ค่าบริการตามการใช้งานคืออะไร ต่อไปนี้คือสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Billing
Billing

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ค่าบริการตามการใช้งานมีหลักการทํางานอย่างไร
  3. ข้อดีของค่าบริการตามการใช้งานคืออะไร
    1. ลดอุปสรรคในการเริ่มต้นใช้งานผลิตภัณฑ์
    2. เชื่อมโยงต้นทุนเข้ากับมูลค่า
    3. สนับสนุนการใช้งานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
    4. ปรับปริมาณการใช้งานได้ง่าย
    5. กระตุ้นการเติบโตโดยปริยาย
    6. สร้างความสัมพันธ์ที่โปร่งใสมากขึ้น
  4. ความท้าทายของค่าบริการตามการใช้งานคืออะไรบ้าง
    1. รายรับไม่สม่ำเสมอ
    2. ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
    3. ค่าบริการและการเรียกเก็บเงินที่ยุ่งยาก
    4. การติดตามแบบเรียลไทม์สําหรับทั้งสองฝ่าย
    5. การรับรู้ค่าใช้จ่าย
    6. ยกเลิกง่าย
    7. การหาลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้า
  5. Stripe เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดค่าบริการตามการใช้งานอย่างไร
    1. การติดตามการใช้งานและการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
    2. รองรับโครงสร้างค่าบริการแบบต่างๆ
    3. การออกใบแจ้งหนี้และการประมวลผลการชําระเงิน
    4. การมองเห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์
    5. การแจ้งเตือนการใช้งาน
    6. ชําระเงินและปฏิบัติตามข้อกําหนดทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

ค่าบริการตามการใช้งานคือโมเดลแบบจ่ายตามการใช้งาน ซึ่งหมายความว่าระบบจะเรียกเก็บเงินลูกค้าตามการใช้งานจริง (เช่น พื้นที่จัดเก็บ ระยะเวลาในการสตรีมเป็นนาที ฯลฯ) แทนที่จะเป็นค่าธรรมเนียมคงที่ โมเดลค่าบริการแบบนี้พบได้บ่อยในบริการประมวลผลระบบคลาวด์ การให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS) และสาธารณูปโภค เนื่องจากช่วยให้ค่าใช้จ่ายสอดคล้องตามมูลค่าและช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น โมเดลค่าบริการนี้เป็นประโยชน์กับธุรกิจในอุตสาหกรรมเหล่านี้และอื่นๆ อีกมากมาย ตัวอย่างเช่น ตลาดการประมวลผลบนคลาวด์ทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 602.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น 21.2% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2030

ในบทความนี้ เราจะอธิบายวิธีการทํางานของค่าบริการตามการใช้งาน ข้อดีและข้อเสีย รวมถึงวิธีที่ Stripe สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณนําไปปรับใช้ได้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ค่าบริการตามการใช้งานมีหลักการทํางานอย่างไร
  • ข้อดีของค่าบริการตามการใช้งานคืออะไร
  • ความท้าทายของค่าบริการตามการใช้งานคืออะไรบ้าง
  • Stripe เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดค่าบริการตามการใช้งานอย่างไร

ค่าบริการตามการใช้งานมีหลักการทํางานอย่างไร

ค่าบริการตามการใช้งานต้องชําระตามการใช้งาน แทนที่จะชําระค่าธรรมเนียมคงที่ ระบบเรียกเก็บเงินจะติดตามการใช้งานของลูกค้าแบบเรียลไทม์ และเรียกเก็บเงินตามรอบเวลาเป็นประจํา (เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน ฯลฯ) โดยลูกค้าจะจ่ายเฉพาะสิ่งที่พวกเขาใช้งานจริงๆ โมเดลค่าบริการนี้อาจใช้หนึ่งในโครงสร้างต่อไปนี้

  • ต่อธุรกรรม: การดําเนินการทุกอย่างมีราคา ตัวอย่างเช่น ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตต่อการรูดบัตรแต่ละครั้งและค่าธรรมเนียมการบริการข้อความสั้น (SMS) ต่อข้อความที่ส่ง

  • ตามทรัพยากร: ค่าบริการจะเพิ่มขึ้นตามการใช้งาน ตัวอย่างเช่น การเรียกเก็บเงินต่อกิกะไบต์สําหรับพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์และการเรียกเก็บเงินต่อส่วนขยายฟังก์ชันสําหรับการประมวลผลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์

  • ตามเวลา: ค่าบริการขึ้นอยู่กับเวลาการใช้งาน ตัวอย่างเช่น การเรียกเก็บเงินเป็นวินาที นาที หรือชั่วโมงสำหรับบริการโฮสติ้งบนคลาวด์

การติดตามแบบเรียลไทม์เป็นส่วนสําคัญมากสำหรับค่าบริการตามการใช้งาน บริษัทต่างๆ ต้องมองเห็นจํานวนเงินที่ต้องเรียกเก็บ ส่วนลูกค้าเองก็ต้องสามารถจัดการว่าจะใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนเท่าใด บริการหลายอย่างจะมีแดชบอร์ดการใช้งาน การแจ้งเตือน หรือวงเงินใช้จ่ายเพื่อให้ลูกค้าควบคุมการใช้งานของตัวเองได้ หากนำไปใช้อย่างเหมาะสม โมเดลค่าบริการแบบนี้จะมอบความยืดหยุ่นให้ผู้ใช้ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่โปร่งใส

ข้อดีของค่าบริการตามการใช้งานคืออะไร

ค่าบริการตามการใช้งานสามารถพลิกวิธีการที่ธุรกิจจะเรียกเก็บเงินและวิธีที่ลูกค้าชําระเงิน โดยสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่สมดุลและโปร่งใสมากขึ้นระหว่างธุรกิจกับลูกค้า ต่อไปนี้คือเหตุผลที่โมเดลนี้ได้ผลดี

ลดอุปสรรคในการเริ่มต้นใช้งานผลิตภัณฑ์

โมเดลนี้ช่วยให้ลูกค้าเริ่มใช้งานในปริมาณเล็กน้อยแล้วค่อยเพิ่มปริมาณการใช้งานได้ตามต้องการ แทนที่จะถูกรั้งไว้ด้วยสัญญาที่มีมูลค่าสูงหรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมล่วงหน้า ส่งผลให้ธุรกิจสตาร์ทอัพ ทีมขนาดเล็ก หรือผู้ซื้อที่มีความระมัดระวัง สามารถทดลองใช้บริการได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายมากเกินไป

เชื่อมโยงต้นทุนเข้ากับมูลค่า

ค่าธรรมเนียมคงที่มักจะส่งผลให้ลูกค้าต้องชําระเงินเกินกว่าปริมาณใช้งานจริงหรือใช้จ่ายถึงวงเงินที่กำหนดไว้เร็วเกินไป ดังนั้นการให้ลูกค้าชําระเงินตามการใช้งานจริงจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายสอดคล้องกับมูลค่าที่ได้รับจากบริการมากยิ่งขึ้น

สนับสนุนการใช้งานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

เมื่อทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ลูกค้าจึงระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้บริการ สิ่งนี้นําไปสู่การลดของเสีย การจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และในบางกรณีก็ช่วยให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น

ปรับปริมาณการใช้งานได้ง่าย

บริษัทที่มีความต้องการไม่คงที่ไม่จำเป็นต้องผูกกับแพ็กเกจที่เก็บค่าธรรมเนียมคงที่ ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการของตัวเอง ไม่ว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างไม่คาดคิดหรือต้องให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันตามฤดูกาล บริษัทจะจ่ายค่าธรรมเนียมตามสัดส่วนการใช้งาน จึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินจำเป็นหรือใช้แพ็กเกจที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป

กระตุ้นการเติบโตโดยปริยาย

บริษัทที่ใช้โมเดลนี้สามารถเพิ่มรายรับได้ เนื่องจากต้องอาศัยการใช้งานของลูกค้าในปัจจุบันมากกว่าพึ่งพาลูกค้าลงทะเบียนใหม่ หากผลิตภัณฑ์สร้างคุณค่าได้อย่างแท้จริง ลูกค้าก็อาจเพิ่มการใช้งานไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นการสร้างแนวทางการขยายธุรกิจในตัว

สร้างความสัมพันธ์ที่โปร่งใสมากขึ้น

เนื่องจากค่าบริการขึ้นอยู่กับการใช้งาน ลูกค้าจึงคาดหวังว่าจะมีการติดตามที่ชัดเจน สิ่งนี้เป็นสิ่งจูงใจให้บริษัทต่างๆ คอยพัฒนาแดชบอร์ด การแจ้งเตือนการใช้งาน และการแสดงข้อมูลการเรียกเก็บเงินแบบเรียลไทม์ที่ดีขึ้น เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองควบคุมการใช้จ่ายได้

ความท้าทายของค่าบริการตามการใช้งานคืออะไรบ้าง

ค่าบริการตามการใช้งานก็อาจจะมีความท้าทายสําหรับทั้งบริษัทและลูกค้าเช่นกัน สิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้

รายรับไม่สม่ำเสมอ

สำหรับโมเดลแบบค่าบริการคงที่ ธุรกิจจะทราบดีว่าพวกเขามีรายได้เท่าใดในแต่ละเดือน แต่ค่าบริการตามการใช้งานไม่ได้เป็นแบบนั้น หากการใช้งานของลูกค้ามีความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นเพราะฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ หรืออุปสงค์ที่คาดเดาไม่ได้ รายรับ รายรับก็จะผันผวนตามไปด้วยเช่นกัน ส่งผลให้คาดการณ์และวางแผนทางการเงินได้ยากขึ้น

ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

สำหรับลูกค้า การชําระเฉพาะสิ่งที่ลูกค้าใช้งานอาจฟังดูเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เมื่อการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงสุด ยอดในใบเรียกเก็บเงินอาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากลูกค้ามองไม่เห็นข้อมูลการใช้งานอย่างชัดเจน การกําหนดงบประมาณอาจทําได้ยากขึ้น หากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาทําให้ลูกค้าแปลกใจ พวกเขาก็อาจมองหาทางเลือกอื่น

ค่าบริการและการเรียกเก็บเงินที่ยุ่งยาก

ค่าธรรมเนียมรายเดือนที่เรียบง่ายนั้นเข้าใจได้ง่าย แต่ค่าบริการตามการใช้งานอาจเข้าใจได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหน่วยการเรียกเก็บเงินไม่ชัดเจนหรือหากอัตราค่าบริการสำหรับแต่ละระดับไม่เท่ากัน บริษัทจึงต้องกําหนดโครงสร้างค่าบริการให้โปร่งใสและเข้าใจง่าย ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความมั่นใจว่าระบบการเรียกเก็บเงินสามารถติดตามการใช้งานทั้งหมด โดยสามารถแยกย่อยออกเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด

การติดตามแบบเรียลไทม์สําหรับทั้งสองฝ่าย

ผู้ให้บริการต้องมีการติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อเรียกเก็บเงินอย่างถูกต้อง และลูกค้าจําเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อจัดการการใช้จ่ายของตัวเอง หากการติดตามมีความล่าช้า ไม่ถูกต้อง หรือถูกซ่อนอยู่ในแดชบอร์ดที่ใช้ยาก ลูกค้าก็จะไม่เชื่อถือใบเรียกเก็บเงิน และบริษัทอาจได้รับการโต้แย้งการชําระเงินและข้อร้องเรียน

การรับรู้ค่าใช้จ่าย

ค่าธรรมเนียมการสมัครใช้บริการแบบคงที่สามารถคาดการณ์ได้ง่าย ลูกค้าจึงอาจนึกถึงค่าธรรมเนียมเหล่านี้ไม่บ่อยนัก แต่เมื่อการดําเนินการทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ลูกค้าจะทราบมากขึ้นว่าพวกเขาใช้จ่ายอะไรไปบ้าง หากลูกค้าเริ่มรู้สึกว่าชําระเงินมากเกินไป พวกเขาอาจลดการใช้งานหรือมองไปที่อื่น บริษัทจึงจําเป็นต้องดำเนินการในเชิงรุกเพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าบริษัทมอบคุณค่าอะไรบ้าง

ยกเลิกง่าย

การสมัครใช้บริการรายเดือนมีข้อผูกพันด้านเวลา แต่สำหรับค่าบริการแบบจ่ายตามการใช้งานแล้ว ลูกค้าอาจพบว่าการยกเลิกเป็นเรื่องง่ายหรือมีเหตุผลมากกว่า หากไม่จําเป็นต้องให้บริการหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าจะลดการใช้งานหรือสลับไปใช้ผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นธุรกิจอาจต้องลงทุนกับกลยุทธ์การรักษาลูกค้า

การหาลูกค้าใหม่และการรักษาลูกค้า

เมื่อใช้โมเดลการชําระเงินตามรอบบิล ธุรกิจจะมีรายรับเพิ่มขึ้นเมื่อมีการลงทะเบียนลูกค้าใหม่ แต่ค่าบริการตามการใช้งานนั้น การเติบโตของรายรับจะขึ้นอยู่กับทั้งการหาลูกค้าใหม่และการสนับสนุนให้ลูกค้าปัจจุบันเพิ่มปริมาณการใช้งาน ซึ่งหมายความว่าบริษัทต้องใช้มุมมองที่แตกต่างกันในการกำหนดรางวัลจูงใจด้านค่าบริการ การให้ข้อมูลลูกค้า และการส่งเสริมมีส่วนร่วม โดยที่ต้องไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกกดดัน

Stripe เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดค่าบริการตามการใช้งานอย่างไร

Stripe ช่วยให้ธุรกิจปรับใช้ค่าบริการตามการใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยการจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่การติดตามการใช้งานไปจนถึงการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า หากคุณเรียกเก็บเงินตามจํานวนคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณ Stripe จะช่วยคุณได้ดังต่อไปนี้

การติดตามการใช้งานและการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ

แทนที่จะสร้างระบบของคุณเองเพื่อบันทึกการเรียกใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรม (API) แต่ละครั้ง จำนวนกิกะไบต์ หรือธุรกรรม คุณสามารถส่งข้อมูลเหล่านั้นให้กับ Stripe ได้ หลังจากนั้น Stripe จะคํานวณการเรียกเก็บเงินตามกฎค่าบริการและเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเพื่อให้คุณไม่ต้องดําเนินการด้วยตัวเอง

รองรับโครงสร้างค่าบริการแบบต่างๆ

ไม่ใช่ว่าบริษัททุกแห่งจะเรียกเก็บเงินด้วยวิธีเดียวกัน ซึ่งความยืดหยุ่นของ Stripe จะจัดการกับโมเดลค่าบริการแบบต่างๆ ได้ ซึ่งรวมถึงโมเดลดังต่อไปนี้

  • ค่าบริการตามการใช้งาน: ธุรกิจจะเรียกเก็บเงินจากลูกค้าตามการดําเนินการ คําขอ หรือหน่วยที่ใช้งาน

  • ค่าบริการตามปริมาณ: อัตราค่าบริการจะลดลงเมื่อการใช้งานเพิ่มขึ้น

  • ค่าบริการแบบแบ่งระดับ: ระดับราคาที่ต่างกันแสดงเกณฑ์การใช้งานที่แตกต่างกัน

  • โมเดลแบบกําหนดเอง: โมเดลเหล่านี้จะใช้แนวทางหลายแบบผสมผสานกัน

นอกจากนี้ Stripe ยังสามารถจัดการโมเดลแบบผสมผสานที่ประกอบด้วยค่าบริการแบบการชําระเงินตามรอบบิลกับค่าบริการตามการใช้งาน (เช่น ค่าธรรมเนียมรายเดือนแบบคงที่ ซึ่งมีการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานเพิ่มเติมด้วย)

การออกใบแจ้งหนี้และการประมวลผลการชําระเงิน

Stripe จะสร้างใบแจ้งหนี้ตามการใช้งานจริง เพื่อให้ลูกค้าได้รับใบเรียกเก็บเงินที่ถูกต้องและชัดเจน หากคุณต้องการเปิดใช้การชําระเงินอัตโนมัติ Stripe ประมวลผลการชําระเงินในเบื้องหลัง ซึ่งอาจช่วยลดการชําระเงินล่าช้าและการติดตามผลโดยเจ้าหน้าที่ได้

การมองเห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์

แดชบอร์ด Stripe ช่วยให้คุณดูแนวโน้มรายรับ รูปแบบการใช้งานของลูกค้า และความเสี่ยงจากการเลิกใช้บริการได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกัน ลูกค้าเองก็สามารถติดตามการใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดการโต้แย้งการชําระเงินและความตกใจจากยอดในใบเรียกเก็บเิน

การแจ้งเตือนการใช้งาน

ยอดใบเรียกเก็บเงินที่สูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอาจสร้างความยุ่งยากใจให้กับลูกค้าได้ง่าย แต่เมื่อใช้ Stripe คุณจะสามารถสร้างการแจ้งเตือนการใช้งานเพื่อแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบก่อนที่ลูกค้าจะใช้งานถึงขีดจํากัดที่กําหนด วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าติดตามการใช้จ่ายของตน และช่วยคุณหลีกเลี่ยงคําร้องเรียน (หรือแย่กว่านั้นคือการยกเลิก) ได้

ชําระเงินและปฏิบัติตามข้อกําหนดทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

หากคุณมีลูกค้าในหลายประเทศ Stripe ช่วยจัดการการแปลงสกุลเงิน การคํานวณภาษี และข้อบังคับด้านการชําระเงิน ซึ่งหมายความว่าคุณจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจัดการอุปสรรคในการดําเนินงานด้านการเรียกเก็บเงินข้ามพรมแดน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Billing

Billing

เรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก

Stripe Docs เกี่ยวกับ Billing

สร้างและจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ติดตามการใช้งาน และออกใบแจ้งหนี้