ตลาดบัตรและการชำระเงินของไต้หวันเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่ารวมของธุรกรรมบัตรในปี 2024 สูงถึง 168,000 ล้านดอลลาร์ ธุรกิจที่ต้องการรับการชำระเงินในไต้หวันสามารถใช้ประโยชน์จากการขยายตัวนี้ได้โดยทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการตั้งค่าการชำระเงินในประเทศและกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของธุรกรรม
ด้านล่างนี้ เราจะสำรวจว่าธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าสู่ระบบการชำระเงินของไต้หวันได้สำเร็จได้อย่างไร
- รองรับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
- การลงทุนกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
- การได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า
สถานะของตลาด
ไต้หวันใช้วิธีการชำระเงินแบบเดิมและแบบสมัยใหม่ แม้ว่าเงินสดจะยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทำธุรกรรมด้วยตนเอง แต่ความนิยมของการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์กำลังเพิ่มขึ้น ในปี 2022 ชาวไทเป 49% นิยมวิธีการชำระเงินแบบไร้เงินสด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีความต้องการใช้บัตร การชำระเงินผ่านมือถือ และกระเป๋าเงินดิจิทัลกันมากขึ้น
โครงสร้างการกำกับดูแลของไต้หวันรองรับนวัตกรรมดิจิทัลและสามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐจีน (สาธารณรัฐจีนคือชื่อทางการของไต้หวัน) เป็นสถาบันหลักที่กำกับดูแลนโยบายการเงินของประเทศ คณะกรรมการกำกับดูแลทางการเงิน (FSC) ทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพและความสมบูรณ์ของตลาดการเงินของไต้หวัน โดยกำกับดูแลภาคธนาคาร หลักทรัพย์ และประกันภัยให้ปฏิบัติตามแนวทางของหน่วยงาน
วิธีการชำระเงิน
ลูกค้าชาวไต้หวันใช้วิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งเงินสดและรหัส QR โดยมีวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดดังนี้
การใช้งาน
แม้จะมีการเติบโตของการเงินดิจิทัล แต่ไต้หวันก็ยังคงพึ่งพาเงินสดเป็นอย่างมาก ในปี 2023 มีสัดส่วนเงินสดมากกว่า 42% ของปริมาณธุรกรรมทั้งหมด แต่การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตก็เพิ่มขึ้น โดยมีมูลค่าการชำระเงินด้วยบัตรทั้งหมดเพิ่มขึ้น 20.8% จากปี 2022 ถึง 2023
การสำรวจในปี 2023 พบว่าประมาณ 36.6% ของชาวไต้หวันรายงานว่าใช้การชำระเงินผ่านมือถือ แต่ก็มีช่องว่างระหว่างอายุที่กว้าง ประมาณ 64.0% ของคนอายุ 30 ถึง 39 ปีใช้การชำระเงินผ่านมือถือ เทียบกับประมาณ 5.6% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี กระเป๋าเงินดิจิทัลทั่วโลก เช่น Apple Pay และ Samsung Pay ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมโยงรายละเอียดบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตกับสมาร์ทโฟน แต่โซลูชันในประเทศที่ปรับให้เข้ากับความต้องการและความชอบของลูกค้าชาวไต้หวันนั้นโดดเด่นในการชำระเงินผ่านมือถือ LINE Pay และ Jkopay เป็นสองแพลตฟอร์มที่มักใช้สำหรับมือถือและการชำระเงินด้วยรหัส QR ด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ทำได้มากกว่าการชำระเงิน เพื่อให้ผู้ใช้ส่งเงินให้เพื่อน ชำระค่าสาธารณูปโภค และจองตั๋วงานอีเวนต์
วิธีการชำระเงินแบบ B2C ยอดนิยมในไต้หวัน
- บัตรเครดิต
- กระเป๋าเงินดิจิทัล (เช่น LINE Pay)
- รหัส QR (เช่น Jkopay)
- ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (BNPL)
วิธีการชำระเงินแบบ B2B ยอดนิยมในไต้หวัน
- บัตรเครดิต
- การโอนเงินผ่านธนาคาร
- การหักบัญชีอัตโนมัติ
แนวโน้ม
โซลูชันซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลังหรือ BNPL กำลังได้รับความสนใจในไต้หวัน โดยคาดว่าการชำระเงินจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 14% แตะ 1,280 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 ผู้ให้บริการเช่น Atome และ Shopee Taiwan ให้ทางเลือกแก่ลูกค้าในการผ่อนชำระ ทำให้กระบวนการมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ความง่ายและความยากในการเข้าสู่ตลาด
นอกจากวิธีการชำระเงินแล้ว ธุรกิจที่ต้องการรับชำระเงินในไต้หวันยังต้องพิจารณาเรื่องภาษี การขอคืนเงิน การชำระเงินระหว่างประเทศ และกฎระเบียบด้านความปลอดภัยในการชำระเงินด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้
ภาษี
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของไต้หวันสำหรับสินค้าและบริการส่วนใหญ่อยู่ที่ 5% แม้ว่าลูกค้าจะเห็นภาษีนี้ในราคาที่จ่าย แต่ธุรกิจต่างๆ ก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่รัฐบาลไต้หวัน การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือการชำระเงินล่าช้าอาจส่งผลให้มีโทษปรับ
ธุรกิจในอุตสาหกรรมเฉพาะ รวมถึงสถาบันการเงิน จะต้องเสียภาษีรายรับจากธุรกิจรวม (GBRT) ด้วย สำหรับธนาคารและธุรกิจประกันภัย อัตรา GBRT อยู่ที่ 5% ของรายได้จากการดำเนินธุรกิจหลัก
การเรียกเก็บเงินคืนและการโต้แย้งการชำระเงิน
สำหรับการขอคืนเงิน ไต้หวันมักจะเข้าข้างลูกค้า ซึ่งเป็นจุดยืนที่เป็นทางการในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศ เช่นเดียวกับกระบวนการระงับข้อพิพาทในยุโรป ธุรกิจในไต้หวันจำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความชอบธรรมของธุรกรรมหากเกิดข้อพิพาทขึ้น
การชำระเงินระหว่างประเทศ
การรับชำระเงินระหว่างประเทศ (B2C และ B2B) ในไต้หวันจำเป็นต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับการชำระเงินภายในประเทศ ประเด็นสำคัญ ได้แก่
ฟีเจอร์สกุลเงินหลายสกุล: ธุรกิจที่ให้บริการลูกค้าต่างประเทศหรือดำเนินการออนไลน์สามารถรวมคุณลักษณะสกุลเงินหลายสกุลไว้ในอินเทอร์เฟซการชำระเงินผ่านเกตเวย์การชำระเงินเพื่อแสดงราคาในสกุลเงินท้องถิ่นของลูกค้า
การแปลงสกุลเงิน: เมื่อลูกค้าชำระเงินด้วยสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ จำเป็นต้องแปลงสกุลเงิน อัตราการแปลงสกุลเงินจะถูกกำหนดตามเวลาจริง โดยมีค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 1% ถึง 3% ที่สามารถดูดซับหรือส่งต่อไปยังลูกค้าได้ แพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม เช่น Stripe ช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจต่างๆ โดยดำเนินการแปลงสกุลเงิน ณ เวลาชำระเงิน
วิธีการชำระเงินจากตลาดอื่นๆ: การยอมรับวิธีการชำระเงินยอดนิยมจากประเทศอื่นๆ เช่น WeChat Pay ของจีนและ PayNow ของสิงคโปร์ สามารถเพิ่มยอดขายในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ด้วยการทำให้ขั้นตอนการชำระเงินเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
เนื่องอีคอมเมิร์ซและธุรกรรมดิจิทัลเป็นที่นิยมกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรอบการกำกับดูแลของไต้หวันจึงให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลลูกค้า การปราบปรามกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย และการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ๆ มาใช้อย่างปลอดภัย โดยมีภาพรวมดังนี้
กฎหมายคุ้มครองข้อมูล: กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของไต้หวันควบคุมการรวบรวม การประมวลผล การใช้ และการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ หน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลต้องระบุวัตถุประสงค์เบื้องหลังการรวบรวมอย่างชัดเจน และไม่สามารถใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือจากที่ระบุไว้ นอกจากนี้ หน่วยงานเหล่านี้ยังรับผิดชอบในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่เก็บรวบรวมและป้องกันการละเมิดข้อมูล
มาตรการการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์: กฎหมายลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์อนุญาตให้ใช้ลายเซ็นและบันทึกทางอิเล็กทรอนิกส์ในการทำธุรกรรมทางกฎหมาย ทำให้ธุรกิจและลูกค้าสามารถดำเนินธุรกรรมทางดิจิทัลได้ง่ายขึ้น โดยไม่กระทบต่อความถูกต้องตามกฎหมาย
ความปลอดภัยในการชำระเงินด้วยบัตร: เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ ชิป Europay, Mastercard และ Visa (EMV) ได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับบัตรที่ออกในไต้หวัน ซึ่งมอบความปลอดภัยอีกระดับเมื่อเทียบกับบัตรแถบแม่เหล็กแบบเดิม เทคโนโลยีชิป EMV สามารถลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงจากการขโมยข้อมูลบัตรและกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกัน
กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน: กฎหมายควบคุมการฟอกเงินและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายถือเป็นรากฐานความพยายามของไต้หวันในการต่อต้านกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย สถาบันการเงินต้องจัดตั้งระบบการควบคุมภายในและระบบตรวจสอบ และรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยเพื่อป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
การกำกับดูแลของรัฐบาล: ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลหลัก FSC ทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัย และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรเหล่านี้จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการความเสี่ยง
ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จ
ระบบการชำระเงินของไต้หวันต้องรองรับประชากรที่หลากหลายและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาและสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป ความท้าทายเหล่านี้อธิบายถึงลักษณะการชำระเงินที่เปลี่ยนแปลงไปในไต้หวันและพลวัตของตลาดโดยรวม ให้ลองพิจารณาสิ่งต่อไปนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ตลาดการชำระเงินของไต้หวัน
ตัวเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น: แม้ว่าการนำระบบการชำระเงินดิจิทัลและอุปกรณ์เคลื่อนที่มาใช้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เงินสดยังคงมีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมประจำวัน ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งหมด เนื่องจากจำเป็นต้องรองรับการผสมผสานระหว่างระบบการชำระเงินดิจิทัลและระบบการชำระเงินแบบเดิม ธุรกิจที่รับชำระเงินด้วยตนเองจะได้รับประโยชน์จากการรับเงินสดควบคู่ไปกับการชำระเงินดิจิทัล และธุรกิจอีคอมเมิร์ซสามารถมอบตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้า ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิต ฟีเจอร์ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง และอื่นๆ
การยอมรับกระเป๋าเงินดิจิทัล: กระเป๋าเงินดิจิทัลในประเทศ เช่น LINE Pay และ Jkopay เป็นข่องทางชำระเงินรายสำคัญในตลาดการชำระเงิน การยอมรับวิธีการชำระเงินเหล่านี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้า และแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของคุณรู้ว่าลูกค้าในประเทศต้องการอะไร
การสนับสนุนลูกค้าแบบเจาะจง: การปรับกลยุทธ์การชำระเงินของคุณให้เหมาะกับประเทศไต้หวันนั้นไม่ใช่แค่การเลือกว่าจะใช้วิธีการชำระเงินใดบ้างเท่านั้น การมอบตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้าในภาษาท้องถิ่นที่ผู้คนใช้กันมากที่สุดอย่างภาษาจีนกลางไต้หวัน จะช่วยให้กระบวนการชำระเงินราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า และลดการละทิ้งตะกร้าสินค้า
มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น: เนื่องด้วยการชำระเงินดิจิทัลกำลังเพิ่มสูงขึ้น จึงมีการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นตามไปด้วย ภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์จึงจำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีและการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและรักษาความน่าเชื่อถือ อย่าลืมปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลอุตสาหกรรมบัตรชำระเงิน (PCI DSS) และใช้เครื่องมือป้องกันการฉ้อโกง เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 3D Secure
ประเด็นสำคัญ
ระบบการชำระเงินที่กำลังพัฒนาของไต้หวันสร้างทั้งความท้าทายและโอกาส ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินของลูกค้าโดยปรับให้เข้ากับความชอบในประเทศพร้อมกับติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและกฎระเบียบอยู่เสมอ โดยมีบทสรุปและกลยุทธ์ในการรับชำระเงินในไต้หวันให้ประสบความสำเร็จดังนี้
รองรับการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
อำนวยความสะดวกในการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล: มีการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่และกระเป๋าเงินดิจิทัลในไต้หวันกันมากขึ้น เช่น LINE Pay ที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคน การยอมรับวิธีการชำระเงินเหล่านี้สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณตอบสนองความต้องการของประชากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีได้
ใช้รหัส QR เมื่อชำระเงิน: กระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Jkopay ทำให้ชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสได้อย่างรวดเร็วโดยใช้รหัส QR ช่วยให้ประหยัดเวลาสำหรับธุรกิจและลูกค้า ให้เพิ่มการชำระเงินประเภทนี้ลงในกระบวนการชำระเงินของคุณเพื่อให้ตามทันเทรนด์การชำระเงินล่าสุด
เปิดรับวิธีการชำระเงินในประเทศ: ไต้หวันมีสภาพแวดล้อมการชำระเงินในประเทศที่หลากหลาย ซึ่ง LINE Pay, Jkopay และ Taiwan Pay ล้วนได้รับความสนใจกันทั้งสิ้น การผสานรวมตัวเลือกเหล่านี้ควบคู่ไปกับวิธีการชำระเงินทั่วโลกจะทำให้ผู้ใช้เห็นว่าคุณเข้าใจความชอบในประเทศและกระตุ้นให้เกิดการทำธุรกรรมมากขึ้น
ลงทุนกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
เลือกโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ปลอดภัย: เกตเวย์การชำระเงินที่ปลอดภัยซึ่งเข้ารหัสรายละเอียดธุรกรรมทางการเงิน เช่น หมายเลขบัตรเครดิต เพื่อส่งข้อมูลอย่างปลอดภัย ถือเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการฉ้อโกง ให้เลือกเกตเวย์การชำระเงินและผู้ให้บริการชำระเงินที่คำนึงถึงความปลอดภัย
ยืนยันตัวตนลูกค้า: การตรวจสอบว่าลูกค้าเป็นบุคคลเดียวกับที่อ้างจริงๆ สามารถลดค่าใช้จ่ายฉ้อโกงและเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ ให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยและ 3D Secure เพื่อให้การยืนยันตัวตนง่ายขึ้น
ปกป้องข้อมูลลูกค้าในทุกขั้นตอน: การรักษาข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าให้ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณ ปฏิบัติตามกฎ PCI DSS เพื่อให้ข้อมูลมีความปลอดภัยสูงสุด
สร้างความไว้วางใจจากลูกค้า
ให้การสนับสนุนลูกค้าที่เข้ากับคนในประเทศ: ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการชำระเงินอาจเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับลูกค้า การให้บริการสนับสนุนเป็นภาษาจีนกลางไต้หวัน ไม่ว่าจะผ่านแชทบอทหรือเจ้าหน้าที่ออนไลน์ จะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทันทีและทำให้ขั้นตอนการชำระเงินราบรื่นยิ่งขึ้น
ลดความซับซ้อนของนโยบายการคืนเงินและการคืนสินค้า: การมีนโยบายการคืนเงินและการคืนสินค้าที่ชัดเจนจะทำให้ลูกค้าไว้ใจมากขึ้น ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการที่โปร่งใสและใช้งานง่ายมีแนวโน้มที่จะมีลูกค้าประจำมากขึ้น
รองรับลูกค้าที่ต้องการชำระด้วยเงินสด: สำหรับลูกค้าที่ต้องการชำระด้วยเงินสดเมื่อทำธุรกรรมด้วยตนเอง หากมีช่องทางให้ลูกค้าทำได้ตามต้องการก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้น หากธุรกิจของคุณดำเนินการทางออนไลน์เต็มรูปแบบ ให้ลองเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสที่ดีที่สุดในการค้นหาวิธีการชำระเงินที่เหมาะสมกับตนเอง
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ