การโอนเงินข้ามพรมแดนมักเป็นกระบวนการที่ช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าด้านการชำระเงินเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ การชำระเงินประเภทนี้ช่วยให้กระบวนการเสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่นาที ลดการพึ่งพาเครือข่ายตัวกลางที่ซับซ้อน และรักษามูลค่าที่สกุลเงินท้องถิ่นไม่สามารถทำได้ เทคโนโลยีนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการโอนเงินข้ามพรมแดนอย่างรวดเร็วและปลอดภัย เช่น ธุรกิจขนาดเล็กและแรงงานต่างชาติที่ส่งเงินกลับบ้านไปหาครอบครัว ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายว่าการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมวิธีนี้จึงมีประโยชน์ และมีความท้าทายอย่างไรบ้าง
เนื้อหาหลักในบทความ
- การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์คืออะไรและมีหลักการทำงานอย่างไร
- การใช้การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ในการโอนเงินมีข้อดีอย่างไรบ้าง
- ธุรกรรมการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีขั้นตอนอย่างไร
- แพลตฟอร์มใดบ้างให้บริการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์
- การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง
- มีการกำกับดูแลการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์อย่างไรบ้าง
- Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์คืออะไรและมีหลักการทำงานอย่างไร
การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์คือการโอนเงินระหว่างประเทศในรูปแบบของสเตเบิลคอยน์ การโอนเงินในที่นี้หมายถึงเงินที่แรงงานต่างชาติส่งให้สมาชิกในครอบครัวหรือชุมชนในประเทศบ้านเกิดของตน ส่วนสเตเบิลคอยน์คือคริปโตเคอร์เรนซีที่ตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐหรือทองคำ และเป็นโทเค็นดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่
เมื่อต้องการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ ผู้ส่งจะแปลงสกุลเงินท้องถิ่นของตนเป็นสเตเบิลคอยน์ จากนั้นส่งตรงเข้ากระเป๋าเงินของผู้รับผ่านเครือข่ายบล็อกเชน ใครก็ตามที่มีสมาร์ทโฟนสามารถรับเงินได้แม้จะไม่มีบัญชีธนาคารก็ตาม ผู้รับสามารถเลือกที่จะถือสเตเบิลคอยน์ไว้ ใช้จ่ายกับธุรกิจที่รับสเตเบิลคอยน์ หรือจะแปลงเป็นสกุลเงินท้องถิ่นก็ได้
การโอนเงินเหล่านี้ทำงานบนระบบเปิดที่ใช้อินเทอร์เน็ต และชำระให้เสร็จสิ้นได้ในไม่กี่นาทีตลอด 24 ชั่วโมง กระบวนการนี้ช่วยตัดตัวกลาง (เช่น ธนาคารตัวแทน) และลดส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สูงเกินจริง จึงเป็นวิธีที่รวดเร็วกว่าและมักจะถูกกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการส่งเงินกลับบ้าน ทั้งยังสามารถดูสถานะของธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์
การใช้การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ในการโอนเงินมีข้อดีอย่างไรบ้าง
การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาหลายอย่างที่ยังคงรบกวนการโอนเงินแบบเดิมอยู่ ต่อไปนี้คือตัวอย่างข้อดีหลักๆ ของการใช้การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์สำหรับการโอนเงินประเภทนี้
ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
การโอนเงินมีค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 6.49% ในปี 2025 และสูงถึง 8.78% ในแอฟริกาใต้สะฮารา การส่งสเตเบิลคอยน์มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ากันมาก โดยปกติแล้วแต่ละดอลลาร์ที่ส่งไปจะมีค่าธรรมเนียมเพียงไม่กี่เซ็นต์เท่านั้น
นำส่งได้เร็วกว่า
การโอนเงินผ่านธนาคารอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะดำเนินการเสร็จ ส่วนสเตเบิลคอยน์เคลื่อนย้ายผ่านเครือข่ายบล็อกเชนที่ทำงานไม่หยุด การชำระเงินจึงเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที โดยที่เขตเวลา วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่มีผลใดๆ
เข้าถึงได้กว้างกว่า
ทุกคนที่มีสมาร์ทโฟนและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถรับสเตเบิลคอยน์ได้แม้จะไม่มีบัญชีธนาคารก็ตาม ในภูมิภาคที่ระบบธนาคารยังไม่ครอบคลุม ผู้รับสามารถข้ามระบบการเงินแบบเดิมได้ทั้งหมด แต่ยังคงได้รับเงินอย่างปลอดภัย
มูลค่ามั่นคง
สเตเบิลคอยน์แตกต่างจากบิตคอยน์หรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ที่มีความผันผวน ตรงที่มีการตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์จริง เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ ความมั่นคงนี้ช่วยปกป้องผู้รับจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และสามารถรักษามูลค่าในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงหรือค่าเงินอ่อนตัว
ความโปร่งใสและความปลอดภัย
ธุรกรรมทุกรายการจะถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชนสาธารณะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นบันทึกธุรกรรมทั้งสำหรับผู้ส่งและผู้รับ นอกจากนี้กระเป๋าเงินและผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงยังมีการเข้ารหัสข้อมูลที่แข็งแกร่งและให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเงินของตนได้อีกด้วย
ธุรกรรมการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีขั้นตอนอย่างไร
แม้กลไกจะแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์ม แต่โดยทั่วไปแล้ว การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์จะมีลำดับขั้นตอนที่คล้ายกัน ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
การแปลงเป็นสเตเบิลคอยน์
ผู้ส่งจะเริ่มจากการแปลงสกุลเงินท้องถิ่นของตนเป็นสเตเบิลคอยน์โดยใช้ระบบแลกเปลี่ยนคริปโต สเตเบิลคอยน์เหล่านี้มักจะเก็บอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัล
บางครั้ง ผู้ใช้จะเห็นกระบวนการแปลงนี้ โดยที่ผู้ใช้จะเห็นชื่อโทเค็นและยอดเงิน ในกรณีอื่นๆ แอปจะซ่อนเลเยอร์คริปโตและแสดงเฉพาะมูลค่าในสกุลเงินตราในขณะที่ใช้สเตเบิลคอยน์อยู่เบื้องหลัง
การส่งผ่านบล็อกเชน
ผู้ส่งจะโอนสเตเบิลคอยน์ไปยังที่อยู่กระเป๋าเงินของผู้รับ ซึ่งโดยปกติจะทำได้ผ่านการสแกนรหัส QR หรือวางที่อยู่ที่เป็นตัวอักษรและตัวเลข การโอนจะได้รับการยืนยันในไม่กี่นาที (บางครั้งไม่กี่วินาที) และบันทึกบล็อกเชนช่วยให้ติดตามสถานะได้แบบเรียลไทม์ เครือข่ายเหล่านี้ทำงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นหากเริ่มโอนในเวลา 2:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ธุรกรรมจะได้รับการประมวลผลทันที
การแปลงหรือใช้เงิน
เมื่อสเตเบิลคอยน์เข้ากระเป๋าเงินแล้ว ผู้รับจะตัดสินใจว่าจะใช้อย่างไร
โดยสามารถ
ถอนเป็นเงินสดในสกุลเงินท้องถิ่นผ่านการแลกเปลี่ยนคริปโต
ถือไว้ในรูปแบบสเตเบิลคอยน์ เพื่อรักษามูลค่าในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง
ใช้จ่ายกับธุรกิจโดยตรง หรือผ่านบัตรเดบิตที่เชื่อมกับคริปโต
ผู้ให้บริการบางรายสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเงินสดและคริปโตขึ้นมา ตัวอย่างเช่น การผสานการทำงานของ MoneyGram กับเครือข่าย Stellar ทำให้ผู้รับสามารถเดินเข้าสาขาที่ร่วมรายการและแลก USDC เป็นเงินสดได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร
ระบบบล็อกเชนเข้ามาแทนที่ห่วงโซ่ของธนาคารตัวแทนที่ล่าช้าและต้องผ่านตัวกลางหลายราย แต่ประสบการณ์ของผู้ใช้ยังคงขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสดและคริปโตที่แข็งแกร่ง กระบวนการนี้ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องที่ดี การผสานการทำงานในท้องถิ่น และอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่มีประสิทธิภาพ
แพลตฟอร์มใดบ้างให้บริการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์
ตลาดการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ประกอบด้วยสตาร์ทอัพที่อยู่ในวงการคริปโต บริษัทด้านการชำระเงินรายใหญ่ และผู้ให้บริการโอนเงินแบบดั้งเดิมที่เริ่มนำระบบสเตเบิลคอยน์มาใช้ในเครือข่ายของตน ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้ส่งและผู้รับมีทางเลือกมากขึ้น และเครือข่ายระบบที่ทำงานร่วมกันได้มีการเติบโต ซึ่งช่วยให้การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ใช้งานได้จริงในวงกว้างขึ้น
ประเภทของแพลตฟอร์มที่สามารถโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีดังนี้
แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและผู้ให้บริการกระเป๋าเงินระดับโลก
แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นช่องทางแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสดและคริปโตในหลายๆ เส้นทาง ศูนย์ซื้อขายคริปโต (ทั้งระดับโลกและภูมิภาค) อนุญาตให้ผู้ใช้แปลงสกุลเงินท้องถิ่นเป็นสเตเบิลคอยน์ แล้วส่งเข้ากระเป๋าเงินของผู้รับ ส่วนแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจะผสานการทำงานกับธนาคารและระบบเงินมือถือโดยตรง เพื่อให้ผู้รับสามารถแลกสเตเบิลคอยน์เป็นสกุลเงินท้องถิ่นได้
บริษัทด้านการโอนเงินที่เปิดรับบล็อกเชน
ผู้เล่นหน้าเก่ากำลังเพิ่มการรองรับสเตเบิลคอยน์เพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน MoneyGram อนุญาตให้ลูกค้าส่งและแลกรับ Stellar USDC ผ่านร้านค้าปลีกทั่วโลก ขณะที่บริษัทด้านการโอนเงินรายอื่นๆ ก็กำลังพิจารณาว่าจะเพิ่มการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ในตลาดที่สกุลเงินมีความผันผวน การผสานการทำงานเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมโดยใช้เงินสดในฝั่งหนึ่งและใช้สเตเบิลคอยน์ในอีกฝั่งหนึ่งได้ โดยไม่จำเป็นต้องยุ่งกับเลเยอร์คริปโตโดยตรง
สตาร์ทอัพด้านการโอนเงินด้วยคริปโตโดยเฉพาะ
ผู้เล่นหน้าใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการโอนเงินข้ามพรมแดนที่ใช้สเตเบิลคอยน์เป็นหลัก บางรายมุ่งเน้นเส้นทางการโอนเงินที่มีค่าธรรมเนียมสูง เช่น แอฟริกา–ยุโรป และกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย–เอเชีย โดยเสนอทางเลือกในการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าระบบดั้งเดิม แพลตฟอร์มแบบ Peer-to-Peer เช่น Paxful และ Remitano ทำหน้าที่เชื่อมต่อผู้ส่งและผู้รับที่ซื้อขายสเตเบิลคอยน์
การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง
การนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ยังคงมีปัญหาในทางปฏิบัติ ในด้านเทคนิค และด้านระเบียบข้อบังคับ ซึ่งส่งผลต่อความเร็ว ค่าใช้จ่าย และความน่าเชื่อถือของการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์
ความไม่แน่นอนด้านระเบียบข้อบังคับ
บางประเทศมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน ในขณะที่บางประเทศจำกัดหรือห้ามใช้คริปโตโดยสิ้นเชิง อีกทั้งกฎในแต่ละเขตแดนยังแตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งกฎของแต่ละรัฐหรือแต่ละจังหวัดยังแตกต่างกันด้วย การโอนเงินที่เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วนในเขตอำนาจศาลหนึ่งอาจอยู่ในพื้นที่สีเทาทางกฎหมายในอีกเขตอำนาจศาลหนึ่ง สภาพแวดล้อมที่หลากหลายเช่นนี้ทำให้ผู้ให้บริการต้องจำกัดการให้บริการเฉพาะบางภูมิภาค หรือสร้างระบบการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ปรับให้เข้ากับระบบกฎหมายหลายสิบระบบ
ช่องว่างในการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสดและคริปโตและสภาพคล่อง
แม้ระบบบล็อกเชนจะทำงานได้รวดเร็ว แต่จุดแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสดและคริปโตยังมีการกระจายตัวไม่เท่ากัน ในเส้นทางการโอนเงินขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา–ฟิลิปปินส์ แต่ในตลาดขนาดเล็ก ตัวเลือกการถอนเงินอาจมีจำกัดหรือมีค่าธรรมเนียมสูง หากไม่มีเอเจนต์ในท้องถิ่น ระบบแลกเปลี่ยน หรือการผสานการทำงานกับธนาคารที่เชื่อถือได้ ผู้รับอาจต้องทำตามขั้นตอนที่ซับซ้อนเพื่อเปลี่ยนสเตเบิลคอยน์ให้เป็นเงินสดที่ใช้จ่ายได้จริง สภาพคล่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความสำคัญ หากการซื้อขายมีปริมาณน้อย ก็อาจส่งผลให้มีอัตราแลกเปลี่ยนที่แย่จนทำให้ข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนลดน้อยลง
ความเชื่อมั่นและความรู้ของผู้ใช้
ผู้คนบางส่วนยังคงเหมารวมว่าสเตเบิลคอยน์เป็นสินทรัพย์คริปโตที่ผันผวน แม้ว่าจะมีสกุลเงินตรารองรับอยู่ก็ตาม ผู้รับอาจกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของมูลค่า ความมั่นคงของผู้ออกเหรียญ หรือความปลอดภัยของการถือเงินไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล หากผู้ใช้จัดการคีย์ส่วนตัวไม่ดีหรือหลงเชื่อมิจฉาชีพ อาจส่งผลให้สูญเสียเงินโดยไม่มีทางเรียกคืนได้ง่ายๆ การใช้สเตเบิลคอยน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มประชากรรุ่นใหม่และคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล ส่วนกลุ่มที่ไม่ถนัดเทคโนโลยีต้องอาศัยอินเทอร์เฟซที่มีลักษณะเหมือนธนาคารที่ตนคุ้นเคย เพื่อช่วยให้ใช้งานบล็อกเชนที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น
การแข่งขันจากระบบอื่น
สเตเบิลคอยน์ไม่ใช่เทคโนโลยีเดียวที่ยกระดับการชำระเงินข้ามพรมแดน
คู่แข่ง ได้แก่
สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เช่น eNaira ในประเทศไนจีเรีย ที่ให้ประโยชน์คล้ายกัน แต่ได้รับการสนับสนุนจากทางการ
เครือข่ายเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่และระบบการชำระเงินทันที ซึ่งขยายฟังก์ชันโอนเงินข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องใช้คริปโต
ฟินเทคเจ้าใหญ่ที่ให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนในระบบที่ผู้ใช้คุ้นเคยอยู่แล้ว
ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดและความปลอดภัย
เครือข่ายบล็อกเชนแบบเปิดทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานที่ผิดกฎหมาย ผู้ให้บริการที่มีใบอนุญาตต้องทำการตรวจสอบด้วยกระบวนการ "รู้จักลูกค้าของคุณ" (KYC) และการป้องกันการฟอกเงิน (AML) เช่นเดียวกับบริษัทผู้ให้บริการโอนเงินแบบดั้งเดิม ข้อบังคับอาจกำหนดให้ต้องมีการติดตามตรวจสอบธุรกรรม รายงาน และเก็บรักษาบันทึก ซึ่งจะเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย หากผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตาม ก็อาจถูกปรับและเสียชื่อเสียงได้
ความยืดหยุ่นทางเทคนิค
บล็อกเชนสาธารณะยังคงเผชิญกับการทดสอบด้านความสามารถในการขยายและความน่าเชื่อถือ หากเครือข่ายมีผู้ใช้หนาแน่นหรือระบบล่มอาจทำให้การโอนเงินล่าช้า ส่วนค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นก็อาจทำให้ข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนลดน้อยลง ผู้ให้บริการมักแก้ปัญหานี้ด้วยการรองรับหลายเครือข่าย แต่ก็ทำให้มีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย
มีการกำกับดูแลการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์อย่างไรบ้าง
การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์อยู่ในจุดคาบเกี่ยวระหว่างการใช้ข้อบังคับการชำระเงินและข้อบังคับสำหรับคริปโต ซึ่งหมายความว่ากฎเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาและแตกต่างกันไปในแต่ละเขตอำนาจศาล
ไม่ว่าผู้ออกเหรียญจะอยู่ที่ใดก็ตาม การแลกเปลี่ยน กระเป๋าเงินดิจิทัล และแพลตฟอร์มการโอนเงินต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
การตรวจสอบ KYC และ AML
การติดตามตรวจสอบธุรกรรมและการรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย
การออกใบอนุญาตในเขตอำนาจศาลที่ตนดำเนินงาน
นั่นหมายความว่า แอปสำหรับการโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ที่บริหารจัดการได้ดีส่วนใหญ่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเดียวกันกับบริการโอนเงินแบบดั้งเดิม เพียงแต่ใช้ระบบที่ต่างออกไปเท่านั้น
ข้อกำหนดด้านระเบียบข้อบังคับเฉพาะภูมิภาคสำหรับการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีรายละเอียดดังนี้
สหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกาได้ออกกรอบการกำกับดูแลของรัฐบาลกลางในปี 2025 ที่เรียกว่ากฎหมาย GENIUS โดยกำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องรักษาเงินสำรองในอัตรา 1:1, เผยแพร่รายงานรายเดือนเกี่ยวกับเงินสำรองเหล่านั้น และเปิดเผยนโยบายการแลกคืน กฎหมายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางจะออกแนวทาง แต่ก็ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดความเสี่ยงสำหรับผู้ที่ใช้สเตเบิลคอยน์ที่ออกในสหรัฐอเมริกาสำหรับใช้โอนเงินได้
สหภาพยุโรป
ข้อบังคับ Markets in Crypto-Assets (MiCA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2024 ได้กำหนดมาตรฐานที่ครอบคลุมไว้ดังนี้
การออกใบอนุญาต: ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องได้รับอนุญาตและมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดด้านเงินทุน สภาพคล่อง และเงินสำรอง
สิทธิ์การแลกคืน: ผู้ใช้มีสิทธิ์ตามกฎหมายในการแลกคืนเหรียญเมื่อต้องการในมูลค่าเต็ม
การกำกับดูแลเพิ่มเติม: สเตเบิลคอยน์ที่มีฐานผู้ใช้จำนวนมาก หรือมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น และต้องมีเงินทุนในระดับที่สูงขึ้น
กรอบการกำกับดูแลนี้ช่วยสร้างความชัดเจนสำหรับการโอนเงินข้ามพรมแดนเข้าและออกจากสหภาพยุโรป หากสเตเบิลคอยน์เป็นไปตามข้อกำหนดของ MiCA ก็จะถือว่าผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความโปร่งใสในระดับสูง
เอเชียแปซิฟิก
ข้อบังคับจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์กำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับสกุลเงินเดียวด้วยข้อกำหนดด้านเงินทุนที่เข้มงวด และบังคับให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องแลกคืนเหรียญตามมูลค่าเต็มภายใน 5 วันทำการหลังจากมีการร้องขอ ส่วนประเทศจีนแม้จะสั่งห้ามดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโต แต่ก็กำลังพิจารณาสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับเงินหยวน
ลาตินอเมริกาและแอฟริกา
หลายประเทศยังไม่มีกฎสำหรับสเตเบิลคอยน์โดยเฉพาะ แต่ใช้กฎหมายคริปโตหรือการชำระเงินทั่วไปแทน ประเทศไนจีเรียได้จัดตั้งกรอบการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ภายใต้กฎหมายการลงทุนและหลักทรัพย์ปี 2025 ซึ่งให้อำนาจแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของประเทศในการกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือน ส่วนประเทศบราซิลมีกฎหมายสินทรัพย์เสมือนปี 2022 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องได้รับอนุญาตก่อนเปิดดำเนินการ และให้อำนาจแก่ธนาคารกลางบราซิลในการกำกับดูแล
ในหลายตลาด การโอนเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ได้รับความนิยมโดยที่ยังไม่มีการออกกฎหมายรองรับอย่างเป็นทางการ และสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งออกกรอบการกำกับดูแล กฎระเบียบต่างๆ กำลังมุ่งไปในทิศทางที่จะทำให้สเตเบิลคอยน์ถูกกฎหมายในฐานะส่วนหนึ่งของระบบการชำระเงินทั่วโลก โดยมีกฎการสำรองเงิน สิทธิ์ในการแลกคืน และการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มงวดขึ้น ยิ่งกรอบการกำกับดูแลเหล่านี้มีความสอดคล้องกันมากเท่าใด การขยายการใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อโอนเงินก็จะยิ่งทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ติดขัดปัญหาความไม่แน่นอนทางกฎหมาย
Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินทั่วโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก สามารถรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถรับชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ได้ทั่วโลก โดยชำระเป็นสกุลเงินตราในยอดคงเหลือ Stripe ของตน
Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้
เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้แล้ว และสิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี รวมถึงสเตเบิลคอยน์และคริปโต
ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ