ในสเปน ทั้งบริษัทและผู้ประกอบอาชีพอิสระทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บเงิน ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้ค่าสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าโดยต้องชําระภาษีมูลค่าเพิ่ม เรียกเก็บภาษีที่เกี่ยวข้อง และชําระให้แก่หน่วยงานภาษีของสเปนที่ชื่อ Agencia Tributaria (AEAT) ในการทำเช่นนี้ ผู้ประกอบอาชีพทางธุรกิจจะต้องกรอกแบบฟอร์มภาษี เช่น แบบฟอร์ม 303 ซึ่งใช้ในการประมวลผลการแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส

ในขณะที่ขั้นตอนการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ก็อาจมีสถานการณ์ที่การชําระเงินให้กับ AEAT ไม่ตรงเวลา ในกรณีเหล่านี้ AEAT มีอํานาจในการกําหนดบทลงโทษ นี่คือสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับบทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มในสเปน

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร
  
• บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มมีประเภทใดบ้าง
  
• บทลงโทษสําหรับข้อผิดพลาดในการประกาศภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร
  
• ธุรกิจจะหลีกเลี่ยงบทลงโทษภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร
  

บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร

บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มคือมาตรการที่ AEAT กําหนดไว้เมื่อตรวจพบสิ่งผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับภาระหน้าที่ด้านภาษีมูลค่าเพิ่มของบริษัท บทลงโทษเหล่านี้อาจประกอบไปด้วยค่าปรับ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความร้ายแรงและความเต็มใจในการดําเนินการของตัวแทนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม

AEAT กําหนดบทลงโทษภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเรียกเก็บหนี้ที่ติดค้างและป้องกันการสูญเสียของรัฐบาลเป็นหลัก อีกเหตุผลที่จะใช้มาตรการเหล่านี้คือเพื่อผลในการยับยั้ง เนื่องจากความกลัวบทลงโทษสามารถกระตุ้นให้ผู้เสียภาษีที่มีหน้าที่รับผิดชอบรายอื่นๆ ปฏิบัติตามข้อกําหนด

บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มมีประเภทใดบ้าง

บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มในสเปนแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่

• การเก็บเงินเพิ่ม: บทลงโทษที่เป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่ต้องชําระ เปอร์เซ็นต์นี้อาจเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ผู้เสียภาษีล่าช้าในการจัดการกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่เลยกําหนด
  
• บทลงโทษทางการเงิน: ค่าปรับคงที่หรือตามสัดส่วน
  
  • แบบคงที่: ยอดหนี้คงที่ ไม่ผันผวนตามการกระทำผิด
    
  • ตามสัดส่วน ยอดหนี้จะแตกต่างกันไปตามยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชําระให้กับ AEAT ยิ่งยอดหนี้มากขึ้น ค่าปรับที่เป็นไปได้ก็เพิ่มขึ้นด้วย
    
• ความรับผิดทางอาญา: ค่าปรับที่ส่งมีผลทางอาญา เนื่องจากการกระทํานั้นจัดเป็นอาชญากรรม อีกทั้งยังเพิ่มค่าปรับทางการเงินเข้ามาในความรับผิดต่อการดําเนินคดีในศาลด้วย
  

บทลงโทษสําหรับการละเมิดในการประกาศภาษีมูลค่าเพิ่มแต่ละอย่างคืออะไร

บทลงโทษที่ AEAT กําหนดไว้มีความหลากหลายอย่างมากตามการทำผิด ความร้ายแรง และขึ้นอยู่กับว่าเป็นการกระทําความผิดซ้ําหรือไม่ บทลงโทษยังแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าการแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่าช้าเป็นบวกหรือติดลบ (กล่าวคือ ธุรกิจต้องจ่ายเงินให้กับ AEAT หรือ AEAT ต้องจ่ายเงินให้ธุรกิจ)

หากผลลัพธ์การแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มที่ล่าช้าเป็น 0 หรือติดลบ

บางครั้งผู้ประกอบธุรกิจอาจคิดว่าตนได้รับการยกเว้นจากการแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มหากไม่มียอดขายในไตรมาสนั้น อย่างไรก็ตาม กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มกําหนดให้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพื่อให้ข้อมูลซึ่งระบุว่าไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจใดๆ เกิดขึ้นระหว่างรอบภาษีนั้น นอกจากนี้ โปรดทราบว่าหากธุรกิจซื้อสินค้าหรือบริการสําหรับกิจกรรมทางอาชีพ แม้ว่าธุรกิจจะไม่ได้จดทะเบียนการขาย แต่ธุรกิจนั้นสามารถขอเงินชดเชยหรือการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มได้

หากผลลัพธ์การแสดงรายการเป็น 0 หรือติดลบ หมายความว่าธุรกิจจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่าที่เรียกเก็บ และตอนนี้ AEAT จะต้องชดเชยหรือคืนเงินภาษี แต่ธุรกิจก็ยังต้องเสียค่าปรับหากยื่นภาษีช้า ประเภทของการลงโทษขึ้นอยู่กับว่าการรายงานภาษีเสร็จสิ้นก่อนหรือหลังที่ AEAT จะส่งคำสั่งให้ชําระเงิน

• ก่อนที่จะได้รับคําสั่งให้ชําระเงิน: บทลงโทษทางการเงินคงที่ €100
  
• หลังจากได้รับคําสั่งให้ชําระเงิน: บทลงโทษทางการเงินคงที่ €200
  

หากผลลัพธ์การแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มล่าช้าเป็นบวก

ไม่ว่าการประกาศภาษีมูลค่าเพิ่มล่าช้าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น ลืมวันครบกําหนดหรือจำวันผิด ปัญหาด้านสุขภาพ เงินไม่พอ เป็นต้น ก็จะมีการเก็บเงินเพิ่มหรือบทลงโทษตามยอดที่ครบกําหนดชำระ

ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้ชําระเงิน

หากตัวแทนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยื่นคําประกาศภาษีมูลค่าเพิ่มล่าช้าโดยให้ผลลัพธ์เป็นบวกก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้ชําระเงิน จะมีการคิดค่าธรรมเนียมตามเปอร์เซ็นต์บวกไปกับจํานวนที่ต้องชําระ เปอร์เซ็นต์นี้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาหลังจากครบกําหนดการประกาศภาษีมูลค่าเพิ่ม

• ระหว่าง 1 วันถึง 3 เดือน: 5%
  
• ระหว่าง 3 เดือน + 1 วันถึง 6 เดือน: 10%
  
• ระหว่าง 6 เดือน + 1 วันถึง 12 เดือน: 15%
  
• นานกว่า 12 เดือน + 1 วัน: 20% + ดอกเบี้ยการชําระเงินล่าช้า 4.0625%
  

ในการชําระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเหล่านี้ ตัวแทนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถเข้าไปที่สํานักงาน AEAT ด้วยตัวเองหรือกรอกแบบฟอร์มเฉพาะสําหรับกระบวนการนี้ทางออนไลน์ก็ได้ หรือธุรกิจสามารถกรอกแบบฟอร์ม 303 ตามปกติสําหรับการแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มรายไตรมาส หลังจากป้อนข้อมูลทั้งหมดแล้ว ระบบจะแสดงจำนวนที่ต้องชำระในส่วน "จํานวนรายรับ" ซึ่งแสดงยอดรวมท้ั้งหมดรวมถึงค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องด้วย

หลังจากได้รับคำสั่งให้ชําระเงิน

หาก AEAT ได้ส่งหนังสือแจ้งภาษีแล้ว จะกําหนดบทลงโทษทางการเงินโดยพิจารณาจากความรุนแรงของสถานการณ์ ค่าปรับมีจํานวนขั้นต่ํา 50% สําหรับการทำผิดเล็กน้อย ถึงสูงสุด 150% สําหรับการทำผิดที่ร้ายแรงมาก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร้ายแรงของการทำผิดที่ด้านล่าง

การละเมิดเล็กน้อย ร้ายแรง หรือร้ายแรงมาก

เมื่อเกิดการทำความผิด ความร้ายแรงของสถานการณ์ต้องได้รับการประเมินเพื่อกําหนดบทลงโทษที่เหมาะสม หากเจ้าของธุรกิจได้รับประกาศจาก AEAT ค่าปรับจะแตกต่างกันไปตามประเภทของการละเมิด

เล็กน้อย

ความผิดจะถือว่าเล็กน้อยเมื่อยอดภาษีมูลค่าเพิ่มสูงสุดที่ต้องชําระอันเนื่องมาจากการละเมิดไม่เกิน 3,000 ยูโร ไม่ว่าจะปกปิดจาก AEAT โดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม หากจํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เลยกําหนดชําระของการละเมิดนั้นเกิน 3,000.01 ยูโร จะถือว่าการทำผิดเล็กน้อยด้วยหากไม่มีการปกปิดข้อมูล ทั้งสองกรณี จะมีบทลงโทษอยู่ที่ 50% ของยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ยังไม่ได้ชําระ

ร้ายแรง

การละเมิดจะถือว่าร้ายแรงหากยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่เลยกําหนดชําระไม่เกิน 3,000.01 ยูโรและข้อมูลถูกปกปิดจาก AEAT หากจํานวนเงินต่ำกว่านี้ ก็ยังถือว่ายังถือว่าร้ายแรงหากผู้เสียภาษีได้ทําการดําเนินการด้านล่างอย่างน้อยหนึ่งรายการ

• จากยอดค้างชําระทั้งหมด 50% หรือน้อยกว่าเกี่ยวข้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มเอาท์พุต ซึ่งเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากลูกค้าผ่านใบแจ้งหนี้ที่ออก
  
• จากยอดค้างชําระทั้งหมด ยังไม่มีการจ่ายให้ AEAT ระหว่าง 10.01% ถึง 50% เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดในการเตรียมบัญชีบันทึกภาษีมูลค่าเพิ่ม
  
• ผู้เสียภาษีใช้ใบแจ้งหนี้หรือเอกสารการบัญชีอื่นๆ ที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ถือว่าเป็นการฉ้อโกง และจำนวนนี้ไม่เกิน 10% ของยอดที่เลยกําหนดชําระทั้งหมด กล่าวคือ ไม่ได้มีการใช้เอกสารเพื่อทําให้ AEAT เข้าใจผิดโดยเจตนา
  

สำหรับการทำผิดร้ายแรง ค่าปรับจะคิดตามสัดส่วนตั้งแต่ 50% ถึง 100% ของยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชําระ เปอร์เซ็นต์จะแตกต่างกันไปตามความถี่ที่ผู้เสียภาษีทำความผิดและการสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาล

ร้ายแรงมาก

หากธุรกิจปกปิดภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากลูกค้า และจํานวนดังกล่าวสูงกว่า 50% ของภาษีมูลค่าเพิ่มเอาท์พุตที่รายงาน หรือหากมีการใช้วิธีที่เป็นการฉ้อโกงตามคําจํากัดความของกฎหมาย 58/2003 จะถือว่าเป็นการละเมิดที่ร้ายแรงมาก นี่คือการกระทําที่รวมอยู่ในหมวดหมู่นี้

• ใช้ข้อมูลระบุตัวตนของบุคคลอื่นเพื่อดําเนินการแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าบุคคลนั้นจะทราบหรือไม่ก็ตาม
  
• การใช้ใบแจ้งหนี้ปลอมหรือเอกสารการบัญชีปลอมอื่นๆ ที่คิดเป็นอย่างน้อย 10.01% ของภาษีมูลค่าเพิ่มที่ยังไม่ได้ชําระให้ AEAT
  
• การตั้งใจกระทำการที่ไม่สม่ำเสมออย่างมีนัยสำคัญ เช่น การไม่ดูแลรักษาบัญชีธุรกิจ
  

สําหรับการละเมิดที่ร้ายแรงมาก บทลงโทษคือค่าปรับตามสัดส่วนตั้งแต่ 100% ถึง 150% ของจํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ยังไม่ได้ชําระ ขึ้นอยู่กับความเสียหายและการเกิดซ้ําของการละเมิดดังกล่าว

ธุรกิจจะหลีกเลี่ยงบทลงโทษภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างไร

แม้บทลงโทษทางภาษีมูลค่าเพิ่มอาจค่อนข้างสูง แต่ก็ออกแบบมาเพื่อเป็นการยับยั้งและสามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ยาก นี่คือเคล็ดลับบางส่วนที่ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามภาระหน้าที่ด้านภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่เสมอ

• แจ้งภาษีมูลค่าเพิ่มตรงเวลา: ส่งแบบฟอร์มภาษีที่จําเป็นเพื่อแจ้งภาษีมูลค่าเพิ่มภายในวันที่กําหนด แม้ว่าธุรกิจจะไม่ได้ทํากิจกรรมทางการค้าก็ตาม ซึ่งหมายถึงการใช้แบบฟอร์มที่จําเป็นสําหรับการยื่นภาษีเมื่อตัวแทนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับใบรับรองสถานะบุคคลที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มต่อไปนี้ แบบฟอร์ม 036, 037, 035, 347, 349 และ 390 โปรดทราบว่าแบบฟอร์ม 390 ไม่จําเป็นต้องใช้หากส่งข้อมูลผ่าน Immediate Supply of Information (SII)
  
• ดูข้อมูลเกี่ยวกับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของสเปน: ดูข้อมูลเกี่ยวกับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆ ในสเปน และใช้เปอร์เซ็นต์ที่ถูกต้องในใบแจ้งหนี้ของธุรกิจ การใช้เครื่องมืออัตโนมัติที่คํานวณและเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโดยอัตโนมัติในการขายทั้งหมด เช่น Stripe Tax จะช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ Stripe Tax ยังช่วยให้ธุรกิจสร้างรายงานเกี่ยวกับภาษีที่เรียกเก็บและทําให้ขั้นตอนการประกาศข้อมูลง่ายขึ้นด้วย
  
• อย่าลืมใช้แบบฟอร์ม 347: โปรดทราบว่า แม้ธุรกิจจะไม่จําเป็นต้องจ่ายภาษีในธุรกรรมที่ไม่อยู่ภายใต้ภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ยังต้องรายงานข้อมูลเหล่านั้นโดยใช้แบบฟอร์ม 347
  
• ป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในใบแจ้งหนี้ใดๆ ได้รับการป้อนอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าใบแจ้งหนี้ไม่ถูกต้อง
  
• เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนที่ถูกต้อง: ตรวจสอบว่ามีการใช้จํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกต้องกับธุรกรรมทุกรายการ
  
• รับทราบข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านข้อบังคับ: AEAT อาจนําการเปลี่ยนแปลงมาใช้เมื่อใดก็ได้ที่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีประเมินภาษีด้วยตัวเองอย่างสิ้นเชิง เช่น มาตรการที่นํามาใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับอีคอมเมิร์ซ การไม่ทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวสำหรับตัวแทนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนด การใช้เครื่องมืออย่าง Stripe Tax จะช่วยให้ตามทันการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีล่าสุดอยู่เสมอ เนื่องจากมีการอัปเดตอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและติดตามภาระหน้าที่ด้านภาษีของธุรกิจ และเครื่องมือยังจะแจ้งเจ้าของธุรกิจด้วยหากมียอดเกินเกณฑ์การยื่นภาษีในกว่า 50 ประเทศที่เครื่องมือพร้อมให้บริการ (ตรวจสอบรายชื่อเขตแดนที่ไม่รวม)
  
• ส่งการแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น: หากพบข้อผิดพลาดในการแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ ธุรกิจจะต้องส่งการแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมทันที
  
• ใช้ซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้: ลงทุนกับซอฟต์แวร์ที่ปฏิบัติตามระบบ VERIFACTU และกฎหมายป้องกันการฉ้อโกง ซึ่งกําหนดให้บริษัทและบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระในสเปนต้องออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์
  

การหลีกเลี่ยงบทลงโทษภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่คุณควรทําความเข้าใจเกี่ยวกับการดําเนินการที่ AEAT จะทำกับผู้ประกอบวิชาชีพที่มีความผิดพลาดในการประกาศภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม