บทนำ
มีผลบังคับวันที่ 31 กรกฎาคม 2023
1. บทแนะนำและขอบเขต
ข้อกำหนดการให้บริการผู้บริโภค ("ข้อกำหนดการให้บริการ" หรือ "ข้อกำหนด") ฉบับนี้คือข้อตกลงทางกฎหมายระหว่างเรา ("เรา", "ของเรา" หรือ "Stripe") กับคุณ ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นไปที่เราเสนอให้คุณใช้งานเป็นการส่วนบุคคลตามข้อกำหนดฉบับนี้ (เรียกว่า "คุณ" หรือ "ของคุณ") ซึ่งได้แก่ Link, Financial Connections และ Identity (แต่ละบริการเรียกว่า "บริการสำหรับผู้บริโภค") ข้อกำหนดต่อไปนี้เป็นข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างคุณกับเรา ซึ่งได้ระบุข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้บริการสำหรับผู้บริโภคโดยคุณ เมื่อคุณใช้บริการสำหรับผู้บริโภค นั่นหมายความว่าคุณตกลงผูกพันตนตามข้อกำหนดฉบับนี้ และฟีเจอร์หรือเครื่องมือใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาในภายหลังให้ถือว่าอยู่ภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้เช่นกัน นิติบุคคลของ Stripe ที่ทำข้อตกลงนี้กับคุณจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ซึ่งดูได้จากที่นี่
ข้อกำหนดฉบับนี้มีผลกับบริการสำหรับผู้บริโภคทั้งหมดที่อ้างถึงข้อกำหนดฉบับนี้ ธุรกิจที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของเราเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ("ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ") จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของStripeข้อตกลงการให้บริการ
2. ข้อกำหนดเพิ่มเติมที่มีผลบังคับใช้กับคุณ
นโยบายและข้อกำหนดเพิ่มเติมดังต่อไปนี้จะมีผลบังคับใช้ด้วยเช่นกันเมื่อคุณเข้าถึงหรือใช้บริการสำหรับผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในข้อกำหนดฉบับนี้โดยการอ้างอิง
- สัญญาอนุญาโตตุลาการ หากพำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณต้องตกลงยอมรับสัญญาอนุญาโตตุลาการ ซึ่งกำหนดให้คุณระงับข้อพิพาทระหว่างคุณกับ Stripe เป็นรายบุคคลผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการ ห้ามไม่ให้คุณอยู่ในหรือเข้าร่วมการดำเนินคดีแบบกลุ่ม ต้องสละสิทธิ์ในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน รวมทั้งอาจมีการจำกัดระยะเวลาที่คุณจะต้องยื่นการเรียกร้องก่อนที่จะหมดอายุความ
- การเปิดเผยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ คุณตกลงยอมรับการเปิดเผยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ใน Link ที่ระบุไว้ว่าเราจะสื่อสารกับคุณด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และข้อตกลงแบบอิเล็กทรอนิกส์จะมีผลเสมือนการลงนามในข้อตกลงด้วยหมึก นอกจากนี้ คุณยังตกลงว่าจะรับการบอกกล่าวผ่านทางบริการสำหรับผู้บริโภค
- นโยบายความเป็นส่วนตัว คุณตกลงยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว โดย Stripe และผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจนั้นเป็นผู้ควบคุมอิสระของข้อมูลส่วนตัวที่เก็บรวบรวมในขณะให้บริการสำหรับผู้บริโภค และจะกำหนดวัตถุประสงค์และวิธีการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวโดยอิสระและแยกต่างหาก เราอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศของคุณ รวมถึงสหรัฐอเมริกา โปรดอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจว่าเราเก็บรวบรวม ใช้ และแชร์ข้อมูลของคุณอย่างไรบ้างที่เกี่ยวกับบริการสำหรับผู้บริโภคเหล่านี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ความเป็นส่วนตัวของ Link
- ข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ บริการสำหรับผู้บริโภคอาจจะมีข้อกำหนดเฉพาะ ซึ่งจะบังคับใช้เมื่อคุณใช้บริการสำหรับผู้บริโภคนั้นๆ โปรดดูรายการข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ในเมนูทางซ้ายมือ
- นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ การใช้บริการสำหรับผู้บริโภคอยู่ภายใต้นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ของ Stripe
เราอาจปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดเหล่านี้เป็นครั้งคราวและจะใช้ความพยายามตามสมควรเพื่อแจ้งให้คุณทราบถึงการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของข้อกำหนดเหล่านี้ก่อนจะเริ่มบังคับใช้ข้อกำหนดฉบับแก้ไข เช่น โดยการโพสต์ประกาศไว้บนบริการสำหรับผู้บริโภคที่เกี่ยวข้อง หรือส่งคำบอกกล่าวทางอีเมลของคุณ ข้อกำหนดฉบับแก้ไขจะมีผลบังคับตามวันที่ระบุไว้ในข้อกำหนดฉบับแก้ไขนั้น การใช้บริการสำหรับผู้บริโภคต่อไปหลังจากข้อกำหนดมีผลบังคับใช้ แสดงว่าคุณตกลงยอมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่หากคุณไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในข้อกำหนด คุณต้องหยุดใช้บริการสำหรับผู้บริโภค
3. สิทธิ์การใช้งาน
คุณจะตกลงยอมรับข้อกำหนดฉบับนี้ได้ก็ต่อเมื่อคุณมีอายุถึงเกณฑ์ที่สามารถทำสัญญาทางกฎหมายในประเทศที่คุณพำนักอาศัย
คุณจะต้องไม่ใช้บริการสำหรับผู้บริโภคหากคุณเคยถูกยกเลิกหรือระงับการใช้บริการของเรามาก่อน รวมถึงบริการสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ คุณอาจตกลงยอมรับข้อกำหนดฉบับนี้หรือใช้บริการสำหรับผู้บริโภคไม่ได้ หากคุณเป็นบุคคลในรายชื่อผู้ถูกคว่ำบาตรที่ออกโดยรัฐบาล เช่น รายชื่อผู้ถูกคว่ำบาตรของสำนักงานควบคุมทรัพย์สินในต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา หรือรายชื่อที่กำหนดโดยรัฐบาลในประเทศอื่นๆ
คุณมีสิทธิ์ใช้บริการสำหรับผู้บริโภคตามขอบเขตที่่เราพร้อมให้บริการในประเทศของคุณ หากเราเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศที่คุณพำนักอาศัยหรือคุณย้ายประเทศแล้ว โปรดเข้าไปแก้ไขชื่อประเทศในบัญชีหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุนก่อนจะใช้บริการสำหรับผู้บริโภคต่อไป
4. บทบาทของ Stripe
สัญญาขายที่ทำขึ้นโดยใช้บริการสำหรับผู้บริโภคนั้นเป็นสัญญาระหว่างคุณกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจโดยตรง คุณจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบธุรกรรมการซื้อที่เกิดขึ้นโดยใช้บริการสำหรับผู้บริโภค ไม่ใช่ Stripe ส่วนผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจก็มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่คุณซื้อจากพวกเขาโดยใช้บริการสำหรับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการจัดส่ง คุณภาพของสินค้า การคืนเงิน การฉ้อโกง การโฆษณา ความรับผิดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง Stripe ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้
การที่คุณเข้าถึงหรือใช้บริการสำหรับผู้บริโภคไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ บริการหรือแพลตฟอร์มของบริษัทอื่น หรือความสัมพันธ์กับธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
Stripe จะไม่เข้าไปแทรกแซงข้อพิพาทระหว่างคุณกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการใช้บริการสำหรับผู้บริโภค เว้นแต่ข้อกำหนดฉบับนี้จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น หากคุณพบว่าตัวเองมีข้อพิพาทกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจหรือบุคคลที่สาม เราแนะนำให้คุณติดต่ออีกฝ่ายหนึ่งและพยายามแก้ไขข้อพิพาทนั้น คุณสามารถส่งข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจมาให้ Stripe ได้ หลังจากนั้น Stripe จะส่งข้อร้องเรียนดังกล่าวให้กับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ พร้อมทั้งให้พวกเขาติดต่อคุณโดยตรง Stripe จะไม่ให้คำตัดสินเกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหรือประเด็นทางกฎหมายหรือการเรียกร้องระหว่างคุณกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ และ Stripe ไม่มีภาระหน้าที่ในการแก้ไขข้อพิพาทใดๆ เว้นแต่ข้อกำหนดฉบับนี้จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ คุณปลดเปลื้อง Stripe จากการเรียกร้อง การร้องขอ และค่าเสียหายทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากข้อพิพาทซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่คุณใช้บริการสำหรับผู้บริโภค รวมถึงข้อพิพาทกับผู้ใช้หรือบุคคลอื่นๆ
เราไม่ให้การรับประกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือข้อมูลที่ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจเป็นผู้จัดหา รวมทั้งไม่รับผิดชอบหรือรับผิดในกรณีต่อไปนี้ (ก) การเรียกร้องความรับผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ (ข) การเรียกร้องว่าการเสนอหรือการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดทางกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (ค) การเรียกร้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือการดำเนินงานของผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคหรือกฎหมายที่คล้ายคลึงกัน (ง) ความไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรือล้าสมัยของข้อมูลที่ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจจัดหาให้ (จ) การกระทำหรือการละเว้นไม่กระทำของแพลตฟอร์มอื่นที่คุณใช้งานหรือซื้อสินค้าและบริการ
5. ข้อมูลประจำตัวและการป้องกันการฉ้อโกง
คุณตกลงดังต่อไปนี้
- ข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณและการใช้บริการสำหรับผู้บริโภคที่คุณส่งให้เราต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์ ณ เวลาที่มีการส่งข้อมูล และคุณจะต้องปรับปรุงข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
- เราและผู้ให้บริการอาจยืนยันตัวตนของคุณตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต
- คุณจะต้องแจ้งให้เราทราบทันทีหากพบว่าบัญชีของคุณถูกใช้งานหรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำทั้งหมดที่ดำเนินการโดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของคุณ ยกเว้นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณแจ้งให้ทราบว่าบัญชีหรือข้อมูลดังกล่าวของคุณถูกโจรกรรม
6. การสื่อสารผ่านข้อความ การแจ้งเตือนแบบพุช อีเมล และโทรศัพท์
การแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ให้กับเราหมายความว่า คุณยินยอมรับข้อความตัวอักษร (SMS) การแจ้งเตือนแบบพุช และสายโทรศัพท์จากเรา โดยให้เป็นไปตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้การสื่อสารดังกล่าวอาจหมายรวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะการขอตรวจสอบสิทธิ์ครั้งที่สอง ใบเสร็จ การเตือนความจำ การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดตบัญชีหรือการสนับสนุนบัญชี การขอคำติชมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการสื่อสารด้านการตลาดหรือการส่งเสริมการขาย คุณรับทราบว่าคุณไม่จำเป็นต้องยินยอมรับข้อความหรือโทรศัพท์ส่งเสริมการขายเพื่อเป็นเงื่อนไขในการใช้บริการสำหรับผู้บริโภค การสื่อสารด้วยการโทรและข้อความตัวอักษรอาจดำเนินการโดยระบบโทรออกอัตโนมัติ และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์อาจเรียกเก็บเงินค่าบริการข้อความที่เราส่งให้คุณ
คุณสามารถเลิกรับอีเมลส่งเสริมการขายที่ส่งเราส่งให้คุณได้โดยการคลิกตัวเลือกยกเลิกการสมัครรับข้อมูลในอีเมลหรือจัดการการกำหนดค่าการสื่อสารในแอป นอกจากนี้ คุณยังเลิกรับข้อความตัวอักษรจาก Stripe ได้โดยการพิมพ์คำว่า STOP ตอบกลับมาหรือทำตามคำแนะนำในข้อความที่คุณได้รับ และหากต้องการเลือกไม่รับการติดต่อทางโทรศัพท์ คุณสามารถแจ้งให้ผู้โทรทราบหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน คุณรับทราบว่าการเลิกรับการสื่อสารอาจส่งผลต่อการใช้บริการสำหรับผู้บริโภคได้
7. สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของเรา
เราขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดที่ไม่ได้มอบให้คุณอย่างชัดแจ้งในข้อกำหนดฉบับนี้ บริการสำหรับผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองจากเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และกฎหมายอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เราขอสงวนสิทธิ์ กรรมสิทธิ์ รวมถึงผลประโยชน์ทั้งหมดในและของบริการสำหรับผู้บริโภคและสำเนาทั้งหมดของบริการสำหรับผู้บริโภค และสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดในบริการสำหรับผู้บริโภค การใช้บริการสำหรับผู้บริโภคอยู่ภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้และข้อกำหนดฉบับนี้ไม่ได้มอบสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของเรา หรือทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ออกใบอนุญาต ผู้ได้รับอนุญาต หรือพาร์ทเนอร์ของเราให้แก่คุณแต่อย่างใด
ตามวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดฉบับนี้ คำว่า "สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา" หมายถึงสิทธิ์ในสิทธิบัตร สิทธิ์ในลิขสิทธิ์ สิทธิ์ในตัวชุดหน้ากากหรือแผ่นบัง ธรรมสิทธิ์ สิทธิ์ในการทำให้ปรากฏต่อสาธารณชน สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรูปลักษณ์ และเครื่องหมายบริการ ค่าความนิยม สิทธิ์ในความลับทางการค้า และสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่อาจมีอยู่หรือเกิดขึ้นในอนาคต และสิทธิ์ทั้งหมดในแอปพลิเคชัน การจดทะเบียน การต่ออายุ และการขยายอายุ ภายใต้กฎหมายของรัฐ ประเทศ เขตปกครองใดก็ตาม หรือเขตอำนาจศาลอื่น
8. คำติชม
คุณสามารถส่งคำติชม ความคิด และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบริการสำหรับผู้บริโภคให้เราได้ แต่ไม่ได้เป็นข้อบังคับ นอกจากนี้ คุณยังให้คำติชมเกี่ยวกับบริการสำหรับผู้บริโภคแก่เราได้โดยการติดต่อฝ่ายสนับสนุน โดยคุณตกลงยอมรับว่าเราอาจนำคำติชม ความคิด และข้อเสนอแนะที่คุณมอบให้เราไปใช้และแชร์เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับคุณหรือมีภาระผูกพันใดๆ ต่อคุณ
9. การยกเลิกข้อกำหนด
การยกเลิกข้อกำหนดโดยเรา: เราอาจยกเลิกข้อกำหนดฉบับนี้ รวมทั้งอาจจำกัด ระงับ เปลี่ยนแปลง หรือลบสิทธิ์ของคุณในการเข้าถึงบริการสำหรับผู้บริโภคส่วนใดๆ หรือทั้งหมด รวมถึงฟีเจอร์หรือฟังก์ชันต่างๆ ของบริการสำหรับผู้บริโภคได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม และหากสมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์ เราจะดำเนินการตามสมควรเพื่อแจ้งความประสงค์ของเราให้คุณทราบก่อนจะดำเนินการจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ หากเราใช้ดุลยพินิจของเราแต่เพียงผู้เดียวแล้วเห็นว่า คุณไม่ได้หรือเราสงสัยว่าคุณไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือข้อตกลงใดๆ ในข้อกำหนดฉบับนี้ เราอาจยกเลิกข้อกำหนดการให้บริการได้ทุกเมื่อโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบ และจะยกเลิกสิทธิ์ของคุณในการเข้าถึงบริการสำหรับผู้บริโภค
การยกเลิกข้อกำหนดโดยคุณ: โดยที่เป็นไปตามข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ด้านล่าง คุณสามารถยกเลิกบริการสำหรับผู้บริโภคได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม โดยยกเลิกการใช้บริการสำหรับผู้บริโภค หรือปิดหรือลบบัญชีของคุณตามที่อธิบายไว้ด้านล่างในข้อกำหนดสำหรับบัญชี Link การยกเลิกข้อกำหนดจะมีผลบังคับนับจากวันที่คุณปิดบัญชีเป็นต้นไป
ผลบังคับของการยกเลิกข้อกำหนด หลังจากยกเลิกข้อกำหนดแล้ว คุณจะไม่มีสิทธิ์ใช้หรือเข้าถึงบริการสำหรับผู้บริโภคอีกต่อไป อีกทั้งยังไม่สามารถใช้หรือเข้าถึงข้อมูลที่เคยส่งให้เราผ่านบริการสำหรับผู้บริโภค และสิทธิ์ทั้งหมดที่คุณได้รับภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้จะสิ้นสุดลง ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การยกเลิกข้อกำหนดจะไม่ทำให้คุณพ้นจากภาระหน้าที่ในการชำระเงินที่ยังติดค้างกับ Stripe, ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ หรือบุคคลอื่น และไม่ได้เป็นการเพิกถอนการอนุมัติการชำระเงินของบุคคลที่สาม ข้อกำหนดต่อไปนี้จะยังคงมีผลบังคับต่อไปหลังจากข้อกำหนดฉบับนี้สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ สัญญาอนุญาโตตุลาการ ทรัพย์สินทางปัญญาของเรา คำติชม ข้อความปฏิเสธการรับประกัน การจำกัดความรับผิด กฎหมายที่ใช้บังคับ การโอนสิทธิ์และผู้รับประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สาม และข้อกำหนดทั่วไป
10. ข้อความปฏิเสธการรับประกัน
บริการสำหรับผู้บริโภคจัดหาให้ "ตามสภาพที่เป็นอยู่" โดยไม่มีการรับรองหรือการรับประกัน ไม่ว่าจะโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย เรา บริษัทในเครือ ตัวแทนของเรา ผู้รับเหมา และผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจของเรา (รวมเรียกว่า "นิติบุคคลที่ปฏิเสธความรับผิด") ไม่ได้ให้การรับรองหรือการรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น (นอกเหนือจากสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้) เกี่ยวกับบริการสำหรับผู้บริโภคหรือเนื้อหา วัสดุ ข้อมูล ฟังก์ชันที่เรายินยอมให้เข้าถึงได้ และขอปฏิเสธการรับประกันโดยนัยทุกประการที่เกี่ยวกับความสามารถในการใช้ประโยชน์เชิงการค้า ความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์เฉพาะ กรรมสิทธิ์ และการไม่ละเมิดสิทธิ์ และเราไม่สัญญาว่าบริการสำหรับผู้บริโภคจะปราศจากความขัดข้อง ข้อผิดพลาด หรือปลอดภัย
นิติบุคคลที่ปฏิเสธความรับผิดไม่มีสิทธิ์ควบคุมหรือให้การรับประกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่บุคคลอื่นจัดหาให้ที่เกี่ยวข้องกับบริการสำหรับผู้บริโภคของเรา พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปควบคุมธุรกิจที่คุณซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพวกเขาขณะใช้บริการสำหรับผู้บริโภคของเรา และเราไม่สัญญาหรือแสดงนัยว่าผลิตภัณฑ์และบริการที่คุณซื้อผ่านทางบริการสำหรับผู้บริโภคจะทำงานได้ตามสัญญาหรือใช้งานได้อย่างปลอดภัย
กฎหมายบางฉบับจำกัดหรือกำหนดข้อห้ามเกี่ยวกับการปฏิเสธการรับประกันในวรรคข้างต้น หรือกำหนดภาระหน้าที่บางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถปฏิเสธโดยใช้ข้อกำหนดฉบับนี้ได้ ในกรณีดังกล่าว หัวข้อนี้ (ข้อความปฏิเสธการรับประกัน) จะไม่สามารถจำกัด ยกเว้น หรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ของผู้บริโภคภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
11. การจำกัดความรับผิด
นิติบุคคลที่ปฏิเสธความรับผิดจะไม่รับผิดต่อคุณในกรณีที่เราไม่สามารถปฏิบัติตามภาระหน้าที่ภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้เนื่องจากเหตุสุดวินัย โดยที่คำว่า "เหตุสุดวิสัย" หมายถึงเหตุการณ์ใดก็ตามที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ Stripe หรือบริษัทในเครือ ซึ่งรวมถึงการประท้วงหยุดงานหรือข้อพิพาทด้านแรงงานลักษณะอื่นๆ การขาดแคลนแรงงาน การนัดหยุดงานหรือการเฉื่อยงาน ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก การห้ามหรือการขัดขวางการค้าขาย เครือข่ายโทรคมนาคมล่ม ไฟดับหรือไฟช็อต บริการขนส่งไม่เพียงพอ การไม่ได้รับวัสดุอุปกรณ์อย่างเพียงพอหรือได้รับล่าช้า สภาพอากาศ แผ่นดินไหว เพลิงไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ การจลาจล การก่อความไม่สงบ ภัยพิบัติของพลเรือนหรือรัฐบาล โรคระบาด การระบาดใหญ่ วิกฤติด้านสุขภาพระดับรัฐหรือระดับประเทศ สงคราม การรุกราน ความเป็นปรปักษ์ (ไม่ว่าจะมีการประกาศสงครามหรือไม่ก็ตาม) การข่มขู่หรือการดำเนินการก่อการร้าย หรือการกระทำของหน่วยงานรัฐ
นิติบุคคลที่ปฏิเสธความรับผิดจะไม่รับผิดต่อคุณในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามข้อกำหนดฉบับนี้ ในกรณีที่การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอาจทำให้เราต้องฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นิติบุคคลที่ปฏิเสธความรับผิดจะไม่รับผิดต่อคุณในกรณีต่อไปนี้ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม
- การสูญเสียธุรกิจ ค่าความนิยม โอกาส หรือผลกำไร หรือ
- การสูญเสียที่เราไม่อาจสามารถคาดการณ์ได้ตามสมควร
ความรับผิดสำหรับหรือที่เกี่ยวกับข้อกำหนดฉบับนี้ของนิติบุคคลที่ปฏิเสธความรับผิดจะไม่เกิน 200 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่ากรณีใด ทั้งนี้ให้เป็นไปตามข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ด้านล่างและกฎหมายผู้บริโภคที่บังคับใช้ในประเทศของคุณ
คุณกับเราตกลงกันว่าอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับข้อกำหนดฉบับนี้โดยอาศัยข้อความปฏิเสธความรับผิดและการจำกัดความรับผิดที่ระบุไว้ข้างต้น รวมทั้งยอมรับว่าการจำกัดความรับผิดและข้อความปฏิเสธดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของข้อตกลงระหว่างคุณกับเราภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้ และจะมีผลบังคับใช้ตามขอบเขตสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาต
กฎหมายบางฉบับจำกัดความสามารถของเราในการปฏิเสธหรือจำกัดความรับผิด ในกรณีดังกล่าว หัวข้อนี้จะไม่สามารถจำกัด ยกเว้น หรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ของผู้บริโภคภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
12. กฎหมายที่ใช้บังคับ
หากคุณพำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายที่ใช้บังคับกับการอ้างสิทธิ์หรือข้อพิพาทระหว่างคุณกับเราที่เกิดขึ้นจากข้อกำหนดฉบับนี้คือกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักแห่งการขัดกันของกฎหมาย
หากคุณพำนักอาศัยอยู่นอกสหรัฐอเมริกา ดูกฎหมายที่ใช้บังคับได้ที่นี่
13. การโอนสิทธิ์และผู้รับประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สาม
คุณต้องไม่โอนสิทธิ์หรือหน้าที่ภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้ให้แก่บุคคลอื่นก่อนได้รับความยินยอมจากเราล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เราอาจมอบหมายหน้าที่ รวมทั้งโอนสิทธิ์และหน้าที่ของเราภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้ให้แก่บริษัทในเครือของ Stripe ได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โดยการส่งหนังสือบอกกล่าวให้กับคุณ
14. ข้อกำหนดทั่วไป
ข้อกำหนดฉบับนี้ รวมทั้งสัญญาอนุญาโตตุลาการ (ถ้าเกี่ยวข้อง) ข้อตกลงการใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ และข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ด้านล่าง คือข้อตกลงเพียงอย่างเดียวระหว่างคุณกับเราเกี่ยวกับบริการสำหรับผู้บริโภค ในกรณีที่เนื้อหาในข้อกำหนดฉบับนี้กับข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ด้านล่างไม่ตรงกันหรือขัดแย้งกันโดยไม่อาจตีความหมายให้เข้ากันได้ ให้ยึดตามเนื้อหาของข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ข้อกำหนดเหล่านี้ไม่ได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์แบบห้างหุ้นส่วน การร่วมลงทุน หรือการเป็นตัวแทนในลักษณะอื่นใดระหว่างคุณกับเรา และการไม่ได้ใช้สิทธิ์ที่เรามีภายใต้ข้อกำหนดฉบับนี้โดยทันที ไม่ได้แปลว่าเราสละสิทธิ์ดังกล่าว เราจะยังคงสามารถและมีสิทธิ์ที่จะบังคับใช้ทุกส่วนของข้อกำหนดฉบับนี้ได้ในภายหลัง หากพบว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของข้อกำหนดฉบับนี้ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ไม่ต้องคำนึงถึงข้อกำหนดส่วนนั้น และข้อกำหนดส่วนที่เหลือจะยังคงมีผลบังคับเช่นเดิม
15. การติดต่อ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการสำหรับผู้บริโภคหรือแนวทางการนำข้อกำหนดฉบับนี้มาบังคับใช้กับคุณ โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุน
ข้อกำหนดสำหรับบัญชี Link
- รายละเอียดเกี่ยวกับ Link
- Link คือบริการที่ช่วยให้คุณบันทึกและจัดการข้อมูลของตัวเองเพื่อรับประสบการณ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ("Link") รวมทั้งช่วยให้ขั้นตอนการชำระเงินรวดเร็วกว่าเดิมโดยการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการอนุมัติวงเงินของคุณไว้ในระบบ และนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เพื่อช่วยให้คุณชำระเงินได้เร็วขึ้น เมื่อคุณซื้อสินค้ากับธุรกิจที่ใช้ Stripe และเสนอบริการ Link เป็นตัวเลือกการชำระเงินที่รวดเร็ว ("ผู้ค้าที่ใช้ Link") ระบบจะสอบถามว่าคุณต้องการให้บันทึกข้อมูลของคุณหรือนำข้อมูลของคุณที่บันทึกอยู่ในบัญชี Link มาใช้กับการชำระเงินให้กับผู้ค้าที่ใช้ Link ในครั้งต่อไปหรือไม่เมื่อคุณเข้าสู่ระบบของเราบนเบราว์เซอร์ แอป หรืออุปกรณ์เดิม
- เมื่อคุณอนุญาตให้เราบันทึกข้อมูล คุณกำลังลงทะเบียนสมัครใช้งาน Link และสร้างบัญชี Link ("บัญชี Link") ซึ่งเราจะเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวจากคุณ เช่น
- ชื่อ ที่อยู่อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ ("ข้อมูลบัญชี")
- ข้อมูลบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัญชีธนาคาร และที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน ("ข้อมูลการชำระเงิน")
- ที่อยู่สำหรับจัดส่ง ("ข้อมูลการจัดส่ง") และ
- ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ค้าที่ใช้ Link เช่น วันที่สั่งซื้อ ยอดซื้อ และรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ (เช่น ชื่อ ราคา รูปภาพ) ("ข้อมูลคำสั่งซื้อ")
ข้อมูลบัญชี ข้อมูลการชำระเงิน ข้อมูลการจัดส่ง และข้อมูลคำสั่งซื้อ รวมกันเรียกว่า "ข้อมูลที่บันทึก" ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดที่เก็บรวบรวมจากคุณที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Link จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Link ทั้งนี้ เราอาจใช้ข้อมูลส่วนตัวของคุณเพื่อพัฒนาและวิเคราะห์กรบริการของเรา นอกจากนี้ ตามรายละเอียดเพิ่มเติมในนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Link เรายังอาจแชร์ข้อมูลต่อไปนี้กับผู้ค้าที่ใช้ Link และผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ (1) ข้อมูลที่แสดงว่าคุณมีบัญชี Link (2) คุณซื้อสินค้าหรือบริการด้วย Link หรือ (3) ประเภทวิธีการชำระเงินที่ใช้ซื้อสินค้าหรือบริการโดยใช้ Link ผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ คือธุรกิจที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของเราเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจตามStripeข้อตกลงการให้บริการ
- เมื่อคุณใช้ Link บนเว็บไซต์ของผู้ค้าที่ใช้ Link เราหรือผู้ค้าที่ใช้ Link จะใช้คุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันมาเชื่อมโยงเว็บเบราว์เซอร์ แอป หรืออุปกรณ์ของคุณกับบัญชี Link และจะจดจำคุณได้เมื่อคุณเข้าชมผู้ค้าที่ใช้ Link รายดังกล่าวหรือผู้ค้าที่ใช้ Link รายอื่นด้วยเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์เดิม หลังจากนั้นคุณจะซื้อสินค้าหรือบริการโดยใช้ข้อมูลบัญชี ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลการจัดส่งกับผู้ค้าที่ใช้ Link ได้เมื่อเข้าสู่ระบบกับเราด้วยเบราว์เซอร์หรืออุปกรณ์เดิม ซึ่งในกรณีดังกล่าว เราจะมอบข้อมูลบัญชี ข้อมูลการชำระเงิน และ/หรือข้อมูลการจัดส่งของคุณให้กับผู้ค้าที่ใช้ Link เพื่ออำนวยความสะดวกให้คุณชำระเงินได้รวดเร็วขึ้น หากเราจดจำคุณไม่ได้ (เช่น เพราะคุณล้างคุกกี้ คุณออกจากระบบ Link หรือคุณใช้อุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่อุปกรณ์เครื่องเดิมที่คุณใช้งาน Link ครั้งล่าสุด) คุณจะเข้าถึงข้อมูลที่บันทึกได้โดยการเข้าสู่ระบบของบัญชี Link เช่น กรอกที่อยู่อีเมลและรหัสยืนยันที่ระบบส่งให้คุณทางข้อความ SMS หรืออีเมลจาก Link
- การใช้ Link: สิทธิ์และหน้าที่ของคุณ
- คุณจะต้องบันทึกข้อมูลการชำระเงินกับเราในส่วนที่คุณได้รับอนุญาตให้ใช้งานเท่านั้น
- เมื่อคุณเข้าสู่ระบบของบัญชี Link และป้อนหรือใช้วิธีการชำระเงินใหม่ (ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตใบอื่น หรือบัญชีธนาคารอื่น) หมายความว่าคุณอนุญาตให้ Stripe บันทึกข้อมูลของวิธีการชำระเงินใหม่นั้นลงในบัญชี Link เพื่อใช้เป็นข้อมูลการชำระเงินของคุณ วิธีการชำระเงินที่คุณใช้ทำธุรกรรมได้สำเร็จครั้งล่าสุดอาจจะกลายเป็นวิธีการชำระเงินเริ่มต้นในครั้งต่อไปที่คุณทำธุรกรรมบนเว็บไซต์ของผู้ค้าที่ใช้ Link นอกจากนี้ คณยังเปลี่ยนวิธีการชำระเงินเริ่มต้นได้โดยเข้าสู่ระบบของบัญชี Link บนเว็บไซต์ app.link.com
- ข้อความ SMS ที่เราส่งให้คุณหรือคุณส่งให้เราอาจมีค่าบริการข้อความและข้อมูล หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแพ็กเกจข้อความหรือแพ็จเกจข้อมูล โปรดติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายหรือเครือข่ายโทรศัพท์
- เราขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขหรือยกเลิกบริการ Link หรือฟีเจอร์หรือเครื่องมือใดๆ ใน Link ได้ทุกเมื่อไม่ว่าด้วยเหตุผลใด (ตามดุลยพินิจที่เราเห็นสมควร) แต่เราจะพยายามแจ้งให้คุณทราบ เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถทำเช่นนั้น
- เราขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธไม่ให้บริการแก่บุคคลใดก็ตามได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
- การอัปเดตหรือการปิดบัญชี Link
- ข้อกำหนดสำหรับบัญชี Link ฉบับนี้มีผลบังคับ เว้นแต่และจนกว่าเราหรือคุณจะยกเลิกข้อกำหนด คุณสามารถยกเลิกข้อกำหนดสำหรับบัญชี Link ฉบับนี้ได้โดยการลบบัญชี Link ของคุณ
- หากคุณประสงค์ที่จะลบข้อมูลที่บันทึก บัญชี Link หรือหยุดการจัดเก็บข้อมูลโดยใช้ Link โปรดแจ้งให้เราทราบโดยเข้าไปที่<https://support.link.com/how-to-delete-your-saved-payment-information> และส่งที่อยู่อีเมลของคุณมาให้เรา
- คุณสามารถจัดการข้อมูลที่บันทึกได้ในบัญชี Link ครั้งต่อไปที่คุณชำระเงินบนเว็บไซต์ของผู้ค้าที่ใช้ Link หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <https://support.link.com/> หากคุณอัปเดตข้อมูลการชำระเงิน แสดงว่าคุณอนุญาตให้ Stripe ตรวจสอบความถูกต้องและจัดเก็บข้อมูลการชำระเงิน รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิตของคุณไว้ในระบบ
- หากคุณหรือเราเพิกถอนสิทธิ์ของคุณในการเข้าถึงบัญชี Link เราจะลบข้อมูลที่บันทึกไว้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
- การเพิ่มหรือลบวิธีการชำระเงิน
- คุณสามารถเพิ่มหรือลบวิธีการชำระเงินในบัญชี Link ได้ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเชื่อมโยงวิธีการชำระเงิน คุณควรตรวจสอบและศึกษาเกี่ยวกับสิทธิ์และการเยียวยาของผู้บริโภคสำหรับวิธีการชำระเงินแบบต่างๆ ในเขตอำนาจศาลของคุณให้เข้าใจ เช่น กฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer Act หรือ EFTA) และกฎหมายว่าด้วยการเรียกเก็บเงินบัตรเครดิตอย่างเป็นธรรม (Fair Credit Billing Act หรือ FCBA) ในสหรัฐอเมริกา
- โปรดปรับปรุงข้อมูลการชำระเงินให้เป็นปัจจุบันเสมอ (เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและวันหมดอายุ) หากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลง เราอาจอัปเดตข้อมูลให้คุณโดยใช้ข้อมูลและแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามที่เรามีอยู่โดยไม่ต้องให้คุณดำเนินการใดๆ หากคุณไม่ประสงค์ให้เราอัปเดตข้อมูลบัตรเครดิต คุณสามารถนำข้อมูลการชำระเงินออกจากบัญชี Link ได้
- การลบวิธีการชำระเงินออกจากบัญชี Link ไม่ใช่การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินที่คุณพึงชำระให้กับผู้ค้าที่ใช้ Link และการลบวิธีการชำระเงินออกจากข้อมูลที่บันทึก ไม่ได้เป็นการเพิกถอนหรือยกเลิกแพ็กเกจการสมัครใช้งานที่คุณเคยซื้อกับผู้ค้าที่ใช้ Link โดยใช้ข้อมูลที่บันทึก คุณต้องยกเลิกแพ็กเกจการสมัครใช้งานกับผู้ค้าที่ใช้ Link รายนั้นโดยตรง
- เราอาจขอให้คุณเชื่อมโยงบัญชีธนาคารกับบัญชี Link เพื่อให้คุณชำระเงินด้วยบัญชีธนาคารผ่านบัญชี Link ของคุณได้ง่ายขึ้นในภายหลัง บัญชีธนาคารที่คุณเลือกบันทึกไว้ในบัญชี Link จะเรียกว่า "บัญชีธนาคารที่บันทึก" นอกจากนี้ คุณยังสามารถมอบรายละเอียดบัญชีธนาคารที่บันทึกให้กับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจได้โดยตรงผ่านบัญชี Link และภายใต้ข้อกำหนดการใช้งาน Financial Connections ไม่ว่า Stripe จะเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในภายหลังหรือไม่ก็ตาม เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากบัญชีธนาคารที่บันทึก (และบัญชีอื่นๆ ที่ใช้ข้อมูลประจำตัวเดียวกันในการเข้าสู่บัญชี) ตามข้อกำหนดการใช้งาน Financial Connections และนโยบายความเป็นส่วนตัวขอ Link นอกจากนี้ เรายังอาจใช้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่บันทึก และข้อมูลอื่นๆ เพื่อยืนยันว่าบัญชีธนาคารที่บันทึกนั้นถูกต้อง ตรวจสอบยอดคงเหลือของคุณเพื่อยืนยันว่าเพียงพอที่จะชำระเป็นค่าสินค้าหรือบริการที่ซื้อ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการชำระเงินที่คุณขอ รวมทั้งประเมินสิทธิ์ของคุณในการใช้งานบริการสำหรับผู้บริโภคและเสนอบริการสำหรับผู้บริโภคที่เราหรือบริษัทในเครือของเราให้บริการ
- แต่ละครั้งที่คุณใช้บัญชี Link ชำระเงินให้แก่ผู้ค้าที่ใช้ Link โดยใช้บัญชีธนาคารที่บันทึก หมายความว่าคุณกำลังอนุญาตให้ผู้ค้าที่ใช้ Link หักเงินจากบัญชีธนาคารที่บันทึกไม่เกินยอดรวมที่คุณอนุมัติให้ผู้ค้ารายนั้นเรียกเก็บ ("ยอดรวมที่อนุมัติ") ตาม การอนุมัติการชำระเงินผ่านธนาคารด้วย Link หากธนาคารปฏิเสธการหักบัญชีในครั้งแรก คุณอนุญาตให้เราลองหักเงินจากบัญชีธนาคารที่บันทึกอีกครั้ง ผู้ค้าที่ใช้ Link อาจเลือกหักเงินจากบัญชีธนาคารที่บันทึกตามการอนุมัติการชำระเงินผ่านธนาคารด้วย Linkเป็นจำนวนน้อยกว่ายอดรวมที่อนุมัติโดยแบ่งย่อยเป็นหลายรายการ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินยอดรวมที่อนุมัติ หากบัญชีธนาคารที่บันทึกเป็นบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา คุณตกลงว่าการให้อนุญาตในวรรคนี้เป็นไปตามกฎระเบียบการดำเนินงานของสำนักงานหักบัญชีโดยอัตโนมัติแห่งชาติหรือ National Automated Clearinghouse Association (NACHA) และมีผลทางกฎหมายเสมือนการลงลายมือชื่อในคำสั่งแบบกระดาษที่ระบุข้อกำหนดแบบเดียวกัน
- หากคุณไม่เห็นตัวเลือกให้ชำระเงินด้วยบัญชีธนาคารผ่านบัญชี Link แสดงว่าอาจเป็นเพราะผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจรายนั้นไม่อนุญาตการชำระเงินรายการเหล่านี้ หรือผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจหรือธนาคารไม่มีสิทธิ์ใช้การชำระเงินผ่านธนาคารผ่านทางบริการสำหรับผู้บริโภคของเรา หากธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคารของคุณดำเนินการไม่สำเร็จและไม่มีการพยายามหักเงินจากบัญชีธนาคารที่บันทึก สาเหตุอาจเป็นเพราะเราประเมินว่าธุรกรรมดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สำเร็จ (เช่น หากยอดคงเหลือของบัญชีในอดีตต่ำกว่ายอดของธุรกรรม) วิธีนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ธนาคารเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกรณีเงินในบัญชีไม่เพียงพอจากคุณ เราแนะนำให้คุณใช้บัญชีธนาคารหรือวิธีการชำระเงินอื่น หรือติดต่อเราหากคุณมีข้อสงสัย นอกจากนี้ การใช้บัญชีธนาคารเป็นวิธีการชำระเงินจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนด พร้อมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองที่เกี่ยวกับบัญชีธนาคารส่วนบุคคลด้วย หากคุณใช้บัญชีธนาคารเป็นวิธีการชำระเงินและมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ คุณอาจถูกธนาคารเรียกเก็บค่าธรรมเธียมการเบิกเงินเกินบัญชี ค่าธรรมเนียมกรณีเงินทุนไม่เพียงพอ หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ
- หากคุณประสงค์จะเพิกถอนการอนุมัติการชำระเงินผ่านธนาคารด้วย Link หรือไม่ต้องการใช้บัญชีธนาคารที่บันทึกเป็นวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้ในบัญชี Link อีกต่อไป คุณต้องลบบัญชีธนาคารที่บันทึกเป็นวิธีการชำระเงินออกจากบัญชี Link หากการชำระเงินด้วยบัญชีธนาคารที่บันทึกไม่ได้เริ่มต้นมาจากบัญชี Link ของคุณ แต่เกี่ยวข้องกับ Link หรือ Stripe ซึ่งเชื่อมโยงบัญชีการเงินของคุณกับผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจ โปรดดูวิธียกเลิกการเชื่อมโยงบัญชีธนาคารที่บันทึกจากข้อกำหนดการใช้งาน Financial Connections หรือหน้านี้
- วิธีการชำระเงินสำรอง
- หากวิธีการชำระเงินเริ่มต้นหรือที่เลือกไว้ไม่พร้อมใช้งาน หรือวิธีการชำระเงินดังกล่าวทำธุรกรรมไม่สำเร็จ (เช่น บัญชีธนาคารที่บันทึกมีเงินไม่เพียงพอ) ผู้ค้าที่ใช้ Link อาจจะเรียกเก็บเงินจากวิธีการชำระเงินอื่นที่คุณบันทึกไว้ในบัญชี Link แทน ("วิธีการชำระเงินสำรอง") โดยทั่วไปแล้ว ระบบจะทำธุรกรรมด้วยวิธีการชำระเงินสำรองตามลำดับต่อไปนี้ (1) บัญชีธนาคารที่บันทึก (2) บัตรเดบิต (3) บัตรเครดิต ในบางกรณี ระบบจะใช้วิธีการชำระเงินสำรองประเภทเดียวกัน (เช่น หากวิธีการชำระเงินเริ่มต้นของคุณคือบัตรเครดิต วิธีการชำระเงินสำรองก็อาจเป็นบัตรได้เช่นเดียวกัน
- เราจะแจ้งว่าเราจะใช้วิธีการชำระเงินสำรองก่อนที่คุณจะทำรายการซื้อ (เช่น ระหว่างการชำระเงินแบบครั้งเดียวหรือสำหรับการชำระเงินตามรอบบิลครั้งใดๆ ระหว่างการซื้อแพ็กเกจการสมัครใช้บริการครั้งแรก)
- หากคุณไม่ต้องการให้เราเรียกเก็บเงินจากวิธีการชำระเงินสำรอง คุณต้อง (1) ไม่ยินยอมให้เราใช้วิธีการชำระเงินสำรอง (2) จัดการวิธีการชำระเงินในบัญชี Link
- การรักษาความปลอดภัย
- เราจะปกป้องคุ้มครองข้อมูลที่บันทึกไว้ในระบบอย่างจริงจัง รวมทั้งใช้มาตรการทางเทคนิคและการจัดการที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันข้อมูลจากการสูญเสียโดยไม่ตั้งใจ ตลอดจนการเข้าถึง การใช้งาน การแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรการเหล่านี้รวมถึงแนวทางปฏิบัติและเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ที่ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัย ความลับ และความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล
- ถึงแม้ว่าเราจะนำมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาใช้ แต่ไม่มีระบบไหนที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจึงไม่อาจรับประกันได้ว่าบุคคลที่สามที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเอาชนะมาตรการรักษาความปลอดภัยของเราหรือนำข้อมูลที่บันทึกไปใช้ประโยชน์ เราแนะนำให้คุณเฝ้าระวังและรับผิดชอบดูแลการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว โดยตระหนักว่าคุณให้ข้อมูลส่วนตัวโดยแบกรับความเสี่ยงด้วยตัวเอง
- ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยของเราได้ที่นี่ หากคุณมีเหตุผลให้เชื่อว่าบัญชี Link ของคุณไม่ปลอดภัย โปรดติดต่อเราทันทีโดยส่งอีเมลมาที่ support.link.com/contact
- บัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว
- หากบัญชี Link ของคุณไม่มีความเคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 ปี เราอาจถือว่าบัญชีดังกล่าวไม่มีความเคลื่อนไหวและปิดบัญชี Link ของคุณตามดุลยพินิจของเรา ("บัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว")
- บัญชี Link จะถือว่าเป็นบัญชีไม่เคลื่อนไหว หากคุณไม่ได้ทำกิจกรรมต่อไปนี้กับบัญชี Link เลยตลอดระยะเวลา 2 ปี
- ชำระเงินหรือซื้อสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์ของผู้ค้าที่ใช้ Link โดยใช้ Link
- เพิ่ม อัปเดต หรือลบข้อมูลที่บันทึก
- เปลี่ยนการตั้งค่าบัญชีหรืออัปเดตการกำหนดค่าการรักษาความปลอดภัย
- ติดต่อกับฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเกี่ยวกับบัญชี Link ของคุณ รวมถึงสอบถามข้อมูลหรือโต้แย้งการชำระเงิน และ
- เข้าสู่ระบบของบัญชี Link และเรียกดูหรือตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรม
- ก่อนจะปิดบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว Stripe จะแจ้งให้คุณทราบโดยส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลที่คุณผูกไว้กับบัญชี Link และให้เวลาคุณ 30 วันนับจากวันที่เราส่งอีเมลแจ้งฉบับดังกล่าว เพื่อให้คุณเปิดใช้งานบัญชี Link อีกครั้งโดยการเข้าสู่ระบบและทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในรายการข้างต้นกับบัญชี Link
- หาก Stripe ไม่ได้รับการตอบกลับหรือบัญชียังคงไม่มีความเคลื่อนไหวหลังพ้นระยะแจ้งการปิดบัญชี 30 วันไปแล้ว เราจะปิดบัญชี Link ของคุณ
- การป้องกันธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต (เฉพาะผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)
- คุณสามารถดูรายการเดินบัญชี Link ที่แสดงรายการธุรกรรมของบัญชี Link และข้อมูลคำสั่งซื้อบางอย่างได้โดยเข้าสู่ระบบของบัญชี Link ("ประวัติธุรกรรม Link")
- คุณควรเข้าสู่ระบบของบัญชี Link และตรวจสอบประวัติธุรกรรม Link เป็นประจำเพื่อป้องกันกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตในบัญชี Link นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกรรมแต่ละรายการได้รับอนุมัติและดำเนินการอย่างถูกต้อง
- Stripe จะปกป้องคุณจากธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตที่เริ่มต้นจากบัญชี Link ของคุณ ซึ่งเมื่อนำมาตรการนี้มาใช้ Link จะมอบความคุ้มครองเป็นเงินเต็มจำนวนเท่ากับมูลค่าของธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือกับเราและปฏิบัติตามขั้นตอนด้านล่าง
- ธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตคืออะไร "ธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต" เกิดขึ้นเมื่อบัญชี Link ของคุณถูกนำไปซื้อสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารของสหรัฐอเมริกาหรือบัญชีธนาคารของสหรัฐอเมริกา โดยที่คุณไม่ได้ให้อนุญาตหรือไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากธุรกรรมดังกล่าว ตัวอย่างเช่น หากมีคนขโมยหรือได้รับสิทธิ์เข้าถึงบัญชี Link ของคุณมาโดยการฉ้อโกง และซื้อสินค้าหรือบริการด้วยบัญชี Link ของคุณที่มีข้อมูลบัตรเครดิตของสหรัฐอเมริกาหรือบัญชีธนาคารที่บันทึกของสหรัฐอเมริกาอยู่ หมายความว่าธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตเกิดขึ้นแล้ว
- รายการที่ไม่ถือว่าเป็นธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต รายการต่อไปนี้ไม่ถือเป็นธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- หากคุณอนุญาตให้คนอื่นใช้บัญชี Link (โดยการมอบข้อมูลเข้าสู่ระบบ) แต่บุคคลดังกล่าวทำธุรกรรมเกินกว่าที่คุณอนุญาต คุณต้องรับผิดชอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ เว้นแต่คุณได้แจ้ง Stripe แล้วว่าคุณไม่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวทำธุรกรรมอีกต่อไป
- การซื้อที่ไม่ได้รับอนุญาตอื่นๆ โดยใช้บัญชีธนาคารที่บันทึก รวมถึงรายการที่ดำเนินการผ่านบริการประมวลผลการชำระเงินของ Stripe แต่ไม่ได้เริ่มทำรายการจากบัญชี Link ของคุณ สำหรับธุรกรรมการซื้อที่ไม่ได้รับอนุญาตเหล่านั้น โปรดติดต่อสถาบันการเงินเพื่อรายงานกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- การรายงานธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
- หากคุณเชื่อว่าบัญชี Link ของคุณไม่ปลอดภัย โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของ Link ทันทีที่ support.link.com/contact หรือโทร 1-888-820-7551
- แจ้งเราทันที หากคุณเชื่อว่ามีการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบของคุณหรือโดยวิธีการอื่นใดโดยที่คุณไม่ได้อนุญาต หากคุณแจ้งให้เราทราบภายใน 60 วันนับจากวันที่เราจัดส่งประวัติธุรกรรม Link ที่แสดงรายการโอนเงินที่คุณไม่ได้เป็นคนดำเนินการ คุณจะมีสิทธิ์ขอคืนเงินเต็มจำนวนเท่ากับมูลค่าของธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตนั้น
- การแก้ไขข้อผิดพลาด (เฉพาะผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)
- ข้อผิดพลาดคืออะไร "ข้อผิดพลาด" หมายถึงสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้
- ธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ตามคำจำกัดความข้างต้น
- เมื่อมีการบันทึกธุรกรรมลงในบัญชี Link อย่างไม่ถูกต้อง
- คุณส่งการชำระเงินและระบบหักเงินจากบัญชี Link เป็นจำนวนที่ไม่ถูกต้อง
- บัญชี Link ได้รับการลดหนี้เป็นจำนวนที่ไม่ถูกต้อง
- ธุรกรรมไม่ปรากฏหรือไม่ได้แสดงอย่างถูกต้องในประวัติธุรกรรม Link
- เกิดข้อผิดพลาดด้านการคำนวณหรือทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับบัญชี Link ของคุณ
- คุณขอประวัติธุรกรรม Link ที่ Stripe ต้องจัดส่งให้คุณ
- คุณขอข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินแบบอนุมัติล่วงหน้า (ตามแบบแผนล่วงหน้า) จากบัญชี Link ของคุณ ซึ่ง Stripe ต้องจัดส่งให้คุณ
- คุณขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำชี้แจงเกี่ยวกับการโอนเงินจากบัญชี Link รวมถึงคำขอที่คุณส่งเข้ามาเพื่อตรวจสอบว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหรือไม่
- คุณสอบถามเกี่ยวกับสถานะของการโอนเงินจากบัญชี Link ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
- สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นข้อผิดพลาด รายการต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นข้อผิดพลาด
- หากคุณมอบสิทธิ์เข้าถึงบัญชี Link ให้คนอื่น (โดยการมอบข้อมูลเข้าสู่ระบบ) แต่บุคคลดังกล่าวใช้บัญชี Link ของคุณโดยที่คุณไม่ทราบหรือไม่ได้รับอนุญาต คุณต้องรับผิดชอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้
- การขอเอกสารคู่ฉบับหรือข้อมูลอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษีหรือเก็บบันทึกข้อมูลอื่นๆ
- ในกรณีที่เป็นข้อผิดพลาดหรือคำถามเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
- โทรหาเราที่หมายเลข 1-888-820-7551, ติดต่อเราที่ support.link.com/contact หรือส่งจดหมายมาหาเราที่ Link │Built by Stripe Stripe, Inc. 354 Oyster Point Blvd. South San Francisco, CA 94080
- แจ้งให้เราทราบโดยเร็วที่สุด หากคุณคิดว่ารายการเดินบัญชีหรือใบเสร็จไม่ถูกต้อง หรือหากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายการโอนเงินในรายการเดินบัญชีหรือใบเสร็จ เราต้องรับคำร้องจากคุณภายในไม่เกิน 60 วันหลังจากเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดขึ้นในประวัติธุรกรรม Link
- แจ้งชื่อและหมายเลขบัญชีของคุณ
- ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อผิดพลาดหรือการโอนเงินที่คุณไม่แน่ใจ และอธิบายให้ชัดเจนที่สุดว่าเพราะเหตุใดคุณจึงเชื่อว่าเป็นข้อผิดพลาดหรือเพราะเหตุใดคุณจึงต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
- แจ้งมูลค่าของรายการที่สงสัยว่าเป็นข้อผิดพลาด โดยระบุหน่วยเป็นดอลลาร์สหรัฐ
- หากคุณแจ้งทางวาจา เราอาจกำหนดให้คุณส่งคำร้องหรือคำถามมาให้เราเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 10 วันทำการ
- เราจะพิจารณาว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นหรือไม่ภายใน 10 วันทำการหลังจากได้รับแจ้งจากคุณ และจะแก้ไขข้อผิดพลาดโดยเร็ว
- เราจะแจ้งผลลัพธ์ให้คุณทราบหลังจากตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว หากเราตัดสินใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เราจะส่งคำอธิบายให้คุณเป็นลายลักษณ์อักษร โดยคุณสามารถขอสำเนาเอกสารใช้ในการตรวจสอบจากเราได้
Financial Connections Terms
Last updated: June 14, 2023
We provide a Consumer Service that allows you to connect your U.S. financial accounts to easily share your financial account data with Stripe and our affiliates (and to the extent identified, our Business User with which you are interacting), so that you can receive better product experiences. These Financial Connections Terms, along with the Consumer Terms of Service, apply when you use this Consumer Service.
When you interact with a Business User that has enabled this Consumer Service, we will ask you to connect one or more of your financial accounts. If you agree to connect your financial accounts with us, Stripe will collect data from those financial accounts (associated with the login information you provide) for account selection and as reasonably necessary to provide this Consumer Service. We will only provide the Business User with the data categories (and related insights) requested by the Business User for the specific accounts you choose to share with the Business User.
Your financial account data is either provided directly by your financial institution, or collected by us or our third party partners by collecting, storing and using your login information (such as your username and password). We refer to these financial institutions and partners as “Data Sources.” Finicity Corporation is one of our Data Sources, and their terms are available here and incorporated into these Financial Connections Terms by this reference. Where our Data Sources enable us to control the specific accounts to which Stripe accesses data, Stripe will not collect data except from the specific accounts you select.
When you agree to connect your financial account using this Consumer Service, you consent to the collection, use, and retention of your financial account data (including personal data) for that financial account. Once connected to your financial account(s), we and our Data Sources will regularly collect, use, and store the following types of data from your financial accounts:
- Account owner information, including contact information (such as your name and address);
- Account balances, including current and pending balances;
- Account details, including your account type and bank, and account and routing numbers;
- Account transactions, including balance, transaction date, payee, location, transaction, description, and amount.
Among other things, we may use your data to:
- Verify your financial account;
- Facilitate the processing of your requested payments;
- Mitigate fraud, financial loss, or other harm to you, our Business Users, and us;
- Assess your eligibility for and offer you our other products or services;
- Analyze, develop, and update this Consumer Service and our other products and services;
- Provide you customer support;
- Comply with law, and enforce our terms; and
- For other purposes consistent with your consent and applicable law.
For example, we may use your financial account data to decrease the likelihood that you are charged with insufficient funds fees or experience an ACH return and to assess your eligibility for and offer you Consumer Services that we or our affiliates provide. Please review the Financial Connections FAQs to learn more. We will use your personal data in accordance with our Privacy Policy.
We will only provide the Business User the categories of financial account data (including related insights) that the Business User requests and with your permission. Please remember, however, that our Privacy Policy covers our privacy practices, and not our Business Users’ privacy practices. Business Users may use your financial account data, for example, to verify that your account is valid and to check your account balance.
In some cases, we and our Data Sources collect and store your financial institution login information, depending on the type of connection that we have with your financial institution. You authorize, and represent that you have the lawful right to authorize, us and our Data Sources to log into and access the data in your connected financial account(s) for the purposes described above. In order to provide you a better experience, you also authorize Stripe or our Data Sources to save, to remember, to trust or to take a similar action for account logins solely by Stripe or our Data Sources. We or our Data Sources may also be notified that account login is pending your action (such as your entry of a multifactor authentication code). We may prompt you to complete that action directly in your financial institution’s application. This Consumer Service is not endorsed or sponsored by any financial institution whose account(s) are accessible through this Consumer Service, and we are not an agent of those financial institutions.
We will only provide the Business User with the data categories (and related insights) requested by the Business User for the specific accounts you select to share with the Business User. Otherwise, we disclose your financial account data and login information only to our trusted service providers and to the Data Sources only as necessary to provide this Consumer Service. We have implemented security controls that are designed to safeguard your data. To learn more, please visit https://stripe.com/docs/security/stripe.
If you want to disconnect your financial account from access by the Business User, you may do so through our disconnection form. Once your financial account has been disconnected, the Business User cannot access any subsequently refreshed financial account data from Stripe. Disconnecting your account or deleting your personal data from Stripe may not cancel or stop payments (including recurring payments) that you have already authorized. If you would like to request our Business User to cease debiting your account or to delete any copies of your data they obtained through this Consumer Service, please contact the Business User directly.
Stripe typically does not collect additional information from your disconnected financial account. In some cases, however, our Data Sources (or your financial institution) do not enable us to cease collecting your financial account data until all accounts associated with the applicable login information have been disconnected. You can also use our disconnection form to request that we disconnect all accounts and to delete the financial account data we obtained (and associated login information, if we have collected them).
You may choose for us to save your financial account for future use across our eligible Business Users, including when you check out on their websites and applications. When you authorize us to save your financial account to Link, you are signing up for Link and creating a Link Account, and we will collect and store certain personal information from you, such as your name, email address, and mobile phone number. Please see the Link Account Terms for more information about Link Accounts.
Identity Terms
Last updated: June 23, 2023
If you agree to save your identity information to your Link Account or verify your identity using your Link Account, you may choose to use your Link Account to share your identity verification data in the future with other eligible businesses (i.e., our Business Users). This identity verification data may include the personal data you provided (such as a photo of your driver’s license or passport) and our verification results (including insights).
We generate verification results by comparing the information you provide with information about you that we collect from our Business Users, partners, identity verification service providers, and publicly available sources. If you agree for us to verify your identity using your identity document and your photo, your verification results are based on the biometric identifiers we generate and store from your images. Learn more. Stripe will use this information as a controller to verify your identity, including to comply with our own legal obligations, and for loss and fraud prevention and security purposes.
Business Users may ask you to verify your identity for a number of reasons, including to confirm that you do not already have an account or that you are authorized to use a payment method. An advantage of saving your identity information to, or verifying your identity with, your Link Account is that you may not need to go through the trouble of re-submitting your identity information for other Business Users in the future. Rather, you may be able to verify your identity more quickly and easily by providing consent to share the verification data you saved to your Link Account with specific Business Users. Before you agree to verify your identity through your Link Account with a Business User, we will inform you whether verification data will be shared with that Business User. If you agree to share your verification data with a Business User, please note that Business User is an independent controller of your verification data, and the Business User’s use of your data is subject to the Business User’s privacy policy.
If you want to delete your identity information from your Link Account, there are instructions for how to do so here. If you choose to delete your identity information from your Link Account, please note the Business User may still have your verification data. If you would like to request the Business User to delete any copies of your personal data they obtained through this End User Service, please contact the Business User directly.