ใบแจ้งหนี้ XRechnung: การทำความเข้าใจช่องข้อกำหนดทางธุรกิจ (Business Term หรือ BT) สำหรับธุรกิจในเยอรมนี

Invoicing
Invoicing

Stripe Invoicing คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้สำหรับทั่วโลกที่สร้างมาเพื่อช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น สร้างใบแจ้งหนี้แล้วส่งให้ลูกค้าของคุณได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องใช้โค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ช่อง BT ในใบแจ้งหนี้ XRechnung คืออะไร
  3. ทำไมช่อง BT จึงสำคัญสำหรับใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์
    1. การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    2. ประสิทธิภาพ
    3. ความโปร่งใส
    4. คุณภาพของข้อมูล
    5. การเชื่อมต่อ
  4. ช่อง BT มีข้อมูลอะไรบ้าง
    1. ข้อมูลใบแจ้งหนี้
    2. ข้อมูลของแต่ละฝ่าย
    3. ข้อมูลผู้ขาย
    4. ข้อมูลรายการสินค้าหรือบริการ
    5. ข้อมูลการชำระเงิน
  5. ช่อง BT ที่สำคัญที่สุดมีอะไรบ้าง
  6. ฉันจะใช้ช่อง BT ให้ถูกต้องได้อย่างไร
    1. โซลูชันเทคโนโลยี
    2. ข้อมูลที่สอดคล้องกัน
    3. ช่องที่ต้องระบุ
    4. คำอธิบายรายการสินค้าหรือบริการโดยละเอียด
    5. ข้อกำหนดการชำระเงินที่ชัดเจน
    6. ข้อมูลเพิ่มเติม
  7. Stripe Billing จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2025 กฎหมายกำหนดให้ธุรกิจ B2B ทั้งหมดในเยอรมนีจะต้องรับและประมวลผลใบแจ้งหนี้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ข้อกำหนดในการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์จะทยอยเปิดตัวออกมาในช่วงปี 2025-2028 (โปรดดูมาตรา 27.38 ของกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม [VAT] ในเยอรมนี [UStG]) ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีรูปแบบและเนื้อหาตามข้อกำหนดบางประการเพื่อให้ระบบอ่านได้และเป็นไปตามกฎหมาย โดยช่องข้อกำหนดทางธุรกิจ (Business Term หรือ BT) จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับช่อง BT ความสำคัญที่ช่องดังกล่าวมีต่อใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ และวิธีกรอกข้อมูลในช่องเหล่านี้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ เรายังพูดถึงช่อง BT ต่างๆ ที่คุณควรรู้ไว้และสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อกรอกข้อมูลลงไป

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ช่อง BT ในใบแจ้งหนี้ XRechnung คืออะไร
  • ทำไมช่อง BT จึงสำคัญสำหรับใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์
  • ช่อง BT มีข้อมูลอะไรบ้าง
  • ช่อง BT ที่สำคัญที่สุดมีอะไรบ้าง
  • ฉันจะใช้ช่อง BT ให้ถูกต้องได้อย่างไร
  • Stripe Billing จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

ช่อง BT ในใบแจ้งหนี้ XRechnung คืออะไร

ช่องข้อกำหนดทางธุรกิจ (Business Term หรือ BT) เป็นช่องป้อนข้อมูลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งใช้จัดโครงสร้างเนื้อหาของใบแจ้งหนี้ XRechnung (ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตรฐานในเยอรมนี) ช่อง BT จะกำหนดข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์

ช่อง BT แต่ละช่องบนใบแจ้งหนี้ XRechnung จะแสดงถึงข้อมูลหนึ่งส่วนที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับธุรกิจ ได้แก่ รายละเอียดของฝ่ายที่ออกใบแจ้งหนี้หรือผู้รับ ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ราคา ภาษี และข้อกำหนดการชำระเงิน โดยแต่ละช่องจะมีรหัสเฉพาะ (เช่น BT-1, BT-2) และข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับเนื้อหา

ช่อง BT ใช้กับใบแจ้งหนี้แบบอื่นๆ นอกจากใบแจ้งหนี้ XRechnung ด้วย โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานยุโรป EN 16931 ตัวอย่างเช่น Central User Guide of the Forum for Electronic Invoices Germany (ZUGFeRD) ก็เป็นใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์แบบไฮบริดอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเยอรมนี

เทคโนโลยีที่รองรับใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ทั้งสองรูปแบบนี้ใช้เอกสารแบบ Extensible Markup Language (XML) โดยในเอกสารนี้ ระบบจะแมปช่อง BT และกรอกข้อมูลลงไปตามสกีมาพื้นฐาน ในการจัดทำใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ให้สมบูรณ์ถูกต้อง คุณจะต้องกรอกช่อง BT ให้ถูกต้อง โดยเฉพาะช่องที่มีข้อมูลที่จำเป็นสำหรับใบแจ้งหนี้ที่เป็นไปตามมาตราที่ 14 ของ UStG

ทำไมช่อง BT จึงสำคัญสำหรับใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์

ธุรกิจในเยอรมนีควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับช่อง BT อย่างครบถ้วนและเป็นปัจจุบันที่สุด และเข้าใจบทบาทที่ช่องเหล่านี้มีต่อใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์แบบมีโครงสร้าง สาเหตุที่ช่อง BT มีความสำคัญมีอยู่หลายประการ ดังนี้

การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

ข้อกำหนดในการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามคำสั่ง 2014/55/EU ซึ่งกำกับดูแลการใช้ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มาตรฐานยุโรป EN 16931 (ซึ่งในนั้นมีการกำหนดให้ใช้ช่อง BT) ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นวิธีหนึ่งในการบังคับใช้บทบัญญัติต่างๆ ของคำสั่งนี้ ช่อง BT จึงสำคัญต่อการวางโครงสร้างข้อมูลใบแจ้งหนี้ เนื่องจากช่วยรับประกันว่าการส่งข้อมูลภาษีและข้อมูลอื่นที่จำเป็นทั้งหมดจะเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน การใช้ช่อง BT เป็นเพียงวิธีเดียวในการปฏิบัติตามกฎหมายเมื่อออกใบแจ้งหนี้ XRechnung หรือ ZUGFeRD

ข้อบังคับเหล่านี้มีพื้นฐานทางกฎหมายมาจากมาตรการ VAT in the Digital Age (ViDA) ของสหภาพยุโรป โดยมาตรการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงระบบภาษีให้ทันสมัยและกำหนดการออกใบแจ้งหนี้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วสหภาพยุโรป กฎหมายที่มีผลบังคับใช้ระดับชาติ เช่น กฎหมายว่าด้วยโอกาสในการเติบโต (Growth Opportunities Act หรือ Wachstumschancengesetz) ในเยอรมนี ก็ช่วยให้มาตรฐานที่ครอบคลุมทั่วสหภาพยุโรปเหล่านี้มีผลผูกพัน ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจในเยอรมนีจึงต้องตรวจสอบว่าระบบการทำบัญชีและการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) รองรับข้อกำหนดเกี่ยวกับช่อง BT วิธีนี้เป็นเพียงทางเดียวที่ช่วยให้ปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายได้

ประสิทธิภาพ

โครงสร้างที่ชัดเจนของช่อง BT ช่วยให้การประมวลผลใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์เป็นไปโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่การบันทึกและการตรวจสอบไปจนถึงการลงบัญชี วิธีนี้ช่วยลดการใช้กำลังคน ลดอัตราข้อผิดพลาด และประหยัดเวลาที่ใช้ในการประมวลผลใบแจ้งหนี้ นอกจากนี้ยังช่วยให้จัดทำใบแจ้งหนี้ได้ง่ายและเร็วขึ้นด้วย โดยช่องที่เป็นมาตรฐานเดียวกันช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนลงไป ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์อาจช่วยให้การทำบัญชีมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่มีใบแจ้งหนี้จำนวนมาก

ความโปร่งใส

การปรับวิธีนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (เช่น วันที่นำส่ง อัตราภาษี หรือวันครบกำหนดชำระเงิน) ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้กับทุกฝ่าย ทั้งผู้ออกใบแจ้งหนี้และผู้รับก็สามารถอ่านเนื้อหาได้โดยอัตโนมัติและไม่คลุมเครือ วิธีนี้จะช่วยลดข้อสงสัยและงานกระทบยอดที่ต้องทำเพิ่มได้

คุณภาพของข้อมูล

ช่อง BT จะกำหนดข้อมูลที่จำเป็นและโครงสร้างที่ควรใช้ วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการตีความผิดพลาด ชุดข้อมูลไม่สมบูรณ์ หรือข้อมูลภาษีไม่ถูกต้อง ดังนั้น ช่อง BT ในใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์จึงมีส่วนสำคัญต่อคุณภาพของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด

การเชื่อมต่อ

ธุรกิจในเยอรมนีที่กำหนดค่าระบบการทำบัญชีหรือ ERP ให้รองรับตรรกะของช่อง BT ก็จะใช้งานร่วมกันได้ในระยะยาว ช่องที่เป็นมาตรฐานเดียวกันจะช่วยให้ผสานการทำงานเข้ากับขั้นตอนดิจิทัลได้เหมือนๆ กัน ช่วยในเรื่องข้อกำหนดในการรายงาน และวางรากฐานสำหรับขั้นตอนใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่พร้อมรองรับการใช้งานในอนาคต

ช่อง BT มีข้อมูลอะไรบ้าง

ช่อง BT จะจัดโครงสร้างข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อให้ได้ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์และเป็นไปตามข้อกำหนด โดยช่องดังกล่าวจะมีรายละเอียดในการจัดการและเนื้อหาของใบแจ้งหนี้ ด้านล่างนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุดพร้อมตัวอย่างข้อมูลธุรกิจที่อยู่ในช่องเหล่านั้น

ข้อมูลใบแจ้งหนี้

  • หมายเลขใบแจ้งหนี้
  • วันที่ออก
  • รหัสสกุลเงิน
  • ประเภท (เช่น ต้นฉบับหรือสำเนา)
  • หมายเลขอ้างอิง

ข้อมูลของแต่ละฝ่าย

  • ชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของผู้ขาย
  • ชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของผู้ซื้อ
  • หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่สำนักงานภาษีออกให้กับผู้ขายหรือหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT ID) ที่ออกโดย Federal Central Tax Office (BZSt)
  • บุคคลติดต่อหรือแผนก
  • รายละเอียดการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมล

ข้อมูลผู้ขาย

  • วันที่หรือระยะเวลาการนำส่ง
  • ที่อยู่สำหรับจัดส่งหรือสถานที่จัดเก็บ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการนำส่งเป็นบางส่วน
  • ข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาการนำส่งหรือข้อกำหนดการนำส่ง

ข้อมูลรายการสินค้าหรือบริการ

  • ชื่อผลิตภัณฑ์หรือคำอธิบายของบริการ
  • หมายเลขผลิตภัณฑ์หรือรหัสบริการ
  • ปริมาณที่ส่งมอบหรือจำนวนชั่วโมงในการทำงาน
  • ราคาสุทธิของสินค้าหรือบริการและปริมาณที่ออกใบแจ้งหนี้ทั้งหมด
  • อัตราภาษีที่ใช้
  • ส่วนลดหรือเงื่อนไขพิเศษ

ข้อมูลการชำระเงิน

  • วันครบกำหนดชำระของใบแจ้งหนี้
  • คำแนะนำในการชำระเงินและวิธีการชำระเงินที่ใช้ได้
  • รายละเอียดธนาคารของผู้ขาย
  • ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนลดเงินสด การผ่อนชำระ หรือค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้

ช่อง BT ที่สำคัญที่สุดมีอะไรบ้าง

ด้านล่างนี้ คุณจะพบภาพรวมเกี่ยวกับช่อง BT ที่สำคัญที่สุดและข้อมูลที่อยู่ในแต่ละช่องเหล่านั้น

หมายเลข BT

ช่องที่ต้องระบุ

เนื้อหา

BT-1

*

หมายเลขใบแจ้งหนี้

BT-2

*

วันที่ออกใบแจ้งหนี้

BT-5

*

รหัสสกุลเงินของใบแจ้งหนี้

BT-9

*

วันครบกำหนดชำระเงิน

BT-13

การอ้างอิงแบบฟอร์มคำสั่งซื้อ

BT-27

*

ชื่อผู้ขาย

BT-31

*

หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ขาย

BT-35–BT-43

*

ที่อยู่ทางไปรษณีย์ของผู้ขายและข้อมูลติดต่อ

BT-44

*

ชื่อผู้ซื้อ

BT-46

ข้อมูลประจำตัวของผู้ซื้อ

BT-50–BT-55

*

ที่อยู่ทางไปรษณีย์ของผู้ซื้อ

BT-72

วันที่นำส่งตามจริง

BT-106

*

ผลรวมของยอดเงินสุทธิทั้งหมดสำหรับรายการในใบแจ้งหนี้

BT-109

*

ยอดเงินรวมของใบแจ้งหนี้ โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

BT-110

*

จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งสิ้นสำหรับใบแจ้งหนี้

BT-112

*

ยอดเงินรวมของใบแจ้งหนี้ โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

BT-129

*

ปริมาณที่ออกใบแจ้งหนี้

BT-130

*

รหัสหน่วยวัดสำหรับปริมาณที่ออกใบแจ้งหนี้

BT-153

*

ชื่อผลิตภัณฑ์

BT-154

คำอธิบายรายการ

ฉันจะใช้ช่อง BT ให้ถูกต้องได้อย่างไร

ในการประมวลผลใบแจ้งหนี้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎหมาย คุณจะต้องใช้ช่อง BT ในใบแจ้งหนี้ XRechnung อย่างถูกต้อง คุณควรใส่ใจกับประเด็นต่อไปนี้เป็นพิเศษ

โซลูชันเทคโนโลยี

หากต้องการใช้ช่อง BT อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องกำหนดค่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ให้ประมวลผลช่องที่ได้มาตรฐานโดยอัตโนมัติ ระบบ ERP และซอฟต์แวร์การทำบัญชีแบบใหม่ๆ สามารถใช้ช่อง BT เพื่อวางโครงสร้างวิธีประมวลผลใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ได้

ข้อมูลที่สอดคล้องกัน

เมื่อกรอกข้อมูลลงในช่อง BT บนใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ คุณควรตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นถูกต้องตรงกัน ซึ่งรวมถึงการใช้โครงสร้างทางกฎหมาย หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และรายละเอียดการติดต่อที่ถูกต้อง เมื่อข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็จะช่วยให้ระบบประมวลผลได้อย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงที่จะเกิดของการสอบถามข้อมูลหรือข้อผิดพลาดลงได้

ช่องที่ต้องระบุ

คุณต้องกรอกข้อมูลในช่องต่างๆ ที่มาตรา 14 ของ UStG กำหนดว่าต้องระบุเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย หากมีข้อมูลขาดหายไปหรือไม่สมบูรณ์ ก็อาจทำให้การประมวลผลล่าช้าหรือใบแจ้งหนี้ถูกปฏิเสธได้ ข้อมูลต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ต้องระบุ

  • ชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของผู้ขาย
  • ชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของผู้ซื้อ
  • หมายเลขใบแจ้งหนี้ โดยเรียงตามลำดับและไม่ซ้ำกัน
  • วันที่ออกใบแจ้งหนี้
  • วันที่นำส่งหรือบริการอื่นๆ
  • หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่สำนักงานภาษีออกให้กับผู้ขายหรือหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่ออกโดย BZSt
  • ปริมาณและประเภทของผลิตภัณฑ์ที่จัดหาให้ หรือขอบเขตและประเภทของบริการที่มอบให้
  • จำนวนเงินที่เป็นยอดสุทธิและยอดรวม
  • อัตราภาษีที่มีผลบังคับใช้และจำนวนภาษีที่เกี่ยวข้อง หรือระบุการอ้างอิงว่ามีการยกเว้นภาษีในกรณีที่ได้รับการยกเว้นภาษี

คำอธิบายรายการสินค้าหรือบริการโดยละเอียด

ช่องสินค้า (เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ (BT-153) ปริมาณที่ออกใบแจ้งหนี้ (BT-129) หรือราคาต่อหน่วยต่อรายการ (BT-146)) ควรมีข้อมูลที่แม่นยำ ตัวอย่างเช่น คำอธิบายโดยละเอียดก็จะช่วยให้ผู้รับใบแจ้งหนี้เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าการนำส่งครอบคลุมสินค้าหรือบริการใดบ้าง

ข้อกำหนดการชำระเงินที่ชัดเจน

วันครบกำหนดชำระเงิน (BT-9) รายละเอียดธนาคาร และข้อกำหนดการชำระเงินเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะจัดสรรเงินที่มีการชำระเข้ามาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ คุณควรระบุข้อมูลเกี่ยวกับส่วนลดเงินสด การผ่อนชำระ หรือค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้ตามที่เกี่ยวข้องด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

นอกจากช่องที่ต้องระบุแล้ว ใบแจ้งหนี้ XRechnung ยังมีช่อง BT ที่จะระบุหรือไม่ก็ได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้คุณให้ข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ เช่น การอ้างอิงแบบฟอร์มคำสั่งซื้อ (BT-13) บุคคลติดต่อ หรือข้อมูลการนำส่งโดยละเอียด ข้อมูลเสริมนี้จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นและช่วยให้การประมวลผลใบแจ้งหนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

Stripe Billing จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและบริหารจัดการลูกค้าได้ตามที่คุณต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าง่ายๆ ไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานและสัญญาที่ตกลงกันทางการขาย เริ่มรับชำระเงินแบบตามแผนล่วงหน้าจากทั่วโลกได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องเขียนโค้ด หรือใช้วิธีสร้างการผสานการทำงานแบบกำหนดเองโดยใช้ API

Stripe Billing ช่วยคุณในเรื่องต่างๆ ได้ดังนี้

  • เสนอราคาที่ยืดหยุ่น: ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เร็วขึ้นด้วยโมเดลการตั้งราคาที่ยืดหยุ่น เช่น การคิดค่าบริการตามการใช้งาน แบ่งระดับ ค่าธรรมเนียมคงที่บวกการใช้งานเกิน และอีกมากมาย ระบบยังมาพร้อมการรองรับคูปอง การทดลองใช้ฟรี การแบ่งชำระตามสัดส่วน และส่วนเสริมต่างๆ ในตัวอีกด้วย
  • ขยายไปทั่วโลก: เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าด้วยการเสนอวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ Stripe ยังรองรับวิธีการชำระเงินในแต่ละประเทศมากกว่า 125 วิธีและกว่า 130 สกุลเงิน
  • เพิ่มรายรับและลดอัตราการเลิกใช้บริการ: เพิ่มการเก็บรายรับและลดอัตราการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย Smart Retries และระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการกู้คืน เครื่องมือการกู้คืนของ Stripe ช่วยให้ผู้ใช้งานกู้คืนรายรับได้กว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024
  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ใช้เครื่องมือภาษีแบบโมดูลาร์ การรายงานรายรับ และเครื่องมือข้อมูลของ Stripe เพื่อรวมระบบรายรับหลายระบบให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Billing หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Invoicing

Invoicing

สร้างและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าได้ในไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Invoicing

สร้างและจัดการใบแจ้งหนี้สำหรับการชำระเงินครั้งเดียวด้วย Stripe Invoicing