ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต: สิ่งที่ธุรกิจในประเทศไทยต้องรู้

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร
  3. ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต
  4. ค่าธรรมเนียมการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง
  5. แนวทางการลดค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ
    1. สำรวจตัวเลือกและเจรจาต่อรอง
    2. เลือกโมเดลค่าบริการที่เหมาะสม
    3. ลดความเสี่ยงในการฉ้อโกง
    4. แนะนำช่องทางการชำระเงินอื่นๆ
    5. กำหนดยอดธุรกรรมขั้นต่ำ
    6. ตั้งค่า Payment Gateway ให้ถูกต้อง
    7. อัปเดตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เป็นประจำ
    8. ใช้โปรแกรมเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรม
    9. ตรวจสอบค่าธรรมเนียมเป็นประจำ
  6. Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

ในยุคที่ประเทศไทยเข้าใกล้สังคมไร้เงินสด (cashless society) บัตรเครดิตเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินที่มีการใช้งานมากที่สุดทั้งในร้านค้าแบบมีหน้าร้านและบนแพลตฟอร์มออนไลน์ สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจ การรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการขยายตลาดและสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมหาศาล แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือค่าธรรมเนียมต่างๆ ของการประมวลผลบัตรที่สามารถกระทบต่อกำไรของธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้ว่าการประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร ทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตและการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตว่ามีอะไรบ้าง ตลอดจนแนวทางในการลดต้นทุนค่าธุรกรรมเหล่านี้ พร้อมแนะนำโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโซลูชันชำระเงินชั้นนำอย่าง Stripe เพื่อช่วยให้คุณสามารถบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร
  • ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต
  • ค่าธรรมเนียมการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง
  • แนวทางการลดค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ
  • Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

การประมวลผลบัตรเครดิตคืออะไร

การประมวลผลบัตรเกิดขึ้นเมื่อมีการชำระเงินโดยการใช้บัตรเครดิตหรือเดบิต กระบวนการที่เกี่ยวข้องได้แก่การอนุมัติ ตรวจสอบ และโอนเงินจากบัญชีของผู้ถือบัตรไปยังร้านค้าเมื่อมีการใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้าหรือบริการ โดยขั้นตอนนี้มักเกี่ยวข้องกับผู้ถือบัตร, ร้านค้า, ธนาคารผู้ออกบัตร, ธนาคารผู้รับชำระเงิน, ระบบรักษาความปลอดภัย และเครือข่ายบัตรเครดิตในประเทศไทย ซึ่งหลักๆ ได้แก่ Visa, Mastercard, American Express, JCB และ UnionPay

ขั้นตอนเริ่มต้นเมื่อผู้ถือบัตรใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระเงินที่ร้านค้า โดยการรูดบัตรผ่านเครื่อง EDC หรือป้อนข้อมูลบัตรผ่านระบบออนไลน์ เครื่องจะส่งข้อมูลการทำรายการไปยังธนาคารของร้านค้า ซึ่งจะส่งต่อคำขอไปยังเครือข่ายบัตรเครดิตเพื่อส่งต่อไปยังธนาคารผู้ออกบัตร โดยธนาคารจะตรวจสอบวงเงินและอนุมัติหรือปฏิเสธการทำรายการ หากอนุมัติ ระบบจะส่งผลตอบกลับไปยังร้านค้าและระบุว่าธุรกรรมได้รับการอนุมัติ จากนั้นยอดเงินจะถูกตัดจากวงเงินของผู้ถือบัตรและโอนให้กับร้านค้าหรือผู้ประกอบการ เมื่อมีการยืนยันการชำระเงิน ร้านค้าจะให้บริการหรือทำการส่งมอบสินค้าถือเป็นอันเสร็จสิ้นธุรกรรม

ทั้งนี้ ระบบการประมวลผลบัตรเครดิตในประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล เช่น มาตรฐาน PCI-DSS และระบบป้องกันการฉ้อโกงต่างๆ เพื่อให้การชำระเงินด้วยบัตรเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิต

ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลบัตรเครดิตที่ร้านค้าหรือผู้ประกอบการต้องจ่ายเมื่อรับชำระเงินผ่านบัตรประกอบด้วยค่าธรรมเนียมหลักๆ 3 ส่วน:

  • ค่าธรรมเนียมประมวลผลบัตรเครดิต (Credit card processing fees): ค่าธรรมเนียมจะถูกเรียกเก็บโดยผู้ประมวลผลการชำระเงินหรือผู้ให้บริการสำหรับการอำนวยความสะดวกด้านธุรกรรม โดยค่าธรรมเนียมนี้อาจเป็นค่าธรรมเนียมคงที่ต่อธุรกรรม เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าธุรกรรม หรือทั้งสองอย่างรวมกัน
    • Visa: มีค่าธรรมเนียม ตั้งแต่ 1.15% + $0.05 ไปจนถึง 2.4% + $0.10 ต่อธุรกรรม
    • Mastercard: มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1.15% + $0.05 ไปจนถึง 2.5% + $0.10 ต่อธุรกรรม
    • American Express: ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 1.43% + $0.10 ไปจนถึง 3.30% + $0.10 ต่อ ธุรกรรม
    • ค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร (Interchange Fee): ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารผู้ออกบัตรเรียกเก็บจากธนาคารของร้านค้า โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคารจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าธุรกรรม และค่าธรรมเนียมต่อธุรกรรมแบบคงที่ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น ประเภทของบัตร (บัตรเครดิต/ บัตรเดบิต,) วิธีการทำธุรกรรม, (รูดบัตร/ เสียบบัตร/ ป้อนข้อมูลบัตร หรือทางออนไลน์) และอุตสาหกรรมของธุรกิจ
  • ค่าธรรมเนียมการประเมินหรือเครือข่ายบัตร (Assessment Fee): ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารของร้านค้าต้องจ่ายให้กับเครือข่ายบัตร (เช่น Visa หรือ Mastercard) เพื่อครอบคลุมต้นทุนการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายบัตร โดยปกติจะเป็นเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยของมูลค่าธุรกรรม

ค่าธรรมเนียมการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง

ค่าธรรมเนียมบางประเภทที่มักเรียกเก็บเมื่อคุณรับและประมวลผลการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมประเภทนี้กับทุกธุรกรรมที่ทำผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 1.5% ถึง 3.5% ต่อธุรกรรมโดยขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ออกบัตร (เช่น Visa, Mastercard, Amex) และระดับความเสี่ยงของธุรกิจ ธุรกิจที่มียอดขายรายเดือนสูงก็อาจเจรจาต่อรองเพื่อขอรับอัตราค่าธรรมเนียมที่ถูกลงได้ โดยผู้ให้บริการมักหักค่าธรรมเนียมธุรกรรมออกจากจำนวนเงินที่ฝากเข้าบัญชีของธุรกิจนั้นๆ
  • ค่าธรรมเนียมรายเดือน: ผู้ให้บริการบางรายจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือน (หรือรายปี) เป็นค่าใช้บริการระบบการชำระเงิน ซึ่งครอบคลุมการให้บริการลูกค้า การดูแลระบบแบ็กเอนด์ เครื่องมือวิเคราะห์การขาย และการบำรุงรักษาบัญชี แม้ว่าจะไม่มีการทำธุรกรรมใดๆ เลยก็ตาม โดยอัตราปกติจะอยู่ที่ 200-1,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่านั้นหากมีบริการเพิ่มเติม
  • ค่าธรรมเนียมเทอร์มินัลหรืออุปกรณ์: ธุรกิจอาจต้องซื้อหรือเช่าอุปกรณ์ประมวลผลการชำระเงิน เช่น EDC หรือระบบบันทึกการขาย (POS) ซึ่งมักมีค่าใช้จ่ายราวๆ 300-800 บาทต่อเดือน อุปกรณ์เหล่านี้อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมด้วย เช่น ค่าธรรมเนียมการตั้งค่าหรือค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ใช้อุปกรณ์มาตรฐานหรือการรับชำระเงินหลายวิธี (เช่น การชำระเงินด้วยรหัส QR หรือเทคโนโลยีการสื่อสารในระยะใกล้ [NFC]) ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยรวม ผู้ให้บริการบางรายจะมีโปรโมชันการใช้งานฟรีหากมีการลงนามทำสัญญาระยะยาว
  • ค่าธรรมเนียมเกตเวย์การชำระเงิน: ผู้ให้บริการเกตเวย์การชำระเงินจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้เป็นค่าอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยในการส่งข้อมูลการชำระเงิน โดยค่าธรรมเนียมอาจเป็นแบบคงที่ต่อธุรกรรมหรือเป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าของธุรกรรมนั้นๆ (ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 2%-3.5%) ผู้ให้บริการบางรายอาจการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตั้งค่าเบื้องต้น ค่าธรรมเนียมรายปี ค่าธรรมเนียมบัตรระหว่างประเทศ หรือค่าบริการเพิ่มเติม เช่น รายงานการตลาดเชิงลึกหรือระบบป้องกันการฉ้อโกง
  • ค่าธรรมเนียมการดึงเงินคืน: ค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงินประเภทนี้จะเรียกเก็บจากธุรกิจเมื่อมีการขอเงินคืนผ่านบัตรเครดิตเนื่องด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เจ้าของบัตรระบุว่าไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือมีการใช้บัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเกิดการดึงเงินคืน ธุรกิจก็จะไม่ได้รับเงินจากธุรกรรมนั้นๆ และอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมให้กับธนาคารหรือเจ้าของบัตร โดยค่าธรรมเนียมเงินคืนในประเทศไทยจะอยู่ที่ระหว่าง 100-750 บาทต่อธุรกรรม
  • ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน: ความหมายก็ตรงตามชื่อเลย นั่นคือ ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสกุลเงิน เช่น เมื่อใช้บัตรเครดิตไทยในต่างประเทศ หรือซื้อสินค้าจากธุรกิจออนไลน์ของต่างประเทศ ซึ่งค่าธรรมเนียมประเภทนี้มักอยู่ที่ประมาณ 1% ของมูลค่าธุรกรรม หรือ 10 บาทต่อทุกๆ 1,000 บาทนั่นเอง
  • ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด: ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมการยกเลิกก่อนกำหนด ค่าธรรมเนียมการถอนเงินสด ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบยืนยันบัญชี หรือค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนผู้รับเงิน ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจไม่สูงนัก แต่เมื่อรวมกันก็อาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ และควรมีการตรวจสอบและจัดการอย่างรอบคอบ

เพื่อให้ได้ข้อมูลค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตที่ถูกต้องแม่นยำ คุณจำเป็นต้องศึกษาค่าธรรมเนียมของเครือข่ายบัตรแต่ละแห่ง ตลอดจนข้อกำหนดและเงื่อนไขเฉพาะของผู้ให้บริการชำระเงินแต่ละรายอย่างละเอียด

แนวทางการลดค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ

สามารถดำเนินการต่อไปนี้เพื่อลดต้นทุนค่าธรรมเนียมในการประมวลผลบัตรเครดิต

สำรวจตัวเลือกและเจรจาต่อรอง

เมื่อธุรกิจของคุณเริ่มขยับขยาย ความต้องการด้านการประมวลผลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรทำการเปรียบเทียบผู้ประมวลผลการชำระเงินและโครงสร้างค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชำระเงินของธุรกิจ ควรมีการนัดหมายรายปีเพื่อเจรจาและต่อรองอัตราค่าธรรมเนียมกับผู้ให้บริการเพื่อค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีปริมาณธุรกรรมสูง หรือมีประวัติดีพร้อมอัตราการขอคืนเงินที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง หรือลองเจรจาต่อรองให้ผู้ให้บริการยกเว้นขั้นต่ำในช่วงธุรกิจเปิดใหม่หรือโลว์ซีซัน

เลือกโมเดลค่าบริการที่เหมาะสม

เลือกผู้ให้บริการที่มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ โดยการวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมและโมเดลค่าบริการที่ตอบโจทย์ เช่น อัตราคงที่ อัตราตามระดับ หรือค่าบริการแบบบวกธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร โดยค่าบริการแบบบวกธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคารมักมีความโปร่งใสและประหยัดกว่าค่าบริการแบบตามระดับ เหมาะกับธุรกิจที่มีปริมาณธุรกรรมสูง ส่วนค่าบริการแบบอัตราคงที่มักเหมาะกับธุรกิจที่มีปริมาณธุรกรรมต่ำ

ลดความเสี่ยงในการฉ้อโกง

การใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบด้วยบริการยืนยันที่อยู่ (AVS) และค่าการยืนยันบัตร (CVV) สามารถลดความเสี่ยงต่อธุรกรรมฉ้อโกงและการขอคืนเงิน ซึ่งความเสี่ยงที่ต่ำลงนี้อาจนำไปสู่ค่าธรรมเนียมการประมวลผลที่ต่ำลงเช่นกัน เนื่องจากผู้ประมวลผลมักจะเรียกเก็บเงินน้อยกว่าจากธุรกรรมที่มีการประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้การใช้ AVS ยังช่วยลดการดึงเงินคืนได้ด้วย

แนะนำช่องทางการชำระเงินอื่นๆ

แนะนำให้ลูกค้าพิจารณาช่องทางชำระเงินอื่นๆ ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า เช่น บัตรเดบิต, กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือการสแกนจ่ายผ่าน QR Code ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการประมวลผลต่ำกว่าบัตรเครดิต สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าใช้ช่องทางอื่นๆ ได้โดยการติดป้ายโปรโมชันที่จุดขาย, สื่อสารบนหน้าเว็บ หรือโซเชียลมีเดีย กลยุทธ์นี้จะช่วยลดค่าธรรมเนียมการประมวลผลและเร่งกระบวนการทำธุรกรรมให้เร็วขึ้น

กำหนดยอดธุรกรรมขั้นต่ำ

การกำหนดยอดการซื้อขั้นต่ำสำหรับธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตสามารถช่วยลดค่าธรรมเนียมการประมวลผลจากการขายที่มียอดต่ำได้ ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เครือข่ายบัตรเครดิตและกฎหมายท้องถิ่นกำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น ร้าน 7-Eleven ในประเทศไทยได้กำหนดยอดซื้อขั้นต่ำที่ 200 บาทสำหรับการชำระด้วยบัตรเครดิต แต่บางร้านค้าก็อาจมียอดขั้นต่ำที่ 500 หรือ แม้แต่ 1,000 บาท ทั้งนี้ควรมีการแจ้งนโยบายยอดธุรกรรมขั้นต่ำให้ลูกค้าเข้าใจอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนหรือความไม่พึงพอใจได้

ตั้งค่า Payment Gateway ให้ถูกต้อง

การกำหนดค่าใช้งาน Payment Gateway ให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก การตั้งค่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ธุรกรรมถูกดาวน์เกรด ถูกปรับชั้นค่าธรรมเนียมการประมวลผลเป็นอัตราที่สูงขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ควรมีการตรวจสอบการตั้งค่า Payment Gateway เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบ Payment Gateway มีการส่งข้อมูลธุรกรรมที่ถูกต้องทั้งหมดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มีสิทธิ์รับชำระเงินในอัตราที่ต่ำที่สุด

อัปเดตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เป็นประจำ

อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธุรกรรมจะถูกประมวลผลในอัตราที่มีราคาสูงกว่า หากเป็นไปได้ควรมีการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ช่วยเพิ่มความเร็วและความปลอดภัยให้ธุรกรรม และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลโดยรวม

ใช้โปรแกรมเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรม

เครือข่ายบัตรบางเจ้าเสนอโปรแกรมที่ปรับให้เหมาะกับองค์กรบางแห่ง เช่น องค์กรไม่แสวงผลกำไรและองค์กรการศึกษาบางประเภท ซึ่งจะคิดอัตราค่าประมวลผลลดลง โปรดตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์โปรแกรมเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมหรือไม่

ตรวจสอบค่าธรรมเนียมเป็นประจำ

ตรวจสอบค่าธรรมเนียมและใบแจ้งยอดการประมวลผลการชำระเงินเป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นหรืออัตราที่สูงกว่าที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ติดตามดูการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างค่าธรรมเนียมหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่ผู้ประมวลผลของคุณอาจปรับใช้โดยที่คุณไม่ทราบ

Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถช่วยให้คุณรับการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe