การจัดตั้ง OHG ในเยอรมนี: สิ่งที่คุณต้องรู้

Revenue Recognition
Revenue Recognition

Stripe Revenue Recognition เพิ่มประสิทธิภาพในการทำบัญชีคงค้างเพื่อให้คุณปิดบัญชีได้รวดเร็วและถูกต้อง รวมทั้งยังกำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติ คุณจึงปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. OHG คืออะไร
  3. การจัดตั้ง OHG เหมาะกับใคร
  4. เงื่อนไขในการจัดตั้ง OHG
  5. แนวทางการจัดการความรับผิดใน OHG
  6. วิธีจัดตั้ง OHG
  7. ข้อดีของ OHG

OHG (ย่อมาจากคำว่า "Offene Handelsgesellschaft" ในภาษาเยอรมัน) คือนิติบุคคลประเภทหนึ่งซึ่งเหมาะกับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจกับหุ้นส่วนที่มีเป้าหมายเดียวกัน นิติบุคคลประเภทนี้มอบสิทธิประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายบางประการด้วยเช่นกัน

ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่า OHG คืออะไร เหมาะกับใคร ตลอดจนเงื่อนไขในการจัดตั้ง OHG นอกจากนี้ยังอธิบายแนวทางการจัดสรรความรับผิดใน OHG ขั้นตอนการจัดตั้ง OHG อย่างละเอียด และข้อดีของนิติบุคคลประเภทนี้

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • OHG คืออะไร
  • การจัดตั้ง OHG เหมาะกับใคร
  • เงื่อนไขในการจัดตั้ง OHG
  • แนวทางการจัดการความรับผิดใน OHG
  • วิธีจัดตั้ง OHG
  • ข้อดีของ OHG

OHG คืออะไร

ตามมาตรา 105 ของ HGB (ประมวลกฎหมายพาณิชย์ของเยอรมนี) ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า OHG คือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดําเนินธุรกิจการค้าภายใต้ชื่อเดียวกัน

OHG คือห้างหุ้นส่วนที่จัดตั้งโดยบุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลอย่างน้อย 2 ราย หุ้นส่วนของ OHG แต่ละรายจะมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน รวมทั้งต้องรับผิดชอบและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนิติบุคคลประเภทนี้ร่วมกัน โดยความรับผิดชอบเหล่านี้รวมถึงความรับผิดส่วนบุคคลและความรับผิดแบบไม่จํากัดต่อหนี้ของธุรกิจ เป็นต้น

การจัดตั้ง OHG เหมาะกับใคร

การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญเหมาะสําหรับผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจร่วมกันเป็นหุ้นส่วน OHG ตอบโจทย์นี้เนื่องจากมีโครงสร้างทางกฎหมายที่ชัดเจนและหุ้นส่วนสามารถตัดสินใจร่วมกันได้

การบริหาร OHG ต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เนื่องจากหุ้นส่วนมีหน้าที่รับผิดชอบและอํานาจตัดสินใจร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ OHG จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากหากต้องการร่วมเป็นพันธมิตรกันในระยะยาวและรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้ยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม หุ้นส่วนทุกรายจำเป็นจะต้องยินดีร่วมมือกันบริหารธุรกิจ ถ้าจะให้ดี หุ้นส่วนควรมีทักษะและประสบการณ์หลากหลายและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อให้การบริหารจัดการมีความสมดุลและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ OHG ยังเหมาะสําหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการตัดสินใจและปรับตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหุ้นส่วนของ OHG สามารถจัดระเบียบกระบวนการทางธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่นเป็นพิเศษเพราะไม่มีข้อกําหนดทางกฎหมายที่เฉพาะเจาะจงสําหรับการบริหารจัดการ ส่งผลให้ธุรกิจปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น การจัดสรรผลกําไรขาดทุนยังทำได้อย่างยืดหยุ่นโดยการระบุไว้ในข้อบังคับของบริษัท

ตามคําจํากัดความแล้ว OHG ออกแบบเพื่อการดําเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ จึงเหมาะกับกิจกรรมการค้าที่เข้าข่ายตามข้อกําหนดของกฎหมาย HGB ตัวอย่างเช่น ธุรกิจค้าส่งและขายปลีก ธนาคารและบริษัทประกันภัย บริษัทผู้ผลิต และองค์กรที่ผลิตงานฝีมือเพื่อการค้า โดยที่กิจกรรมของธุรกิจเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบอาชีพอิสระจะไม่สามารถจัดตั้ง OHG ได้ ธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ถือว่าเป็นผู้ค้าตามกฎหมาย HGB ก็ใช้หลักการเดียวกันนี้เช่นกัน

การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญไม่ได้กำหนดเงินทุนขั้นต่ำ จึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการที่มีทรัพยากรทางการเงินจํากัด แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ประกอบการต้องยินดียอมรับความเสี่ยงจากความรับผิดส่วนบุคคล

เงื่อนไขในการจัดตั้ง OHG

การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญมีข้อกําหนดทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับมากมาย ดังต่อไปนี้

  • มีหุ้นส่วนอย่างน้อย 2 ราย: OHG ต้องจัดตั้งโดยบุคคลหรือนิติบุคคลอย่างน้อย 2 ราย และไม่มีการกำหนดจำนวนสูงสุดของหุ้นส่วน
  • วัตถุประสงค์ของธุรกิจคือเพื่อทำการค้า OHG ต้องดําเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ ด้วยลักษณะการดำเนินงานและขนาดของธุรกิจประเภทนี้ ธุรกิจเชิงพาณิชย์จึงต้องเป็นองค์กรที่ทำการค้าอย่างเป็นระบบ ดังนั้น OHG จึงออกแบบมาสําหรับผู้ค้าที่ประกอบกิจการตามคำจำกัดความของกฎหมาย HGB
  • ชื่อธุรกิจต้องประกอบด้วยคำว่า "OHG": ชื่อธุรกิจต้องมีคําว่า "OHG" หรือ "Offene Handelsgesellschaft" เพื่อให้บุคคลทั่วไปทราบว่าเป็นนิติบุคคลประเภทใด นอกจากนี้ ชื่อบริษัทยังต้องเป็นไปตามข้อกําหนดทางกฎหมายของ HGB กล่าวคือจะต้องเหมาะกับการใช้จำแนกธุรกิจและมีความโดดเด่น
  • ข้อตกลงของห้างหุ้นส่วน: การจัดตั้ง OHG จะต้องมีการลงนามในข้อตกลงของห้างหุ้นส่วน ซึ่งระบุสิทธิและหน้าที่ของหุ้นส่วน ผู้บริหาร การจัดสรรผลกําไรและขาดทุน ตลอดจนการเป็นตัวแทนของบริษัท นอกจากนี้เราขอแนะนําให้จัดทำหนังสือข้อบังคับเป็นลายลักษณ์อักษร แม้ว่าจะไม่ได้มีความจําเป็นตามกฎหมายก็ตาม
  • เงินทุนที่เพียงพอ: OHG ไม่มีข้อกําหนดเกี่ยวกับเงินทุนขั้นต่ำ ซึ่งแตกต่างจากนิติบุคคลประเภทบริษัท เช่น บริษัทจํากัด (GmbH) อย่างไรก็ตาม หุ้นส่วนจะต้องจัดสรรเงินทุนอย่างเพียงพอเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจำนวนเงินและประเภทการจัดสรรเงินทุนจะมีรายละเอียดอยู่ในข้อบังคับของบริษัท
  • การจดทะเบียนธุรกิจ: เนื่องจาก OHG ดําเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ จึงต้องจดทะเบียนกับสํานักงานการค้าที่เกี่ยวข้อง โดยต้องจดทะเบียนให้เสร็จสิ้นก่อนเริ่มทํากิจกรรมทางธุรกิจ
  • การจดทะเบียนในทะเบียนพาณิชย์: OHG จะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายก็ต่อเมื่อจดทะเบียนในทะเบียนพาณิชย์แล้วเท่านั้น นี่เป็นขั้นตอนบังคับในการจัดตั้งบริษัทและทำให้บริษัทกลายเป็นนิติบุคคล
  • การจดทะเบียนภาษี: OHG ต้องจดทะเบียนกับสํานักงานภาษีหลังก่อตั้ง ซึ่งรวมถึงการจดทะเบียนภาษีเงินได้ ภาษีการค้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในฐานะห้างหุ้นส่วน OHG ต้องมีความโปร่งใสทางการเงิน ซึ่งหมายความว่าต้องจัดสรรผลกําไรของบริษัทให้แก่หุ้นส่วนโดยตรงและเรียกเก็บภาษีเป็นรายบุคคล หากคุณต้องการจัดการการทําบัญชีอย่างรวดเร็วและถูกต้อง โปรดดู Stripe Revenue Recognition Revenue Recognition จะทำให้การลงรายการธุรกรรมและข้อกําหนดการออกใบแจ้งหนี้เป็นประจํากลายเป็นขั้นตอนอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการทําบัญชีรายรับของคุณ

แนวทางการจัดการความรับผิดใน OHG

ความรับผิดของ OHG เป็นลักษณะเฉพาะของนิติบุคคลประเภทนี้ และแตกต่างจากธุรกิจประเภทอื่นๆ อย่างเช่น GmbH หรือบริษัทร่วมหุ้นอย่างชัดเจน หลักการมีดังต่อไปนี้

  • ความรับผิดไม่จํากัด: หุ้นส่วนทุกรายใน OHG มีความรับผิดต่อหนี้สินของธุรกิจอย่างไม่จำกัด ซึ่งหมายความว่าความรับผิดของหุ้นส่วนไม่ได้จำกัดแค่เงินทุนของตนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินทรัพย์ส่วนบุคคลทั้งหมดด้วย และความรับผิดจะไม่จำกัดอยู่แค่สินทรัพย์ของธุรกิจ
  • ความรับผิดส่วนบุคคล: หุ้นส่วนของ OHG ต้องรับผิดต่อหนี้สินของธุรกิจเป็นรายบุคคลด้วย หากสินทรัพย์ของบริษัทไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องให้หุ้นส่วนแต่ละรายชำระหนี้เหล่านั้นได้โดยตรง
  • ความรับผิดร่วมกันและแทนกัน: OHG กำหนดความรับผิดร่วมกันและแทนกัน กล่าวคือหุ้นส่วนทุกรายจะรับผิดชอบหนี้สินของ OHG เต็มจํานวน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์ของบริษัทในสัดส่วนเท่าใดก็ตาม เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องให้หุ้นส่วนรายหนึ่งรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมด แต่สามารถเรียกร้องการชดเชยจากหุ้นส่วนคนอื่นๆ เป็นการภายในได้ โดยหลักการแล้ว OHG ไม่สามารถจํากัดความรับผิดต่อบุคคลที่สามได้ ข้อตกลงการจํากัดความรับผิดจะใช้กับความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
  • ความรับผิดหลังจากออกจากธุรกิจ: หุ้นส่วนยังคงรับผิดต่อหนี้สินที่เกิดขึ้นระหว่างการเป็นสมาชิกใน OHG แม้จะออกจากบริษัทแล้วก็ตาม มาตราที่ 137 ของกฎหมาย HGB ระบุว่าความรับผิดคงค้างจะยังคงมีผลต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 5 ปีหลังจากออกจากบริษัท
  • ความรับผิดคงค้างกรณีเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท: หาก OHG เปลี่ยนรูปแบบบริษัท หุ้นส่วนคนเดิมจะยังต้องรับผิดต่อหนี้สินที่เกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น
  • ความรับผิดเมื่อเข้าร่วมบริษัท: เมื่อมีหุ้นส่วนรายใหม่เข้ามาเป็นสมาชิกของ OHG หุ้นส่วนรายใหม่ต้องรับผิดชอบหนี้สินของบริษัทที่เกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาด้วย โดยต้องรับผิดต่อหนี้ของ OHG ทั้งหมด ไม่ว่าหนี้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม

วิธีจัดตั้ง OHG

การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญประกอบด้วยหลายขั้นตอน ครอบคลุมทั้งด้านกฎหมายและด้านองค์กร ต่อไปนี้คือภาพรวมของขั้นตอนหลักๆ ในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญ

  • รวบรวมหุ้นส่วน: การก่อตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญต้องมีหุ้นส่วนอย่างน้อย 2 คน ดังนั้น ขั้นตอนแรกคือการหาหุ้นส่วนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ว่าที่หุ้นส่วนต้องเห็นชอบกับวัตถุประสงค์ของบริษัท รวมถึงการจัดสรรหน้าที่ความรับผิดชอบและผลกำไร
  • ร่างข้อบังคับของบริษัท: ข้อตกลงของห้างหุ้นส่วนเป็นเอกสารสําคัญสําหรับ OHG เนื่องจากแจกแจงสิทธิและหน้าที่ของหุ้นส่วน รวมทั้งระบุชื่อของบริษัท สํานักงานและวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียน จำนวนเงินทุนของหุ้นส่วน กฎระเบียบด้านการจัดการและการเป็นตัวแทน การจัดสรรผลกําไรขาดทุน เงื่อนไขในการรับหุ้นส่วนรายใหม่ และเงื่อนไขในการเลิกกิจการ OHG และการถอนหุ้นส่วน
  • เปิดบัญชีธนาคาร: เราแนะนําให้คุณเปิดบัญชีธนาคารสําหรับ OHG เพื่อแยกการเงินของธุรกิจกับการเงินส่วนบุคคลออกจากกัน แม้ว่ากฎหมายจะไม่ได้กำหนดไว้ก็ตาม
  • จดทะเบียนธุรกิจ: เนื่องจาก OHG ดําเนินงานในฐานะองค์กรธุรกิจ ดังนั้นจึงต้องจดทะเบียนกับสํานักงานการค้าที่เหมาะสม ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเทศบาลหรือเมืองที่ OHG ตั้งอยู่ หลังจากจดทะเบียนสําเร็จ สํานักงานการค้าจะแจ้งสํานักภาษี Chamber of Commerce and Industry (IHK) หรือ Chamber of Crafts (HWK) และสมาคมประกันภัยความรับผิดของนายจ้างโดยอัตโนมัติ
  • จดทะเบียนในทะเบียนพาณิชย์: OHG จะต้องจดทะเบียนในทะเบียนพาณิชย์ ณ ศาลในท้องถิ่น โดยหุ้นส่วนทุกรายจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียน และคำขอนั้นต้องได้รับการรับรองจากโนตารีพับลิกอย่างถูกต้อง OHG จะมีอำนาจหน้าที่ทางกฎหมายและดําเนินธุรกิจได้อย่างเป็นทางการหลังจากจดทะเบียนในทะเบียนพาณิชย์แล้วเท่านั้น
  • ขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี: สํานักงานการค้าจะแจ้งสํานักงานภาษี ซึ่งจะส่งแบบสอบถามสําหรับการจดทะเบียนภาษีมาให้ OHG เมื่อทําแบบสอบถามเสร็จแล้ว คุณจะได้รับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัทจากสํานักงานภาษี
  • สมัครเป็นสมาชิกของ IHK หรือ HWK: หลังจากจดทะเบียน OHG เพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษีแล้ว IHK หรือ HWK ที่เกี่ยวข้องจะติดต่อหาคุณ ทั้งนี้ กฎหมายกำหนดให้ OHG ต้องเป็นสมาชิกขององค์กรทั้งสองนี้องค์กรใดองค์กรหนึ่ง ดังนั้นหุ้นส่วนจึงต้องจัดทําเอกสารที่จําเป็นเพื่อจัดตั้ง OHG โดยเร็วที่สุด
  • ทำประกันภัยที่จำเป็น: เนื่องจากหุ้นส่วนของ OHG มีความรับผิดส่วนบุคคล เราจึงแนะนําให้หุ้นส่วนทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น ประกันภัยความรับผิดจากการประกอบธุรกิจหรือประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
  • เตรียมความพร้อมสําหรับกิจกรรมทางธุรกิจ: การทำกิจกรรมทางธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานสําคัญทั้งหมดก่อน เช่น การจัดเตรียมสถานที่ทําธุรกิจ ซื้ออุปกรณ์ และจ้างพนักงาน
  • เริ่มทํากิจกรรมทางธุรกิจ: หลังจากปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายและการจัดการครบถ้วนแล้ว OHG ก็สามารถเริ่มกิจกรรมทางธุรกิจได้

การจัดตั้ง OHG: ขั้นตอนอย่างละเอียด

ข้อดีของ OHG

การจัดตั้ง OHG มอบประโยชน์หลายอย่างให้กับผู้ประกอบการ ตัวอย่างสิทธิประโยชน์หลักๆ ได้แก่

  • เหมาะกับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง
  • กระบวนการจัดตั้งเรียบง่ายและไม่กำหนดเงินทุนขั้นต่ำ
  • หุ้นส่วนจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลก็ได้
  • บริหารจัดการแบบห้างหุ้นส่วนและอํานาจตัดสินใจเท่าเทียมกัน
  • มีความยืดหยุ่นสูงภายในองค์กร
  • ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
  • รับหุ้นส่วนรายใหม่ได้ง่าย
  • มีความน่าเชื่อถือจากหุ้นส่วนธุรกิจเนื่องจากหุ้นส่วนมีความรับผิดส่วนบุคคล

ดูนิติบุคคลประเภทอื่นๆ สำหรับผู้ก่อตั้งธุรกิจได้ในพอร์ทัลแหล่งข้อมูล

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Revenue Recognition

Revenue Recognition

กำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Revenue Recognition

สร้างกระบวนการทำบัญชีแบบเกณฑ์คงค้างอัตโนมัติด้วย Stripe Revenue Recognition