โดยทั่วไปแล้ว เงินจะเคลื่อนผ่านธนาคาร เครือข่ายบัตร และสำนักหักบัญชี โดยแต่ละตัวกลางจะหักค่าธรรมเนียมและกำหนดความเร็วของธุรกรรม แต่บล็อกเชนเข้ามาแทนที่ชั้นเหล่านั้นด้วยบัญชีแยกร่วมที่ป้องกันการแก้ไข ซึ่งช่วยให้การชำระเงินสามารถส่งโดยตรง ยืนยันได้ภายในไม่กี่นาที และดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน สิ่งนี้เปลี่ยนทั้งผู้ควบคุมระบบ ต้นทุนที่เกิดขึ้น และความเป็นไปได้ทางเทคนิคเมื่อ "เงิน" กลายเป็นสิ่งที่ตั้งโปรแกรมได้ โดยในปี 2024 มูลค่าตลาดเทคโนโลยีบล็อกเชนทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 31.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเกิน 1.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ตามการเติบโตของความต้องการ

ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายวิธีการทำงานของการชำระเงินผ่านบล็อกเชน ระบบที่อยู่เบื้องหลัง ประโยชน์ และวิธีรับชำระเงินด้วยวิธีนี้

เนื้อหาหลักในบทความ

• การชำระเงินผ่านบล็อกเชนคืออะไรและทำงานอย่างไร
  
• ระบบชำระเงินผ่านบล็อกเชนประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง
  
• ประโยชน์ของการใช้บล็อกเชนในการชำระเงินมีอะไรบ้าง
  
• ธุรกิจจะรับชำระเงินผ่านบล็อกเชนได้อย่างไร
  
• อะไรคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการชำระเงินผ่านบล็อกเชน
  
• Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
  

การชําระเงินผ่านบล็อกเชนคืออะไรและทํางานอย่างไร

การชําระเงินผ่านบล็อกเชนจะย้ายธุรกรรมผ่านเครือข่ายแบบกระจายอํานาจแทนที่จะผ่านธนาคารหรือเครือข่ายบัตร ในการชําระเงิน คุณส่งสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระเป๋าเงินดิจิทัลไปยังอีกบัญชีหนึ่ง และธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทที่ใช้ร่วมกันซึ่งทุกคนสามารถตรวจสอบได้

การออกแบบนี้ได้รับการสาธิตครั้งแรกในปี 2008 เมื่อผู้สร้างบิตคอยน์อธิบายว่าเป็น "ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ระหว่างบุคคลโดยสมบูรณ์ โดยไม่มีบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้" หลักการนี้ยังคงขับเคลื่อนการชำระเงินผ่านบล็อกเชนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นบิตคอยน์ สเตเบิลคอยน์ หรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ

วิธีการทำงานมีดังนี้

• คุณสร้างคําขอชําระเงินจากกระเป๋าเงินของคุณและส่งไปยังเครือข่าย

• โหนดของบล็อกเชน ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อถึงกันซึ่งแบ่งปันข้อมูลผ่านเครือข่าย จะยืนยันว่าคุณมีเงินทุนและไม่ได้พยายามใช้จ่ายเหรียญเดียวกันซ้ำ

• เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว ธุรกรรมจะถูกเพิ่มลงใน "บล็อก" และจัดเก็บไว้อย่างถาวรบนเชน

• กระเป๋าเงินของผู้รับจะแสดงยอดคงเหลือใหม่

ทุกคนสามารถดูบันทึกธุรกรรมได้ และการเข้ารหัสพร้อมโปรโตคอลฉันทามติช่วยให้ระบบทนต่อการปลอมแปลง การชําระเงินสามารถชําระได้ในไม่กี่นาทีแทนที่จะต้องใช้เวลาหลายวัน และไม่มีปิดทําการในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์

ระบบชําระเงินผ่านบล็อกเชนประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง

การชำระเงินผ่านบล็อกเชนมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐาน ข้อดี-ข้อเสีย และอัตราการนำไปใช้ที่ต่างกัน ธุรกิจเลือกใช้ตามความต้องการด้านความเสถียร ความต้องการของผู้บริโภค และข้อกำหนดด้านความเร็วในการทำธุรกรรม

คริปโตเคอร์เรนซี

นี่คือระบบการชำระเงินบนบล็อกเชนดั้งเดิมซึ่งเริ่มต้นด้วยบิตคอยน์ การชำระเงินจะถูกกระจายไปยังเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ตรวจสอบความถูกต้อง และเพิ่มลงในบัญชีแยกประเภทสาธารณะของบล็อกเชน เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับได้

คริปโตช่วยให้สามารถชําระเงินแบบระหว่างบุคคลได้โดยตรงโดยไม่ต้องมีคนกลาง และทํางานได้ทั่วโลกสําหรับทุกคนที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ แต่ความผันผวนของราคาอาจทําให้คริปโตไม่สามารถกําหนดราคาสินค้าและบริการได้ เช่น การชําระเงินมูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อชําระเงินอาจมีมูลค่า 95 หรือ 105 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อถึงเวลาที่ชําระเงิน

สเตเบิลคอยน์

สเตเบิลคอยน์เป็นคริปโตเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่ผูกไว้กับสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ ซึ่งมักจะเป็นสกุลเงินตรา เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร โดยเป็นหมวดหมู่ใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาความผันผวนของคริปโต ตัวอย่างยอดนิยม ได้แก่ USDC และ USDT

สเตเบิลคอยน์รักษามูลค่าให้คงที่ในขณะที่ยังคงความเร็ว ต้นทุนต่ำ และการเข้าถึงระดับโลกของบล็อกเชนไว้ การชำระเงินจำนวน 100 USDC วันนี้จะยังคงมีมูลค่าประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐในวันพรุ่งนี้ การชำระเงินรูปแบบนี้ได้รับความนิยมในด้านการค้าข้ามพรมแดนและการชำระเงินจำนวนมาก

สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)

CBDC เป็นเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลซึ่งสามารถสร้างขึ้นบนบล็อกเชนหรือเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอื่นๆ CBDC มอบการโอนเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยโดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลาง ตลอดจนรวมความน่าเชื่อถือของเงินตราแบบดั้งเดิมเข้ากับประสิทธิภาพของระบบบล็อกเชน ปัจจุบัน CBDC ส่วนใหญ่ยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดและเป็นระบบแบบมีสิทธิ์เข้าถึง ซึ่งแตกต่างจากบล็อกเชนสาธารณะ

ในปี 2025 มากกว่า 130 ประเทศและสหภาพสกุลเงิน กําลังสํารวจ CBDC ขณะที่ไนจีเรีย บาฮามาส และจาเมกาได้เปิดใช้งาน CBDC สำหรับการใช้งานภาคค้าปลีกแล้ว อย่างไรก็ตาม CBDC ยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเศรษฐกิจส่วนใหญ่

เครือข่าย Layer 2

เครือข่าย Layer 2 เป็นเครือข่ายรองที่ทํางานบนบล็อกเชนพื้นฐานเพื่อปรับปรุงความเร็วและต้นทุน เหมาะอย่างยิ่งสําหรับการชําระเงินที่มีความถี่สูงและมูลค่าต่ำ ซึ่งอาจมีราคาแพงเกินไปหรือช้าเกินไปในบล็อกเชนพื้นฐาน

ตัวอย่างเช่นเครือข่าย Lightning สําหรับบิตคอยน์จะส่งธุรกรรมออกจากบล็อกเชน จากนั้นจะชําระยอดคงเหลือสุดท้ายบนบล็อกเชน ทําให้การชําระเงินเกิดขึ้นเกือบจะทันทีและแทบไม่มีค่าธรรมเนียม

ประโยชน์ของการใช้บล็อกเชนในการชําระเงินมีอะไรบ้าง

การชําระเงินผ่านบล็อกเชนจะปรับเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปได้สําหรับความเร็ว ต้นทุน การเข้าถึง และความโปร่งใสในการเคลื่อนย้ายเงิน ผลกระทบนั้นเห็นได้ชัดเจนที่สุดในการค้าข้ามพรมแดนแต่ประโยชน์หลายประการเหล่านี้ใช้ได้ทุกที่ที่ผู้คนต้องการเคลื่อนย้ายมูลค่าอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

การชําระเงินที่เร็วขึ้นและความพร้อมใช้งานมากขึ้น

ระบบชำระเงินแบบดั้งเดิมมักทำงานตามเวลาทำการและอาจใช้เวลาหลายวันในการชําระเงิน บล็อกเชนสาธารณะทํางานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงและยืนยันการทําธุรกรรมในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที

ลดต้นทุน โดยเฉพาะข้ามพรมแดน

การกําจัดตัวกลาง เช่น ธนาคารตัวแทนช่วยลดค่าธรรมเนียม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยให้การชําระเงินข้ามพรมแดนราคาถูกกว่ามาก แม้ว่าค่าธรรมเนียมเครือข่ายอาจพุ่งสูงในช่วงที่มีความหนาแน่น แต่บล็อกเชนยังคงมีต้นทุนแข่งขันได้หรือถูกกว่าวิธีเดิมสำหรับการชำระเงินมูลค่าสูงหรือระหว่างประเทศหลายกรณี

การเข้าถึงระดับโลกและไม่แบ่งแยก

ทุกคนที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถส่งหรือรับการชําระเงินผ่านบล็อกเชนได้โดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร คาดว่ามีผู้ถือครองคริปโตเคอร์เรนซีมากกว่า 560 ล้านคนทั่วโลกในปี 2024 โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเกิดใหม่ ในแอฟริกาใต้ซาฮารา สเตเบิลคอยน์คิดเป็นประมาณ 43% ของปริมาณธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซี

ความสมบูรณ์และความปลอดภัย

เมื่อธุรกรรมได้รับการยืนยันแล้ว ธุรกรรมนั้นบนบล็อกเชนถือว่าไม่สามารถย้อนกลับได้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการดึงเงินคืนสำหรับธุรกิจและลดความสูญเสียจากการฉ้อโกง โมเดลฉันทามติแบบกระจายศูนย์และการเข้ารหัสทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะปลอมแปลงธุรกรรม นอกจากนี้ยังให้ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เพราะคู่สัญญาไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนรายละเอียดบัญชีที่ละเอียดอ่อนเพื่อทำธุรกรรม

ความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบ

การชําระเงินบล็อกเชนสาธารณะทุกครั้งจะปรากฏบนบัญชีแยกประเภท ประทับเวลา และตรวจสอบย้อนกลับได้ การมองเห็นแบบเรียลไทม์นี้ช่วยในการกระทบยอด การตรวจสอบ และการปฏิบัติตามข้อกําหนด และสามารถสร้างความไว้วางใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย องค์กรสามารถตรวจสอบขั้นตอนการชําระเงินได้โดยตรงโดยไม่ต้องรอรายงานจากบุคคลที่สาม

ความสามารถในการตั้งโปรแกรม

บล็อกเชนอย่าง Ethereum รองรับสัญญาอัจฉริยะและช่วยให้คู่สัญญาสามารถเชื่อมการชำระเงินกับเงื่อนไขหรือเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติได้ เช่น คุณสามารถตั้งโปรแกรมเอสโครว์ที่ปล่อยเงินเมื่อส่งมอบสินค้า การแบ่งรายรับทันทีระหว่างผู้ร่วมงาน หรือการชำระเงินขนาดเล็กตามการใช้งานสำหรับบริการดิจิทัล การทำงานอัตโนมัติเหล่านี้ช่วยลดภาระงานด้านการบริหารและสร้างโอกาสที่ระบบการชำระเงินแบบเดิมไม่สามารถทำได้

ธุรกิจจะรับชําระเงินผ่านบล็อกเชนได้อย่างไร

ก่อนที่คุณจะเพิ่มบล็อกเชนลงในสแต็กการชําระเงินของคุณ ให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

• ขอบเขตสกุลเงิน: คุณจะยอมรับเหรียญหรือโทเค็นใดและเพราะเหตุใด

• กลยุทธ์การแปลงสกุลเงิน: คุณจะถือสกุลเงินเหล่านั้นหรือแปลงเป็นเงินตราโดยอัตโนมัติ

• ขั้นตอนการชําระเงิน: คุณต้องให้คําแนะนําประเภทใดแก่ลูกค้า คุณจะทํางานกับรหัส QR การจํากัดเวลาการชําระเงิน และข้อความแจ้งการยืนยันอย่างไร

• การปฏิบัติตามข้อกําหนด: คุณจะจัดการกับกฎ Know Your Customer (KYC) และการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) อย่างไร มีผู้ให้บริการที่สามารถช่วยจัดการความเสี่ยงด้านระเบียบข้อบังคับของคุณได้หรือไม่

วิธีที่ดีที่สุดในการรับชําระเงินด้วยบล็อกเชนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ทรัพยากรทางเทคนิค และฐานลูกค้า ต่อไปนี้คือวิธีการหลักที่ควรพิจารณา

การยอมรับโดยตรง

คุณสร้างกระเป๋าเงินคริปโตเคอร์เรนซีของตัวเองแล้วแชร์ที่อยู่ (หรือรหัส QR) ให้ลูกค้า การชำระเงินจะเข้ามาโดยตรงโดยไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งทำให้คุณควบคุมเงินทุนได้เต็มที่และหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมของผู้ประมวลผลการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม คุณต้องจัดการความปลอดภัยของกระเป๋าเงินและคีย์ทั้งหมด ตรวจสอบบล็อกเชนเพื่อยืนยันการชำระเงิน และแบกรับความเสี่ยงด้านความผันผวนหากคุณถือสินทรัพย์ก่อนแปลงเป็นเงินตรา

วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในการเก็บรักษาคริปโตหรือต้องการถือคริปโตเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์ทางการเงินของบริษัท

ผ่านผู้ประมวลผลการชำระเงินหรือเกตเวย์

คุณผสานการทำงานกับผู้ให้บริการชำระเงินภายนอกเข้ากับการชำระเงิน ผู้ให้บริการจะจัดการธุรกรรมคริปโตและชำระเงินเป็นสกุลเงินที่คุณต้องการ วิธีนี้ช่วยลดความรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน การติดตามบล็อกเชน และข้อกำหนดการปฏิบัติตามข้อกำหนด อีกทั้งลดความเสี่ยงจากความผันผวนโดยการแปลงการชำระเงินด้วยคริปโตหรือสเตเบิลคอยน์เป็นเงินตราทันที นอกจากนี้ยังง่ายต่อการผสานการทำงานเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซผ่านอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) หรือปลั๊กอิน

วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มรับชำระเงินผ่านบล็อกเชนอย่างง่ายดายโดยไม่เพิ่มความซับซ้อน

การยอมรับเฉพาะสเตเบิลคอยน์

คุณจำกัดการรับชำระเงินด้วยคริปโตเฉพาะสเตเบิลคอยน์ อย่าง USDC และ USDT ซึ่งมีมูลค่าผูกกับเงินตรา คุณสามารถถือไว้เพื่อชำระเงินในอนาคตหรือแปลงเป็นเงินตราเป็นระยะ มูลค่าที่คาดเดาได้ทำให้การกำหนดราคาและการบัญชีง่ายขึ้น และวิธีนี้สามารถใช้สำหรับการชำระเงินข้ามประเทศโดยไม่ต้องรอธนาคาร

แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ ผู้ส่งออก และซัพพลายเออร์ในตลาดเกิดใหม่มักยอมรับสเตเบิลคอยน์ เพื่อการชําระเงินในสกุลเงินดอลลาร์ที่รวดเร็วขึ้น

การผสานการทำงานแบบไฮบริดหรือแบบกําหนดเอง

คุณรวมวิธีการรับชำระเงินหลายวิธี ตัวอย่างเช่น คุณยอมรับบิตคอยน์โดยตรงสําหรับธุรกรรมบางอย่างในขณะที่ใช้ผู้ประมวลผลสําหรับสเตเบิลคอยน์ สิ่งนี้ทําให้คุณมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน และช่วยให้คุณสอดคล้องกับกลยุทธ์การเงินของคุณ (เช่น การตัดสินใจว่าจะถือเงินเมื่อใดและแบบใด) แต่ต้องมีการประสานงานมากขึ้นและคําแนะนําที่ชัดเจนสำหรับลูกค้าในการชำระเงิน

อะไรคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการชําระเงินผ่านบล็อกเชน

การชําระเงินผ่านบล็อกเชนเปิดโอกาสใหม่ๆ แต่ก็มีอุปสรรคที่อาจทําให้การนําไปใช้ช้าลง ต่อไปนี้คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการชําระเงินผ่านบล็อกเชน

ความผันผวนของราคา

คริปโตเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์และ Ether สามารถผันผวนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับผู้ชําระเงินและผู้รับ แม้แต่สเตเบิลคอยน์ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้างเช่นกัน เช่น "depegs" หรือปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว ธุรกิจสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้โดยใช้สเตเบิลคอยน์ที่รองรับเงินตรา (เช่น USDC, USDT) เพื่อรักษามูลค่าที่คาดการณ์ได้ และร่วมมือกับผู้ประมวลผลการชำระเงินที่แปลงคริปโตเป็นเงินตราโดยอัตโนมัติ ณ จุดชำระเงิน

ความแออัดของเครือข่ายและค่าธรรมเนียม

บล็อกเชนยอดนิยมมีขีดความสามารถจำกัด และต้นทุนการทำธุรกรรมอาจพุ่งสูงสุดเมื่อมีการใช้งานหนัก ธุรกิจต่างๆ สามารถบรรเทาปัญหานี้ได้โดยการใช้เครือข่าย Layer 2 ที่มีปริมาณงานสูง และเลือกผู้ให้บริการชำระเงินที่จัดการการเลือกเครือข่ายและจัดการค่าธรรมเนียมในส่วนแบ็กเอนด์

ประสบการณ์ของผู้ใช้และอุปสรรคทางเทคนิค

การจัดการที่อยู่กระเป๋าเงิน การปกป้องคีย์ส่วนตัว และการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเวลายืนยันอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับผู้ใช้ใหม่ในวงการคริปโต การพิมพ์ที่อยู่ผิดหรือส่งโทเค็นผิดประเภทอาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นได้ด้วยการชำระเงินด้วยรหัส QR ชื่อกระเป๋าเงินที่มนุษย์สามารถอ่านได้ และแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินที่เน้นการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นหลัก หรือโดยการผสานการทำงานของขั้นตอนการชำระเงินที่จัดการการสร้างและยืนยันที่อยู่โดยอัตโนมัติ

ความไม่แน่นอนด้านระเบียบข้อบังคับ

ระเบียบข้อบังคับจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ตั้งแต่กรอบการอนุญาตไปจนถึงการห้ามโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น กฎระเบียบตลาดสินทรัพย์คริปโต (MiCA) ของสหภาพยุโรปได้กำหนดกฎระเบียบที่ครอบคลุมสำหรับสินทรัพย์คริปโต ขณะที่หลายประเทศยังคงกำหนดขอบเขตการกำกับดูแล ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันด้าน KYC และ AML ในเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้อง และติดตามกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อจำกัดความเสี่ยง กลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการชำระเงินที่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งดูแลการคัดกรองและการรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด

ความสมบูรณ์ของระบบและผลกระทบของเครือข่าย

การชําระเงินผ่านบล็อกเชนจะทํางานได้ดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายของธุรกรรมสามารถใช้ได้ แต่ลูกค้าและซัพพลายเออร์จํานวนมากยังคงชอบระบบแบบดั้งเดิม แม้ว่าคุณจะได้รับสเตเบิลคอยน์ คุณอาจต้องแปลงเป็นเงินตราเพื่อจ่ายเงินเดือน ซัพพลายเออร์ หรือภาษี ลูกค้าอาจต้องการชําระเงินในสินทรัพย์ต่างๆ (เช่น บิตคอยน์, USDC) ซึ่งบังคับให้ธุรกิจต้องตัดสินใจว่าจะรองรับตัวเลือกใด

ความปลอดภัยและการไม่สามารถย้อนกลับได้

บล็อกเชนเองมีความทนทานต่อการปลอมแปลงข้อมูล แต่หากเงินทุนถูกขโมยจากกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีระบบความปลอดภัยไม่ดี ก็จะไม่สามารถเรียกคืนได้ การชำระเงินที่ถือเป็นที่สิ้นสุดช่วยขจัดความเสี่ยงจากการดึงเงินคืนสำหรับธุรกิจ แต่ก็ทำให้ไม่มีระบบป้องกันความผิดพลาดของผู้ใช้หรือการฉ้อโกง เครื่องมือที่ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้แก่ กระเป๋าเงินแบบหลายลายเซ็น โซลูชันการเก็บรักษาทรัพย์สินที่ปลอดภัย และผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล

ความท้าทายเหล่านี้ไม่ได้ลบล้างข้อดีของการชำระเงินผ่านบล็อกเชน แต่เป็นตัวกำหนดว่าธุรกิจจะปรับใช้ระบบนี้เมื่อใดและอย่างไร เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการยกระดับความสามารถในการขยาย ความชัดเจนด้านระเบียบข้อบังคับ และประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีขึ้น อาจช่วยลดอุปสรรคเหล่านี้ลงได้ในระยะยาว

Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินทั่วโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับการชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถรับชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ได้ทั่วโลก โดยชำระเป็นสกุลเงินตราในยอดคงเหลือ Stripe ของตน

Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

• เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้แล้ว และสิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี รวมถึงสเตเบิลคอยน์และคริปโต

• ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน

• รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ

• ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ

• เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้