ในปี 2012 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 6 แห่งในสวีเดนเริ่มใช้ Swish ซึ่งเป็นระบบการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่อํานวยความสะดวกให้กับการชําระเงินแบบบุคคลถึงบุคคล รวมถึงการซื้อทางออนไลน์และภายในร้าน จากข้อมูล ณ ตอนสิ้นปี 2023 Swish มีผู้ใช้ 8.4 ราย ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของสวีเดน
ธุรกิจที่ผสานการทํางานกับการชําระเงินผ่าน Swish จะได้รับประโยชน์จากมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม การประมวลผลการชําระเงินแบบเรียลไทม์ และการใช้ BankID บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นระบบข้อมูลประจําตัวดิจิทัลของสวีเดน
คู่มือนี้จะอธิบายว่า Swish ทํางานอย่างไร ใครบ้างที่ใช้ Swish และธุรกิจต่างๆ จะเริ่มยอมรับ Swish เป็นวิธีการชําระเงินได้อย่างไร
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- Swish ทํางานอย่างไร
- มีการใช้งาน Swish ในพื้นที่ใดบ้าง
- ใครคือผู้ที่ใช้ Swish
- ประโยชน์ของการยอมรับ Swish
- มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Swish
- การยอมรับ Swish เป็นวิธีการชําระเงิน
- ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Swish
Swish ทํางานอย่างไร
Swish ช่วยให้ผู้ใช้ส่งเงินด้วยสมาร์ทโฟนเกือบจะในทันที โดยผู้ใช้ต้องมีบัญชีธนาคารในสวีเดนและ BankID บนอุปกรณ์เคลื่อนที่จึงจะใช้วิธีการชําระเงินนี้ได้ ผู้ใช้จะลงทะเบียนใช้งาน Swish กับธนาคารและเชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนเข้ากับบัญชีธนาคาร จากนั้นจึงดาวน์โหลดแอป Swish และเปิดใช้งานแอปด้วย BankID สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่บนอุปกรณ์ดังกล่าว ลูกค้าใช้ Swish ชําระเงินด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
การชําระเงินภายในร้าน: เมื่อต้องชำระเงินภายในร้าน ลูกค้าจะเปิดแอป ป้อนหมายเลข Swish ของร้านค้าและจํานวนเงินที่ชําระ จากนั้นยืนยันธุรกรรมด้วย BankID สําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ หากร้านค้ามีบริการชําระเงินด้วยรหัส QR ลูกค้าสามารถสแกนรหัส QR และอนุมัติการชําระเงินได้
การชําระเงินออนไลน์: เมื่อซื้อสินค้าออนไลน์ ผู้ใช้จะเลือก Swish เป็นตัวเลือกการชําระเงิน และป้อนหมายเลขโทรศัพท์ ระบบจะนําลูกค้าไปยังแอป Swish เพื่ออนุมัติการชําระเงินด้วย BankID สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
มีการใช้งาน Swish ในพื้นที่ใดบ้าง
Swish ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสวีเดน และขณะนี้มีให้บริการแก่ลูกค้าของธนาคารในสวีเดนเท่านั้น แบบสํารวจในปี 2023 ที่จัดทำโดยธนาคารกลางของสวีเดนพบว่า Swish เป็นวิธีการชําระเงินที่นิยมใช้กันมากที่สุดเป็นอันดับ 2 สําหรับธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ เป็นรองแค่บัตรเดบิตเท่านั้น
ใครคือผู้ที่ใช้ Swish
ธุรกิจจํานวนมากในสวีเดนใช้ Swish ตั้งแต่บริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้ให้บริการในท้องถิ่นรายย่อย ต่อไปนี้คือประเภทของธุรกิจที่ส่วนใหญ่มักจะรับชําระเงินผ่าน Swish
ร้านค้าปลีก: ร้านค้าปลีกออนไลน์และร้านค้าแบบมีหน้าร้านต่างก็รับชําระเงินผ่าน Swish เพื่อให้ชําระเงินได้อย่างรวดเร็ว
ร้านอาหาร: ร้านอาหาร คาเฟ่ และรถขายอาหารใช้ Swish เพื่อความสะดวกในการชำระเงิน
ผู้ให้บริการด้านสุขภาพและสุขภาวะ: ธุรกิจในอุตสาหกรรมสุขภาพและสุขภาวะ เช่น ยิม สตูดิโอออกกําลังกาย และคลีนิคส่วนตัวมักจะรับชําระเงินผ่าน Swish
การคมนาคมขนส่ง: บริษัทแท็กซี่และบริการเรียกรถรับส่งจํานวนมากรับชําระเงินผ่าน Swish
การจัดงานอีเวนท์: ผู้จัดงานอีเวนท์ รวมทั้งคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา และเทศกาลต่างก็ใช้ Swish ในการรับชําระค่าตั๋วและสินค้า
องค์กรการกุศลและองค์กรไม่แสวงผลกําไร: องค์กรการกุศลและองค์กรไม่แสวงผลกําไรมักจะใช้ Swish เพื่อรับเงินบริจาค Nordea Bank ยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรม Swish ให้กับองค์กรเหล่านี้
บริษัทสาธารณูปโภค: ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและบริการบางแห่งอนุญาตให้จ่ายบิลผ่าน Swish
ประโยชน์ของการยอมรับ Swish
การยอมรับ Swish เป็นวิธีการชําระเงินมีประโยชน์หลายประการสําหรับธุรกิจในสวีเดน ตั้งแต่การประมวลผลเงินทุนแบบเรียลไทม์ไปจนถึงการชําระเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ข้อดีหลักๆ มีดังนี้
การประมวลผลแบบเรียลไทม์: ธุรกรรมผ่าน Swish จะโอนเงินเข้าบัญชีผู้รับเกือบจะในทันที ซึ่งต่างจากธุรกรรมบัตร ส่งผลให้ธุรกิจเข้าถึงเงินทุนได้รวดเร็วขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการทําธุรกรรมน้อย โดยทั่วไปแล้ว Swish มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการประมวลผลบัตรเครดิตหรือวิธีการชําระเงินแบบอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสําหรับธุรกรรมขนาดเล็ก
การรักษาความปลอดภัยดีกว่า: Swish ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับธนาคาร รวมถึงใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย จึงช่วยลดความเสี่ยงในการฉ้อโกงและสร้างความอุ่นใจให้กับธุรกิจ
กระทบยอดได้ง่ายขึ้น: การชําระเงินผ่าน Swish เป็นการชำระเงินแบบดิจิทัล จึงช่วยให้กระทบยอดทางการเงินง่ายขึ้นและลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาด
ยืดหยุ่นมากขึ้น: Swish มีประโยชน์กับธุรกิจที่เปิดกิจการในสภาพแวดล้อมแบบชั่วคราวหรือต้องย้ายสถานที่บ่อยครั้ง เช่น ตลาด งานแสดงสินค้า หรืองานอีเวนท์ที่ระบบรับชําระเงินแบบดั้งเดิมอาจไม่รองรับ
มาตรการรักษาความปลอดภัยของ Swish
Swish ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยหลายแบบในการปกป้องธุรกรรม ต่อไปนี้คือภาพรวมของฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยหลักๆ
การรักษาความปลอดภัยระดับธนาคาร: เนื่องจาก Swish เชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารของผู้ใช้โดยตรง บริษัทจึงดําเนินงานภายใต้ระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมในระดับเดียวกับสถาบันธนาคารที่เป็นพาร์ทเนอร์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ธุรกรรมทั้งหมดได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยทางการเงินที่เข้มงวด
BankID สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่: ธุรกรรมในสวิตเซอร์แลนด์กําหนดให้มีการตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน BankID สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นโซลูชันการระบุตัวตนดิจิทัลของสวีเดน BankID สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นวิธีการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย ซึ่งกําหนดให้ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่าน PIN ลายนิ้วมือ หรือการจดจําใบหน้าก่อน ระบบจึงจะอนุมัติธุรกรรม
วงเงินธุรกรรม: ธนาคารแต่ละแห่งกำหนดวงเงินธุรกรรมให้กับลูกค้าไม่เท่ากัน แต่วงเงินสูงสุดสําหรับธุรกรรม Swish คือ 150,000 โครนาสวีเดน (SEK) วิธีนี้ช่วยป้องกันธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้อีกชั้นหนึ่ง
การเข้ารหัสแบบครบวงจร: ข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่านธุรกรรม Swish จะได้รับการเข้ารหัสโดยเข้ารหัสตั้งแต่ปลายทางจนถึงปลายทาง ซึ่งจะปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตระหว่างการส่งข้อมูล
การติดตามตรวจสอบการฉ้อโกงขั้นสูง: Swish และธนาคารที่เกี่ยวข้องใช้ระบบติดตามตรวจสอบและตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ที่วิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมเพื่อค้นหาและแจ้งกิจกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งจะช่วยป้องกันการฉ้อโกงก่อนที่จะเกิดขึ้น
การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: Swish ดําเนินงานภายใต้ระเบียบข้อบังคับทางการเงินของสวีเดนและสหภาพยุโรป เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ของสหภาพยุโรป การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้ทําให้มั่นใจได้ว่ามีการจัดการข้อมูลผู้ใช้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด
การยอมรับ Swish เป็นวิธีการชําระเงิน
ธุรกิจต้องเปิดบัญชีธนาคารกับธนาคารสวีเดนที่รองรับ Swish สำหรับธุรกิจ และทําข้อตกลงกับ Swish เพื่อเริ่มใช้งานการชําระเงินผ่าน Swish ปกติแล้วข้อตกลงนี้จะเป็นข้อตกลง Swish สําหรับผู้ค้า หรือข้อตกลงทางธุรกิจของ Swish ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกรรมที่ธุรกิจจะทำรายการ เมื่อลงนามในข้อตกลงของ Swish ธุรกิจต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานใบรับรอง (CPOC) ซึ่งจะเป็นผู้ที่เข้าสู่ระบบของโปรแกรมจัดการใบรับรองและสร้างใบรับรองที่จะติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ของธุรกิจ หากธุรกิจผสานการทํางานกับ Swish ธุรกิจจะใช้ใบรับรองนั้นเชื่อมต่อกับส่วนต่อประสานโปรแกรมประยุกต์ (API) ของ Swish และผสานการทํางาน Swish เข้ากับเว็บไซต์ของตน
ธุรกิจที่ผสานการทํางานผ่านผู้ให้บริการชําระเงิน เช่น Stripe สามารถข้ามขั้นตอนเหล่านั้นได้ การตั้งค่า Swish เป็นวิธีการชําระเงินใน Stripe มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เข้าสู่ระบบบัญชี Stripe หรือสร้างบัญชีใหม่
ไปที่แดชบอร์ด Stripe แล้วเปิดใช้ Swish เป็นวิธีการชําระเงิน หากคุณใช้ Stripe Connect Stripe จะกําหนดวิธีการชําระเงินที่เหมาะสมที่สุดและแสดงในขั้นตอนการชําระเงินโดยอัตโนมัติ
หากคุณต้องการกําหนดค่าวิธีการชําระเงินใหม่ด้วยตนเอง โปรดสร้างเซสชัน Checkout ใหม่แล้วเพิ่ม Swish ในรายการประเภทวิธีการชําระเงิน
ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจาก Swish
ธุรกิจที่ต้องการโซลูชันการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับกลุ่มประเทศนอร์ดิกและทั่วโลกสามารถเลือกใช้วิธีการชำระเงินยอดนิยมดังต่อไปนี้แทน Swish ได้
Vipps: Vipps เป็นวิธีการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของนอร์เวย์ที่ใช้สําหรับการโอนเงินระหว่างบุคคลและการชำระเงินให้กับธุรกิจ ผู้ใช้สามารถชําระเงินให้แก่กันได้โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับและอนุมัติการชําระเงินให้ธุรกิจผ่านแอป Vipps
MobilePay: MobilePay เป็นแอปชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ยอดนิยมในเดนมาร์กและฟินแลนด์ วิธีการใช้งานเหมือนกับ Vipps กล่าวคือผู้ใช้สามารถโอนเงินให้ใครก็ได้ที่มีบัญชี MobilePay โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์และทําการซื้ออย่างรวดเร็วโดยการอนุมัติธุรกรรมแบบครั้งเดียวในแอป MobilePay Vipps และ MobilePay มีผู้ใช้รวมกัน 12 ล้านคน ในภูมิภาคนอร์ดิกในปี 2023
Skrill: Skrill เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้ชําระเงินและโอนเงินไปทั่วยุโรป ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการเล่นเกมและการพนัน นอกจากนี้ยังช่วยขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศเนื่องจากรองรับสกุลเงินมากกว่า 40 สกุล
PayPal: PayPal เป็นแพลตฟอร์มการชําระเงินออนไลน์ระดับโลกที่อนุญาตให้ผู้ใช้ชําระเงินโดยใช้ยอดคงเหลือในบัญชี PayPal บัญชีธนาคารที่เชื่อมโยง หรือบัตรเครดิต การรับชําระเงินเหล่านี้จึงขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศของธุรกิจได้ เนื่องจากมีการใช้ PayPal ทั่วโลก
Amazon Pay: Amazon Pay คือบริการชําระเงินออนไลน์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ Amazon ซื้อสินค้าออนไลน์บนเว็บไซต์อื่นๆ ได้โดยใช้รายละเอียดการชําระเงินที่บันทึกไว้ในบัญชี Amazon ของตน ตัวเลือกการชําระเงินนี้ให้บริการแก่ธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น และช่วยลดความยุ่งยากในขั้นตอนการชําระเงินเนื่องจากลูกค้าไม่จำเป็นป้อนรายละเอียดการชําระเงิน
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ