การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเป็นวิธีการคำนวณโดยอิงตามช่วงเวลาการให้บริการบางส่วนแทนที่จะเป็นรอบการเรียกเก็บเงินเต็มจำนวน วิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าชำระเงินเฉพาะส่วนของระยะเวลาการให้บริการที่ใช้เท่านั้น ไม่ใช่ตลอดระยะเวลาการให้บริการ ซึ่งทำให้การเรียกเก็บเงินแม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าสมัครใช้บริการที่เรียกเก็บค่าบริการเดือนละ 30 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เริ่มมีการชำระเงินตามรอบบิลในวันที่ 15 ของเดือนที่มี 30 วัน ลูกค้าจะจ่ายเพียง 15 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับเดือนแรกเท่านั้น
การนำวิธีการเรียกเก็บเงินประเภทนี้มาใช้อาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในอุตสาหกรรมการชำระเงินตามรอบบิลดิจิทัลระดับโลก ซึ่งมีมูลค่า 928 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 และคาดว่าจะถึง 4.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2031 ด้านล่างนี้ เราจะกล่าวถึงหลักพื้นฐานของการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน วิธีผสานการทำงานการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเข้ากับโมเดลการชำระเงินตามรอบบิล และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
เนื้อหาหลักในบทความ
- การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนมีหลักการทํางานอย่างไร
- วิธีคํานวณการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
- การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร
- วิธีการใช้การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนกับโมเดลการชำระเงินตามรอบบิล
- สถานการณ์จำลองทั่วไปสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
- แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนมีหลักการทํางานอย่างไร
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะช่วยให้ลูกค้าชำระเงินสำหรับบริการที่ได้รับเท่านั้น หากลูกค้าลงทะเบียน ยกเลิก หรือทำการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจในระหว่างรอบการเรียกเก็บเงิน ลูกค้าจะไม่ต้องชำระเงินสำหรับรอบการเรียกเก็บเงินทั้งหมด การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้โดยการปรับการเรียกเก็บเงินให้สอดคล้องกับการใช้งาน และเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเฉพาะเท่าที่ลูกค้าใช้เท่านั้น การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนได้รับความนิยมในกลุ่มบริษัทโทรคมนาคมและสาธารณูปโภค บริการชำระเงินตามรอบบิล และเจ้าของบ้าน
วิธีคํานวณการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
การคํานวณการเรียกเก็บแงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเกี่ยวข้องกับสูตรที่ธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามข้อตกลงของข้อกำหนดในการให้บริการหรือสัญญาเช่า วิธีการคำนวณการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนมีดังนี้:
- กําหนดอัตราการเรียกเก็บเงินเต็มจํานวน: คือการเรียกเก็บเงินตามปกติสำหรับการเรียกเก็บเงินเต็มรอบ ตัวอย่างเช่น หากเป็นรอบการเรียกเก็บเงินรายเดือน ให้ใช้อัตราที่เรียกเก็บในแต่ละเดือน
- กําหนดระยะเวลาของรอบการเรียกเก็บเงิน: ระบุจํานวนวันในการเรียกเก็บเงินเต็มรอบ สําหรับบริการรายเดือน อาจเป็น 30 หรือ 31 วัน ขึ้นอยู่กับเดือน หรือเป็น 30 วันตามมาตรฐาน
คํานวณอัตรารายวัน หารยอดเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนด้วยจำนวนวันทั้งหมดในรอบการเรียกเก็บเงิน:
จํานวนการเรียกเก็บเงินเต็มจํานวน / จํานวนวันในรอบการเรียกเก็บเงิน = อัตรารายวัน
วิธีนี้จะทำให้คุณเรียกเก็บเงินเป็นรายวัน
กําหนดจํานวนวันให้บริการ: นับจํานวนวันในระหว่างรอบการเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าใช้บริการหรือเคยใช้บริการ
คํานวณการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน: คูณอัตรารายวันด้วยจํานวนวันให้บริการ:
- อัตรารายวัน × จํานวนวันให้บริการ = การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
- ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสมัครใช้บริการที่มีค่าใช้จ่าย 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในวันที่ 10 ของเดือน 30 วัน
ยอดการเรียกเก็บเงินเต็มจํานวน: 90 ดอลลาร์สหรัฐ
ระยะเวลาการเรียกเก็บเงิน: 30 วัน
อัตรารายวัน: 90 / 30 = 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
จำนวนวันให้บริการในเดือนแรก: ตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 30 = 21 วัน
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน: 3 x 21 = 63 ดอลลาร์สหรัฐ
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนสําหรับเดือนแรกคือ 63 ดอลลาร์สหรัฐ
- อัตรารายวัน × จํานวนวันให้บริการ = การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนสามารถเพิ่มชื่อเสียงของธุรกิจ ซึ่งทำให้หาลูกค้าได้ง่ายขึ้น และทำให้มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอมากขึ้น การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนมีประโยชน์ต่อธุรกิจดังนี้:
การหาลูกค้า: การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนทำให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าสามารถเริ่มรอบการเรียกเก็บเงินได้ทุกเมื่อภายในรอบการเรียกเก็บเงิน ความยืดหยุ่นนี้ช่วยขจัดอุปสรรคที่อาจขัดขวางผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า และอาจนำไปสู่การหาลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น
ชื่อเสียงทางธุรกิจ: การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนแสดงถึงความมุ่งมั่นต่อความยุติธรรมและรับรองว่าลูกค้าจะจ่ายเฉพาะเวลาที่ใช้บริการเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจน่าดึงดูดใจมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าใหม่สามารถเริ่มใช้บริการได้ทุกเมื่อโดยไม่รู้สึกว่าต้องเสียค่าใช้จ่าย
การขายต่อยอด: การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอัปเกรดบริการระหว่างรอบการเรียกเก็บเงินได้ง่ายขึ้น เนื่องจากลูกค้าทราบว่าจะต้องชำระเฉพาะส่วนที่เหลือของรอบการเรียกเก็บเงินเท่านั้น
กระแสเงินสด: การเรียกเก็บเงินลูกค้าตลอดทั้งเดือนในวันใดก็ตามที่ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อขอรับบริการ แทนที่จะเพิ่มขึ้นครั้งเดียวในช่วงต้นหรือปลายเดือน สามารถสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอมากขึ้น
วิธีการใช้การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนกับโมเดลการชำระเงินตามรอบบิล
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนมักจะจับคู่กับโมเดลการชำระเงินตามรอบบิล เนื่องจากการเรียกเก็บเงินเกิดขึ้นตามรอบการเรียกเก็บเงิน และลูกค้าอาจลงทะเบียนในช่วงกลางรอบการเรียกเก็บเงิน วิธีการผสานการทำงานการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเข้ากับบริการชำระเงินตามรอบบิลของคุณมีดังนี้:
กำหนดนโยบายการแบ่งชำระตามสัดส่วนของคุณ
หน่วยการแบ่งชําระตามสัดส่วน: ตัดสินใจว่าคุณจะแบ่งชำระตามสัดส่วนรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน การแบ่งชำระตามสัดส่วนรายวันให้ความแม่นยำสูงสุด ในขณะที่การแบ่งชำระตามสัดส่วนรายเดือนอาจนำไปใช้งานง่ายกว่าสำหรับการชำระเงินตามรอบบิลรายปี
กฎการปัดเศษ: กำหนดกฎสำหรับการปัดเศษจำนวนเงินแบ่งชำระตามสัดส่วน (เช่น เป็นเซ็นต์หรือดอลลาร์ที่ใกล้เคียงที่สุด) เพื่อลดความซับซ้อนในการคำนวณและป้องกันการเรียกเก็บเงินเป็นส่วนแบ่ง
การเปลี่ยนแปลงกลางรอบ: กำหนดว่าคุณจะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงกลางรอบ เช่น การอัปเกรด การดาวน์เกรด หรือการยกเลิก อย่างไร คุณจะให้เครดิตหรือคืนเงินส่วนที่ไม่ได้ใช้หรือนำไปใช้รอบถัดไปหรือไม่
ภาษี: กำหนดวิธีการจัดการภาษีสำหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน คุณอาจจำเป็นต้องปรับการคำนวณภาษีตามจำนวนเงินที่แบ่งชำระตามสัดส่วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาลของคุณ
ส่วนลด: หากคุณเสนอส่วนลด ให้ตัดสินใจว่าจะนำส่วนลดไปใช้กับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนอย่างไร คุณสามารถแบ่งชำระส่วนลดตามสัดส่วนพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการชำระเงินตามรอบบิล หรือใช้เป็นจำนวนเงินคงที่ก็ได้
เลือกระบบการเรียกเก็บเงิน
โซลูชันอัตโนมัติ: พิจารณาใช้ซอฟต์แวร์การเรียกเก็บเงินแบบการชำระเงินตามรอบบิล หรือแพลตฟอร์มที่รองรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดภาระงานที่ต้องทำด้วยตนเองและลดข้อผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด
การปรับแต่ง: หากคุณเลือกใช้โซลูชันที่สร้างแบบกำหนดเอง โปรดแน่ใจว่านักพัฒนาของคุณเข้าใจตรรกะการแบ่งชำระตามสัดส่วน และสามารถผสานการทำงานเข้ากับระบบการเรียกเก็บเงินของคุณได้
คํานวณการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
สูตร: สูตรพื้นฐานสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนคือ:
- (ค่าใช้จ่ายในการชําระเงินตามรอบบิลทั้งหมด / จํานวนวันทั้งหมดในรอบการเรียกเก็บเงิน) x จํานวนวันที่ใช้
- (ค่าใช้จ่ายในการชําระเงินตามรอบบิลทั้งหมด / จํานวนวันทั้งหมดในรอบการเรียกเก็บเงิน) x จํานวนวันที่ใช้
การเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ: สําหรับการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ ให้คํานวณค่าใช้จ่ายแบบแบ่งชําระตามสัดส่วนสําหรับแต่ละแพ็กเกจและปรับการเรียกเก็บเงินให้สอดคล้องกัน โดยพิจารณาเสนอเครดิตบางส่วนหรือโอนส่วนที่ไม่ได้ใช้
สื่อสารกับลูกค้า
นโยบายการแบ่งชําระตามสัดส่วน: แจ้งนโยบายการแบ่งชําระตามสัดส่วนของคุณให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า อธิบายวิธีการคํานวณการเรียบกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนและผลกระทบที่มีต่อการเรียกเก็บเงินของลูกค้า
รายละเอียดใบแจ้งหนี้: มีรายละเอียดการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนในใบแจ้งหนี้
การสนับสนุนลูกค้า: ให้การสนับสนุนลูกค้าที่เข้าถึงได้เพื่อตอบคําถามหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการแบ่งชําระตามสัดส่วน
ทดสอบและตรวจติดตามฟังก์ชันการทำงาน
กรณีทดสอบ: สร้างสถานการณ์จำลองการทดสอบเพื่อครอบคลุมรอบการเรียกเก็บเงิน การเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ และวันที่ยกเลิกต่างๆ โดยยืนยันว่าระบบของคุณคำนวณและใช้ค่การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนอย่างถูกต้องสำหรับแต่ละสถานการณ์จำลอง
ข้อเสนอแนะของผู้ใช้: รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้ใช้รุ่นแรกหรือผู้ใช้เบต้าเพื่อระบุปัญหาหรือด้านที่ต้องปรับปรุง
เมตริกประสิทธิภาพ: ตรวจติดตามเมตริกหลัก เช่น การได้มาซึ่งลูกค้า การเลิกใช้บริการ/ซื้อสินค้า และรายรับเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) เพื่อประเมินผลกระทบของการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนที่มีต่อธุรกิจของคุณ
การอัปเดตนโยบายและการเรียกเก็บเงิน: ปรับนโยบายการแบ่งชำระตามสัดส่วนหรือระบบการเรียกเก็บเงินตามข้อมูลและข้อเสนอแนะของลูกค้าเท่าที่จำเป็น
สถานการณ์จำลองทั่วไปสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเป็นเครื่องมือที่ใช้กันทั่วไปในหลากหลายอุตสาหกรรมและสถานการณ์จำลอง สถานการณ์จำลองบางส่วนต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ที่การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนมีประโยชน์อย่างยิ่ง:
การลงทะเบียนกลางเดือน: เมื่อลูกค้าลงทะเบียนขอรับบริการในช่วงกลางรอบการเรียกเก็บเงิน ลูกค้าจะจ่ายเฉพาะส่วนหนึ่งของรอบในระหว่างที่ตนใช้บริการเท่านั้น ซึ่งมักเกิดขึ้นกับบริการชําระเงินตามรอบบิล เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิง ผลิตภัณฑ์การให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) หรือการเป็นสมาชิกยิม
การยกเลิกบริการ: หากลูกค้ายกเลิกบริการก่อนสิ้นสุดรอบการเรียกเก็บเงิน การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระเงินตามสัดส่วนจะคํานวณการคืนเงินของลูกค้าสําหรับส่วนที่ไม่ได้ใช้ในรอบการเรียกเก็บเงิน โดยลูกค้าจะถือว่าการดําเนินการนี้เป็นธรรมและสามารถปรับปรุงชื่อเสียงของธุรกิจได้
การอัปเกรดหรือดาวน์เกรดแพ็กเกจ: เมื่อลูกค้าเปลี่ยนระดับการชําระเงินตามรอบบิล ไม่ว่าลูกค้าจะอัปเกรดเป็นระดับที่สูงขึ้นและมีฟีเจอร์มากขึ้นหรือดาวน์เกรดเป็นตัวเลือกที่ถูกกว่า การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเรียกเก็บเงินจากลูกค้าตามระยะเวลาที่ใช้บริการแต่ละระดับ
บริการตามฤดูกาลหรือแบบชั่วคราว: เมื่อบริการเป็นแบบตามฤดูกาลหรือให้บริการชั่วคราว เช่น บริการด้านระบบทำความร้อน ระบายอากาศ และปรับอากาศ (HVAC) หรือการจัดสวน การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะช่วยให้ธุรกิจเรียกเก็บเงินจากลูกค้าสำหรับเดือนบางส่วนในช่วงต้นหรือปลายฤดูกาลได้
การเพิ่มฟีเจอร์หรือบริการใหม่ หากธุรกิจนําเสนอฟีเจอร์หรือบริการใหม่ๆ ที่ลูกค้าสามารถเพิ่มไปยังการชำระเงินตามรอบบิลที่มีอยู่ การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะช่วยให้ลูกค้าเริ่มรับประโยชน์จากการเพิ่มฟีเจอร์หรือบริการใหม่ๆ ได้ทันทีในขณะที่ชำระเงินเฉพาะส่วนที่เหลือของรอบการเรียกเก็บเงินเท่านั้น
การเรียกเก็บเงินค่าอสังหาริมทรัพย์และค่าสาธารณูปโภค: ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้เช่าที่ย้ายออกระหว่างเดือนมักจะต้องจ่ายค่าเช่าแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน ในทำนองเดียวกัน บริษัทสาธารณูปโภคก็มักจะใช้การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเพื่อเรียกเก็บเงินสำหรับบริการที่เริ่มหรือหยุดกลางรอบการเรียกเก็บเงิน
บริการโทรคมนาคม บริษัทโทรคมนาคมมักจะใช้การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนเมื่อลูกค้าเปลี่ยนแพ็กเกจบริการของตน หรือเมื่อมีการเพิ่มบริการเพิ่มเติม เช่น แพ็กเกจโทรศัพท์ระหว่างประเทศหลังจากที่รอบการเรียกเก็บเงินเริ่มต้นขึ้น
ช่วงทดลองใช้งานที่เปลี่ยนเป็นการชำระเงินตามรอบบิล: เมื่อช่วงทดลองใช้งานสิ้นสุดลงและลูกค้าเปลี่ยนไปใช้การชําระเงินตามรอบบิล การเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะทําให้การเรียกเก็บเงินตามรอบบิลใหม่สอดคล้องกับรอบการเรียกเก็บเงินมาตรฐาน
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
แม้ว่าการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนจะมีประโยชน์สำหรับธุรกิจและลูกค้า แต่ธุรกิจต่างๆ จะต้องจัดการความคาดหวังของลูกค้าอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนและความไม่พึงพอใจ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดบางส่วนมีดังต่อไปนี้:
การสื่อสารนโยบายธุรกิจ
- นโยบายการแบ่งชําระตามสัดส่วน: อธิบายนโยบายการแบ่งชําระตามสัดส่วนของคุณบนเว็บไซต์ ในข้อกําหนดการให้บริการ และในระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียน พิจารณาใช้เครื่องมือด้านภาพ เช่น แผนภูมิหรือตัวอย่าง เพื่อแสดงวิธีการคํานวณการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน ใช้ภาษาที่เรียบง่าย และหลีกเลี่ยงภาษาเฉพาะกลุ่ม
- นโยบายการคืนเงิน: ระบุนโยบายการคืนเงินสําหรับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน รวมถึงลำดับเวลาและเงื่อนไข
- นโยบายการยกเลิก: แจ้งให้ทราบถึงวิธีการจัดการกับการยกเลิกกลางรอบการเรียกเก็บเงิน รวมถึงค่าธรรมเนียมหรือเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจ: อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงแพ็กเกจจะมีผลต่อการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วนอย่างไร และคุณจะจัดการกับส่วนที่ไม่ได้ใช้งานอย่างไร
การติดต่อลูกค้า
- การสื่อสารเชิงรุก: ส่งการแจ้งเตือนหรือเตือนความจำทางอีเมลก่อนและหลังรอบการเรียกเก็บเงิน โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการแบ่งชำระตามสัดส่วน เพื่อให้ลูกค้าทราบ
- เน้นคุณค่า: เน้นย้ำถึงคุณค่าและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เพื่อสนับสนุนเหตุผลในการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชำระตามสัดส่วน
- การเสริมสร้างเชิงบวก: ขอบคุณลูกค้าที่เข้าใจและอดทนเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินแบบแบ่งชําระตามสัดส่วน
Invoicing
- การแจกแจงการเรียกเก็บเงิน: ระบุรายละเอียดการแจกแจงการเรียกเก็บเงินในใบแจ้งหนี้ การแจกแจงนี้ควรจะแสดงค่าใช้จ่ายเดิม จำนวนเงินที่แบ่งชำระตามสัดส่วน และภาษีหรือค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง อธิบายการคำนวณการแบ่งชำระตามสัดส่วนในใบแจ้งหนี้แบบคร่าวๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย
การสนับสนุนลูกค้า
- ทีมเฉพาะทาง: มีทีมสนับสนุนลูกค้าเฉพาะทางที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อตอบคําถามที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งชําระตามสัดส่วน แก้ไขปัญหา รวมถึงรับฟังข้อกังวลของลูกค้าด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ
- ช่องทางอันหลากหลาย: มอบช่องทางการสนับสนุนอันหลากหลาย เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือแชทใช้งานจริง เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือได้อย่างง่ายดาย
โซลูชันทางเทคนิค
- ซอฟต์แวร์การเรียกเก็บเงิน: ลงทุนในซอฟต์แวร์การเรียกเก็บเงินที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถคํานวณการแบ่งชําระตามสัดส่วนได้โดยอัตโนมัติ สร้างใบแจ้งหนี้ และจัดการการชำระเงินตามรอบบิล
- พอร์ทัลลูกค้า: มอบพอร์ทัลแบบบริการตัวเองที่ลูกค้าสามารถดูประวัติการเรียกเก็บเงิน อัปเดตข้อมูลการชําระเงิน และจัดการการชำระเงินตามรอบบิล
- เครื่องมือสื่อสาร: ใช้การตลาดทางอีเมล การแจ้งเตือนทาง SMS หรือข้อความในแอป เพื่อให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินและการปรับการแบ่งชําระตามสัดส่วนต่างๆ
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ