แอปฟินเทคใช้สําหรับบริการทางการเงิน เช่น การเข้าถึงบัญชีการเงิน การชําระเงิน รวมทั้งการส่งและรับเงินทุน แอปเหล่านี้ได้เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงและใช้เงินของตน โดยการให้บริการโซลูชันทางการเงินที่ทันสมัยทั้งบนสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ แอปฟินเทคมอบการเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น ตั้งแต่การชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และการโอนเงิน ไปจนถึงเครื่องมือการลงทุนและการจัดงบประมาณ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ดูและจัดการการเงินได้อย่างง่ายดาย มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดฟินเทคทั่วโลกจะเติบโตขึ้นจาก $2.94 แสนล้านในปี 2023 เป็นมูลค่ากว่า $1 ล้านล้านภายในปี 2032 และแนวโน้มก็ไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดลง
ความสําเร็จของแอปฟินเทคขับเคลื่อนโดยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การแพร่หลายของสมาร์ทโฟน และความต้องการบริการทางการเงินที่ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น การเพิ่มสูงขึ้นนี้ได้รับการผลักดันจากการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับที่ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในภาคธุรกิจบริการทางการเงิน และช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถท้าทายสถาบันการเงินที่ก่อตั้งมานาน ดังนั้น ฟินเทคจึงได้พลิกโฉมวิธีการที่ผู้คนใช้บริการธนาคารและทำการลงทุน รวมทั้งบีบให้ธนาคารแบบเก่าหันมามอบบริการที่ปรับให้เข้ากับระบบดิจิทัลมากขึ้นเพื่อให้ยังคงแข่งขันได้
ด้านล่างนี้เราจะอธิบายว่าแอปฟินเทคคืออะไร ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปนี้อย่างไร และแอปเหล่านี้จะมอบประโยชน์ให้ธุรกิจของคุณอย่างไร
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ประเภทของแอปฟินเทค
- ฟีเจอร์สําคัญของแอปฟินเทค
- วิธีที่ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทค
- ประโยชน์ของการใช้แอปฟินเทคกับธุรกิจของคุณ
ประเภทของแอปฟินเทค
แอปฟินเทคมีการใช้งานมากมายในบริการทางการเงิน ต่อไปนี้คือหมวดหมู่และประเภทของแอปฟินเทคที่พบบ่อยที่สุด
การชําระเงินและการโอนเงิน: แอปเหล่านี้จะช่วยให้คุณส่งและรับเงินได้ทั้งในและต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ระบบการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น Venmo และบริการโอนเงิน เช่น Wise
การจัดการการเงินส่วนบุคคล (PFM): แอปเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้จัดการการเงินส่วนบุคคลได้โดยการติดตามค่าใช้จ่าย การสร้างงบประมาณ รวมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น Mint (ขณะนี้ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Mint ย้ายไปยัง Credit Karma) และ YNAB (You Need a Budget)
แพลตฟอร์มการลงทุนและการซื้อขาย: แอปเหล่านี้มีเครื่องมือสําหรับการซื้อขายหุ้น พันธบัตร คริปโตเคอร์เรนซี และผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนอื่นๆ โดยให้การสนับสนุนทั้งแก่นักลงทุนมือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มอย่าง Robinhood และ E*TRADE
แอปธนาคารและธนาคารยุคใหม่: แอปเหล่านี้ให้บริการด้านธนาคารโดยไม่มีสาขาจริง และมักใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้าและการปรับแต่งบริการตามบุคคล ตัวอย่างของธนาคารยุคใหม่ ได้แก่ Chime และ Revolut
เทคโนโลยีการประกันภัย (อินชัวร์เทค): แอปเหล่านี้มีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้สําหรับการซื้อและจัดการกรมธรรม์ประกันภัย ตัวอย่างเช่น Zinnia และ Lemonade
แพลตฟอร์มการให้กู้ยืม: แอปเหล่านี้ช่วยให้การอนุมัติเงินกู้รวดเร็วขึ้นและมีข้อกําหนดด้านการกู้เงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยอิงตามโมเดลการให้คะแนนเครดิตทางเลือก ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมอย่าง LendingClub และ Prosper
การกำกับดูแลและการปฏิบัติตามข้อกําหนด (เรกเทค): แอปเหล่านี้ช่วยให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินได้ง่ายและประหยัดมากยิ่งขึ้น โดยจะช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการต่างๆ เช่น โปรโตคอลด้านการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC), การป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการป้องกันการฉ้อโกง ตัวอย่างเช่น บริษัทอย่าง Chainalysis และ Forter
การจัดการความมั่งคั่ง: แอปเหล่านี้จะเจาะกลุ่มบุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงและลูกค้าที่เป็นสถาบันด้วยเครื่องมืออันซับซ้อนสําหรับการจัดการสินทรัพย์ การวางแผนอสังหาริมทรัพย์ และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านภาษี ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มอย่าง Farther และ Savvy
แอปคริปโตเคอร์เรนซีและบล็อกเชน: แอปเหล่านี้ให้บริการต่างๆ เช่น การซื้อขาย กระเป๋าเงินคริปโต การจัดการการขุด และแอปพลิเคชันการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เพื่ออํานวยความสะดวกในการให้กู้ การยืม และการรับดอกเบี้ยจากการถือครองคริปโตเคอร์เรนซี ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มอย่าง Coinbase และ MetaMask
บริการวางแผนและบริการให้คําปรึกษาทางการเงิน: แอปเหล่านี้มีบริการอัตโนมัติ (ที่ปรึกษาด้านการเงิน) และบริการแบบผสมผสานที่รวม AI เข้ากับคําแนะนําเกี่ยวจากมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือบุคคลทั่วไปและธุรกิจในการวางแผนทางการเงินระยะยาว ตัวอย่างเช่น Betterment และ Wealthfront
ฟีเจอร์สําคัญของแอปฟินเทค
แม้ชุดฟีเจอร์ที่แน่นอนของแต่ละแอปจะมีความแตกต่างกัน แต่ต่อไปนี้เป็นฟีเจอร์ในหมวดหมู่แอปฟินเทคที่คุณจะพบบ่อยที่สุด
บริการธนาคารดิจิทัลและธนาคารยุคใหม่
การจัดการบัญชี
- การตรวจสอบยอดคงเหลือแบบเรียลไทม์
- ประวัติธุรกรรม
- รายการเดินบัญชี
การชําระเงินและการโอนเงิน
- การจ่ายบิล
- การโอนเงินภายในประเทศและระหว่างประเทศ
- การชําระเงินแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P)
การจัดการบัตร
- การเปิดใช้งานและการบล็อกบัตร
- การจัดการ PIN
- การแจ้งเตือนธุรกรรม
เครื่องมือการกําหนดงบประมาณและการออมเงิน
- การจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย
- ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่าย
- เป้าหมายการออมเงิน
ฟีเจอร์ของธนาคารยุคใหม่
- การฝากบัญชีอัตโนมัติล่วงหน้า
- เงินเบิกจ่ายเกินบัญชีแบบปลอดค่าธรรมเนียม
- รางวัลเงินคืน
- บัตรดิจิทัล
- บัญชีร่วม
การชําระเงินและการโอนเงิน
รหัส QR และการชําระเงินแบบไร้สัมผัส
- สแกนเพื่อชําระเงิน
- การสื่อสารในระยะใกล้ (การชําระเงินที่ใช้ NFC)
ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย
- การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริก
- การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย
- ระบบตรวจจับการฉ้อโกง
ฟีเจอร์การชําระเงินเพิ่มเติม
- การโอนเงินแบบเรียลไทม์
- การหารบิล
- คำขอรับเงิน
- ใบเสร็จดิจิทัล
- การผสานการทํางานโปรแกรมสมาชิก
- ประวัติธุรกรรม
- การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
การจัดการด้านการเงินส่วนบุคคล
การติดตามค่าใช้จ่าย
- การจัดหมวดหมู่อัตโนมัติ
- การติดแท็กด้วยตนเอง
- หมวดหมู่ที่ปรับแต่งได้
การจัดทำงบประมาณ
- วงเงินใช้จ่าย
- การติดตามความคืบหน้า
- การแจ้งเตือน
ข้อมูลเชิงลึกด้านการเงิน
- การวิเคราะห์การใช้จ่าย
- คําแนะนําที่ปรับให้เหมาะกับบุคคล
- การติดตามเป้าหมาย
การตรวจสอบเครดิต
- การติดตามคะแนนเครดิต
- รายงานการเปลี่ยนแปลง
- การแจ้งเตือน
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
- การแจ้งเตือนให้จ่ายบิล
- การติดตามการลงทุน
- การคํานวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
- ความช่วยเหลือด้านการเตรียมการด้านภาษี
การให้และการยืม
ใบสมัครขอเงินกู้
- การสมัครทางออนไลน์
- การตรวจสอบคุณสมบัติล่วงหน้าทันที
- การอัปโหลดเอกสาร
การจัดการเงินกู้
- รายละเอียดเงินกู้
- ฟีเจอร์การชําระเงิน
- การติดตามความคืบหน้า
การตรวจสอบเครดิต
- การตรวจสอบเครดิตแบบไม่เป็นทางการเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติล่วงหน้า
- การติดตามตรวจสอบคะแนนเครดิต
ตัวเลือกการชําระเงิน
- การชําระเงินอัตโนมัติ
- กําหนดเวลาการชําระเงินที่ยืดหยุ่น
- ตัวเลือกการเบิกจ่ายเงินล่วงหน้า
ฟีเจอร์ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL)
- บัตรดิจิทัล
- แพ็กเกจผ่อนชําระ
- การเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ค้าปลีก
การลงทุนและการซื้อขาย
การจัดการพอร์ตโฟลิโอ
- แดชบอร์ดแสดงสินทรัพย์ที่ถือครอง
- การติดตามผลการดําเนินงาน
- การปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอ
ข้อมูลตลาด
- ใบเสนอราคาแบบเรียลไทม์
- แผนภูมิ
- ข่าวสาร
- การวิเคราะห์
การส่งคำสั่งซื้อและขาย
- คําสั่งซื้อและขาย
- จํากัดคําสั่งซื้อและขาย
- คําสั่งหยุดขาดทุน
การวิจัยและการให้ความรู้
- คะแนนจากนักวิเคราะห์
- แหล่งข้อมูลด้านการศึกษา
- ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด
ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย
- การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย
- การเข้ารหัสข้อมูล
- การคุ้มครองบัญชี
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
- การแบ่งหน่วยลงทุนออกเป็นส่วนๆ
- การคัดลอกการซื้อขาย
- การรองรับคริปโตเคอร์เรนซี
- การเชื่อมต่อระบบกับบริการวางแผนการลงทุนแบบอัตโนมัติ
ฟีเจอร์ต่อไปนี้มักจะรวมอยู่ในแอปฟินเทคทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในหมวดหมู่ใดก็ตาม
การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการรักษาความปลอดภัย: ข้อมูลของผู้ใช้จะได้รับการปกป้องด้วยฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA), การเข้าสู่ระบบด้วยไบโอเมตริก (เช่น ลายนิ้วมือและการจดจําใบหน้า) และการเข้ารหัสตั้งแต่ปลายทางถึงปลายทาง
การแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์: ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนแบบพุชเกี่ยวกับกิจกรรมที่สําคัญในบัญชี เช่น ธุรกรรมที่น่าสงสัย การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นครั้งใหญ่ หรือการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการจ่ายบิล
เครื่องมือสําหรับแดชบอร์ดและการรายงาน ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแดชบอร์ดที่ครอบคลุมเพื่อสรุปสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองได้ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงการแสดงข้อมูลเป็นภาพ เช่น กราฟและแผนภูมิที่ติดตามรูปแบบการใช้จ่าย ประสิทธิภาพการลงทุน และเมตริกทางการเงินอื่นๆ
ฟีเจอร์อัตโนมัติ: ผู้ใช้สามารถสร้างระบบอัตโนมัติสําหรับการจ่ายบิล การโอนเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และกลยุทธ์การลงทุนที่ปรับตามสภาพตลาดและเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล
การปรับแต่งและการปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล: ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง รวมทั้งปรับอินเทอร์เฟซแอปและบริการทางการเงินให้เหมาะกับแต่ละคนได้ โดยสามารถกําหนดงบประมาณส่วนบุคคล เลือกค่ากําหนดการแจ้งเตือนที่ต้องการเฉพาะเจาะจง พร้อมทั้งปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอการลงทุนให้เหมาะสมตามระดับการยอมรับความเสี่ยงและวัตถุประสงค์ทางการเงิน
ฟังก์ชันการผสานการทํางาน: ผู้ใช้สามารถผสานการทํางานแอปฟินเทคเข้ากับบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม ซอฟต์แวร์การทําบัญชี และบริการทางการเงินอื่นๆ เพื่อรวมการจัดการทางการเงินไว้ที่เดียว
ฟังก์ชันการทําธุรกรรม: ผู้ใช้สามารถทําธุรกรรมได้ เช่น การโอนเงิน การจ่ายบิล หรือการดําเนินการซื้อขายภายในแอปโดยตรง
การสนับสนุนลูกค้าและการให้ความรู้: ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการสนับสนุนลูกค้ารวมถึงการแชทสด คําถามที่พบบ่อย และการสนับสนุนทางโทรศัพท์ รวมถึงแหล่งข้อมูลด้านการศึกษา เช่น บทแนะนําการใช้งาน การสัมมนาผ่านเว็บ และบทความเกี่ยวกับเอกสารข้อมูลทางการเงิน
ความช่วยเหลือพิเศษและการให้บริการที่ทุกคนเข้าถึงได้: ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ความช่วยเหลือพิเศษ เช่น โหมดความคมชัดสูง การแปลงข้อความเป็นคําพูด และเทคโนโลยีช่วยเหลืออื่นๆ รวมทั้งการสนับสนุนในหลายภาษา
วิธีที่ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทค
แอปฟินเทคไม่ได้มีไว้สําหรับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคเพื่อปรับปรุงการดําเนินงานในหลายๆ ด้าน ได้แก่
โซลูชันการประมวลผลการชําระเงิน: ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กระบวนการรับและชําระเงินด้วยระบบบันทึกการขาย (POS) ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ เกตเวย์การชําระเงินออนไลน์ และแอปที่ช่วยอํานวยความสะดวกด้านการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์และการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ โซลูชันเหล่านี้ช่วยธุรกิจในการปรับปรุงกระแสเงินสด ลดเวลาในการประมวลผล และลดค่าใช้จ่ายในการทําธุรกรรม
การจัดการทางการเงิน: ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคสําหรับเครื่องมือจัดการทางการเงิน เช่น แอปจัดทํางบประมาณ เครื่องมือติดตามค่าใช้จ่าย และซอฟต์แวร์รายงานทางการเงิน เครื่องมือเหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะทางการเงินแบบเรียลไทม์แก่ธุรกิจ ซึ่งอาจนําไปสู่การตัดสินใจทางการเงินที่ใช้ข้อมูลประกอบและกระแสเงินสดที่ดีขึ้น
การเข้าถึงเงินทุน: ธุรกิจต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มการกู้ยืมและแอประดมทุนเพื่อการอนุมัติเงินกู้ที่รวดเร็วขึ้น และช่วยให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์เงินกู้ที่หลากหลายกว่าธนาคารแบบเดิมๆ โดยมักจะมีอัตราและเงื่อนไขที่ดึงดูดกว่า
การทําบัญชีอัตโนมัติ: ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคเพื่อปรับงานด้านบัญชีให้เป็นอัตโนมัติ เช่น การจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย การซิงค์ธุรกรรมจากบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต และการเตรียมงบการเงิน การทำเช่นนี้จะช่วยให้การเตรียมการด้านภาษีและการตรวจสอบทางการเงินเป็นเรื่องที่ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายขึ้น
การจัดการเงินเดือน: ธุรกิจต่างๆ ใช้โซลูชันฟินเทคเพื่อจ่ายเงินให้พนักงานอย่างถูกต้องและตรงเวลา นอกเหนือจากการคํานวณภาษีอัตโนมัติ การหักภาษี ณ ที่จ่าย และการลดหย่อนค่าใช้จ่ายสำหรับสวัสดิการ นอกจากนี้ โซลูชันเหล่านี้ยังช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายด้านการจ้างงานและภาษีด้วย
ระบบตรวจจับการฉ้อโกงและการจัดการความเสี่ยง: ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคเพื่อตรวจจับกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและจัดการความเสี่ยง แอปฟินเทคใช้ AI และอัลกอริทึมของแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกง และมอบเครื่องมือประเมินความเสี่ยงเพื่อลดช่องโหว่ทางการเงิน
การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM): ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคกับระบบ CRM แบบผสานรวมเพื่อติดตามการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า จัดการลูกค้าเป้าหมาย และปรับปรุงบริการลูกค้า
การจัดหาเงินทุนสําหรับห่วงโซ่อุปทาน: ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านเงินทุนในการทํางานและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ แอปเหล่านี้ช่วยให้ซัพพลายเออร์ชําระเงินได้รวดเร็วขึ้น โดยนําเสนอโซลูชันการมอบส่วนลดแบบไดนามิก และช่วยให้ลูกค้าเห็นข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการด้านการเงินซัพพลายเชนอย่างเต็มรูปแบบ
บริการด้านการประกันภัย (อินชัวร์เทค): ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปฟินเทคในภาคธุรกิจประกันภัยเพื่อทําให้กระบวนการซื้อประกันภัย การจัดการกรมธรรม์ และการยื่นเคลมเป็นเรื่องง่าย
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและการรายงาน: ธุรกิจต่างๆ ใช้แอปพลิเคชันฟินเทคที่เน้นการปฏิบัติตามข้อกําหนดเพื่อช่วยในการรายงานข้อมูลและปฏิบัติตามข้อบังคับทางการเงิน
ประโยชน์ของการใช้แอปฟินเทคกับธุรกิจของคุณ
แอปฟินเทคมอบสิทธิประโยชน์หลายอย่างให้แก่ธุรกิจ รายละเอียดมีดังนี้
กระบวนการทางธุรกิจที่เพิ่มประสิทธิภาพ: เมื่อใช้ระบบอัตโนมัติ แอปฟินเทคจะลดเวลาและความพยายามในการทํางานต่างๆ เช่น การประมวลผลการชําระเงิน การออกใบแจ้งหนี้ และการรายงานทางการเงิน ระบบอัตโนมัติสามารถลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และปรับปรุงระยะเวลาในการทําธุรกรรมเพื่อให้ธุรกิจมีเวลาไปมุ่งเน้นที่กิจกรรมสำคัญและการเติบโต
ความถูกต้องและความโปร่งใส: แอปฟินเทคนําเสนอมุมมองทางการเงินของธุรกิจอย่างชัดเจนโดยใช้การประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ขั้นสูง ความโปร่งใสนี้จะช่วยในการกําหนดงบประมาณ การคาดการณ์ และการวางแผนทางการเงินที่ถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการตัดสินใจที่มีข้อมูลประกอบมากขึ้นและการจัดการทางการเงินที่ดีขึ้น
ค่าใช้จ่ายที่ลดลง: แอปฟินเทคปรับการดําเนินงานทางการเงินให้เป็นอัตโนมัติและลดการต้องเข้าไปดำเนินการด้วยตนเอง ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ ค่าใช้จ่ายจากข้อผิดพลาดเมื่อดำเนินการด้วยตนเอง รวมถึงค่าธรรมเนียมสําหรับธุรกรรมและบริการทางการเงิน
ประสบการณ์ของลูกค้า: แอปฟินเทคมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายซึ่งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ธุรกิจสามารถปรับปรุงการให้บริการด้วยโซลูชันการชําระเงินที่สะดวก คําแนะนําทางการเงินที่ปรับให้เหมาะกับบุคคล และโปรแกรมความภักดีของลูกค้า
สิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือทางการเงิน: แอปฟินเทคมอบสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือและการวิเคราะห์แก่องค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (SME) เช่น โมเดลการจัดการความเสี่ยงที่มีความซับซ้อน แพลตฟอร์มการลงทุน และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบละเอียด ซึ่งก่อนหน้านี้มีให้บริการแก่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น
ความสามารถในการปรับขนาด: แอปฟินเทคสามารถขยายไปพร้อมกับธุรกิจของคุณ รวมทั้งรองรับการเติบโตของลูกค้า ธุรกรรม และข้อมูลได้โดยที่ไม่ต้องทำการลงทุนเพิ่มเติมใดๆ ระบบการเงินจะเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจและสนับสนุนความพยายามในการขยายธุรกิจโดยไม่กระทบต่อความถูกต้องสมบูรณ์ของการปฏิบัติงาน
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: แอปฟินเทคจะรวมฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเช่น กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน (AML) กฎระเบียบด้านภาษี และมาตรฐานการรายงานทางการเงินโดยอัตโนมัติ
การเข้าถึงทั่วโลก: แอปฟินเทคสามารถจัดการเงินในหลายสกุลและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับทางการเงินระหว่างประเทศ ทําให้การขยายธุรกิจไปทั่วโลกมีความเป็นไปได้มากขึ้นและมีความเสี่ยงน้อยลง
การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี: แอปฟินเทคจะทําให้การคํานวณ การหักภาษี ณ ที่จ่าย และการส่งภาษีเป็นไปโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับด้านภาษีระดับท้องถิ่นและระดับสากล ซึ่งจะทําให้การบริหารจัดการด้านภาษีเป็นเรื่องง่ายและลดความเสี่ยงต่อบทลงโทษที่เกิดจากไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนด
การตรวจสอบเครดิต: แอปฟินเทคผสานการทํางานกับโมเดลการให้คะแนนเครดิตซึ่งวิเคราะห์ประวัติธุรกรรมและพฤติกรรมทางการเงิน ข้อมูลนี้ช่วยให้ธุรกิจมีการประเมินความน่าเชื่อถือทางเครดิตที่แม่นยํามากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตและหนี้เสียที่อาจเกิดขึ้นได้
การเข้าถึงผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่: โซลูชันฟินเทคที่เพิ่มประสิทธิภาพสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจและพนักงานเข้าถึงข้อมูลทางการเงินและดําเนินงานได้จากทุกที่ ฟีเจอร์นี้มีความยืดหยุ่นและช่วยให้มั่นใจได้ว่างานหลักๆ ด้านการเงินจะได้รับการจัดการทันที
การเชื่อมต่อระบบ: แอปฟินเทคผสานการทํางานกับระบบธุรกิจที่มีอยู่ เช่น CRM, การวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ จึงช่วยสร้างแนวทางที่ครบวงจรสําหรับการจัดการธุรกิจ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ