ภาษีการค้าในเยอรมนี: การใช้งาน ความท้าทาย และความเสี่ยง

Tax
Tax

Stripe Tax จะทำให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีทั่วโลกเป็นไปโดยอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้คุณไปมุ่งเน้นกับการขยายธุรกิจ โดยจะระบุภาระหน้าที่ทางภาษีของคุณ จัดการการจดทะเบียน คำนวณและเรียกเก็บภาษีด้วยจำนวนที่ถูกต้องทั่วโลก และช่วยในการยื่นภาษี ทั้งหมดนี้ทำได้ในที่เดียว

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ภาษีการค้าคืออะไรและมีอะไรพิเศษ
    1. ฉันต้องเริ่มจ่ายภาษีการค้าเมื่อใด
  3. การคำนวณภาษีการค้า
    1. การคำนวณรายได้จากการค้า
    2. การพิจารณาค่าลดหย่อนภาษีการค้า
    3. การคำนวณฐานภาษีการค้าของคุณ
    4. วิธีใช้อัตราภาษีการค้า
    5. ตัวอย่างการคำนวณ
  4. ภาระภาษีซ้ำซ้อน: ภาษีการค้าบวกกับภาษีเงินได้นิติบุคคล
  5. ความท้าทายในเชิงปฏิบัติของภาษีการค้า
    1. ผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
    2. ผลกระทบจากโมเดลธุรกิจของคุณ
    3. การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณ
  6. ความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายภาษีการค้า

ภาษีการค้าเป็นค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจจำนวนมากในเยอรมนีไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เนื่องจากมีการคำนวณที่แตกต่างกันไป จำนวนเงินที่ธุรกิจต้องชำระจึงอาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งและโครงสร้างของธุรกิจนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการคำนวณภาษีการค้า ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และวิธีปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจไปตามการคำนวณภาษี

ในบทความนี้ เราจะพาไปดูว่าภาษีการค้าคืออะไร แล้วแตกต่างจากภาษีประเภทอื่นๆ อย่างไร รวมถึงวิธีการคำนวณภาษี นอกจากนี้ เรายังอธิบายถึงความท้าทายในเชิงปฏิบัติที่มาพร้อมกับภาษีการค้า โดยรวมถึงองค์กรอีคอมเมิร์ซและการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) ตลอดจนความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายภาษีการค้า

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ภาษีการค้าคืออะไรและมีอะไรพิเศษ
  • การคำนวณภาษีการค้า
  • ภาระภาษีซ้ำซ้อน: ภาษีการค้าบวกกับภาษีเงินได้นิติบุคคล
  • ความท้าทายในเชิงปฏิบัติของภาษีการค้า
  • ความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายภาษีการค้า

ภาษีการค้าคืออะไรและมีอะไรพิเศษ

ภาษีการค้า คือ ภาษีทรัพย์สินหรือสินทรัพย์ที่หน่วยงานเทศบาลในท้องถิ่นเรียกเก็บ บริษัททุกแห่งที่ดำเนินธุรกิจในเยอรมนีจะต้องจ่ายภาษีการค้า โดยหมายรวมถึงบริษัทคอร์ปอเรชันต่างๆ เช่น บริษัทจำกัดความรับผิด (GmbH) และบริษัทที่แบ่งทุนออกเป็นหุ้น (AG) รวมถึงห้างหุ้นส่วน เช่น ห้างหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิด (OHG) และห้างหุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิด (KG) ส่วนผู้ประกอบอาชีพอิสระจะได้รับการยกเว้นภาษีการค้า เช่นเดียวกับองค์กรด้านเกษตรและป่าไม้ (โปรดดูมาตราที่ 2 และมาตราที่ 3 ของ Trade Tax Act (GewStG) ของเยอรมนี)

ภาษีการค้าจะคำนวณตามสิ่งที่เรียกว่า "รายได้จากการค้า" ของธุรกิจ โดยรายได้จากการค้าก็คือกำไรจากการดำเนินธุรกิจที่กำหนดตามข้อบังคับของ Income Tax Act (EStG) และ Corporation Tax Act (KStG) ของเยอรมนี โดยจะมีการคำนวณรายได้จากการค้าสำหรับรอบการเสียภาษีการค้านั้นๆ แล้วจึงนำไปปรับตามรายการเพิ่มเติมและรายการลดหย่อนที่กำหนด

จากนั้น รายได้จากการค้านี้จะถูกนำไปคูณด้วยอัตราพื้นฐานของรัฐบาลกลางที่เป็นมาตรฐาน และคูณด้วยอัตราภาษีการค้าของหน่วยงานเทศบาลที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้ ภาษีการค้าจึงแตกต่างจากภาษีประเภทอื่นๆ กล่าวคือ หน่วยงานเทศบาลแต่ละแห่งก็จะกำหนดอัตราภาษีของตนเอง โดยอัตราของหน่วยงานเทศบาลส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยในท้องถิ่น ภาษีนี้จึงแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละที่ ดังนั้น ในขณะที่ภาษี เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล มีมาตรฐานเดียวกันตามรัฐบาลกลาง แต่ภาษีการค้าจะแตกต่างกันไปได้อย่างมาก โดยภาษีการค้าเป็นแหล่งรายได้หลักสำหรับหน่วยงานปกครองระดับเทศบาลและใช้ในชำระค่าใช้จ่ายภาครัฐ

ฉันต้องเริ่มจ่ายภาษีการค้าเมื่อใด

ภาษีการค้าจะครบกำหนดชำระทันทีที่บริษัทได้รับผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจ และมีสถานะที่เรียกว่า "Stationary enterprise" (องค์กรแบบคงที่) ตามที่กำหนดไว้ในมาตราที่ 2 ของ GewStG ประเด็นสำคัญอยู่ตรงเวลาที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นจริงๆ ไม่ใช่เวลาที่มีการจดทะเบียนการค้าเกิดขึ้น เรื่องนี้ทำให้ธุรกิจต้องรับผิดชอบในการชำระภาษีการค้า เว้นแต่จะสามารถหยิบยกเอาข้อยกเว้นตามกฎหมายมาตราที่ 3 ของ GewStG มาใช้ได้

การคำนวณภาษีการค้า

ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณไม่จำเป็นต้องคำนวณภาษีการค้าเอง เพราะสำนักงานภาษีของเยอรมนีจะช่วยคำนวณให้ แต่คุณยังคงต้องทำความเข้าใจว่าภาษีที่คุณต้องจ่ายมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำ ซึ่งเราได้สรุปไว้ให้ด้านล่างนี้แล้ว

การคำนวณรายได้จากการค้า

รายได้จากการค้า คือ ข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณภาษีการค้า ตัวเลขนี้จะดูจากผลกำไรที่ต้องเสียภาษีของธุรกิจ โดยลบด้วยรายการบางอย่างตามที่ระบุไว้ใน GewStG ตัวอย่างเช่น รายการเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นเมื่อมีค่าเช่าที่หรือการชดเชยความรับผิดตามมาตราที่ 8 ของ GewStG ส่วนรายการลดหย่อนจะเกิดขึ้นเมื่อมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีบางประการ การยกยอดขาดทุน และอื่นๆ ตามที่ระบุไว้ในมาตราที่ 9 ของ GewStG โดยหลังจากนำรายการเพิ่มเติมและรายการลดหย่อนเหล่านี้มาคำนวณแล้ว ยอดคงเหลือที่ได้ก็จะเป็นยอดที่ใช้คำนวณหาจำนวนภาษีการค้าที่ต้องชำระ

การพิจารณาค่าลดหย่อนภาษีการค้า

ค่าลดหย่อนภาษีการค้าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการคำนวณภาษีการค้า บุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนจะได้ค่าลดหย่อนจำนวน 24,500 ยูโรตามมาตราที่ 11 ของ GewStG หากรายได้จากการค้าประจำปีของธุรกิจก่อนปัดเศษเป็นจำนวนหลักร้อยยูโรที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วต่ำกว่าจำนวนดังกล่าว ก็จะไม่ต้องเสียภาษีการค้า แต่หากรายได้จากการค้าสูงกว่าค่าลดหย่อนนี้ ก็จะต้องเสียภาษีการค้าเฉพาะในส่วนที่เกินมาจากค่าลดหย่อนเท่านั้น โดยกฎนี้จะไม่บังคับใช้กับบริษัทคอร์ปอเรชัน ซึ่งต้องจ่ายภาษีการค้าจากเงินได้จากการค้าแบบเต็มจำนวน

การคำนวณฐานภาษีการค้าของคุณ

ฐานภาษีสำหรับภาษีการค้าจะคำนวณโดยใช้อัตราพื้นฐานของรัฐบาลกลางที่ 3.5% ซึ่งใช้กับทุกธุรกิจในประเทศเยอรมนีอย่างทั่วถึง ฐานภาษีนี้ถือเป็นค่าพื้นฐาน ซึ่งจะนำไปคูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนดโดยหน่วยงานเทศบาลนั้นๆ ในภายหลัง ด้วยเหตุนี้ หากคุณมีรายได้จากการค้าอยู่ที่ 100,000 ยูโร ฐานภาษีการค้าของคุณก็จะอยู่ที่ 3,500 ยูโร

วิธีใช้อัตราภาษีการค้า

อัตราภาษีคือปัจจัยชี้วัดภาษีการค้า โดยมีบทบาทสำคัญในการระบุจำนวนภาษีที่เรียกเก็บ หน่วยงานเทศบาลแต่ละแห่งในเยอรมนีก็จะกำหนดอัตราภาษีของตนเอง ซึ่งจะคูณด้วยฐานภาษีการค้าของธุรกิจ อัตราภาษีนี้อาจแตกต่างกันไปได้อย่างมากสำหรับหน่วยงานเทศบาลแต่ละแห่ง ในขณะที่เบอร์ลินมีอัตราภาษีในปัจจุบันอยู่ที่ 410% และมิวนิกมีอัตราภาษีอยู่ที่ 490% แต่หน่วยงานเทศบาลบางแห่งที่อยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ๆ มากกลับใช้อัตราภาษีที่ต่ำกว่านั้นมาก เช่น มอนไฮม์มีอัตราภาษีอยู่ที่ 250% และอัตราภาษีของอุนเทอร์ฮาคิงอยู่ที่ 295%

ตัวอย่างการคำนวณ

จากนี้ เราจะพาไปดูตัวอย่างวิธีการคำนวณภาษีการค้า

สมมติว่าห้างหุ้นส่วนมีรายได้จากการค้าอยู่ที่ 120,000 ยูโรหลังจากคิดรายการเพิ่มเติมและรายการลดหย่อนแล้ว ค่าลดหย่อนภาษีการค้าจำนวน 24,500 ยูโรก็จะถูกนำไปหักจากจำนวนนี้

การคำนวณจะเป็นดังนี้

120,000 – 24,500 ยูโร = 95,500 ยูโร

คุณจะจ่ายภาษีการค้าเฉพาะในส่วนที่เกินมาจากค่าลดหย่อนเท่านั้น (ซึ่งในกรณีนี้คือ 95,500 ยูโร) จากนั้นจะใช้อัตราพื้นฐานของรัฐบาลกลางที่ 3.5% กับรายได้จากการค้าในส่วนที่เหลือเพื่อกำหนดฐานภาษีการค้า ดังนี้

95,500 ยูโร x 3.5% = 3,342.50 ยูโร

สุดท้ายแล้ว ฐานภาษีนี้จะถูกนำไปคูณด้วยอัตราภาษีของเทศบาล สมมติว่าห้างหุ้นส่วนตั้งอยู่ที่มิวนิกซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 490%

3,342,50 ยูโร x 490% = 16,378.25 ยูโร

ดังนั้น จากตัวอย่างนี้ ห้างหุ้นส่วนจะต้องจ่ายภาษีการค้าเป็นจำนวน 16,378.25 ยูโร

ภาระภาษีซ้ำซ้อน: ภาษีการค้าบวกกับภาษีเงินได้นิติบุคคล

ภาระภาษีสำหรับธุรกิจในเยอรมนีจะอยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ที่ประมาณ 23% โดยส่วนใหญ่แล้ว ภาระภาษีนี้จะส่งผลต่อบริษัทคอร์ปอเรชัน เนื่องจากต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% เพิ่มจากภาษีการค้า ส่วนผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือห้างหุ้นส่วนจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล

สมาคมอุตสาหกรรมหลายๆ แห่ง รวมถึงพรรคเสรีนิยมและล็อบบี้ยิสต์ต่างก็เชื่อว่า การเก็บภาษีซ้ำซ้อนจะเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของเยอรมนีในการแข่งขันระดับสากล ด้วยเหตุนี้ หอการค้าและอุตสาหกรรมของเยอรมนีจึงเรียกร้องให้มีการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลทีละน้อยจนถึง 10% รวมถึงแผนการนำภาษีการค้าไปหักออกจากภาษีเงินได้นิติบุคคล สหภาพองค์กรขนาดกลางและนักเศรษฐศาสตร์ (Union of Medium-Sized Enterprises and Economists หรือ MIT) ก็รณรงค์ผลักดันให้มีการปฏิรูประบบการเงินของเทศบาลและการปรับปรุงระบบภาษีการค้าให้ทันสมัย โดยได้กล่าวไว้ในเดือนกรกฎาคม 2024 ว่า "ภาษีการค้าของเยอรมนีอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้นับเป็นเรื่องผิดแปลกในระดับสากล และทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องแบกรับภาระเป็นอย่างมาก"

ภาระหน้าที่ทางภาษีของธุรกิจต่างๆ ในเยอรมนีนั้นหลากหลายและซับซ้อน แม้ว่าภาษีการค้าและภาษีเงินได้นิติบุคคลจะได้รับการประเมินโดยหน่วยงานทางการเงิน แต่ธุรกิจต่างๆ จะต้องรับผิดชอบในการเรียกเก็บเงินและปฏิบัติตามภาษีประเภทอื่นๆ ให้ถูกต้อง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีการขาย Stripe Tax ช่วยให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยการคำนวณและจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีการขายสำหรับสินค้าที่จับต้องได้และสินค้าดิจิทัลโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้คุณติดตามภาระหน้าที่ทางภาษีได้ง่ายขึ้น เพื่อที่คุณจะได้หันไปมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแทนได้

ความท้าทายในเชิงปฏิบัติของภาษีการค้า

ภาษีการค้าทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายในเชิงปฏิบัติต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องความสามารถในการทำกำไร ภาษีการค้ายังส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ แตกต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจอีกด้วย โดยในบางกรณี คุณอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ

ผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร

ทุกคนที่ทำธุรกิจในเยอรมนีมักจะต้องชำระภาษีการค้า โดยรวมถึงบริษัท SaaS และอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากภาระภาษีของบริษัทอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกระแสเงินสดและผลกำไรของบริษัทได้ ธุรกิจออนไลน์จึงต้องคำนึงถึงภาษีการค้าด้วยเมื่อทำการคำนวณต่างๆ

ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่สำคัญของบริษัทอีคอมเมิร์ซและ SaaS หลายๆ แห่งก็คือ บริษัทเหล่านั้นมักจะเลือกตำแหน่งที่ตั้งได้ยืดหยุ่นมากกว่าเมื่อเทียบกับโมเดลธุรกิจแบบดั้งเดิม แม้ว่าธุรกิจที่มีหน้าร้านแบบดั้งเดิมมักจะคำนึงถึงจำนวนคนเข้าร้าน โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานเวลาเลือกตำแหน่งที่ตั้ง แต่ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซและ SaaS นั้นจะมีข้อจำกัดน้อยกว่ามากในการเลือกตำแหน่งที่ตั้งให้กับสถานที่หรือสำนักงานใหญ่ ซึ่งความยืดหยุ่นเช่นนี้เองทำให้บริษัทต่างๆ สามารถกำหนดเป้าหมายเป็นตำแหน่งที่ตั้งที่มีอัตราภาษีของเทศบาลที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

ธุรกิจที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลที่มีอัตราภาษีค่อนข้างต่ำจะได้รับการหักลดหย่อนภาษีจำนวนมากเมื่อเทียบกับธุรกิจที่คล้ายๆ กันแต่ตั้งอยู่ในเขตเมือง ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจออนไลน์จึงควรคำนึงถึงภาษีการค้าเป็นพิเศษในกลยุทธ์ด้านตำแหน่งที่ตั้ง เพื่อให้ภาระภาษีโดยรวมอยู่ในระดับที่เหมาะสมและช่วยให้สามารถทำกำไรได้ในระยะยาว

ผลกระทบจากโมเดลธุรกิจของคุณ

ในส่วนของบริษัทที่ให้บริการเพียงอย่างเดียว เช่น บริษัทที่ปรึกษาหรือผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ ฐานภาษีสำหรับภาษีการค้าก็มักจะเป็นกำไรที่ได้จากการให้บริการ เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้มักจะไม่ได้จำหน่ายสินค้าที่จับต้องได้ (ซึ่งหมายความว่าธุรกิจก็จะไม่มีคลังสินค้าหรือพื้นที่วางขาย) จึงไม่รายการเพิ่มเติมในส่วนของค่าเช่าที่หรือค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ดังนั้น ภาระภาษีของธุรกิจเหล่านี้จึงคำนวณจากกำไรที่เกิดขึ้นแทบจะทั้งหมด

ผู้ค้าปลีกที่ขายสินค้าที่จับต้องได้มักจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมกว่า จึงมีภาระภาษีสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะมีรายการเพิ่มเติมในส่วนของค่าเช่าพื้นที่วางขายและพื้นที่คลังสินค้า เมื่อพูดถึงค่าบริการ บริษัทเหล่านี้ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างค่าใช้จ่ายของตนจะคำนึงถึงภาษีการค้าด้วย เพราะภาระที่เพิ่มเข้ามานี้อาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการทำกำไรได้

ธุรกิจที่ทำหน้าที่เป็นมาร์เก็ตเพลสจะต้องใช้ความรอบคอบพอๆ กันในการคำนวณภาระภาษีของตน โดยเฉพาะในกรณีของภาษีการค้า ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยก็คือวิธีจัดการกับกำไรจากการใช้งานแพลตฟอร์มและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง โมเดลธุรกิจประเภทนี้อาจทำให้การคำนวณภาษีการค้าซับซ้อนขึ้นได้ เนื่องจากมีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องและมีแหล่งรายรับต่างๆ มากมายที่ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการค้า

การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณ

ธุรกิจที่มีจำนวนภาษีการค้าที่ต้องจ่ายสูงควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจและปรับปรุงค่าบริการ เพื่อชดเชยกับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นมา

นอกจากนี้ ธุรกิจยังควรตรวจสอบโครงสร้างธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์จากค่าลดหย่อนหรือการหักลดหย่อนใดๆ ด้วย โดยในบางกรณีก็ควรใช้โครงสร้างแบบโฮลดิ้งหรือเปลี่ยนหน่วยธุรกิจบางหน่วยไปยังสถานที่ตั้งซึ่งมีอัตราภาษีการค้าต่ำกว่า การขอคำแนะนำเกี่ยวกับภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ธุรกิจพบตัวเลือกที่เหมาะที่สุดและมั่นใจได้ว่าธุรกิจจะยังคงแข่งขันได้ในระยะยาว

ความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายภาษีการค้า

โดยหลักแล้ว สำนักงานภาษีที่มีเขตอำนาจศาลเหนือตำแหน่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธุรกิจก็จะประเมินจำนวนภาษีการค้าที่ต้องชำระ โดยธุรกิจก็จะชำระเงินล่วงหน้าเป็นรายไตรมาส แต่บริษัทก็ยังมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ตนส่งให้สำนักงานภาษีในการประเมินภาษีนั้นถูกต้อง ในกรณีที่ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรายได้จากการค้า (เช่น การละเลยรายการเพิ่มเติมหรือรายการลดหย่อนที่จำเป็น) ก็อาจส่งผลให้มีภาษีค้างชำระเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมล่าช้าและดอกเบี้ยสูง โดยอาจทำให้ธุรกิจมีภาระด้านสภาพคล่องเพิ่มขึ้นมาได้

การละเมิดกฎหมายภาษีการค้าอีกแบบหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจก็คือการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเลยกำหนดหรือลืมยื่นแบบแสดงรายการภาษีไปเลย ซึ่งในกรณีเหล่านี้ บริษัทจะไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อภาระทางการเงินจากภาษีที่ค้างชำระเท่านั้น แต่ยังมีผลทางกฎหมายด้วย เช่น การสั่งจ่ายค่าปรับหรือการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีที่อาจเกิดขึ้น ข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยในแบบแสดงรายการภาษีก็เปิดโอกาสให้สำนักงานภาษีสามารถตรวจสอบเชิงลึกได้ ซึ่งทำให้ธุรกิจต้องเสียเวลาและเงินมากขึ้น การยื่นแบบแสดงรายการภาษีจะต้องดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน ELSTER ภายในวันที่ 31 กรกฎาคมของปีถัดไป หากบริษัทใช้บริการที่ปรึกษาด้านภาษี ก็จะมีการขยายกำหนดเวลานี้ออกไปถึงวันที่ 30 เมษายนของปีถัดไป

ในฐานะเจ้าของธุรกิจ อย่าลืมปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางภาษีการค้าอย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง การเก็บบันทึกทางการเงินที่ถูกต้อง การบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างถูกต้อง และการขอคำปรึกษาด้านภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ ล้วนสำคัญต่อการคำนวณจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายให้ถูกต้องและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและบทลงโทษต่างๆ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Tax

Tax

ช่วยให้คุณทราบพื้นที่ที่ต้องจดทะเบียน เรียกเก็บภาษีในจำนวนที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเข้าถึงรายงานที่ใช้สำหรับยื่นเงินคืนภาษี

Stripe Docs เกี่ยวกับ Tax

เรียกเก็บภาษีการขาย ภาษีมูลค่าเพิ่ม และ GST รวมทั้งสร้างรายงานธุรกรรมทั้งหมดของคุณแบบอัตโนมัติ พร้อมเชื่อมต่อระบบโดยเขียนโค้ดเพียงเล็กน้อยหรือไม่ต้องเขียนโค้ดเลย