ผลประกอบการของธุรกิจในสหราชอาณาจักรคืออะไร

Revenue Recognition
Revenue Recognition

Stripe Revenue Recognition เพิ่มประสิทธิภาพในการทำบัญชีคงค้างเพื่อให้คุณปิดบัญชีได้รวดเร็วและถูกต้อง รวมทั้งยังกำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติ คุณจึงปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ผลประกอบการแตกต่างจากผลกําไรอย่างไร
    1. ผลประกอบการ
    2. กําไร
  3. การคํานวณผลประกอบการคิดจากอะไรบ้าง
    1. รายรับจากการขายสินค้าหรือบริการ
    2. ค่าคอมมิชชันหรือค่าธรรมเนียม
    3. รายรับจากการเช่า (หากเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลัก)
    4. รายรับจากการดําเนินการอื่นๆ
    5. สิ่งที่ยกเว้นจากผลประกอบการ
  4. ทําไมผลประกอบการในสหราชอาณาจักรจึงสําคัญ
  5. วิธีติดตามผลประกอบการของธุรกิจอย่างแม่นยำ
  6. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการคํานวณผลประกอบการ

ในสหราชอาณาจักร (UK) ผลประกอบการของธุรกิจหมายถึงรายรับรวมของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่งๆ ซึ่งปกติแล้วจะคิดเป็นรายปี โดยเป็นรายรับขั้นต้นก่อนหักค่าใช้จ่าย (เช่น เงินเดือน ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน ภาษี) ผลประกอบการประกอบการรวมถึงการขายสินค้าหรือบริการ และกิจกรรมทางธุรกิจอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดรายรับ

ธุรกิจในสหราชอาณาจักรจะรายงานผลประกอบการในงบการเงินและใช้รายงานดังกล่าวเพื่อคํานวณภาษีต่างๆ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ผลประกอบการยังเป็นเมตริกที่มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบการเติบโตและการติดตามประสิทธิภาพในระยะยาว ด้านล่างเราจะพูดถึงสิ่งที่ควรรวมอยู่ในการคํานวณผลประกอบการ วิธีการติดตามผลประกอบการที่ถูกต้อง และข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

เนื้อหาในบทความนี้

  • ผลประกอบการแตกต่างจากผลกําไรอย่างไร
  • การคํานวณผลประกอบการคิดจากอะไรบ้าง
  • ทําไมผลประกอบการในสหราชอาณาจักรจึงสําคัญ
  • วิธีติดตามผลประกอบการของธุรกิจอย่างแม่นยำ
  • อะไรคือข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการคํานวณผลประกอบการ

ผลประกอบการแตกต่างจากผลกําไรอย่างไร

ผลประกอบการและผลกําไรเป็นเมตริกทางการเงินที่สําคัญสําหรับการทําความเข้าใจผลประกอบการของธุรกิจ แต่จะวัดผลการดําเนินงานในด้านที่แตกต่างกัน ผลประกอบการเกี่ยวข้องกับรายรับรวม (เงินทั้งหมดที่เข้ามา) ส่วนกําไรคือจำนวนหลังหักจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด (เงินที่ธุรกิจได้รับ)

ผลประกอบการ

ผลประกอบการหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่ารายรับขั้นต้น คือรายรับรวมที่ธุรกิจได้รับจากดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท เช่น การจําหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ในช่วงเวลาที่กําหนด โดยแสดงยอดรวมของเงินที่เข้ามาก่อนหักต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย

  • ตัวอย่าง: หากร้านค้าขายสินค้า 1,000 ชิ้นในราคา 10 ปอนด์ต่อชิ้น มูลค่าผลประกอบการคือ 10,000 ปอนด์ โดยไม่คํานึงถึงต้นทุนในการผลิตหรือขายสินค้าเหล่านั้น

กําไร

กําไรคือยอดที่ได้รับหลังจากหักค่าใช้จ่ายของธุรกิจทั้งหมดออกจากผลประกอบการ โดยจะรายได้ที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นจะได้รับ ผลกําไรสามารถแบ่งออกเป็นหลายๆ ประเภท ดังนี้

  • กําไรขั้นต้น: ผลประกอบการหักค่าใช้จ่ายโดยตรงในการผลิตสินค้าหรือบริการ (เช่น วัสดุและแรงงาน)

  • ผลกําไรจากการดําเนินงาน: กําไรขั้นต้นลบค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน (เช่น ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค การตลาด)

  • กําไรสุทธิ: ตัวเลขสุดท้ายหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงภาษีและดอกเบี้ย

หากค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ธุรกิจอาจมีผลประกอบการสูงแต่มีกําไรต่ำ ในทางกลับกัน ผลประกอบการที่น้อยแต่จัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างดีจะทำให้เกิดผลกำไรที่ดีตามมา

การคํานวณผลประกอบการคิดจากอะไรบ้าง

การคํานวณผลประกอบการควรรวมรายได้ทั้งหมดที่มาจากผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่รวมรายได้พิเศษ เช่น ดอกเบี้ยที่ได้รับ และเงินที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์ ตัวเลขที่ควรใช้มีดังนี้

รายรับจากการขายสินค้าหรือบริการ

  • การขายผลิตภัณฑ์ (รายรับจากการขายสินค้าที่จับต้องได้)

  • รายรับจากบริการ (ค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากการมอบบริการ)

  • รายรับจากการชําระเงินตามรอบบิล (รายรับตามแบบแผนล่วงหน้าจากบริการแบบสมัครสมาชิก)

ค่าคอมมิชชันหรือค่าธรรมเนียม

  • รายรับจากค่าคอมมิชชัน (เช่น ค่าธรรมเนียมตัวแทน ค่าธรรมเนียมนายหน้า)

  • รายรับจากค่าธรรมเนียมธุรกรรมหรือการเรียกเก็บเงินสําหรับการประมวลผล

รายรับจากการเช่า (หากเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลัก)

  • ค่าเช่า หากธุรกิจดําเนินกิจการในฐานะเจ้าของที่ดิน

  • รายรับจากสินทรัพย์เช่า

รายรับจากการดําเนินการอื่นๆ

  • ค่าสิทธิ

  • ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต

  • รายรับจากแฟรนไชส์

สิ่งที่ยกเว้นจากผลประกอบการ

ผลประกอบการไม่รวมตัวเลขเหล่านี้

  • ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากยอดขาย

  • รายรับจากดอกเบี้ยหรือการลงทุน

  • รายรับจากการขายสินทรัพย์

  • สินค้าที่ยกเว้นแบบครั้งเดียว เช่น การเบิกจ่ายประกันภัยและการชําระเงินทางกฎหมาย

ทําไมผลประกอบการในสหราชอาณาจักรจึงสําคัญ

ผลประกอบการสําคัญต่อธุรกิจในสหราชอาณาจักรเพราะแสดงให้เห็นถึงจำนวนรายรับจากการดำเนินธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการวัดประสิทธิภาพของธุรกิจ การวางแผนขั้นตอนต่อไป และการยืนยันถึงการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ ผลประกอบการสามารถบ่งบอกถึงข้อมูลต่อไปนี้ได้

  • การเติบโตหรือชะลอตัวของธุรกิจคุณ หากผลประกอบการเพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าคุณขายได้มากขึ้น ทําให้ลูกค้าพึงพอใจ หรือมีการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ แต่หากผลประกอบการลดลง อาจหมายถึงความต้องการที่น้อยลง การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น หรือมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาแก้ไข การดูตัวเลขนี้จะช่วยคุณระบุแนวโน้มและปรับเปลี่ยนก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย

  • จำนวนเงินที่เข้ามายังธุรกิจของคุณ แม้ผลประกอบการจะไม่ใช่ตัวบ่งบอกผลกำไร แต่ก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีว่าลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการหรือไม่ และมีรายรับเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายและดําเนินงานต่อไปหรือไม่ หากผลประกอบการเริ่มลดลง คุณควรแก้ไขปัญหา เช่น เพิ่มยอดขายหรือลดทอนค่าใช้จ่ายต่างๆ

  • วิธีการกำหนดขนาดธุรกิจของรัฐบาล ผลประกอบการจะบ่งบอกว่าคุณจําเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนหรือโครงการช่วยเหลือในบางโครงการของรัฐบาลหรือไม่ หากผลประกอบการที่ต้องเสียภาษีรายปีของคุณมากกว่า 90,000 ปอนด์ คุณจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเริ่มเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนี้จากการขาย ในขณะเดียวกันธุรกิจที่มีขนาดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจะสามารถเข้าร่วมโครงการให้เงินสนับสนุนและช่วยเหลือบางโครงการได้ การรายงานผลประกอบการอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าปรับและปฏิบัติตามข้อกําหนดของหน่วยงานด้านภาษี

  • สิ่งที่คุณควรทําการตัดสินใจต่อไป หากรายรับของคุณเพิ่มขึ้น อาจถึงเวลาขยายธุรกิจ จ้างพนักงานเพิ่ม หรือเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หากผลประกอบการอยู่ในระดับคงที่หรือลดลง คุณอาจต้องลดค่าใช้จ่ายหรือปรับแก้กลยุทธ์การขาย ผลประกอบการมีความสําคัญต่อการจัดทํางบประมาณเช่นกัน เนื่องจากคุณไม่สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายหรือการขยายธุรกิจได้หากไม่ทราบจำนวนเงินที่เข้ามายังธุรกิจ

  • ภาพลักษณ์ในสายตานักลงทุน หากคุณต้องการรับเงินกู้หรือดึงดูดเงินลงทุน ผลประกอบการเป็นหนึ่งในเมตริกแรกๆ ที่นักลงทุนจะพิจารณา ผลประกอบการที่คงที่หรือเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าธุรกิจของคุณสามารถระดมทุนและมีศักยภาพที่จะเติบโต ในทางกลับกัน ถ้าผลประกอบการไม่สามารถคาดการณ์ได้หรือลดลง อาจเป็นสัญญาณเตือนและทําให้ธุรกิจระดมทุนได้ยากยิ่งขึ้น

  • การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ผลประกอบการเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบธุรกิจของคุณกับธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจคาเฟ่ คุณสามารถตรวจสอบได้ว่ารายรับของคุณเป็นอย่างไรเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ที่คล้ายกัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นได้ว่าธุรกิจคุณทําธุรกิจได้ดีที่ไหนและควรปรับปรุงธุรกิจอย่างไรให้มีความสามารถในการแข่งขัน

วิธีติดตามผลประกอบการของธุรกิจอย่างแม่นยำ

การติดตามผลประกอบการของธุรกิจอย่างแม่นยําคือการติดตามเงินทั้งหมดที่เข้ามาในธุรกิจของคุณจากการดำเนินธุรกิจหลัก วิธีที่คุณสามารถติดตามผลประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้

  • ใช้ระบบอัตโนมัติกับการติดตามยอดขาย การคํานวณผลประกอบการด้วยตนเองอาจทําให้มีรายละเอียดตกหล่นและเสียเวลา โปรดใช้เครื่องมือที่จะบันทึกการขายทุกรายการแบบเรียลไทม์แทน หากคุณกําลังใช้ Stripe แดชบอร์ดจะแสดงมุมมองจํานวนยอดขั้นต้นในทันทีและแบ่งตามผลิตภัณฑ์ ลูกค้า หรือภูมิภาค วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องคาดเดาและทําให้ตัวเลขเป็นปัจจุบัน

  • เน้นที่รายรับที่แสดงถึงธุรกิจ ผลประกอบการควรรวมเฉพาะรายได้จากการดําเนินงานหลักของคุณเท่านั้น โดยไม่นับรวมการชําระเงินและการคืนเงินแบบครั้งเดียว เมื่อใช้ Stripe คุณจะแยกรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าออกจากการชําระเงินแบบครั้งเดียว แล้วกรองตามแพ็กเกจการชําระเงินตามรอบบิลได้ เพื่อที่คุณจะได้นับเฉพาะรายรับที่แสดงถึงการดำเนินธุรกิจหลักเท่านั้น

  • อย่าคิดภาษีปนกับการคำนวณผลประกอบการ โปรดจําไว้ว่าภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลประกอบการ เนื่องจากเป็นเงินที่คุณเรียกเก็บเพื่อจ่ายให้กับศุลกากรของสหราชอาณาจักร (HMRC) ฟีเจอร์ภาษีอัตโนมัติของ Stripe จะคํานวณและแยกภาษีมูลค่าเพิ่มออกมา เพื่อให้คุณทราบอย่างแน่นอนว่ามีรายรับและภาษีเท่าใด

  • ดูแนวโน้มผลประกอบการ ไม่ใช่แค่ยอดรวม มองหารูปแบบ ไม่ใช่เพียงตัวเลขขั้นสุดท้าย มียอดที่เพิ่มสูงกว่าปกติในบางเดือนหรือไม่ มีผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งสร้างรายรับได้สูงสุดหรือไม่ Stripe ช่วยให้คุณวิเคราะห์แนวโน้มเหล่านี้ได้เพื่อให้เข้าใจว่าอะไรเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตหรืออุปสรรคของธุรกิจ

  • สร้างขั้นตอนการกระทบยอดอัตโนมัติเพื่อตรวจจับข้อผิดพลาด คุณไม่สามารถข้ามการกระทบยอดตามปกติได้ แต่คุณดําเนินการแบบอัตโนมัติได้ Stripe ผสานการทํางานกับแพลตฟอร์มการทําบัญชีอย่าง Xero หรือ QuickBooks เพื่อให้จับคู่การชําระเงินกับใบแจ้งหนี้ได้โดยอัตโนมัติ และช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินการกับยอดขายและธนาคาร

  • ติดตามตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ การตรวจสอบผลประกอบการของธุรกิจเป็นประจําจะช่วยให้คุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ เช่น ความสําเร็จของแคมเปญหรือยอดขายที่ลดลง การรายงานของ Stripe ช่วยให้คุณตรวจสอบรายรับได้ทันทีที่เข้ามา

  • แยกตามช่องทางรายรับ หากคุณขายผลิตภัณฑ์หลายรายการหรือดําเนินงานในตลาดต่างๆ คุณควรแจกแจงยอดขายตามหมวดหมู่ รายงานแบบปรับแต่งได้ของ Stripe ช่วยให้คุณทําสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย คุณจึงดูว่าธุรกิจด้านใดบ้างที่เติบโตและด้านใดบ้างต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม

  • วางแผนเพื่อการเติบโต ในขณะที่ธุรกิจขยายกิจการ การติดตามผลประกอบการอาจมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ใช้สกุลเงิน ประเภทการชําระเงิน หรือมีกระแสรายรับที่หลากหลาย Stripe สร้างขึ้นมาเพื่อเติบโตไปพร้อมกับคุณ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การรองรับหลายสกุลเงินและการรายงานแบบรวม

  • วิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการ: การติดตามผลประกอบการที่แม่นยําต้องใช้การวิเคราะห์ความหมายของผลประกอบการด้วย คุณพร้อมที่จะขยายธุรกิจแล้วหรือยัง ค่าใช้จ่ายของคุณสูงเกินไปหรือไม่ ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการเพิ่มหรือไม่ การรวมข้อมูลผลประกอบการเข้ากับเทคโนโลยี เช่น ข้อมูลการวิเคราะห์ของ Stripe จะช่วยให้ระบุได้ดีขึ้นว่าปัจจัยใดขับเคลื่อนประสิทธิภาพของคุณ

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการคํานวณผลประกอบการ

เมื่อคํานวณผลประกอบการ คุณอาจดำเนินการผิดพลาดได้ง่าย และอาจเกิดความสับสนหรือเกิดปัญหาด้านการปฏิบัติตามข้อกําหนดได้ นี่คือข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดและวิธีการหลีกเลี่ยง

  • การรวมรายรับที่ไม่ใช่ผลประกอบการ ผลประกอบการควรรวมเฉพาะรายรับจากการดำเนินธุรกิจหลัก เช่น การจําหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการ อย่านับรวมดอกเบี้ยหรือเงินทุนแบบครั้งเดียว เช่น การขายสินทรัพย์ จัดโครงสร้างบัญชีไว้ให้เป็นระเบียบเพื่อติดป้ายกำกับให้กับรายรับอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น เครื่องมือการรายงานของ Stripe ช่วยให้คุณกรองแหล่งรายรับได้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะนับเฉพาะรายรับจากการดําเนินงานเท่านั้น

  • การลืมแยกภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมูลค่าเพิ่มคือเงินที่เรียกเก็บในนามของรัฐบาล และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรายรับ อย่ารวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีการขายอื่นๆ ในตัวเลขผลประกอบการของคุณ ใช้ระบบต่างๆ เช่น Stripe Tax ซึ่งจะคํานวณและแยกภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากรายรับของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ระบุผลประกอบการเกินโดยไม่ได้ตั้งใจ

  • การไม่รวมทําธุรกรรมขนาดเล็ก การข้ามธุรกรรมเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้ตัวเลขของผลประกอบการไม่ถูกต้อง อย่ามองข้ามการชําระเงิน การคืนเงิน หรือการขายในบางช่วงที่มียอดน้อยๆ โปรดใช้เครื่องมือที่ติดตามธุรกรรมทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมขนาดเล็กแค่ไหนก็ตาม แพลตฟอร์มการชําระเงินอย่าง Stripe จะบันทึกกิจกรรมทั้งหมดและช่วยให้มั่นใจว่าจะไม่มียอดขายใดที่ตกหล่น

  • การรวมผลประกอบการเข้ากับกําไร ผลประกอบการไม่ได้บ่งบอกถึงเงินที่คุณจะได้หลังหักค่าใช้จ่าย อย่าสับสนว่าผลประกอบการ (รายรับ) คือกําไร (จำนวนหลังค่าใช้จ่าย) โปรดตรวจสอบว่ารายงานทางการเงินของคุณแยกผลประกอบการจากเมตริกอื่นๆ เช่น กําไรขั้นต้นหรือกําไรสุทธิอย่างชัดเจน

  • การไม่คิดรวมการคืนเงินหรือส่วนลด การคืนเงินจะลดรายรับรวม และส่วนลดจะทำให้เงินที่คุณจะได้รับนั้นน้อยลง อย่านับยอดขายที่คืนเงินหรือหักส่วนลดแล้วเป็นจำนวนเต็ม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบการทําบัญชีของคุณหักการคืนเงินและคิดส่วนลดเมื่อคํานวณผลประกอบการ

  • นับยอดขายซ้ำกัน การบันทึกรายรับรายการเดียวกันซ้ำ (เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูลด้วยตัวเองหรือมีใบแจ้งหนี้)ซ้ำกันจะเพิ่มผลประกอบการและแสดงผลการดำเนินงานของธุรกิจคุณอย่างไม่ถูกต้อง โปรดใช้ระบบอัตโนมัติอย่าง Stripe ซึ่งจะซิงค์กับซอฟต์แวร์การทําบัญชีของคุณเพื่อลดข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง

  • การใช้รอบเวลาที่ไม่ถูกต้อง การเปรียบเทียบกรอบเวลาที่ไม่สอดคล้องกันนั้นทําให้เกิดแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่ถูกต้อง และทําให้ให้ผู้ถือผลประโยชน์ร่วมเข้าใจผิด อย่าคิดช่วงเวลาการรายงานหรือรวมตัวเลขจากเดือนหรือปีที่อื่นๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ โปรดใช้ช่วงเวลาที่สอดคล้องกันเมื่อดึงข้อมูลผลประกอบการ แดชบอร์ดการรายงานของ Stripe ช่วยให้คุณกําหนดช่วงวันที่ที่ออกแบบเองให้ตรงกับความต้องการด้านการรายงานของคุณได้

  • การไม่ได้ทําบัญชีสําหรับรายรับหลายสกุลเงิน หากคุณดําเนินงานทั่วโลก ความผันผวนของสกุลเงินอาจส่งผลกระทบต่อตัวเลขผลประกอบการของคุณ อย่ามองข้ามอัตราแลกเปลี่ยน หรือคํานวณรายได้จากยอดขายระหว่างประเทศผิด ใช้ระบบอย่าง Stripe ซึ่งจัดการการชําระเงินหลายสกุลเงิน และแสดงรายงานแบบรวมในสกุลเงินที่คุณเลือก

  • การมองข้ามรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า ธุรกิจที่มีการสมัครสมาชิกมักต้องพึ่งพารายรับตามแบบแผนล่วงหน้าเป็นหลัก อย่าลืมรวมการชําระเงินตามรอบบิลหรือช่องทางรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า เพราะจะทำให้ผลประกอบการของคุณไม่ถูกต้อง ติดตามรายรับจากการชําระเงินตามรอบบิลแยกกัน และตรวจสอบว่ารายรับนั้นรวมอยู่ในผลประกอบการของคุณแล้ว ฟีเจอร์การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าของ Stripe จะจัดการปัญหานี้โดยอัตโนมัติ

  • การคํานวณด้วยตนเอง ข้อผิดพลาดในการคํานวณด้วยตนเองอาจเพิ่มผลประกอบการและทำให้ได้ตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง ใช้ระบบอัตโนมัติกับกระบวนการของคุณผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น Stripe ซึ่งจะบันทึกและคํานวณผลประกอบการแบบเรียลไทม์

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Revenue Recognition

Revenue Recognition

กำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Revenue Recognition

สร้างกระบวนการทำบัญชีแบบเกณฑ์คงค้างอัตโนมัติด้วย Stripe Revenue Recognition