วิธีเป็นผู้ประกอบการจดลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คู่มือสําหรับธุรกิจในสหราชอาณาจักร

Tax
Tax

Stripe Tax automates global tax compliance from start to finish, so you can focus on scaling your business. Identify your tax obligations, manage registrations, calculate and collect the right amount of tax worldwide, and enable filings—all in one place.

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรหมายความว่าอย่างไร
  3. เกณฑ์การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรมีอะไรบ้าง
  4. คุณจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์กับ HMRC ได้อย่างไร
  5. แผนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจในสหราชอาณาจักรมีแบบไหนบ้าง
    1. แผนอัตราคงที่
    2. แผนบัญชีแบบเกณฑ์เงินสด
    3. แผนบัญชีรายปี
    4. แผนค้าปลีก
    5. แผนส่วนต่าง
  6. หน้าที่ความรับผิดชอบของธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีอะไรบ้าง
    1. Making Tax Digital (MTD)
  7. จะทำให้ขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มง่ายขึ้นได้อย่างไร

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คือภาษีการบริโภคที่ใช้กับสินค้าและบริการส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร เมื่อคุณเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายความว่าคุณเป็นผู้ทำหน้าที่เก็บภาษีให้กับรัฐบาล โดยเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้าหรือบริการที่คุณขาย (ภาษีขาย) ซึ่งคุณสามารถเรียกคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณชําระไปกับค่าใช้จ่ายของธุรกิจ (ภาษีซื้อ) ได้

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายความหมายของการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร วิธีการจดทะเบียนออนไลน์ และความรับผิดชอบของธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรหมายความว่าอย่างไร
  • เกณฑ์การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรมีอะไรบ้าง
  • คุณจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์กับ HMRC ได้อย่างไร
  • แผนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจในสหราชอาณาจักรมีแบบไหนบ้าง
  • หน้าที่ความรับผิดชอบของธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีอะไรบ้าง
  • จะทำให้ขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มง่ายขึ้นได้อย่างไร

การเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรหมายความว่าอย่างไร

แม้ว่าการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามข้อกําหนด แต่ก็อาจช่วยกําหนดตำแหน่งทางธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ให้กับคุณได้

  • ลูกค้าหลายราย โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ชอบร่วมงานกับธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่า เนื่องจากการจดทะเบียนเป็นสิ่งที่แสดงถึงวุฒิภาวะและความเป็นมืออาชีพ

  • การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะช่วยให้คุณเคลมภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าใช้จ่ายต่างๆ คืนได้ เช่น อุปกรณ์และซอฟต์แวร์ ซึ่งจะเพิ่มผลกําไรของคุณได้โดยตรง

  • หากคุณทําการค้าระหว่างประเทศ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะทําให้กระบวนการศุลกากรราบรื่นขึ้น

  • หากคุณวางแผนว่าจะขยายธุรกิจการจดทะเบียนตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้คุณไม่ต้องเร่งดําเนินการตามข้อกำหนดจนต้องเสี่ยงกับบทลงโทษเมื่อกิจการเริ่มเติบโต

  • การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกำหนดให้คุณเก็บบันทึกทางการเงินอย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้คุณเห็นสถานะทางการเงินของธุรกิจตนเองได้ชัดเจน

เกณฑ์การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักรมีอะไรบ้าง

ในสหราชอาณาจักร ธุรกิจที่มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีถึงระดับหนึ่งจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้กําหนดเกณฑ์ต่อปีของกิจการที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ยอดขายที่ต้องเสียภาษี 90,000 ปอนด์ในรอบ 12 เดือน ยอดขายที่ต้องเสียภาษีได้แก่รายรับทั้งหมดจากสินค้าและบริการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยไม่รวมรายรับจากรายการที่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การให้บริการทางการเงินหรือการขายประกันภัย ตรวจทานว่ามีอะไรบ้างที่ต้องเสียภาษีในอุตสาหกรรมของคุณ เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าอะไรบ้างที่ต้องนับในยอดรวม

เมื่อยอดรวมเกินเกณฑ์ที่กำหนด คุณต้องจดทะเบียนภายใน 30 วันหลังจากวันสิ้นเดือนเพื่อที่จะไม่ต้องถูกปรับหรือรับบทลงโทษ หากเกิดความล่าช้า คุณยังคงต้องชําระภาษีมูลค่าเพิ่มนับตั้งแต่วันที่คุณควรต้องจดทะเบียน นอกจากนี้คุณยังสามารถลงทะเบียนได้โดยสมัครใจแม้ว่ายอดขายของคุณจะต่ํากว่าเกณฑ์

คุณจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์กับ HMRC ได้อย่างไร

ในบางสถานการณ์ คุณจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทางไปรษณีย์ เช่น หากคุณเข้าร่วมโครงการอัตราค่าคงที่สําหรับภาคเกษตรหรือสมัครขอจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนต่างประเทศ หากไม่เข้ากรณีดังกล่าว คุณสามารถใช้ใบสมัครออนไลน์ที่อยู่ในหน้าเว็บเกตเวย์รัฐบาลของสำนักงานพระราชสรรพากรและศุลกากร (HMRC) อันดับแรก คุณจะต้องสร้างบัญชีหากยังไม่มี ขั้นตอนต่อไป คุณจะต้องรวบรวมเอกสารที่จําเป็น

สําหรับบริษัทจำกัด คุณจะต้องใช้สิ่งต่อไปนี้

  • หมายเลขทะเบียนบริษัท

  • รายละเอียดบัญชีธนาคารของธุรกิจ

  • หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (UTR)

  • รายละเอียดยอดขายต่อปีของคุณ

  • ข้อมูลแบบประเมินภาษีด้วยตนเองของคุณ

  • ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีบริษัทของคุณ

  • ข้อมูลเกี่ยวกับการนำส่งภาษีเงินเดือนและเงินสมทบระบบประกันแห่งชาติ (Pay As You Earn: PAYE)

สําหรับบุคคลทั่วไปหรือห้างหุ้นส่วน คุณจะต้องใช้สิ่งต่อไปนี้

  • เลขที่ประกันแห่งชาติ

  • เอกสารประจําตัว เช่น หนังสือเดินทางหรือใบอนุญาตขับขี่

  • รายละเอียดบัญชีธนาคาร

  • หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ถ้ามี

  • รายละเอียดยอดขายต่อปีของคุณ

  • ข้อมูลแบบประเมินภาษีด้วยตนเองของคุณ

  • ข้อมูลเกี่ยวกับสลิปเงินเดือนของคุณ

  • ข้อมูลเกี่ยวกับแบบฟอร์ม P60

เมื่อคุณเอกสารครบแล้ว ให้กรอกใบสมัครขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจและกิจกรรมของคุณ แล้วระบุว่าคุณจะจดทะเบียนภายใต้แผนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ตรวจทานรายละเอียดก่อนส่ง โดยเฉพาะตัวเลขประเมินยอดขายและประเภทธุรกิจ เนื่องจากข้อผิดพลาดอาจทําให้การจดทะเบียนล่าช้า หลังจากที่ส่งแบบฟอร์มแล้ว HMRC จะส่งหมายเลขจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 9 หลักและยืนยันวันที่จดทะเบียนให้คุณทางไปรษณีย์

แผนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจในสหราชอาณาจักรมีแบบไหนบ้าง

ในสหราชอาณาจักร ธุรกิจสามารถเลือกแผนภาษีมูลค่าเพิ่มได้หลายแบบตามขนาดและการดําเนินงาน แผนเหล่านั้นออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในการคํานวณและลงบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่มของธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

แผนอัตราคงที่

แผนอัตราคงที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มได้ง่ายขึ้น โดยมีไว้สำหรับธุรกิจที่มียอดขายที่ต้องเสียภาษี 150,000 ปอนด์หรือน้อยกว่า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ธุรกิจสามารถจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์คงที่ตามยอดขายขั้นต้นแทนที่จะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในธุรกรรมทุกรายการ โดยอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามอุตสาหกรรม ภายใต้แผนนี้ ธุรกิจมักจะเรียกคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากการซื้อไม่ได้ ยกเว้นสินค้าทุนบางอย่างที่มีมูลค่ามากกว่า 2,000 ปอนด์

แผนบัญชีแบบเกณฑ์เงินสด

แผนบัญชีแบบเกณฑ์เงินสดเหมาะสําหรับธุรกิจที่มียอดขายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่เกิน 1.35 ล้านปอนด์ เมื่อใช้แผนนี้ ธุรกิจจะคิดภาษีมูลค่าเพิ่มจากการชําระเงินจริงที่ได้รับและจ่ายออก ซึ่งหมายความว่าธุรกิจเหล่านี้จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มให้ HMRC เมื่อลูกค้าชําระเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการจัดการกระแสเงินสด

แผนบัญชีรายปี

แผนบัญชีรายปีอนุญาตให้ธุรกิจที่มียอดขายที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 1.35 ล้านปอนด์หรือน้อยกว่ายื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มแบบรายปีแทนที่จะต้องยื่นรายไตรมาส ตลอดทั้งปี ธุรกิจจะชําระภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้า ซึ่งสามารถช่วยในการจัดทํางบประมาณได้

แผนค้าปลีก

แผนค้าปลีกช่วยลดความซับซ้อนในการคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับธุรกิจค้าปลีก โดยอนุญาตให้ธุรกิจคํานวณภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งเดียวในตอนยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มแต่ละครั้ง แทนที่จะต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายแต่ละครั้ง แผนการค้าปลีกมี 3 แบบ ได้แก่

  • แผนคำนวณ ณ จุดขาย: ธุรกิจจะคำนวณและบันทึกภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ขณะขาย

  • แผนคำนวณตามสัดส่วน: ธุรกิจคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยเปรียบเทียบมูลค่าของสินค้าที่ซื้อมาเพื่อขายต่อในอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มแต่ละอัตรากับยอดขายรวม

  • แผนการคํานวณโดยตรง: ธุรกิจคํานวณอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มหลายอัตราในงวดการยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มในคราวเดียว ในกรณีที่ยอดขายจำนวนน้อยใช้อัตราภาษีหนึ่งและยอดขายส่วนใหญ่เป็นอีกอัตราหนึ่ง

รูปแบบนี้จะมีประโยชน์เป็นพิเศษหากคุณขายสินค้ามูลค่าต่ำในปริมาณมาก

แผนส่วนต่าง

แผนส่วนต่างช่วยให้ธุรกิจที่ขายของมือสอง ชิ้นงานศิลปะ วัตถุโบราณ หรือของสะสม สามารถจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขายได้ แทนที่จะคิดถาษีจากราคาขายเต็มจำนวน ซึ่งอาจทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องจ่ายลดลง

หน้าที่ความรับผิดชอบของธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีอะไรบ้าง

คุณมีหน้าที่รับผิดชอบจำนวนหนึ่งหากธุรกิจของคุณจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • บวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปกับราคาสินค้าหรือบริการที่คุณขาย เว้นแต่คุณจะอยู่ภายใต้แผนพิเศษที่ไม่มีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่มในราคา

  • การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่ถูกต้อง

  • ออกใบกํากับภาษีให้ลูกค้า (เว้นแต่คุณจะอยู่ภายใต้แผนพิเศษที่ไม่มีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่มในราคา) ซึ่งระบุยอดภาษีมูลค่าเพิ่มและหมายเลขทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณ

  • ทำบันทึกภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บทั้งหมดเพื่อใช้ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (โดยปกติต้องยื่นทุก 3 เดือน)

  • ชําระภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระภายในกําหนดหลังจากยื่นแบบภาษี

Making Tax Digital (MTD)

Making Tax Digital (MTD) เป็นโครงการของรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่ต้องการปรับปรุงระบบภาษีให้ทันสมัยขึ้น โดยกําหนดให้ธุรกิจต้องจัดทำบันทึกข้อมูลดิจิทัลและยื่นแบบภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ MTD กำหนดให้ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมด ไม่ว่าจะมียอดขายเท่าใด ต้องปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านดิจิทัลต่อไปนี้

  • บันทึกข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล: ธุรกิจต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกันได้เพื่อจัดทำบันทึกรายการธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดในรูปแบบดิจิทัล

  • การยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มทางดิจิทัล: การยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มต้องส่งให้กับ HMRC โดยตรงโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่รองรับ MTD โดยไม่รับยื่นแบบด้วยตนเองทางพอร์ทัลออนไลน์ของ HMRC อีกต่อไป

  • ลิงก์ดิจิทัล: หากมีการใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์หรือสเปรดชีตหลายโปรแกรมเพื่อจัดการรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม โปรแกรมเหล่านั้นจะต้อง "เชื่อมโยงกันแบบดิจิทัล" ซึ่งหมายความว่าการโอนข้อมูลระหว่างโปรแกรมต่างๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ควรทำได้โดยไม่ต้องใช้คนทำ ซึ่งช่วยรับประกันความสมบูรณ์และและความถูกต้องของบันทึกรายการ

จะทำให้ขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มง่ายขึ้นได้อย่างไร

หากคุณต้องการให้การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มยุ่งยากน้อยลง มีเคล็ดลับที่ใช้ได้จริงดังนี้

  • รู้เวลาที่คุณต้องจดทะเบียนจริงๆ: แม้ว่าการจดทะเบียนก่อนที่จะถึงเกณฑ์อาจจะเป็นประโยชน์ แต่ก็ทำให้ธุรกิจของคุณมีงานที่ต้องทำมากขึ้น พิจารณายอดขายของคุณอย่างรอบคอบแล้วดูว่าคุณถึงเกณฑ์จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (หรือใกล้) ถึงเกณฑ์หรือยัง ด้วยวิธีนี้คุณสามารถวางแผนว่าจะจดทะเบียนเมื่อไหร่ได้อย่างมีกลยุทธ์และสามารถลดงานธุรการที่ไม่จำเป็นได้

  • ใช้บริการของผู้ให้บริการเพื่อจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ ผู้ให้บริการอย่าง Stripe มีเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย Stripe ซึ่งรวมถึง

    • Stripe Tax: ฟีเจอร์นี้คํานวณและเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแบบอัตโนมัติ โดยจะกําหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกต้องตามที่ตั้งของลูกค้าและประเภทผลิตภัณฑ์ และช่วยให้มั่นใจว่าธุรกรรมแต่ละรายการมียอดภาษีที่ถูกต้อง
    • ระบบรหัสภาษี: Stripe มีระบบรหัสภาษีที่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งจับคู่กับประมวลกฎหมายด้านภาษีทั่วโลก Stripe นำกฎระเบียบและอัตราภาษีที่ถูกต้องมาใช้โดยอัตโนมัติ ด้วยการเลือกรหัสภาษีที่เหมาะสมสําหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
    • Stripe Invoicing: Stripe ช่วยให้คุณสร้างใบแจ้งหนี้ที่เป็นไปตามข้อกำหนดเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมีรายละเอียดที่จําเป็น เช่น หมายเลขทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณและจํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บ ช่วยให้แน่ใจว่าใบกำกับภาษีของคุณเป็นไปตามข้อกําหนดทางกฎหมาย
    • การกําหนดที่ตั้งของลูกค้า: Stripe ใช้ข้อมูลตําแหน่งที่ตั้ง เช่น สกุลเงินและรหัสไปรษณีย์ เพื่อกําหนดที่ตั้งของลูกค้า ข้อมูลนี้ช่วยให้ใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับด้านภาษี
    • ความช่วยเหลือด้านการรายงานและการยื่นภาษี: Stripe ยังเป็นพันธมิตรกับบริการยื่นภาษีทั่วโลกเพื่อช่วยด้านการยื่นภาษีอีกด้วย
  • ทําความเข้าใจว่าคุณจะขอคืนอะไรได้บ้าง: ข้อดีอีกอย่างของการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มคือการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าใช้จ่ายของธุรกิจ ศึกษาว่าอะไรที่ขอคืนได้ เพื่อที่คุณจะได้ขอคืนเงินได้ตามสิทธิ์ที่มี

  • ทำให้เป็นระเบียบตั้งแต่ต้น: ทันทีที่จดทะเบียน คุณจะต้องเริ่มเก็บบันทึกเกี่ยวกับการขายและค่าใช้จ่ายของคุณอย่างละเอียด ดังนั้น อย่าลืมเตรียมระบบไว้ทันที

  • วางแผนรองรับการเปลี่ยนผ่าน: หากคุณจดทะเบียนหลังจากทําธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้ว คุณจะต้องปรับการคิดราคาผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อให้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ด้วย สื่อสารกับลูกค้าของคุณอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้พวกเขาประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Tax

Tax

ช่วยให้คุณทราบพื้นที่ที่ต้องจดทะเบียน เรียกเก็บภาษีในจำนวนที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเข้าถึงรายงานที่ใช้สำหรับยื่นเงินคืนภาษี

Stripe Docs เกี่ยวกับ Tax

เรียกเก็บภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST รวมทั้งสร้างรายงานธุรกรรมทั้งหมดของคุณแบบอัตโนมัติ พร้อมเชื่อมต่อระบบโดยเขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยหรือไม่ต้องเขียนโค้ดเลย