POS malware 101: Risk factors to know and how to protect your business

Terminal
Terminal

สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในระบบการรับชำระเงินทั้งในออนไลน์และที่จุดขาย Stripe Terminal จะจัดหาเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา, เครื่องอ่านบัตรที่ผ่านการรับรอง, Tap to Pay สำหรับ iPhone และอุปกรณ์ Android ที่เข้ากันได้ รวมถึงการจัดการอุปกรณ์ผ่านคลาวด์ให้แก่แพลตฟอร์มและองค์กร

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ประเภทของการโจมตีโดยมัลแวร์ POS
  3. มัลแวร์ POS ทํางานอย่างไร
    1. การแทรกซึม
    2. การพำนักอาศัย
    3. การดําเนินการ
    4. การเก็บเกี่ยวและการส่งผ่านข้อมูล
    5. การคงอยู่และแพร่กระจาย
  4. ปัจจัยความเสี่ยงด้านมัลแวร์ POS สําหรับธุรกิจ
  5. มัลแวร์ POS ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้าอย่างไร
  6. วิธีปกป้องธุรกิจของคุณจากมัลแวร์ POS

มัลแวร์ในระบบบันทึกการขาย (POS) คือซอฟต์แวร์ประเภทหนึ่งมุ่งเป้าไปที่ระบบบันทึกการขาย ซึ่งเป็นระบบที่ธุรกิจใช้ประมวลผลธุรกรรมของลูกค้า มิจฉาชีพใช้มัลแวร์นี้เพื่อขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ มัลแวร์มักจะแอบดักจับและส่งข้อมูลไปยังบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจและลูกค้ามีความเสี่ยงด้านการเงินและการละเมิดข้อมูล วิธีและระดับความซับซ้อนของมัลแวร์อาจแตกต่างกัน แต่วัตถุประสงค์หลักก็คือการขโมยข้อมูลธุรกรรมที่มีค่า มัลแวร์ POS และการฉ้อโกงประเภทอื่นๆ ส่งผลกระทบที่สําคัญต่อธุรกิจ โดยรายงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ฉบับทางการปี 2022 คาดการณ์ว่าค่าความเสียหายรวมจากอาชญากรรมทางไซเบอร์จะอยู่ที่ 10.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปีภายในปี 2025

ด้านล่างนี้เราจะอธิบายสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อปกป้องธุรกิจของคุณจากการโจมโดยมัลแวร์ POS รวมถึงการทํางานของมัลแวร์ POS จุดที่อาจมีช่องโหว่ และขั้นตอนที่คุณสามารถดําเนินการเพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของคุณ

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ประเภทของการโจมตีโดยมัลแวร์ POS
  • มัลแวร์ POS ทํางานอย่างไร
  • ปัจจัยความเสี่ยงด้านมัลแวร์ POS ในธุรกิจ
  • มัลแวร์ POS มีผลต่อธุรกิจและลูกค้าอย่างไร
  • วิธีปกป้องธุรกิจของคุณจากมัลแวร์ POS

ประเภทของการโจมตีโดยมัลแวร์ POS

การโจมตีโดยมัลแวร์ POS เกิดขึ้นในหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีลักษณะและเป้าหมายที่แตกต่างกัน การทําความเข้าใจการโจมตีประเภทเหล่านี้จะช่วยคุณจดจําและรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ ประเภทของการโจมตีโดยมัลแวร์ POS ที่พบได้ทั่วไปได้แก่:

  • โปรแกรมกวาดหน่วยความจํา: มัลแวร์ประเภทนี้จะสแกนหน่วยความจําของระบบ POS เพื่อหาข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น บัตรเครดิต โปรแกรมกวาดหน่วยความจํามักจะเล็งเป้าหมายขณะที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูล โดยจะดักจับข้อมูลไว้ก่อนที่จะมีการรักษาความปลอดภัย

  • โปรแกรมบันทึกแป้นพิมพ์: มัลแวร์นี้จะบันทึกการกดแป้นพิมพ์ที่ทำบนระบบ POS ซึ่งน่ากลัวเป็นพิเศษเนื่องจากไม่เพียงแต่จะดักจับเฉพาะข้อมูลบัตรเท่านั้น แต่ยังดักจับรหัสผ่านและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ ซึ่งป้อนผ่านคีย์บอร์ดได้ด้วย

  • โปรแกรมดักข้อมูลผ่านเครือข่าย: มัลแวร์ดักข้อมูลผ่านเครือข่ายจะติดตามและดักจับข้อมูลที่เดินทางไปทั่วเครือข่ายซึ่งระบบ POSเชื่อมต่ออยู่ มัลแวร์ประเภทนี้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษเรื่องการดักเก็บข้อมูลระหว่างการจัดส่ง ซึ่งเป็นที่กังวลสำหรับระบบที่อาศัยการทำธุรกรรมผ่านเครือข่าย

  • โปรแกรมกวาดหน่วยความจําแบบเข้าถึงโดยสุ่ม (RAM): เช่นเดียวกับโปรแกรมกวาดหน่วยความจำ โปรแกรมกวาด RAM เน้นไปที่การดึงข้อมูลที่เก็บไว้ใน RAM ของระบบ โปรแกรมเหล่านี้มักใช้ได้ผลเนื่องจากระบบ POS มักจะจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ได้เข้ารหัสใน RAM ระหว่างการประมวลผล

  • โปรแกรมสอดไส้ไฟล์: มัลแวร์ประเภทนี้จะสอดไส้โค้ดที่เป็นอันตรายลงในไฟล์ที่ถูกต้องในระบบ POS โดยไฟล์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงจะทําหน้าที่เป็นท่อลำเลียงสําหรับการขโมยข้อมูลหรือทำกิจกรรมที่เป็นอันตรายอื่นๆ

  • มัลแวร์แบ็กดอร์: มัลแวร์แบ็กดอร์จะสร้างทางเข้าลับสู่ระบบ ทําให้ผู้โจมตีเข้าถึงได้เป็นเวลานานโดยตรวจจับไม่พบ ใช้สําหรับการขโมยข้อมูลและติดตามระบบในระยะยาว

มัลแวร์ POS แต่ละประเภทมีวิธีการและเป้าหมายเฉพาะซึ่งเหมาะกับสถานการณ์การโจมตีที่แตกต่างกันไป โปรแกรมกวาดหน่วยความจําและโปรแกรมกวาด RAM จะใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่ยังไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โปรแกรมบันทึกแป้นพิมพ์และโปรแกรมดักข้อมูลผ่านเครือข่ายจะดักจับการป้อนและการส่งข้อมูล โปรแกรมสอดไส้ไฟล์และมัลแวร์แบ็กดอร์เน้นการเข้าถึงและการควบคุมระบบอย่างต่อเนื่อง การรู้จักลักษณะเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับแต่งกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามแต่ละประเภท ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มัลแวร์ POS ทํางานอย่างไร

มัลแวร์ POS ออกแบบมาเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับขณะที่ดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ นั่นคือการโจรกรรมข้อมูล กลวิธีของมัลแวร์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่โดยทั่วไปแล้วการโจมตีมีการทำงานดังนี้:

การแทรกซึม

ขั้นแรกมัลแวร์จะเข้าสู่ระบบ POS เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นจากอีเมลฟิชชิ่งที่ส่งถึงพนักงาน การใช้ข้อมูลประจําตัวที่รั่วไหล หรือการใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ POS เมื่อเข้าถึงระบบได้แล้ว มัลแวร์จะฝังรากอยู่ในระบบ

การพำนักอาศัย

หลังจากแทรกซึมเข้ามาแล้ว มัลแวร์มักจะไม่เคลื่อนไหวเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ในช่วงเวลานี้ มันจะฝังตัวเองลงในกระบวนการหลักหรือปลอมตัวเป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกต้อง การทําเช่นนี้ทำให้มัลแวร์สามารถดำเนินการได้โดยไม่ถูกตรวจพบในสภาพแวดล้อม POS

การดําเนินการ

มัลแวร์จะมีการเคลื่อนไหวระหว่างการทําธุรกรรม โดยจะสแกนหน่วยความจําเพื่อหาข้อมูลที่ไม่ได้เข้ารหัส บันทึกการกดแป้นพิมพ์ หรือตรวจจับการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย ยิ่งไปกว่านั้น มัลแวร์ที่มีความซับซ้อนสามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนการธุรกรรม หรือสร้างสัญญาณการอนุมัติปลอม เพื่อทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ด้วย

การเก็บเกี่ยวและการส่งผ่านข้อมูล

เมื่อดักจับข้อมูลได้แล้ว มัลแวร์จะจัดและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลซึ่งควบคุมโดยผู้โจมตี การถ่ายโอนนี้มักจะทําในลักษณะที่หลีกเลี่ยงการเตือนภัย

การคงอยู่และแพร่กระจาย

มัลแวร์ POS จํานวนมากได้รับการออกแบบมาเพื่ออยู่ในระบบที่ถูกโจมตีเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปยังระบบที่เชื่อมโยงอื่นๆ ทำให้ขอบเขตของการโจมตีขยายวงกว้างขึ้น

ต่อไปนี้คือ 2 ตัวอย่างจริงที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและอันตรายของมัลแวร์ POS

Target

ในปี 2013 มัลแวร์แทรกซึมเข้าสู่ระบบ POS ของห้าง Target ซึ่งนําไปสู่การโจรกรรมหมายเลขบัตรเครดิตและบัตรเดบิตกว่า 40 ล้านใบ มัลแวร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีทางไซเบอร์ในภาพกว้างจะจับข้อมูลโดยตรงจากหน่วยความจําของอุปกรณ์ POS ขณะที่มีการรูดบัตร

Wendy's

ในปี 2016 มัลแวร์ที่ติดตั้งบนระบบ POS ของเครือร้านอาหาร Wendy's นําไปสู่การโจรกรรมข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าครั้งใหญ่ การโจมตีนี้แสดงอย่างชัดเจนถึงความสามารถของมัลแวร์ที่ตรวจจับไม่พบเป็นระยะเวลานาน ซึ่งก่อให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลอย่างแพร่หลาย

กรณีเหล่านี้ตอกย้ำถึงความสําคัญของการปกป้องระบบ POS ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกและครอบคลุม การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจํา การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่รัดกุม และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสําคัญในการป้องกันการโจมตีจากมัลแวร์ที่มีความซับซ้อน ธุรกิจต้องเข้าใจว่ามัลแวร์ทํางานอย่างไรหากต้องการพัฒนาการป้องกันที่มีประสิทธิภาพและบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ปัจจัยความเสี่ยงด้านมัลแวร์ POS สําหรับธุรกิจ

ปัจจัยความเสี่ยงด้านมัลแวร์ POS เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับแง่มุมต่างๆ ของการรักษาความปลอดภัย การทำงาน และการบำรุงรักษาระบบ POS บางระบบมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากลักษณะเฉพาะหรือแนวทางปฏิบัติ ได้แก่:

  • ซอฟต์แวร์ล้าสมัย: ระบบที่ใช้ซอฟต์แวร์ทํางาล้าสมัยเป็นเป้าหมายชั้นดี การอัปเดตซอฟต์แวร์มักประกอบด้วยแพตช์การรักษาความปลอดภัยที่จัดการกับช่องโหว่ที่ระบบรู้จัก ซึ่งทําให้มัลแวร์ใช้ช่องโหว่ที่อาจมีอยู่ได้ยากขึ้น

  • รหัสผ่านและข้อมูลประจําตัวที่ไม่ปลอดภัย: รหัสผ่านเริ่มต้นหรือรหัสผ่านที่ง่ายทําให้ผู้โจมตีเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การเลือกรหัสผ่านที่รัดกุมและซับซ้อน และการเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจําเป็นสิ่งสําคัญในการรักษาความปลอดภัย

  • ขาดการฝึกอบรมพนักงาน: พนักงานที่ไม่รู้จักกลวิธีฟิชชิ่งหรือแนวปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมอาจทำให้มัลแวร์แทรกแซงระบบได้โดยไม่ได้เจตนา

  • ความปลอดภัยของเครือข่ายไม่เพียงพอ: ระบบ POS ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยง มัลแวร์สามารถแทรกซึมและนำข้อมูลออกไปได้ง่ายดายขึ้นเมื่อโจมตีระบบที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่เหมาะสม เช่น ไฟร์วอลล์และการตรวจจับการบุกรุก

  • กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยแบบชั้นเดียว: การใช้เพียงมาตรการรักษาความปลอดภัยเพียงประเภทเดียว เช่น ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไม่เพียงพอ กลยุทธ์ความปลอดภัยแบบหลายชั้นที่มีการป้องกันหลายแบบจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

  • การเข้าถึงระบบทางกายภาพ: ระบบที่อนุญาตให้เข้าถึงทางกายภาพได้ง่ายอาจถูกบุกรุกผ่านวิธีการต่างๆ เช่นไดรฟ์ USB ที่มีมัลแวร์

  • ขาดการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง: ระบบที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหากิจกรรมที่ผิดปกติเป็นประจําอาจพลาดสัญญาณเริ่มต้นของการละเมิด ทำให้มัลแวร์สามารถทํางานได้โดยตรวจจับไม่พบเป็นระยะเวลานาน

  • การผสานการทํางานกับบริการของบุคคลที่สามที่ไม่ปลอดภัย: ระบบ POS ที่ผสานการทํางานกับบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบละเอียดอาจทําให้เกิดช่องโหว่ได้

บางระบบมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากกรณีการใช้งานหรือสภาพแวดล้อมเฉพาะของตน ซึ่งได้แก่:

  • สภาพแวดล้อมที่มีธุรกรรมสูง: ระบบในสถานที่ที่มีปริมาณธุรกรรมจํานวนมาก เช่น ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจเนื่องจากปริมาณข้อมูลอันมีค่าจํานวนมากที่มีการประมวลผล

  • ธุรกิจขนาดเล็ก: ธุรกิจขนาดเล็กอาจไม่ได้ลงทุนมากนักกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทําให้ระบบ POS ของธุรกิจเหล่านั้นเสี่ยงต่อการโจมตีมากขึ้น

  • ระบบเก่า: ระบบเดิมที่ไม่ได้รับการอัปเดตเป็นประจำหรือเปลี่ยนใหม่อาจมีช่องว่างด้านความปลอดภัยที่ระบบใหม่ได้จัดการไปแล้ว

มัลแวร์ POS ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้าอย่างไร

มัลแวร์ POS อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งธุรกิจและลูกค้า การโจมตีโดยมัลแวร์ POS อาจทำให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงัก ทําลายชื่อเสียง รวมทั้งสร้างภาระด้านการเงินและกฎหมายให้กับธุรกิจต่างๆ ได้ สำหรับลูกค้า การโจมตีเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการเงิน ข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และการสูญเสียความไว้วางใจในธุรกิจที่ถูกโจมตี

ผลกระทบต่อธุรกิจได้แก่:

  • ความสูญเสียทางการเงิน
    ความสูญเสียทางการเงินประกอบด้วยการสูญเสียรายได้จากการขาย ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนและแก้ไขการละเมิด รวมถึงค่าปรับที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล

  • ความเสียหายต่อชื่อเสียง
    การโจมตีโดยมัลแวร์อาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของธุรกิจได้อย่างมาก ลูกค้าไม่ไว้วางใจในความสามารถของบริษัทในการปกป้องข้อมูลของตน ซึ่งอาจทําให้ความภักดีของลูกค้าและยอดขายลดลง

  • การดำเนินงานที่หยุดชะงัก
    ขั้นตอนการแก้ไขหลังจากถูกโจมตีด้วยมัลแวร์มักต้องมีการออฟไลน์ระบบ POS ซึ่งทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักและเสียโอกาสในการขาย

  • ผลทางกฎหมายและข้อบังคับที่ตามมา
    ธุรกิจอาจถูกลูกค้าดําเนินการทางกฎหมาย หรือได้รับบทลงโทษจากหน่วยงานกํากับดูแลเนื่องจากไม่สามารถปกป้องข้อมูลของลูกค้าได้ดีพอ

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสําหรับการปรับปรุงความปลอดภัยหลังจากการโจมตี ธุรกิจมักจะต้องลงทุนกับระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงกว่าเดิม การฝึกอบรมพนักงาน และมาตรการการปฏิบัติตามข้อกําหนด ทําให้ต้นทุนการดําเนินงานเพิ่มขึ้น

ผลกระทบต่อลูกค้าได้แก่:

  • ความเสี่ยงทางการเงิน: ลูกค้าที่ข้อมูลบัตรถูกขโมยมีความเสี่ยงที่จะต้องประสบกับการเรียกเก็บเงินที่เป็นการฉ้อโกง แม้ธนาคารหลายแห่งจะให้ความคุ้มครองจากการฉ้อโกง แต่กระบวนการแก้ไขธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตอาจใช้เวลานานและทำให้เครียด

  • การโจรกรรมอัตลักษณ์บุคคล: นอกจากการฉ้อโกงทางการเงิน ข้อมูลที่ขโมยมาสามารถใช้ในการโจรกรรมอัตลักษณ์บุคคลได้ ซึ่งนําไปสู่ปัญหาด้านการเงินและกฎหมายระยะยาวสําหรับลูกค้า

  • การสูญเสียความไว้วางใจ: ลูกค้าอาจสูญเสียความไว้วางใจต่อธุรกิจที่ไม่สามารถปกป้องข้อมูลของตนได้ สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความลังเลที่จะใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของลูกค้า

  • ข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว: การได้รับทราบว่าข้อมูลส่วนตัวถูกละเมิด อาจทําให้ลูกค้าเกิดความไม่สบายใจและมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

วิธีปกป้องธุรกิจของคุณจากมัลแวร์ POS

สําหรับธุรกิจที่ต้องการปกป้องตนเองและลูกค้า มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในเชิงรุก การติดตามตรวจสอบเป็นประจํา และแผนการรับมือเฉพาะคือกุญแจสําคัญ การปกป้องธุรกิจจากมัลแวร์ POS หมายถึงการใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ช่วยปกป้องระบบ POS ของคุณและสามารถตรวจจับภัยคุกคาม ได้เร็ว ซึ่งได้แก่:

  • การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจํา: คอยอัปเดตซอฟต์แวร์ POS ของคุณไว้ การอัปเดตเป็นประจํามักจะมีแพตช์สําหรับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่มัลแวร์อาจนำไปใช้ได้

  • นโยบายรหัสผ่านที่รัดกุม: นํานโยบายรหัสผ่านที่รัดกุมมาใช้ ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปลี่ยนเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเริ่มต้นที่มาพร้อมกับระบบ

  • การให้ความรู้แก่พนักงาน: ให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ พนักงานควรตระหนักถึงการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งและเข้าใจถึงความสําคัญของการไม่แชร์รหัสผ่านหรือคลิกลิงก์ที่น่าสงสัย

  • ความปลอดภัยของเครือข่าย: รักษาความปลอดภัยให้เครือข่ายของคุณ ใช้ไฟร์วอลล์และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครือข่าย Wi-Fi ของคุณได้รับการเข้ารหัสและปลอดภัย แยกเครือข่ายสําหรับระบบ POS ของคุณออกจากระบบที่ลูกค้าใช้หรือระบบสําหรับกิจกรรมทางธุรกิจทั่วไป

  • ใช้เครื่องมือป้องกันไวรัสและมัลแวร์: ใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสและโซลูชันป้องกันมัลแวร์ที่มีชื่อเสียง บริการเหล่านี้เป็นแนวป้องกันขั้นพื้นฐานจากมัลแวร์

  • การเข้ารหัสข้อมูล: เข้ารหัสข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลลูกค้าได้รับการเข้ารหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการส่ง

  • การควบคุมการเข้าถึง: จํากัดการเข้าถึงระบบ POS ของคุณ ควรให้เข้าถึงได้เฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และบุคคลเหล่านั้นควรมีสิทธิ์เข้าถึงที่จําเป็นในการปฏิบัติงานของตนเท่านั้น

  • การตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง: ติดตามตรวจสอบระบบของคุณอย่างต่อเนื่อง มองหากิจกรรมที่ผิดปกติ เช่น การโอนข้อมูลที่ไม่คาดคิดหรือการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพของระบบ

  • แผนการรับมือกับเหตุการณ์: มีแผนรับมือกับเหตุการณ์เตรียมไว้ การรู้ว่าจะทําอย่างไรในกรณีที่เกิดการละเมิดเป็นสิ่งสําคัญในการดําเนินการอย่างรวดเร็วและลดความเสียหาย

  • การตรวจสอบและการปฏิบัติตามข้อกําหนดเป็นประจํา: ทําการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจํา และตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่าง PCI DSS (มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน)

  • ความปลอดภัยทางกายภาพ: ตรวจสอบยืนยันความปลอดภัยทางกายภาพของระบบ POS ของคุณ ป้องกันการเข้าถึงระบบและเทอร์มินัลทางกายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • การจัดการผู้ให้บริการบุคคลที่สาม: หากคุณใช้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสําหรับบริการ POS โปรดตรวจสอบว่าผู้ให้บริการดังกล่าวปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ประเมินมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้ให้บริการเป็นประจํา

  • การใช้โซลูชันความปลอดภัยขั้นสูง: พิจารณาใช้โซลูชันความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ระบบตรวจจับการบุกรุกและการปกป้องปลายทางขั้นสูง ซึ่งเป็นขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งสามารถระบุและลดการโจมตีที่ซับซ้อนได้

  • ขั้นตอนการสํารองและการกู้คืน: มีการสํารองข้อมูลเป็นประจําและจัดให้มีขั้นตอนการกู้คืนที่ครอบคลุม ในกรณีที่เกิดการโจมตีจะทําให้คุณหยุดชะงักน้อยที่สุดและกู้คืนบริการได้รวดเร็ว

การปฏิบัติเหล่านี้จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากการโจมตีโดยมัลแวร์ POS ได้อย่างมากและทําให้แน่ใจว่าธุรกิจและข้อมูลลูกค้าของคุณจะได้รับการปกป้องต่อไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe ช่วยปกป้องธุรกิจจากมัลแวร์ POS

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Terminal

Terminal

สร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่สอดคล้องกันบนทุกช่องทาง ไม่ว่าจะโต้ตอบกับลูกค้าทางออนไลน์หรือที่จุดขาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Terminal

ใช้ Stripe Terminal เพื่อรับชำระเงินที่จุดขายและนำการชำระเงินด้วย Stripe ไปใช้งานกับระบบบันทึกการขายของคุณด้วย