้อดีที่ทำให้บัตรเครดิตฟินเทคเหมาะกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจออนไลน์

  • ฟังก์ชันบัตรดิจิทัล: ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถออกบัตรดิจิทัลสําหรับธุรกรรมหรือผู้ให้บริการที่เฉพาะเจาะจงได้ วิธีนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยการจํากัดความเสี่ยงที่มักพบในบัตรธุรกิจหลัก

  • ระบบป้องกันการฉ้อโกงขั้นสูง: มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของบัตรฟินเทค (เช่น การแจ้งเตือนธุรกรรมทันที ระบบตรวจจับการฉ้อโกงด้วย AI) สามารถปกป้องธุรกิจจากการฉ้อโกงทางออนไลน์และการฉ้อโกงในอีคอมเมิร์ซได้

  • การผสานการทํางานแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ: บัตรฟินเทคจํานวนมากสามารถผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้ ซึ่งอํานวยความสะดวกให้กับการชําระเงินอัตโนมัติ การกระทบยอดอัตโนมัติ และการติดตามด้านการเงิน

  • การควบคุมการใช้จ่ายที่ออกแบบเอง: ธุรกิจที่ใช้ผู้ให้บริการหลายรายหรือต้องควบคุมค่าใช้จ่ายในทีมต่างๆ สามารถใช้ฟีเจอร์ที่ปรับแต่งได้ของบัตรฟินเทคเพื่อระบุวงเงินใช้จ่ายของเจ้าของบัตรแต่ละราย

ผู้ทํางานอิสระและกิจการที่มีเจ้าของรายเดียว

ผู้ทํางานอิสระและกิจการที่มีเจ้าของเพียงผู้เดียวมักจะต้องรับหลายบทบาทในการจัดการธุรกิจ และพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์เฉพาะทางของบัตรเครดิตฟินเทค ผู้ทํางานอิสระในสาขาต่างๆ เช่น การออกแบบกราฟิก การเขียน และการตลาดดิจิทัลสามารถใช้ประโยชน์จากรางวัลของบัตรฟินเทคไปกับซอฟต์แวร์และเครื่องมือออนไลน์ได้ ที่ปรึกษาอิสระที่จัดการค่าใช้จ่ายทางธุรกิจและการเรียกเก็บเงินด้วยตัวเองสามารถใช้ฟีเจอร์การติดตามแบบเรียลไทม์และการเชื่อมต่อการทํางานของบัตร

นี่คือข้อดีที่ทำให้บัตรเครดิตฟินเทคเหมาะกับผู้ทํางานอิสระและกิจการที่มีเจ้าของรายเดียว

  • การติดตามค่าใช้จ่าย: บัตรเครดิตฟินเทคสามารถจัดประเภทและติดตามค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผู้ทํางานอิสระจัดการการเงินและเตรียมความพร้อมด้านภาษีได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์บัญชีที่ซับซ้อน

  • ตัวเลือกเครดิตที่ยืดหยุ่น: ผู้ทํางานอิสระมักจะประสบกับความผันผวนของกระแสเงินสด วงเงินบัตรเครดิตของฟินเทคสามารถปรับให้เข้ากับรายได้ปัจจุบันและช่วยให้เข้าถึงเงินทุนได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องมีข้อผูกมัดมากเกินไป

  • ค่าธรรมเนียมต่ำหรือไม่มีค่าธรรมเนียม: บัตรเครดิตฟินเทคมักไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ และมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส ซึ่งช่วยให้ผู้ทํางานอิสระได้ผลกำไรจากรายรับมากขึ้น

  • เข้าถึงบัตรดิจิทัลได้ทันที: ผู้ทำงานอิสระที่ทํางานกับลูกค้าต่างประเทศหรือผู้ที่ซื้อบริการดิจิทัลสามารถสร้างบัตรฟินเทคแบบดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วสําหรับธุรกรรมที่เฉพาะเจาะจง ฟีเจอร์นี้ช่วยมอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ทำงานอิสระ

ตัวเลือกบัตรเครดิตฟินเทคสําหรับธุรกิจ

วงการฟินเทคมีผู้เล่นและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเสมอ แต่สำหรับปี 2024 ต่อไปนี้คือผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตฟินเทคชั้นนําซึ่งธุรกิจต่างๆ เลือกใช้

  • Stripe Corporate Card: บัตรเครดิตองค์กรของ Stripe เหมาะสําหรับบริษัทที่ใช้ Stripe เพื่อประมวลผลการชําระเงิน ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ บัตรดิจิทัลสําหรับการใช้จ่ายออนไลน์ การผสานการทํางานอย่างง่ายดายกับแพลตฟอร์มการชําระเงิน Stripe และรางวัลเงินคืน

  • Ramp: บัตรเครดิต Ramp เหมาะที่สุดสําหรับธุรกิจที่ต้องการลดความซับซ้อนในการติดตามค่าใช้จ่ายและเพิ่มการประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ละวัน ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการประหยัดอัตโนมัติ เงินคืนจากการใช้จ่ายทางธุรกิจทั่วไป และการผสานรวมกับซอฟต์แวร์การทําบัญชีและการจัดการรายจ่าย

  • Brex: บัตรเครดิต Brex เหมาะสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ บริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง และธุรกิจที่กําลังเติบโตซึ่งต้องการรับเครดิตและรางวัลที่ปรับแต่งเอง คุณสมบัติหลักๆ รวมถึงการไม่กำหนดว่าต้องมีการรับประกันส่วนบุคคล มีรางวัลในการใช้จ่ายในการเดินทาง และให้วงเงินที่ยืดหยุ่น

  • BILL (เดิมคือ Divvy): บัตรเครดิต BILL เหมาะสําหรับธุรกิจที่ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดและปรับปรุงกระบวนการจัดทํางบประมาณ ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ การติดตามค่าใช้จ่ายแบบเรียลไทม์ วงเงินการใช้จ่ายที่ปรับแต่งได้สําหรับพนักงาน และเครื่องมือสําหรับการตั้งค่างบประมาณและการคาดการณ์

  • Rho: บัตรเครดิต Rho เหมาะสําหรับธุรกิจที่กําลังมองหาโซลูชันทางการเงินที่ยืดหยุ่นซึ่งมีการจัดการเงินสดในตัว ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ รางวัลเงินคืน วงเงินใช้จ่ายที่ยืดหยุ่น และการติดตามการใช้จ่าย

  • Bluevine: บัตรเครดิต Bluevine เหมาะสําหรับธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจสตาร์ทอัพ มีประโยชน์สำหรับธุรกิจที่มองหาบัตรเครดิตขั้นพื้นฐานที่ตรงไปตรงมาตรงมาพร้อมการเข้าถึงเครดิตที่ยืดหยุ่น ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ การมีคิดค่าธรรมเนียมรายปี มีรางวัลเงินคืน และมอบตัวเลือกวงเงินเครดิตที่หลากหลาย

  • Jeeves: บัตรเครดิต Jeeves เหมาะที่สุดสําหรับธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจในหลายประเทศหรือธุรกิจที่มีธุรกรรมระหว่างประเทศจํานวนมาก ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ การใช้จ่ายหลายสกุลเงินโดยไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ รางวัลเงินคืน และการจัดการรายจ่าย

วิธีเลือกบัตรเครดิตฟินเทคที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

ในการเลือกบัตรเครดิตฟินเทคที่เหมาะสม คุณต้องคำนึงถึงสิ่งที่คุณต้องการและเป้าหมายของคุณ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอื่นๆ นี่คือวิธีตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่าบัตรฟินเทคใดที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

ประเมินความต้องการทางธุรกิจและรูปแบบการใช้จ่ายของคุณ

  • ตรวจสอบพฤติกรรมการใช้จ่ายของธุรกิจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ระบุหมวดหมู่ที่คุณใช้จ่ายมากที่สุดเป็นประจํา เช่น การสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์ การเดินทาง การโฆษณา หรืออุปกรณ์สํานักงาน

  • พิจารณาวิธีที่คุณใช้บัตรเครดิตในธุรกิจ คุณต้องการบัตรหลายใบสําหรับพนักงานหรือไม่ คุณต้องการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น บัตรดิจิทัลสําหรับการซื้อสินค้าออนไลน์และเครื่องมือจัดการการใช้จ่ายเพื่อกําหนดวงเงินและติดตามการใช้จ่ายหรือไม่

  • บัตรเครดิตฟินเทคที่แตกต่างกันมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ตรวจสอบคะแนนเครดิตและประวัติสินเชื่อของธุรกิจของคุณ เพื่อให้สามารถเลือกบัตรที่มีโอกาสได้รับการอนุมัติสูงกว่าและหลีกเลี่ยงการสอบถามข้อมูลที่ไม่จําเป็นเกี่ยวกับรายงานเครดิตของคุณ

เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ย

  • แม้ว่าบัตรเครดิตฟินเทคมักจะมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมต่ําหรือไม่มีค่าธรรมเนียม แต่หลายเจ้าก็ยังคงมีค่าธรรมเนียมบางประเภท ชั่งน้ําหนักระหว่างข้อดีเทียบกับค่าธรรมเนียมเหล่านี้อย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่ามูลค่าของบัตรคุ้มกับค่าใช้จ่าย

  • APR กําหนดอัตราดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือที่ค้างชําระ เปรียบเทียบ APR ระหว่างบัตรต่างๆ และพิจารณาข้อเสนอ APR ช่วงแนะนํา 0% โดยเฉพาะเมื่อคุณวางแผนที่จะทยอยจ่ายยอดคงเหลือหรือซื้อสินค้าที่มีราคาสูง

สํารวจรางวัลและสิทธิประโยชน์

  • บัตรต่างๆ มีโครงสร้างรางวัลหลากหลายรูปแบบ เช่น เงินคืน คะแนน และไมล์สะสม ประเมินว่ารางวัลใดเหมาะกับรูปแบบการใช้จ่ายและเป้าหมายการใช้จ่ายของธุรกิจคุณมากที่สุด ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีอาจได้รับประโยชน์จากบัตรที่ให้เงินคืนจากการสมัครใช้บริการซอฟต์แวร์

  • บัตรบางใบอาจมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ส่วนลดสําหรับซอฟต์แวร์ธุรกิจ ประกันภัยการเดินทาง สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองในสนามบิน และการคุ้มครองการซื้อ ประเมินสิทธิประโยชน์เหล่านี้และพิจารณาว่าช่วยเพิ่มคุณค่าที่มีความหมายให้กับธุรกิจของคุณหรือไม่

ให้ความสําคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้และการเชื่อมต่อการทํางาน

  • แพลตฟอร์มออนไลน์และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้งานง่ายทําให้การติดตามค่าใช้จ่าย การจัดการบัตร และการเข้าถึงเครดิตสะสมเป็นเรื่องง่าย เลือกบัตรที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือจัดการทางการเงิน

  • หากคุณใช้ซอฟต์แวร์การทําบัญชีหรือเครื่องมือธุรกิจอื่นๆ ให้เลือกบัตรที่สามารถผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มดังกล่าว การผสานการทำงานสามารถทําให้การติดตามค่าใช้จ่าย การกระทบยอด และการรายงานทํางานโดยอัตโนมัติ

หาข้อมูลเกี่ยวกับการบริการลูกค้าและการสนับสนุน

  • อ่านรีวิวและคํารับรองเกี่ยวกับทีมบริการลูกค้าของบริษัทฟินเทคว่ามีการตอบสนองและมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด

  • ประเมินช่องทางการสนับสนุนที่มีให้บริการ (เช่น โทรศัพท์ อีเมล แชทแบบสด) และเวลาทําการของช่องทางเหล่านั้น

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Issuing

Issuing

ระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Stripe Docs เกี่ยวกับ Issuing

ดูวิธีใช้ Stripe Issuing API สร้าง จัดการ และแจกจ่ายบัตรชำระเงินสำหรับธุรกิจของคุณ