การเก็บเงินปลายทาง (COD) หรือที่เรียกว่าการชำระเงินปลายทาง เป็นวิธีการชำระเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดอิตาลี ซึ่งจะให้คุณชำระเป็นเงินสดให้แก่ผู้ให้บริการเมื่อจัดส่งสินค้า แทนที่จะต้องชำระเงินทางออนไลน์ล่วงหน้า
COD หมายถึงอะไร และทำไมวิธีนี้จึงยังคงมีการใช้กันอยู่แม้จะมีวิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นก็ตาม เช่น บัตรเครดิต กระเป๋าเงิน หรือการโอนเงินต่างชาติ ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีขั้นตอนของ COD, ปัญหาและความเสี่ยงที่ธุรกิจต้องเผชิญ, ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ต้นทุนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง และการเปรียบเทียบ COD กับการชำระเงินดิจิทัล หากคุณมีธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือกำลังวางแผนที่จะเริ่มต้น การทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของวิธีการชำระเงินนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะนำเสนอตัวเลือกนี้ในร้านค้าอีคอมเมิร์ซของคุณดีไหม หรือจะเลือกทางเลือกอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าดี
เนื้อหาหลักในบทความ
- การเก็บเงินปลายทางในอิตาลี
- การเก็บเงินปลายทางคืออะไรและมีขั้นตอนอย่างไร
- ปัญหาสำหรับผู้ค้าปลีก
- ค่าใช้จ่ายและปัญหาด้านการดำเนินงาน
- ประโยชน์สำหรับลูกค้า
- ข้อดีข้อเสียของการเก็บเงินปลายทาง
- Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
การเก็บเงินปลายทางในอิตาลี
การเก็บเงินปลายทางเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลีมาโดยตลอด เนื่องจากการชำระเงินเมื่อได้รับสินค้าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า แต่ในปัจจุบันความสำคัญของวิธีการชำระเงินนี้ลดลงอย่างมาก ตามรายงานของ NetRetail 2025 จาก Netcomm eCommerce B2C Observatory แห่ง Polytechnic University of Milan ระบุว่ามีธุรกรรมออนไลน์ในอิตาลีเพียง 11% เท่านั้นที่ยังใช้การชำระเงินเมื่อได้รับสินค้าหรือบริการ ซึ่งภายในเปอร์เซ็นต์ 11% นี้มีการชำระเงินด้วยเงินสดให้แก่ผู้ให้บริการ (COD แบบเดิม) คิดเป็นเพียง 1.2% ของยอดรวม ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีการลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2020 ที่มีชาวอิตาลีใช้ COD ถึง 17%
แม้การใช้วิธีการชำระเงินออนไลน์จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งกำลังจะเข้ามาแทนที่ COD แต่วิธีนี้ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้าบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่ไม่ไว้วางใจที่จะชำระเงินล่วงหน้าทางออนไลน์ ผู้ที่ต้องการใช้เงินสด และผู้ที่มองว่า COD ช่วยรับประกันความปลอดภัยได้มากกว่า
การเก็บเงินปลายทางคืออะไรและมีขั้นตอนอย่างไร
เรามาดูกันว่า COD คืออะไรและมีขั้นตอนอย่างไร ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วขั้นตอนนั้นเรียบง่ายมากดังนี้
ลูกค้าเลือกตัวเลือกการชำระเงินแบบ COD บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ผู้ให้บริการที่รับผิดชอบการจัดส่งจะได้รับคำสั่งให้เก็บเงิน
เมื่อสินค้ามาถึง ลูกค้าจะชำระเงินด้วยเงินสดหรือในบางกรณีด้วยระบบบันทึกการขาย (POS) แบบพกพา (แม้ว่าจะยังคงใช้เงินสดเป็นวิธีการชำระเงินหลัก)
ผู้ให้บริการโอนเงินไปให้ธุรกิจ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการหักค่าคอมมิชชัน
ความหมายของ COD นั้นเรียบง่ายมาก ก็คือลูกค้าจะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อได้รับสินค้า โดยไม่มีการชำระเงินล่วงหน้า ในแง่นี้ การชำระเงินปลายทางจึงถูกมองว่ามีความปลอดภัยมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กลัวการฉ้อโกงออนไลน์หรือไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลบัตรของตน ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่วิธีการนี้ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการชำระเงินดิจิทัล ผู้ที่ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือผู้ที่เพียงแค่ต้องการควบคุมการซื้อของตนเองให้ได้มากขึ้น
ปัญหาสำหรับผู้ค้าปลีก
ถึงแม้ COD จะมอบความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่ก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ขาย โดยสามารถสรุปปัญหาหลักๆ ออกเป็น 4 ด้านดังนี้
ความเสี่ยงของการเก็บเงินปลายทาง
มีโอกาสที่ลูกค้าจะปฏิเสธพัสดุเมื่อจัดส่งถึงที่ได้ตลอดเวลา ทุกคำสั่งซื้อที่ถูกปฏิเสธจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดการการจัดส่งและการส่งคืน ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณอาจไม่ครอบคลุมถึง ในระยะยาว อัตราการสูญเสียที่สูงอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออัตราผลกำไรขั้นต้นของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่มีมูลค่าต่อหน่วยต่ำการจัดการการปฏิบัติงานที่ซับซ้อน
COD ทำให้ผู้ให้บริการไม่เพียงแต่รับผิดชอบการจัดส่งเท่านั้น แต่ยังรับผิดชอบการเก็บเงินอีกด้วย ซึ่งจะมีขั้นตอนเพิ่มเติม เช่น การโอนยอดรวมที่เก็บได้และการกระทบยอดการชำระเงิน ซึ่งทำให้ภาระงานด้านการจัดการเพิ่มขึ้น อีกทั้งในฐานะธุรกิจ คุณจะควบคุมการเรียกเก็บเงินโดยตรงได้น้อยลง ซึ่งทำให้คุณต้องพึ่งพาประสิทธิภาพของพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ความล่าช้าของกระแสเงินสด
การชำระเงินแบบดิจิทัลจะได้รับเงินแทบจะทันที ในขณะที่ COD เงินจะมาถึงในอีกหลายวันต่อมา เมื่อบริษัทขนส่งจ่ายเงินให้กับธุรกิจ ความล่าช้านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณดำเนินธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องเรียกเก็บเงินอย่างรวดเร็วเพื่อจ่ายให้กับซัพพลายเออร์ เติมสต๊อก และครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประจำวันความไม่แน่นอน
การชำระเงินแบบ COD ไม่มีการรับประกันใดๆ แก่ผู้ขายจนถึงตอนที่ส่งมอบสินค้า หากลูกค้าปฏิเสธการรับสินค้า ผู้ขายก็จะไม่ได้รับการชำระเงิน และธุรกิจจะยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งและการจัดการส่งคืน ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ COD เป็นวิธีที่ยากต่อการจัดการในแง่ของการวางแผนและการขยายธุรกิจ
ข้อเสียของการเก็บเงินปลายทางคืออะไร
โดยสรุปแล้ว ข้อเสียของ COD คือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและความเสี่ยงที่ผู้ขายต้องเผชิญ ลูกค้าอาจปฏิเสธการรับสินค้า ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดส่งที่ไม่สามารถชดเชยได้ รวมถึงค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ให้บริการ การเรียกเก็บเงินล่าช้า และการจัดการด้านธุรการที่ซับซ้อนกว่าการชำระเงินแบบดิจิทัล
ค่าใช้จ่ายและปัญหาด้านการดำเนินงาน
หากคุณตัดสินใจเสนอตัวเลือก COD ในร้านค้าอีคอมเมิร์ซ คุณควรทราบว่าตัวเลือกนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและมีกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าวิธีการแบบดิจิทัล
ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ผู้ให้บริการขนส่งแต่ละแห่งจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจัดการเรียกเก็บเงิน ซึ่งอาจเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ต่อการจัดส่งหรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินก็ได้ ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 2% ถึง 3% โดยที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการจัดส่งปกติและทำให้กำไรของคุณลดลง ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจหลายแห่งจึงเลือกที่จะผลักภาระค่าใช้จ่ายบางส่วนให้กับลูกค้าโดยการคิดค่าบริการเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ราคาซื้อแข่งขันได้น้อยลงการจัดการด้านธุรการ
ต่างจากการชำระเงินแบบดิจิทัลตรงที่ที่การโอนเงินจะทำได้ทันทีและสามารถตรวจสอบได้ แต่สำหรับ COD คุณจะต้องกระทบยอดธุรกรรมแต่ละรายการด้วยตนเอง ซึ่งหมายถึงการตรวจสอบยอดเงินที่โอนโดยผู้ให้บริการขนส่งให้ตรงกับคำสั่งซื้อที่จัดส่งแล้ว จัดการความคลาดเคลื่อนทั้งหมด และลงบัญชีรายรับโดยใช้เวลามากขึ้นค่าใช้จ่ายในการส่งคืน
หากลูกค้าปฏิเสธการรับสินค้า คุณไม่เพียงจะไม่ได้รับการชำระเงินเท่านั้น แต่คุณยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืนสินค้าด้วย และในบางกรณี คุณอาจลงเอยด้วยการที่มีสินค้าที่ดีเหมือนใหม่แต่นำไปขายไม่ได้ ทำให้เกิดการสูญเสียเพิ่มเติมประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ที่ลดลง
COD ทำให้ผู้ให้บริการขนส่งเป็นทั้งตัวกลางทางการเงินและผู้ขนส่ง ซึ่งทำให้ระยะเวลาการจัดส่งยาวนานขึ้นและเพิ่มโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ในทางปฏิบัติ คุณกำลังสูญเสียข้อดีสำคัญอย่างหนึ่งของอีคอมเมิร์ซไป นั่นก็คือความรวดเร็วและระบบอัตโนมัติของกระบวนการชำระเงิน
โดยสรุปแล้ว COD ช่วยคุณดึงดูดลูกค้าที่ยังคงกังวลกับการชำระเงินออนไลน์ แต่หากคุณไม่จัดการการดำเนินการอย่างรอบคอบ ก็อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของธุรกิจคุณ
ประโยชน์สำหรับลูกค้า
คุณอาจสงสัยว่าเพราะเหตุใดผู้ซื้อออนไลน์ในอิตาลีบางรายจึงยังคงต้องการใช้ COD ต่อไป เรามาดูประโยชน์หลักๆ สำหรับลูกค้ากัน
ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตหรือบัญชีออนไลน์
ลูกค้าชำระเงินก็ต่อเมื่อได้รับสินค้าเท่านั้น
ลูกค้าอาจรู้สึกถึงความเสี่ยงจากการฉ้อโกงออนไลน์ลดลง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ลูกค้าจึงยังคงมองหาเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีตัวเลือกการชำระเงินนี้เมื่อต้องซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ จึงทำให้การชำระเงินแบบ COD ยังคงเป็นความต้องการในบางส่วนของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีความเป็นดิจิทัลน้อย
การเก็บเงินปลายทางปลอดภัยแค่ไหน
COD ถือว่าปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของลูกค้า เพราะลูกค้าจะชำระเงินก็ต่อเมื่อได้รับสินค้าเท่านั้น โดยไม่ต้องกรอกรายละเอียดบัตรหรือข้อมูลบัญชีออนไลน์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงทางดิจิทัล แต่ในด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ขายนั้นมีน้อยกว่า เนื่องจากบริษัทอีคอมเมิร์ซต้องพึ่งพาผู้ให้บริการขนส่งในการเรียกเก็บเงิน ต้องรอการชำระเงินนานขึ้น และเสี่ยงต่อการปฏิเสธรับสินค้า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางการเงิน
ข้อดีข้อเสียของการเก็บเงินปลายทาง
เรามาทบทวนข้อดีและข้อเสียของ COD กัน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรจะเสนอวิธีการชำระเงินนี้บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณหรือไม่
|
ข้อดี |
ข้อเสีย |
|
|
Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
หากคุณต้องการนำเสนอทางเลือกที่ทันสมัยและปลอดภัยให้แก่ลูกค้านอกเหนือจากการเก็บเงินปลายทาง ก็ทำได้ง่ายๆ ด้วย Stripe Payments และวิธีที่ Stripe Payments สามารถช่วยคุณได้มีดังนี้
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้
Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
- ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
- รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
- เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ