การรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์คือการโอนเงินระหว่างบัญชีโดยใช้ระบบดิจิทัลแทนการใช้เงินสดหรือเครื่องมือที่เป็นกระดาษ เช่น เช็ค ในปี 2024 ธุรกรรมดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 17.73 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกรรมหลากหลายแบบที่ให้บริการโดยธนาคาร เครือข่ายการชําระเงิน และผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการเงิน ธุรกรรมดิจิทัลอาจเกิดขึ้นได้ภายในสถาบันเดียวกันหรือระหว่างนิติบุคคลทางการเงินหลายแห่ง
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงการรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ และผลกระทบที่มีต่อธุรกิจ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- เหตุใดการรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จึงสําคัญต่อธุรกิจ
- วิธีรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้กันทั่วไปได้แก่อะไรบ้าง
- อะไรคือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์
- Stripe อํานวยความสะดวกให้กับการรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างไร
เหตุใดการรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จึงสําคัญต่อธุรกิจ
การรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้ธุรกิจชําระเงิน ควบคุม คาดการณ์ และปรับขนาดการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดปัญหาคอขวด ธุรกิจที่รับส่งเงินได้ราบรื่นจะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จ่ายค่าธรรมเนียมน้อยลง ทําให้ลูกค้าและซัพพลายเออร์พอใจ ต่อไปนี้คือคือตัวอย่างประโยชน์ของการรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์สําหรับธุรกิจ
เติบโตได้รวดเร็วขึ้น
ถ้าคุณต้องรอหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าที่เงินจะเข้าบัญชี นั่นก็คือเวลาที่คุณจะไม่สามารถนำเงินไปลงทุนซื้อสินค้าคงคลัง ทำการตลาด หรือจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ วิธีการชําระเงินบางแบบจะให้คุณเข้าถึงรายรับได้รวดเร็วกว่าวิธีการชําระเงินอื่นๆ ดังนั้นคุณควรเลือกการชําระเงินแบบเรียลไทม์แทนการโอนเงินผ่านสํานักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH) หรือควรเจรจากับผู้ประมวลผลการชําระเงินเพื่อให้ได้รับเงินได้เร็วขึ้น
ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าต้องการใช้วิธีการชําระเงินที่ตัวเองต้องการเมื่อเป็นไปได้ หากคุณไม่ได้มีตัวเลือกต่างๆ ไวให้ลูกค้า เช่น บัตรเครดิต กระเป๋าเงินดิจิทัล การโอนเงินผ่านธนาคาร และซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) ลูกค้าก็จะมองหาธุรกิจที่มีตัวเลือกเหล่านี้แทน
การชําระเงินแบบไดนามิกสําหรับทุกฝ่าย
ซัพพลายเออร์อยากได้รับเงินตรงเวลา ส่วนพนักงานก็คาดหวังว่าจะได้รับเงินเบิกจ่ายโดยไม่ล่าช้า ธุรกิจที่บริหารจัดการผู้ให้บริการ ผู้รับเหมา และทีมงานจำนวนมากในสถานที่หลายๆ แห่งจึงต้องมีวิธีการชําระเงินที่ใช้งานข้ามพรมแดนและระบบธนาคารได้ วิธีการชําระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่คุณเลือกจะส่งผลต่อวิธีที่เงินเข้าบัญชีและความสะดวกง่ายดายในการเบิกจ่ายเงิน
ผลกำไรที่น่าพึงพอใจ
วิธีการชําระเงินแต่ละแบบต่างก็มีข้อดีข้อเสีย ธุรกิจที่ไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้อาจจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวิธีการชำระเงินเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ การปรับปรุงการประมวลผลการชําระเงิน เช่น การปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการทําธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร การใช้เครือข่ายการชําระเงินแบบเรียลไทม์ หรือการเจรจาตกลงค่าธรรมเนียมการประมวลผล อาจเป็นตัวชี้วัดว่าธุรกิจจะมีผลกำไรน่าพึงพอใจหรือต้องประสบกับการขาดทุน
การป้องกันการฉ้อโกงและการรักษาความปลอดภัย
การจัดการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จะทําให้เกิดความเสี่ยงหลายประการ ซึ่งรวมถึงการดึงเงินคืน การฉ้อโกง และปัญหาด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ธุรกิจต่างๆ ต้องการระบบที่ตรวจจับการฉ้อโกงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ปกป้องข้อมูลของลูกค้า และลดความเสี่ยงที่จะถูกโต้แย้งการชําระเงินที่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล ความท้าทายคือการทําให้ธุรกรรมปลอดภัยโดยไม่เพิ่มอุปสรรคที่ทำให้การชําระเงินช้าลงหรือผลักลูกค้าออกไป
วิธีรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้กันทั่วไปได้แก่อะไรบ้าง
การรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์ทำได้หลายวิธี โดยแต่ละวิธีออกแบบมาสําหรับกรณีการใช้งาน ความเร็ว และความปลอดภัยที่แตกต่างกันไป วิธีการเหล่านี้ ได้แก่
การโอนเงินผ่านธนาคาร
การโอนเงินแบบ ACH: ระบบประมวลผลธุรกรรมพร้อมกันเป็นชุดสําหรับการโอนเงินระหว่างธนาคารกับธนาคาร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้สําหรับบัญชีเงินเดือน การชําระเงินตามใบเรียกเก็บ และเงินฝากโดยตรง
การโอนเงินระหว่างธนาคาร: การโอนเงินผ่านธนาคารไปยังธนาคารโดยตรงที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งมักใช้กับธุรกรรมรายการใหญ่ๆ หรือธุรกรรมระหว่างประเทศ
การชําระเงินแบบเรียลไทม์: การโอนเงินผ่านธนาคารโดยทันที ซึ่งมีการตรวจสอบและชําระในทันที ใช้สําหรับธุรกรรมเร่งด่วน
ธุรกรรมผ่านบัตร
การชําระเงินด้วยบัตรเครดิต: การชําระเงินผ่านบัตรเครดิตผ่านเครือข่ายบัตร (เช่น Visa, Mastercard)
ธุรกรรมผ่านบัตรเดบิต: ระบบจะถอนเงินจากบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงในระบบบันทึกการขายโดยตรง
กระเป๋าเงินดิจิทัลและการชําระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
การชําระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล: การชําระเงินแบบไร้สัมผัสด้วยรายละเอียดการชําระเงินที่จัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay
แอปพลิเคชันการชําระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่: การชําระเงินแบบเพียร์ทูเพียร์และการชำระเงินสำหรับธุรกิจที่ใช้บัญชีธนาคาร บัตร หรือยอดคงเหลือที่จัดเก็บไว้ในแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น Venmo, Cash App และ Wise
คริปโตเคอร์เรนซีและการโอนเงินผ่านบล็อกเชน
- Bitcoin, Ethereum และ Tether: การโอนเงินแบบกระจายศูนย์ที่มีการชําระเงินรวดเร็ว มักใช้สําหรับการทําธุรกรรมข้ามพรมแดน
เช็คอิเล็กทรอนิกส์
- เช็คแบบดิจิทัล: รูปภาพของเช็คที่ประมวลผลผ่านเครือข่ายการชําระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และนิยมใช้กันทั่วไปสำหรับการให้เช่า การออกใบแจ้งหนี้ และการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
บริการ BNPL
- Affirm, Klarna และ Afterpay: การจัดหาเงินทุนเพื่อการผ่อนชําระระยะสั้นสําหรับการซื้อทางออนไลน์และหน้าร้าน
อะไรคือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการรับส่งเงินอิเล็กทรอนิกส์
การแตะ โอนเงิน และเบิกจ่ายอัตโนมัติทุกรายการอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงในระดับหนึ่ง การฉ้อโกง ความล้มเหลวของระบบ และการไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอาจทำให้สูญเสียรายได้ สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งการปฏิบัติงานที่ขัดข้อง และเมื่อการชําระเงินได้เร็วขึ้น โอกาสในการตรวจจับและหยุดปัญหาก็จะน้อยลงด้วย สิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสนใจ
การฉ้อโกงความเร็วสูง
ทุกครั้งที่มีความก้าวหน้าทำให้เราชําระเงินได้เร็วขึ้น ใครบางคนก็กําลังหาวิธีใช้ประโยชน์จากมัน การชําระเงินแบบเรียลไทม์ ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงอาชญากรด้วย การโจมตีแบบฟิชชิง ข้อมูลระบุตัวตนสังเคราะห์ และการเข้าควบคุมบัญชีสามารถสร้างปัญหาให้กับธุรกิจที่ประมวลผลการชําระเงินได้
การดึงเงินคืน
การชําระเงินด้วยบัตรมาพร้อมกับปัญหา กล่าวคือหากลูกค้าโต้แย้งการเรียกเก็บเงิน ธุรกิจมักจะต้องเสียรายได้ การดึงเงินคืนทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าธรรมเนียมและสูญเสียรายรับ ไม่ว่าลูกค้าจะทำการฉ้อโกงที่เป็นมิตร (กล่าวคือลูกค้าซื้อสินค้าอย่างถูกต้อง แต่อ้างว่าตนไม่ได้อนุมัติการซื้อรายการดังกล่าว) หรือเป็นการโต้แย้งการชําระเงินที่ถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ธุรกิจที่มีการดึงเงินคืนมากเกินไปอาจหาผู้ประมวลผลการชําระเงินที่จะทํางานร่วมกันได้ลำบาก
ระบบล้มเหลว
ความขัดข้องของธนาคาร การหยุดทํางานของตัวประมวลผล และอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) อาจทําให้ระบบการชําระเงินใช้งานไม่ได้และต้องหยุดการขาย สําหรับธุรกิจที่พึ่งพาการเบิกจ่ายอัตโนมัติ (เช่น เงินเดือน การชําระเงินจากซัพพลายเออร์ การเรียกเก็บเงินตามรอบบิล) ความขัดข้องหนึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ทําให้เกิดความล่าช้า ค่าธรรมเนียม ผู้ให้บริการไม่พอใจ และผลลัพธ์อื่นๆ ตามมา
การปฏิบัติตามข้อกําหนดที่ซับซ้อน
ธุรกิจที่จัดการธุรกรรมดิจิทัลต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) กฎหมายการฟอกเงิน (AML) กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) และกฎหมายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA) เพื่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและข้อบังคับใหม่ของคริปโต ความไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดอาจส่งผลร้ายแรง
ค่าใช้จ่ายแอบแฝง
ธุรกรรมทุกรายการจะมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคาร ค่าธรรมเนียม ACH ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน และค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม ธุรกิจที่ไม่ได้ปรับขั้นตอนการชําระเงินมักจะสูญเสียเงินโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการชําระค่าประมวลผลมากเกินไปและไม่ได้เจรจาต่อรองขออัตราที่ดีกว่าเดิม
ภัยคุกคามต่อการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์:
แค่ช่องโหว่เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น API ที่รั่วไหล ปลั๊กอินล้าสมัย พนักงานคลิกลิงก์ผิด ก็อาจทําให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนได้แล้ว การโจมตีของแรนซัมแวร์ ารยัดข้อมูลประจําตัว และการแฮ็กซัพพลายเชน สามารถเกิดขึ้นได้กับธุรกิจทุกขนาดและค่าใช้จ่ายการกู้คืนอาจสูงมาก
Stripe อํานวยความสะดวกให้กับการรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างไร
Stripe ช่วยให้ธุรกิจรับส่งเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่ายขึ้น เบื้องหลังการชําระเงินออนไลน์ การเบิกจ่ายในมาร์เก็ตเพลส หรือการต่ออายุการสมัครใช้บริการทุกรายการ ประกอบด้วยกฎธนาคาร การแปลงสกุลเงิน และการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกําหนด Stripe รับผิดชอบงานเหล่านี้ให้กับธุรกิจทุกประเภท ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่กําลังทดลองสร้างโมเดลรายได้ใหม่ๆ ไปจนถึงองค์กรต่างๆ ที่ทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นทั่วโลก
การรับชําระเงิน
Stripe ประมวลผลการชําระเงินอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และครอบคลุมวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
บัตร: Visa, Mastercard, American Express และเครือข่ายบัตรรายใหญ่อื่นๆ
การโอนเงินผ่านธนาคาร: การโอนเงินแบบ ACH, Single Euro Payments Area (SEPA) และการโอนเงินผ่านธนาคาร
กระเป๋าเงินดิจิทัล: Apple Pay, Google Pay และตัวเลือกอื่นๆ ที่สะดวกสําหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
BNPL: Klarna, Afterpay และโซลูชันการชําระเงินแบบผ่อนชําระแบบอื่นๆ
คริปโต: สกุลเงินคงที่และสกุลเงินดิจิทัลสําหรับธุรกรรมทั่วโลก (ขณะนี้ให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกา)
การเบิกจ่าย
นอกจากรับเงินแล้ว ธุรกิจจะส่งเงินให้กับผู้ให้บริการ คนงานนอกระบบ หรือบัญชีธนาคารของตนด้วย Stripe ให้บริการเบิกจ่ายทันทีผ่านบัตรเดบิตและบัญชีธนาคารที่ลิงก์ Stripe Connect ช่วยให้แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสแยกและส่งเงินทุนให้กับหลายฝ่ายได้โดยอัตโนมัติ บริษัทอย่าง Lyft และ Shopify ใช้ Stripe Connect เพื่อส่งการชําระเงินให้ผู้ขับหรือผู้ขายอิสระแบบเรียลไทม์
การจัดการรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า
Stripe เพิ่มประสิทธิภาพให้กับโมเดลการเรียกเก็บเงินที่ซับซ้อนและทําให้จัดการรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าง่ายขึ้น
การเรียกเก็บเงินตามรอบบิล: Stripe Billing ช่วยให้การกำหนดค่าบริการแบบแบ่งระดับ การทดลองใช้ฟรี และการเรียกเก็บเงินตามการใช้งานกลายเป็นขั้นตอนอัตโนมัติ
การกู้คืนการชําระเงินอัจฉริยะ: หากชําระเงินไม่สําเร็จ Stripe จะลองเรียกเก็บเงินซ้ำในเวลาที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มอัตราความสําเร็จและลดอัตราการเลิกใช้บริการ
การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี: Stripe คํานวณภาษีในหลายประเทศ โดยลดข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในการขายระดับโลก
อํานวยความสะดวกให้กับการชําระเงินทั่วโลก
Stripe ช่วยให้ธุรกิจที่ดําเนินธุรกิจในต่างประเทศด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
รองรับหลายสกุลเงิน: ธุรกิจสามารถยอมรับและชําระเงินได้มากกว่า 135 สกุลเงิน
การเพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ: การมียอดคงเหลือในหลายสกุลเงินจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนที่ไม่จําเป็น
การเป็นพาร์ทเนอร์กับธนาคารในประเทศ: การผสานการทํางานโดยตรงกับระบบธนาคารทั่วโลกเร่งเวลาการชําระเงินให้เร็วขึ้น
การจัดหาบริการด้านการเงิน การให้กู้ยืม และการธนาคารแบบผสานรวมสําหรับธุรกิจ
Stripe ช่วยให้ธุรกิจรับส่งและจัดการเงินด้วยเครื่องมือต่างๆ ดังนี้
Stripe Treasury: แพลตฟอร์มสามารถผสานรวมบริการทางการเงินและเสนอบัญชีผู้ใช้ บัตรชําระเงิน และเครื่องมือต่างๆ โดยใช้ Stripe Treasury
Stripe Capital: ธุรกิจอาจได้รับอนุมัติให้กู้ยืมโดยอัตโนมัติตามประวัติการชําระเงินโดยใช้ Stripe Capital
Stripe Issuing: Stripe Issuing ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างบัตรใบจริงและบัตรดิจิทัลของตนเองเพื่อใช้จัดการค่าใช้จ่ายและจัดทำโปรแกรมเครดิตสะสมของลูกค้า
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ