เมื่อคุณใช้การเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน วิธีการวัดและเรียกเก็บค่าบริการสามารถส่งผลต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ทั้งหมด ค่าธรรมเนียมรายเดือนแบบคงที่อาจทำให้กระบวนการง่ายขึ้น แต่ก็อาจรู้สึกไม่ยุติธรรมกับผู้ใช้ที่ใช้งานน้อย และพลาดรายรับจากผู้ใช้ที่ใช้งานหนัก การวัดการใช้งานเชื่อมโยงราคากับปริมาณการใช้งานของลูกค้าโดยตรง เนื่องจากมีความโปร่งใส ยืดหยุ่น และเต็มไปด้วยข้อมูลที่คุณสามารถนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจได้
ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงวิธีการทํางานของการวัดการใช้งาน เหตุใดจึงสําคัญ และความท้าทายบางประการที่เกิดขึ้น
เนื้อหาหลักในบทความ
- การวัดการใช้งานคืออะไร
- การวัดการใช้งานทํางานอย่างไร
- เหตุใดการวัดการใช้งานจึงมีความสําคัญสําหรับธุรกิจ
- การวัดการใช้งานมีประโยชน์อย่างไร
- การวัดการใช้งานนําไปใช้ในสาธารณูปโภค, SaaS และโทรคมนาคมอย่างไร
- ความท้าทายที่มาพร้อมกับการวัดการใช้งาน
- Stripe Billing จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง
การวัดการใช้งานคืออะไร
การวัดการใช้งานคือการวัดและบันทึกปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของลูกค้า โดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่ธุรกิจนำเสนอ ซึ่งอาจบันทึกการใช้ไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์-ชั่วโมง ข้อมูลเป็นกิกะไบต์ จำนวนนาทีในการโทร คำขออินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล บริษัทจะติดตามการใช้งาน จัดเก็บข้อมูลเหล่านั้น และนำข้อมูลนั้นไปใช้สำหรับการเรียกเก็บเงิน การรายงาน หรือการวิเคราะห์ การวัดการใช้งานเป็นเครื่องมือที่ทำให้การกำหนดราคาแบบจ่ายตามการใช้งานหรือตามปริมาณการใช้งานเป็นไปได้
ลูกค้าจ่ายตามปริมาณการใช้งาน ซึ่งช่วยสร้างความโปร่งใสในการกำหนดราคา เนื่องจากลูกค้ามั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้จ่ายเกินสำหรับปริมาณที่ไม่ได้ใช้ หลายบริษัทยังให้ลูกค้าสามารถดูปริมาณการใช้งานแบบเรียลไทม์ผ่านแดชบอร์ดหรือการแจ้งเตือน ซึ่งช่วยลด "ความตกใจเมื่อเห็นใบเรียกเก็บเงิน" และให้ลูกค้าปรับการใช้งานได้ตามต้องการ การวัดการใช้งานยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพราะสามารถนับทุกหน่วย ติดตามทุกการเรียกเก็บเงิน และแก้ไขการโต้แย้งการเรียกเก็บเงินด้วยข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ความเป็นธรรมและความน่าเชื่อถือนี้เองทำให้การวัดการใช้งานกลายเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลการกำหนดราคาสมัยใหม่บางประเภท
การวัดการใช้งานทํางานอย่างไร
เบื้องหลังใบเรียกเก็บเงินตามการใช้งานแต่ละครั้งคือกระบวนการที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา กล่าวคือ บริษัทบันทึกปริมาณการใช้งาน แปลงข้อมูลให้อ่านเข้าใจได้ เก็บรักษาอย่างปลอดภัย และเชื่อมเข้ากับระบบเรียกเก็บเงิน ต่อไปนี้คือภาพรวมของการวัดการใช้งาน
การเก็บรวบรวมข้อมูล: เครื่องวัดเก็บข้อมูลการใช้งานสำหรับสินค้าจริง เช่น ไฟฟ้าและน้ำ ส่วนซอฟต์แวร์บันทึกการใช้งานบริการดิจิทัลหลังจากเซ็นเซอร์ บันทึก หรือตัวแทนการวัดระยะไกลเก็บข้อมูลดิบ
การรวบรวมและประมวลผล: ธุรกิจแปลงข้อมูลการใช้งานให้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น การเรียกใช้ API หรือจำนวนกิกะไบต์ที่โอน เครื่องมือประมวลผลจะลบข้อมูลซ้ำ ทำเครื่องหมายความผิดปกติ และยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินการแบบเรียลไทม์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าและผู้ให้บริการสามารถเห็นการใช้งานได้ทันที
การจัดเก็บและการจัดการ: ข้อมูลการใช้งานเป็นข้อมูลทางการเงินที่ตรวจสอบย้อนหลังได้ บริษัทมักใช้ฐานข้อมูลหรือคลังข้อมูลบนคลาวด์ที่รองรับปริมาณข้อมูลจำนวนมากได้ตามต้องการ และสามารถเก็บบันทึกไว้อย่างครบถ้วนเพื่อใช้ในการตรวจสอบหรือกรณีเกิดการโต้แย้งการเรียกเก็บเงิน
การผสานการทำงานในการเรียกเก็บเงิน: ข้อมูลการใช้งานจะถูกส่งต่อไปยังระบบการเรียกเก็บเงิน หากราคาคือ 1 เซ็นต์ต่อการเรียกใช้ API หนึ่งครั้ง และมียอดการเรียกใช้ทั้งหมด 10,000 ครั้ง ระบบจะทราบโดยอัตโนมัติว่าต้องออกใบแจ้งหนี้เป็นเงิน 100 ดอลลาร์ แพลตฟอร์มอย่าง Stripe Billing ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลการใช้งานแบบเรียลไทม์และสร้างใบแจ้งหนี้ได้อย่างแม่นยำโดยอัตโนมัติ
การมองเห็นและการแจ้งเตือนสำหรับลูกค้า: ในหลายกรณี ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงแดชบอร์ดที่สามารถตรวจสอบปริมาณการใช้งานและรับการแจ้งเตือนเมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนด การมองเห็นการใช้งานอย่างต่อเนื่องนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าและลดความประหลาดใจจากการเรียกเก็บเงิน
เหตุใดการวัดการใช้งานจึงมีความสําคัญสําหรับธุรกิจ
ในปี 2024 เกือบ 73% ของธุรกิจแบบสมัครสมาชิก กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะเสนอแผนค่าบริการตามการใช้งานมากขึ้น การวัดการใช้งานทำให้สามารถคิดค่าบริการตามการใช้งานตามความต้องการของบริษัท สร้างความเป็นธรรมในการเรียกเก็บเงิน และสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และความสัมพันธ์กับลูกค้า หากไม่มีการวัดปริมาณการใช้งาน การกำหนดราคาเช่นนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ บริษัทต่างๆ จะสามารถเรียกเก็บเงินตามการเรียกใช้ API, กิกะไบต์ หรือธุรกรรมได้ก็ต่อเมื่อสามารถติดตามแต่ละเหตุการณ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ
การวัดการใช้งานมีประโยชน์อย่างไร
การวัดการใช้งานเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ลูกค้าได้รับกับสิ่งที่พวกเขาจ่าย เมื่อทำได้ดี ลูกค้าจะรู้สึกว่าค่าบริการยุติธรรม ยืดหยุ่น และโปร่งใส ในขณะเดียวกัน ธุรกิจก็สามารถรักษากำไรและเรียนรู้ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตได้
นี่คือประโยชน์ของการใช้ระบบนี้
ราคาที่สมกับมูลค่า
เมื่อการใช้งานเพิ่มขึ้น ใบเรียกเก็บเงินก็จะเพิ่มขึ้นตาม และเมื่อการใช้งานลดลง ค่าใช้จ่ายก็จะลดลงด้วย เมื่อลูกค้าชำระเงินตามปริมาณการใช้งาน ผู้ใช้ที่ใช้งานน้อยจะไม่รู้สึกว่าตนต้องจ่ายแทนผู้ใช้ที่ใช้งานมาก ขณะที่ผู้ใช้ที่ใช้งานมากก็จะเห็นความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนระหว่างมูลค่าที่ได้รับกับใบเรียกเก็บเงินที่ต้องจ่าย
อุปสรรคในการเริ่มต้นใช้งานต่ำและการรักษาลูกค้าที่ง่ายขึ้น
โมเดลตามการใช้งานมักจะให้ลูกค้าเริ่มต้นจากขนาดเล็ก ธุรกิจการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) สามารถดึงดูดผู้ใช้กลุ่มแรกๆ ได้โดยการเรียกเก็บเงินสําหรับการใช้งานครั้งแรกแทนที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่สูง หากบริการพิสูจน์คุณค่าได้ การใช้งานและรายได้จะเพิ่มขึ้นพร้อมกัน หากการใช้งานชะลอตัว ค่าใช้จ่ายของลูกค้าก็จะสะท้อนตามไปด้วย โมเดลจ่ายตามการใช้งานแบบนี้ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะเลิกใช้บริการเพราะปัญหาด้านการเรียกเก็บเงิน
รายรับที่เพิ่มขึ้นตามการใช้งาน
ในโลกของการสมัครสมาชิกแบบค่าธรรมเนียมคงที่ การเพิ่มยอดขายหมายถึงการโน้มน้าวให้ใครบางคนอัปเกรด ด้วยการกำหนดราคาแบบวัดตามการใช้งาน รายรับจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อการใช้งานเพิ่มขึ้น ธุรกรรม พื้นที่เก็บข้อมูล และการเรียกใช้ API ที่มากขึ้นหมายถึงรายได้ที่มากขึ้น โดยไม่ต้องขายเพิ่ม
ต้นทุนและรายรับสอดคล้องกัน
การวัดการใช้งานช่วยสร้างความสมดุลระหว่างรายรับกับต้นทุนตามการใช้งาน เช่น พลังประมวลผลและแบนด์วิดท์ การใช้งานหนักส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นแต่ก็สร้างรายรับมากขึ้น การใช้งานน้อยส่งผลให้ทั้งต้นทุนและรายรับอยู่ในระดับต่ำ
ความโปร่งใสที่สร้างขึ้นในผลิตภัณฑ์
แดชบอร์ดและการแจ้งเตือนการใช้งานช่วยให้ลูกค้าทราบว่าพวกเขาใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการมากน้อยเพียงใด การมองเห็นนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้การโต้แย้งการเรียกเก็บเงินลดน้อยลงและความเชื่อมั่นของลูกค้าก็สูงขึ้น
ช่องทางสำหรับโมเดลแบบไฮบริด
การวัดการใช้งานช่วยให้สามารถจัดโครงสร้างที่สร้างสรรค์ได้ เช่น การสมัครสมาชิกพื้นฐานพร้อมส่วนเสริมการใช้งาน เครดิตแบบเติมเงินที่ลดลงเมื่อลูกค้าใช้บริการ หรือการกำหนดราคาตามผลลัพธ์ที่คิดเงินเฉพาะเมื่องานเสร็จสมบูรณ์ รูปแบบเหล่านี้สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจและปรับราคาให้สอดคล้องกับคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ
ข้อมูลเชิงลึกในทุกจุดข้อมูล
แต่ละหน่วยวัดจะทำหน้าที่เป็นข้อมูลเชิงพฤติกรรมด้วย เช่น ฟีเจอร์ใดที่ได้รับความนิยม ช่วงเวลาใดที่มีการใช้งานสูงสุด และแนวโน้มการใช้งานสัมพันธ์กับอัตราการเลิกใช้บริการของลูกค้าอย่างไร ทั้งหมดนี้คือความรู้ที่บริษัทต่างๆ สามารถนำไปปฏิบัติได้
การวัดการใช้งานนําไปใช้ในสาธารณูปโภค, SaaS และโทรคมนาคมอย่างไร
วิธีที่ง่ายที่สุดในการเห็นการวัดการใช้งานแบบเรียลไทม์คือดูจากอุตสาหกรรมที่ใช้ระบบนี้อย่างแพร่หลาย เช่น สาธารณูปโภค, SaaS และโทรคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกกิโลวัตต์-ชั่วโมง การเรียกใช้ API หรือข้อความ การวัดการใช้งานช่วยสนับสนุนโมเดลการคิดค่าบริการตามการใช้จริงในอุตสาหกรรมเหล่านี้ และทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าใบเรียกเก็บเงินสอดคล้องกับการใช้งานของพวกเขา
รายละเอียดมีดังนี้
บริการสาธารณูปโภค
ไฟฟ้า น้ำ และก๊าซ คือบริการแบบจ่ายตามการใช้งานดั้งเดิม ตัววัดที่อยู่นอกบ้านของคุณจะวัดปริมาณการใช้จริง และปัจจุบันเครื่องวัดอัจฉริยะสามารถส่งข้อมูลนั้นกลับไปยังผู้ให้บริการได้แบบเรียลไทม์ การดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้ให้บริการตรวจจับการรั่วไหลหรือการใช้พลังงานสูงผิดปกติได้ทันที ระบบนี้มีความยุติธรรม โปร่งใส และช่วยส่งเสริมการประหยัดพลังงาน เพราะหากทุกคนจ่ายค่าบริการในอัตราคงที่ ก็จะไม่มีแรงจูงใจในการปิดไฟหรือประหยัดพลังงานอีกต่อไป
SaaS และคลาวด์
ในอดีต บริษัทซอฟต์แวร์มักทํางานในโมเดลการสมัครสมาชิกแบบอัตราคงที่ แต่ปัจจุบันพวกเขาเริ่มเปลี่ยนมาใช้โมเดลที่คิดค่าบริการตามการใช้งานจริง เช่น การเรียกใช้ API, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (กิกะไบต์) หรือชั่วโมงการประมวลผล ซอฟต์แวร์จะบันทึกข้อมูลการใช้งานเหล่านี้และส่งต่อไปยังระบบเรียกเก็บเงิน ตัวอย่างเช่น Stripe Billing ช่วยให้บริษัท SaaS ส่งบันทึกการใช้งานและสร้างใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติ โมเดลนี้ให้ความยืดหยุ่นสูง สตาร์ทอัพสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ในราคาถูกเพียงไม่กี่เซ็นต์ ขณะที่องค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกันอาจจ่ายในราคาสูงขึ้นตามสัดส่วนการใช้งาน เป็นโมเดลการกำหนดราคาที่เติบโตไปพร้อมกับลูกค้าแทนที่จะจำกัดลูกค้าไว้ตามระดับราคา
โทรคมนาคม
ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะวัดปริมาณการใช้งานของทุกข้อความ โทรศัพท์ และข้อมูลมือถือ (เมกะไบต์) แบบเรียลไทม์ เพื่อใช้ควบคุมการใช้งาน เช่น การจำกัดปริมาณ การลดความเร็ว หรือการหักยอดจากยอดเงินที่เติมไว้ล่วงหน้า แม้ว่าขนาดของระบบจะใหญ่โตมาก แต่หลักการนั้นเรียบง่าย คุณจ่ายเท่าที่คุณใช้งาน ระบบเรียกเก็บเงินของบริษัทโทรคมนาคมสมัยใหม่แสดงให้เห็นว่าการวัดการใช้งานสามารถรองรับโมเดลที่ยืดหยุ่นได้ เช่น แพ็กเกจแบบไม่จำกัด เครดิตแบบเติมเงิน และการจ่ายตามการใช้งานจริงที่เข้มงวด ซึ่งทั้งหมดต่างอาศัยระบบวัดปริมาณการใช้งานเดียวกัน
ความท้าทายที่มาพร้อมกับการวัดการใช้งาน
การวัดการใช้งานช่วยให้ค่าบริการเป็นธรรมและยืดหยุ่น แต่การทำให้ถูกต้องต้องใช้ความพยายาม ความท้าทายอยู่ที่รายละเอียด เช่น วัดอะไร ติดตามอย่างไร และสื่อสารอย่างไร เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ธุรกิจที่ใช้การวัดการใช้งานจำเป็นต้องกำหนดหน่วยอย่างรอบคอบ ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ และมีความโปร่งใสเกี่ยวกับการทำงานของระบบวัดการใช้งาน
คําจํากัดความของหน่วย
ประเด็นแรกคือการตัดสินใจว่า "หนึ่งหน่วย" หมายถึงอะไร คุณจะคิดค่าบริการตามระยะเวลาที่ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ ตามจำนวนธุรกรรม หรือจากอย่างอื่นโดยสิ้นเชิงก็ได้ หากเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสม ลูกค้าอาจรู้สึกว่าค่าบริการไม่สอดคล้องกับคุณค่าที่ได้รับ
ความแม่นยําเมื่อคุณเติบโต
คุณต้องเก็บบันทึกทุกเหตุการณ์การใช้งานโดยไม่มีรายการซ้ำหรือตกหล่น เมื่อคุณขยายธุรกิจ คุณอาจต้องเปลี่ยนจากการป้อนข้อมูลหลายร้อยรายการลงในฐานข้อมูล ไปสู่การป้อนข้อมูลหลายล้านหรือพันล้านรายการ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและมีความซับซ้อนทางเทคนิค การเรียกเก็บเงินจำเป็นต้องให้คุณเก็บบันทึกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้อง หากลูกค้าโต้แย้งการเรียกเก็บเงิน คุณก็จำเป็นต้องมีใบเสร็จรับเงิน นั่นเป็นเหตุผลที่บางธุรกิจจึงลงทุนในระบบสตรีมมิงข้อมูล การรวมข้อมูลแบบกลุ่ม และการตรวจสอบบัญชี
ความแปรปรวนของรายรับ
การเรียกเก็บเงินตามการใช้งานทำให้รายรับมีความไม่แน่นอน ซึ่งทำให้การวางแผนและคาดการณ์ยุ่งยาก บริษัทบางแห่งแก้ปัญหานี้ด้วยโมเดลแบบไฮบริด โดยเพิ่มค่าธรรมเนียมเริ่มต้นหรือสัญญาขั้นต่ำเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงในขณะเดียวกันก็เรียกเก็บค่าบริการตามการใช้งานได้
การจัดทํางบประมาณของลูกค้าและความตกใจเมื่อเห็นใบเรียกเก็บเงิน
ใบเรียกเก็บเงินที่เปลี่ยนแปลงตามการใช้งานอาจสร้างความเสี่ยงให้กับลูกค้า เพราะการใช้งานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันอาจนำไปสู่ยอดเรียกเก็บที่สูงเกินคาด แดชบอร์ดและการแจ้งเตือนการใช้งานก็ช่วยได้ แต่การสื่อสารกับลูกค้าด้วยวิธีอื่นๆ ก็สำคัญเช่นกัน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าสามารถติดตามและควบคุมค่าใช้จ่ายของตนเองได้
การตรวจสอบอัตราการเลิกใช้บริการ
การสมัครสมาชิกอัตราคงที่ทําให้อัตราการเลิกใช้บริการชัดเจนขึ้น: ลูกค้าจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกก็ได้ อัตราการเลิกใช้บริการยังไม่ชัดเจนนักเมื่อใช้โมเดลที่อิงตามการใช้งาน ลูกค้าอาจค่อยๆ ลดการใช้งานจนรายรับจากพวกเขาหายไปโดยไม่รู้ตัว ธุรกิจควรติดตามรูปแบบการใช้งานและเข้าดำเนินการเมื่อแนวโน้มบ่งชี้ถึงการเลิกใช้บริการ
องค์กรการปฏิบัติงาน
ข้อมูลการวัดการใช้งานต้องไหลเข้าไปยังระบบเรียกเก็บเงิน การออกใบแจ้งหนี้ ฝ่ายการเงิน และฝ่ายสนับสนุนอย่างราบรื่น หากขั้นตอนใดขาดหาย รายรับอาจได้รับผลกระทบ ทีมงานยังต้องได้รับการฝึกอบรมในการตอบคำถามลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่ถูกเรียกเก็บเงินตามจำนวนที่กำหนดด้วย
Stripe Billing ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร
Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย คุณสามารถเรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก
Stripe Billing สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้
เสนอค่าบริการที่ยืดหยุ่น: เปิดตัวอย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบค่าบริการแบบไฮบริดและตามการใช้งานในตัว รวมถึงค่าธรรมเนียมคงที่บวกส่วนเกิน เครดิต และอื่นๆ รองรับคูปอง การทดลองใช้ฟรี การแบ่งชำระตามสัดส่วน และส่วนเสริมในตัว
ทดลองและทําซ้ำการกำหนดราคา: ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้เร็วขึ้นด้วยเครื่องมือที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเพื่อปรับอัตราตามการใช้งาน จัดการการกำหนดราคาตามกลุ่มประชากร และแจ้งการตัดสินใจด้านราคาด้วยการวิเคราะห์การใช้งานและการใช้จ่ายอย่างละเอียด
ปรับค่าบริการให้สอดคล้องกับมูลค่าของลูกค้า: วัดและเรียกเก็บเงินตามมิติการใช้งานที่ให้ผลกระทบมากที่สุด และกําหนดราคาในลักษณะที่สะท้อนถึงวิธีที่ลูกค้าได้รับมูลค่าโดยตรง
เพิ่มรายได้และลดอัตราการเลิกใช้บริการ: ให้คุณเก็บรายรับได้มากขึ้นและลดการเลิกใช้บริการโดยไม่สมัครใจด้วย Smart Retries ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการกู้คืน เครื่องมือการกู้คืนของ Stripe ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกู้คืนรายรับกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในปี 2024
เพิ่มประสิทธิภาพ: ใช้โซลูชันด้านภาษีเพิ่มเติม การรายงานรายรับ และข้อมูลของ Stripe เพื่อรวมระบบรายรับหลายระบบให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ภายนอกได้อย่างง่ายดาย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Billing หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ