การทำธุรกิจในสวีเดนหมายถึงการทำธุรกิจในตลาดการชำระเงินที่มีการเติบโตทางดิจิทัลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วิธีที่คุณจัดการการชำระเงินเป็นตัวกำหนดว่าลูกค้าจะสัมผัสประสบการณ์กับแบรนด์ของคุณอย่างไร การขยายธุรกิจสู่ระดับสากล และประสิทธิภาพการทำงานเบื้องหลังของทีม ต่อไปนี้เราจะอธิบายว่าธุรกิจในสวีเดนสามารถนำโซลูชันการชำระเงินที่สร้างขึ้นสำหรับลูกค้าในปัจจุบันและมีความยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับอนาคตมาใช้ได้อย่างไร

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• วิธีการชำระเงินออนไลน์ที่นิยมที่สุดในสวีเดนมีอะไรบ้าง
  
• ธุรกิจในสวีเดนต้องการโซลูชันการชำระเงินระดับโลกสำหรับอีคอมเมิร์ซหรือไม่
  
• วิธีตั้งค่าระบบการชำระเงินออนไลน์สำหรับธุรกิจในสวีเดน
  
• ธุรกิจในสวีเดนควรพิจารณาอะไรบ้างเมื่อเลือกผู้ให้บริการชำระเงิน
  

วิธีการชำระเงินออนไลน์ที่นิยมที่สุดในสวีเดนมีอะไรบ้าง

การชำระเงินในสวีเดนเกือบทั้งหมดเป็นแบบดิจิทัล เครื่องอ่านบัตรมักใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนการใช้เงินสดก็กำลังลดลง มีการชำระเงินแบบดิจิทัลหลายประเภทในสวีเดน ต่อไปนี้คือวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่คุณอาจสนใจนำไปใช้กับธุรกิจ

บัตรเครดิตและบัตรเดบิต

บัตรเดบิตเป็นวิธีการชำระเงินที่นิยมที่สุดในสวีเดนเมื่อต้องซื้อสินค้าหน้าร้านและทางออนไลน์ บัตรเครดิตก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมถึงบัตร Mastercard และบัตร Visa ที่รองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นมาตรฐาน

Swish

Swish เป็นแอปการชำระเงินอุปกรณ์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของสวีเดนที่มีผู้ใช้มากถึง 8.6 ล้านคน เมื่อผู้ใช้เชื่อมโยงบัญชีธนาคารของตนกับ Swish ก็จะสามารถชำระเงินหรือส่งเงินได้ง่ายๆ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์และการยืนยัน BankID เท่านั้น เนื่องจากความเร็วและความเรียบง่าย Swish จึงกลายเป็นตัวเลือกหลักในร้านขายสินค้า ร้านกาแฟ การชำระเงินอีคอมเมิร์ซ และแม้แต่ใบแจ้งหนี้แบบ B2B

ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (BNPL)

BNPL การชำระเงินอีคอมเมิร์ซเป็นตัวเลือกการชำระเงินที่แพร่หลายในสวีเดนกว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าระยะเวลาชำระจะเป็น "ภายใน 30 วัน" หรือการผ่อนชำระแบบแบ่งชำระ การชำระเงินแบบยืดหยุ่นก็เป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ลูกค้าในสวีเดนคุ้นเคยกันดี

อย่างไรก็ตาม ระเบียบข้อบังคับของสวีเดนไม่อนุญาตให้เลือก BNPL ไว้ล่วงหน้าในขั้นตอนการชำระเงิน โดย BNPL จะต้องเป็นตัวเลือกที่เลือกใช้หลังจากตัวเลือกอื่นๆ

การโอนเงินผ่านธนาคารโดยตรง

ในการทำธุรกรรมแบบ B2B การโอนเงินโดยตรงผ่าน Bankgirot หรือ Autogiro เป็นเรื่องปกติ โดย Bankgirot มักจะใช้ชำระใบแจ้งหนี้ ในขณะที่ Autogiro ใช้สำหรับการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ในธุรกรรมแบบ B2C การโอนเงินเหล่านี้มีความนิยมน้อยกว่า แต่ยังคงใช้เป็นครั้งคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการชำระเงิน เช่น ใบเรียกเก็บเงินค่าสาธารณูปโภค

กระเป๋าเงินดิจิทัล

กระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay ยังคงตามหลังบัตรและ Swish แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีการนำไปใช้กันมากขึ้น โดยมีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมและทำงานได้อย่างง่ายดายกับเทอร์มินัลแบบไร้สัมผัสหรือการชำระเงินในแอป

หากธุรกิจของคุณยอมรับบัตร, Swish และตัวเลือก BNPL คุณจะตอบสนองความต้องการส่วนใหญ่ในสวีเดนได้ ส่วนประโยชน์ของการยอมรับวิธีการชำระเงินอื่นๆ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคารโดยตรงและกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นจะขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจและฐานลูกค้าของคุณ

ธุรกิจในสวีเดนต้องการโซลูชันการชำระเงินระดับโลกสำหรับอีคอมเมิร์ซหรือไม่

แม้ว่าลูกค้าชาวสวีเดนจะหันมาใช้ระบบชำระเงินดิจิทัลมากขึ้น แต่ประชากรของประเทศ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 10.5 ล้านคน กลับยังไม่สามารถรองรับการเติบโตที่ธุรกิจหลายแห่งต้องการ นั่นหมายความว่าธุรกิจในสวีเดนหลายแห่งต้องให้บริการลูกค้าต่างประเทศ หรือมีแผนที่จะขยายธุรกิจข้ามพรมแดน ธุรกิจเหล่านี้จำเป็นต้องออกแบบระบบชำระเงินเพื่อให้ลูกค้าต่างประเทศไม่ต้องประสบกับปัญหาต่างๆ เช่น ระบบชำระเงินไม่สามารถระบุสกุลเงินหรือวิธีการชำระเงินที่ต้องการได้ ธุรกิจในสวีเดนที่ใช้ระบบชำระเงินภายในประเทศเพียงอย่างเดียว อาจไม่ทราบว่าลูกค้าต่างประเทศมักละทิ้งตะกร้าสินค้าบ่อยเพียงใด เพราะประสบปัญหาขณะชำระเงิน

ต่อไปนี้คือตัวอย่างวิธีที่ธุรกิจในสวีเดนสามารถทำให้การชำระเงินของตนง่ายขึ้นสำหรับผู้ซื้อทั่วโลกและจัดการได้ง่ายขึ้นสำหรับทีมงาน

• การรองรับสกุลเงินท้องถิ่น: ผู้ซื้อจะเห็นราคาเป็นสกุลเงินของตนเอง แม้ว่าคุณจะชำระเป็นโครนาสวีเดน (SEK) ก็ตาม
  
• วิธีการชำระเงินแบบท้องถิ่น: ลูกค้าจะเห็นตัวเลือกท้องถิ่นที่คุ้นเคย เช่น ผู้ซื้อในเนเธอร์แลนด์จะเห็น iDEAL ส่วนผู้ซื้อในเยอรมนีก็จะเห็นการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ Single Euro Payments Area (SEPA) และผู้ซื้อในสวีเดนก็จะเห็น Swish
  
• การปฏิบัติตามข้อกำหนดในตัว: ตั้งแต่แนวทางแก้ไขคำสั่งบริการชำระเงินของสหภาพยุโรป (PSD2) ไปจนถึงกฎป้องกันการฉ้อโกงเฉพาะประเทศ โซลูชันระดับโลกที่ออกแบบมาอย่างดีจะรวมเอาตรรกะของข้อกำหนดในท้องถิ่นไว้ด้วยกัน คุณจึงไม่จำเป็นต้องออกแบบด้วยตนเอง
  

ยกตัวอย่างเช่น Stripe ช่วยให้คุณแสดงวิธีการชำระเงินตามสถานที่ตั้งของลูกค้า พร้อมกับรวมการชำระเงินและการกระทบยอดบัญชีเข้าไว้ด้วยกัน ระบบกำหนดเส้นทางที่ชาญฉลาดเช่นนี้ช่วยลดความยุ่งยากที่มักเกิดขึ้นเมื่อต้องให้บริการในหลายภูมิภาค

หากมั่นใจว่าให้บริการเฉพาะลูกค้าชาวสวีเดนเท่านั้น และไม่ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต คุณก็ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าระบบชำระเงินเพื่อให้บริการลูกค้าต่างประเทศ แต่ความสนใจจากต่างประเทศอาจมาถึงเร็วกว่าที่คุณคิด คำสั่งซื้อแรกของคุณจากเยอรมนีหรือฟินแลนด์อาจมาจากการค้นหาใน Google ไม่ใช่จากแผนการขยายธุรกิจ และหากระบบการรับชำระเงินของคุณไม่สามารถจัดการคำสั่งซื้อนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณก็อาจสูญเสียยอดขายหรือมอบประสบการณ์ที่ไม่ดี ซึ่งดึงดูดลูกค้ารายนั้นกลับมาอีกครั้งในภายหลังได้ยาก

ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่วางแผนสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้รับประโยชน์ดังนี้

• ความยืดหยุ่นในการให้บริการลูกค้าทั่วโลกตามต้องการโดยไม่ต้องหยุดชั่วคราวและสร้างโครงสร้างพื้นฐานขึ้นใหม่
  
• เข้าถึงการวิเคราะห์และรายงานที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นเกี่ยวกับตำแหน่งของลูกค้า การตั้งค่าวิธีการ และการผสมผสานสกุลเงิน
  
• ความสามารถในการเสนอการชำระเงินที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นธรรมชาติของประเทศนั้นๆ แม้จะอยู่ในตลาดที่คุณยังไม่ได้เข้าไปอย่างเป็นทางการก็ตาม
  

วิธีตั้งค่าระบบการชำระเงินออนไลน์สำหรับธุรกิจในสวีเดน

การรับเงินออนไลน์เมื่อเป็นธุรกิจในสวีเดนต้องใช้ระบบที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และเข้าใจวิธีที่ลูกค้าต้องการชำระเงิน โดยมีวิธีตั้งค่าดังนี้

เลือกผู้ให้บริการที่เหมาะกับธุรกิจ

ค้นหาแพลตฟอร์ม Payments ที่รองรับสิ่งต่อไปนี้

• วิธีการชำระเงินของสวีเดน (เช่น Swish, Klarna)
  
• SEK เป็นสกุลเงินที่รับชำระและสกุลเงินที่แสดง
  
• การปฏิบัติตามข้อกำหนด PSD2
  
• ความสามารถในการขยายตัวทางเทคนิคและทางภูมิศาสตร์
  

การสนับสนุนฟีเจอร์เหล่านี้จากผู้ให้บริการอย่าง Stripe ช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องแลกกับความยืดหยุ่นในระยะยาว หากให้บริการลูกค้าทั้งในสวีเดนและต่างประเทศ ฟังก์ชันสากล (เช่น การสนับสนุนหลายสกุลเงิน การชำระเงินแบบท้องถิ่น) ก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางพื้นฐานของคุณด้วย

เมื่อเลือกผู้ให้บริการแล้ว คุณจะสร้างบัญชีและทำตามกระบวนการเริ่มต้นใช้งาน ซึ่งมักจะทำได้ในคราวเดียว

เชื่อมต่อกับร้านค้าหรือแอปของคุณ

หากใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopify, WooCommerce หรือ Squarespace การเชื่อมต่อระบบการชำระเงินมักจะเป็นการเชื่อมต่อแบบพร้อมใช้งานทันที เพียงติดตั้งปลั๊กอินหรือส่วนขยายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

หากใช้งานเว็บไซต์หรือแอปแบบกำหนดเอง การผสานการทำงานอาจหมายถึงการใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมใบสมัครใช้งาน (API) หรือการฝังหน้าการชำระเงินที่โฮสต์ไว้ Stripe เปิดใช้ทั้งสองตัวเลือก ได้แก่ การโฮสต์เต็มรูปแบบที่คุณสามารถวางลงในเว็บไซต์ของคุณ หรือการควบคุม API แบบละเอียดหากต้องการสร้างประสบการณ์ที่ออกแบบเอง

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายคือการชำระเงินที่ปลอดภัยและเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าซื้อได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

เปิดใช้วิธีการชำระเงินที่เหมาะสม

คุณไม่จำเป็นต้องมีวิธีการชำระเงินทุกรูปแบบ แต่ต้องใช้วิธีการชำระเงินที่ลูกค้าคาดหวัง คุณสามารถเปิดใช้วิธีการชำระเงินเหล่านี้ได้โดยตรงในแดชบอร์ด Stripe นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้ SEK เป็นสกุลเงินเริ่มต้นและอนุญาตให้ใช้การชำระเงินแบบหลายสกุลเงินได้ เพื่อให้ลูกค้าในต่างประเทศชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นได้ในขณะที่คุณยังได้รับเป็นสกุลเงิน SEK

ตรวจสอบว่าการชำระเงินของคุณปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด

การชำระเงินออนไลน์ในสวีเดน (และทั่วสหภาพยุโรป) ต้องมีการป้องกันความปลอดภัยที่เข้มงวด ซึ่งหมายความดังนี้

• การชำระเงินต้องรองรับการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) โดยทั่วไปจะดำเนินการผ่าน 3D Secure หรือ BankID
  
• ข้อมูลบัตรต้องได้รับการจัดการผ่านผู้ให้บริการที่ปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI
  

โดยปกติแล้วผู้ให้บริการชำระเงินจะครอบคลุมข้อมูลเหล่านี้ตั้งแต่แรก เช่น Stripe มีตรรกะการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ในตัว คุณจึงไม่ต้องติดตั้งใช้งานตั้งแต่ต้น

การเปิดใช้เครื่องมือการป้องกันฉ้อโกงเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของขั้นตอนนี้ แพลตฟอร์มที่ใช้ AI เพื่อรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (เช่น Stripe Radar) สามารถช่วยคุณปิดกั้นการฉ้อโกงโดยไม่เพิ่มความยุ่งยากให้กับลูกค้า

ทดสอบขั้นตอนการชำระเงินทั้งหมด

ก่อนที่จะเปิดตัว ให้ทดสอบประสบการณ์ของลูกค้าทุกส่วน ทำการชำระเงินจริงหรือทดสอบด้วยวิธีการชำระเงินแต่ละวิธีที่คุณยอมรับ ตรวจสอบว่าใบเสร็จ หน้าการยืนยัน และการประมวลผลคำสั่งซื้อทำงานตามที่คาดไว้ ผู้ให้บริการหลายรายมีแซนด์บ็อกซ์หรือโหมดทดสอบ

เปิดตัวแล้วติดตามสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อใช้งานจริงแล้ว ให้ดูวันแรกๆ อย่างใกล้ชิด:

• การชำระเงินมีปัญหาหรือไม่
  
• การเบิกจ่ายถูกฝากเข้าบัญชีตามกำหนดเวลาที่ถูกต้องหรือไม่
  
• มีลูกค้าที่ยกเลิกการซื้อระหว่างการชำระเงินหรือไม่
  

แดชบอร์ดการชำระเงินของคุณควรแสดงข้อมูลทั้งหมดนี้แบบเรียลไทม์ ตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม สาเหตุของการชำระเงินที่ล้มเหลว และรายงานการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งจะช่วยให้ตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว

ธุรกิจในสวีเดนควรพิจารณาอะไรบ้างเมื่อเลือกผู้ให้บริการชำระเงิน

ผู้ให้บริการชำระเงินที่เหมาะสมจะต้องสอดคล้องกับวิธีการดำเนินธุรกิจของคุณในปัจจุบันและความคาดหวังว่าจะเติบโตอย่างไร สำหรับในสวีเดน นั่นหมายถึงการพิจารณาอย่างละเอียดว่าอะไรจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและความยืดหยุ่นให้กับทีมของคุณ

คุณควรประเมินสิ่งต่อไปนี้

วิธีการชำระเงินที่มี

เริ่มต้นด้วยพื้นฐาน: ผู้ให้บริการรองรับวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าของคุณต้องการไหม สำหรับในสวีเดน หมายความว่ารองรับ Swish, บัตรเครดิตและบัตรเดบิต, BNPL และอาจรวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Pay และ Google Pay หากไม่มีสิ่งเหล่านี้แม้แต่รายการเดียว คุณก็อาจสูญเสียการแปลงสกุลเงินเมื่อชำระเงิน ให้มองหาผู้ให้บริการที่ช่วยให้เปิดใช้งานวิธีการชำระเงินใหม่ได้อย่างง่ายดาย และอัปเดตเมื่อความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป

ความสามารถหลายสกุลเงินและข้ามพรมแดน

แม้ว่าในปัจจุบันคุณจะขายเฉพาะลูกค้าชาวสวีเดน แต่ผู้ซื้อต่างประเทศก็อาจยังพบเว็บไซต์ของคุณได้ ผู้ให้บริการชำระเงินที่ดีจะรองรับหลายสกุลเงิน ให้คุณแสดงราคาเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของลูกค้า จัดการการแปลงสกุลเงินในเบื้องหลังขณะชำระเงินเป็นสกุลเงินโครนสวีเดน และรองรับวิธีการเฉพาะภูมิภาค (เช่น การโอนเงินแบบ SEPA ในยุโรป และแอปพลิเคชันชำระเงินบนมือถือในเอเชีย)

ผู้ให้บริการเช่น Stripe จัดการสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดโดยอัตโนมัติด้วยวิธีการชำระเงินแบบไดนามิก ซึ่งหมายถึงการชำระเงินจะปรับเปลี่ยนตามตำแหน่งของลูกค้าและแสดงตัวเลือกการชำระเงินที่ถูกต้องโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม

โมเดลธุรกิจที่เหมาะสม

หากใช้การชำระเงินตามรอบบิล การสมัครสมาชิก หรือบริการแบบต่อเนื่อง โปรดมองหาฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ การแบ่งชำระตามสัดส่วน ตรรกะการลองใหม่อีกครั้งสำหรับการชำระเงินที่ล้มเหลว และการรองรับการกำหนดราคาแบบแปรผัน

แพลตฟอร์มบางแห่ง เช่น Stripe Billing จะจัดการการชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าด้วยการคำนวณภาษีในตัวในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะช่วยคุณประหยัดเวลาเมื่อขยายธุรกิจ

การใช้งานสำหรับนักพัฒนาและความยืดหยุ่นในการผสานการทำงาน

หากคุณมีนักพัฒนาในทีมหรือเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเอง ลองดู API และเอกสารประกอบ API นั้นมีการบันทึกข้อมูลไว้อย่างดีไหม สามารถปรับแต่งได้ง่ายไหม คุณสามารถสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ต้องการได้โดยไม่ต้องหาทางแก้ไขเลยไหม

หากไม่ได้สร้างสิ่งที่ออกแบบเอง ควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีการผสานรวมแบบนำไปใช้งานได้ทันทีสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณ ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญ Stripe มี API ที่ใช้งานง่ายสำหรับนักพัฒนา และผสานรวมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างง่ายดาย

เครื่องมือรักษาความปลอดภัย การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการฉ้อโกง

ผู้ให้บริการของคุณควรมีลักษณะดังนี้

• ปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI
  
• รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA)
  
• ให้การป้องกันการฉ้อโกงที่ไม่ปิดกั้นธุรกรรมที่ถูกต้อง
  

เครื่องมือที่ใช้ AI เช่น Stripe Radar สามารถตรวจจับความพยายามฉ้อโกงได้โดยไม่สร้างปัญหาให้กับลูกค้า

การตั้งราคาที่โปร่งใส

ผู้ให้บริการหลายรายคิดค่าธรรมเนียมแบบคงที่ บวกค่าธรรมเนียมคงที่เล็กน้อยต่อธุรกรรม นี่เป็นการตั้งค่าทั่วไป แต่คุณควรระวังสิ่งต่อไปนี้ด้วย

• ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการแปลงสกุลเงินเงิน
  
• ค่าธรรมเนียมสำหรับการเบิกจ่ายเงิน การคืนเงิน หรือการดึงเงินคืน
  
• ส่วนลด (หรือค่าปรับ) ตามปริมาณ
  

เปรียบเทียบต้นทุนรวมตามวิธีการดำเนินธุรกิจของคุณและวิธีที่คุณจะใช้บริการ

เวลาการเบิกจ่ายและกระแสเงินสด

การได้รับเงินอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ให้บริการบางรายเสนอบริการดังนี้

• การเบิกจ่ายเงินรายวันหรือรายสัปดาห์
  
• การเบิกจ่ายทันทีโดยมีค่าธรรมเนียม
  
• การกันวงเงินแบบแบ่งรอบหรือการกันวงเงินระยะยาวสำหรับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง
  

ตรวจสอบการตั้งเวลาการเบิกจ่ายและนโยบายของผู้ให้บริการล่วงหน้า

การสนับสนุนธุรกิจ

ผู้ให้บริการที่ดีควรมีสิ่งต่อไปนี้

• การสนับสนุนที่เชื่อถือได้และตอบสนองได้ (ควรเป็นภาษาสวีเดนและภาษาอังกฤษ)
  
• แดชบอร์ดที่ชัดเจนเพื่อติดตามธุรกรรม ค่าธรรมเนียม การเบิกจ่ายเงิน และการคืนเงิน
  
• เครื่องมือแบบบริการตัวเองเพื่อจัดการการโต้แย้งการชำระเงิน การส่งออกรายงาน และการอัตโนมัติ การทำบัญชี
  

ยิ่งคุณใช้เวลาในการแก้ปัญหาหรือกระทบยอดน้อยเท่าไร คุณก็มีเวลาให้โฟกัสกับธุรกิจของคุณมากขึ้นเท่านั้น

เลือกผู้ให้บริการที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับคุณ ตรงกับวิธีที่ลูกค้าต้องการชำระเงิน และไม่บังคับให้คุณย้ายข้อมูลในขณะที่ธุรกิจของคุณพัฒนา