ธุรกิจในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ตั้งแต่ร้านค้าอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจแบบสมัครสมาชิก ไปจนถึงแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลส ต่างก็ต้องรับชำระและประมวลผลการชําระเงินด้วยวิธีการที่ปลอดภัยเพื่อรับประกันว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่การค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เป็นไปได้ นั่นคือการชําระเงินแบบผสานการทำงาน
การชําระเงินแบบผสานการทำงานเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ธุรกิจ เนื่องจากช่วยให้ทําธุรกรรมได้อย่างราบรื่นและกระบวนการมีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาปี 2022 ของสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation) พบว่าลูกค้า 63% ชอบใช้การชําระเงินแบบผสานการทํางาน เช่น Apple Pay และ Google Pay ขณะซื้อสินค้าและบริการ นอกจากนี้ รายงานจาก FIS ยังพบว่าตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 8.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) อยู่ที่ 12.5% ตั้งแต่ปี 2021-2025
ความนิยมของการชําระเงินแบบผสานการทำงานเกิดขึ้นเพราะสาเหตุหลายประการ ประการแรก การชําระเงินแบบผสานการทำงานมอบวิธีการที่สะดวกและปลอดภัยให้ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการและให้ธุรกิจประมวลผลการชําระเงิน ลูกค้าไม่ต้องป้อนข้อมูลการชําระเงินด้วยตัวเองเอง จึงลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดและเพิ่มความเร็วให้กับการทำธุรกรรมได้ นอกจากนี้ยังมอบข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ให้กับธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นและช่วยปรับปรุงการดำเนินงานด้านการขาย
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับการชําระเงินแบบผสานการทำงานและโอกาสในการเปลี่ยนวิธีที่ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ รวมถึงวิธีที่ธุรกิจใช้ในการจัดการการชําระเงิน
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- การชําระเงินแบบผสานการทํางานคืออะไร
- ประโยชน์ของการชําระเงินแบบผสานการทำงาน
- ประโยชน์สําหรับธุรกิจ
- ประโยชน์สําหรับลูกค้า
- ประโยชน์สําหรับธุรกิจ
- ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการชําระเงินแบบผสานการทำงาน
- วิธีตั้งค่าการชําระเงินแบบผสานการทำงานด้วย Stripe
การชําระเงินแบบผสานการทำงานคืออะไร
การชําระเงินแบบผสานการทำงานเกิดขึ้นเมื่อระบบบันทึกการขายของธุรกิจเชื่อมต่อกับผู้ประมวลผลการชําระเงิน ซึ่งช่วยให้ทําธุรกรรมได้อย่างราบรื่น ลูกค้าจะชําระเงินด้วยวิธีการชําระเงินแบบต่างๆ ได้ เช่น บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต โดยไม่จําเป็นต้องประมวลผลด้วยตนเองหรือใช้เทอร์มินัลแยกต่างหาก นอกจากนี้ การชําระเงินแบบผสานการทํางานยังช่วยธุรกิจอัปเดตข้อมูลสินค้าคงคลังและข้อมูลการขายได้แบบเรียลไทม์ จึงเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
การเชื่อมต่อฟังก์ชันประมวลผลการชําระเงินนี้เข้ากับซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่มีอยู่ เช่น เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จะทำให้ผู้ใช้ทําธุรกรรมได้โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์มหรือเปลี่ยนเป็นแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์อื่นเพื่อดําเนินการชําระเงิน
ประโยชน์ของการชําระเงินแบบผสานการทำงาน
การชําระเงินแบบผสานการทํางานได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พร้อมๆ กับที่อีคอมเมิร์ซและอีคอมเมิร์ซบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เติบโตขึ้นอย่างมาก ตอนนี้ธุรกิจหลายแห่งเลือกใช้โซลูชันการชําระเงินแบบผสานการทํางานเพื่อมอบกระบวนการชําระเงินที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้นให้แก่ลูกค้า
ต่อไปนี้คือภาพรวมเกี่ยวกับประโยชน์หลักๆ ของการชําระเงินแบบผสานการทํางานสําหรับทั้งธุรกิจและลูกค้าของธุรกิจ
ประโยชน์สําหรับธุรกิจ
การชําระเงินแบบผสานการทํางานช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มรายรับ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงานของธุรกิจ โดยธุรกิจจะได้รับประโยชน์หลายประการ เช่น
การรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
โซลูชันการชําระเงินแบบผสานการทํางานออกแบบมาให้มีความปลอดภัยและปกป้องข้อมูลลูกค้าที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและรายละเอียดส่วนบุคคล จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลและการฉ้อโกงได้เพิ่มประสิทธิภาพ
การชําระเงินแบบผสานการทํางานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการชําระเงินโดยการปรับการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติและลดความจําเป็นในการป้อนข้อมูลด้วยตัวเอง ทําให้ธุรกิจมีฟังก์ชันการชําระเงินที่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนได้รายรับที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจสามารถลดจํานวนธุรกรรมที่ถูกละทิ้งและเพิ่มรายรับได้ด้วยการทำให้ขั้นตอนการชําระเงินสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะทําการซื้อมากขึ้นหากกระบวนการชําระเงินนั้นง่ายและปลอดภัยจัดการข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
โซลูชันการชําระเงินแบบผสานการทํางานสามารถให้ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์เกี่ยวกับพฤติกรรมลูกค้าและแนวโน้มการชําระเงินแก่ธุรกิจ ตลอดจนช่วยให้ติดตามและรายงานธุรกรรมได้ดีขึ้น ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับปรุงธุรกิจในด้านต่างๆ และจัดการข้อมูลทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นการอัปเดตสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์
การชําระเงินแบบผสานการทํางานจะช่วยอัปเดตข้อมูลสินค้าคงคลังและข้อมูลการขายได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นข้อมูลสําคัญสําหรับการทํางานวันต่อวันของธุรกิจ แต่ก่อน ข้อมูลนี้ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ประโยชน์สําหรับลูกค้า
ไม่ใช่แค่ธุรกิจเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากการชําระเงินแบบผสานการทํางาน แต่โซลูชันนี้ยังช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วย ประโยชน์ของการชําระเงินแบบผสานการทํางานสําหรับลูกค้า ได้แก่
เพิ่มความสะดวกสบาย
ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้โดยตรงผ่านเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัทโดยไม่ต้องไปยังพอร์ทัลการชําระเงินแยกต่างหากความยืดหยุ่น
ลูกค้าสามารถชําระเงินด้วยตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงบัตรเครดิต บัตรเดบิต และกระเป๋าเงินดิจิทัลยกระดับความปลอดภัย
ระบบจะประมวลผลข้อมูลการชําระเงินที่ละเอียดอ่อนภายในระบบที่ปลอดภัยของบริษัท แทนการประมวลผลผ่านเกตเวย์การชําระเงินภายนอกเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
ลูกค้าสามารถเข้าถึงใบเสร็จและข้อมูลประวัติการซื้อโดยละเอียดได้ ซึ่งมีประโยชน์ในการติดตามค่าใช้จ่ายและงบประมาณ
ตัวเลือกอื่นๆ นอกเหนือจากการชําระเงินแบบผสานการทำงาน
การชําระเงินแบบผสานการทํางานเป็นวิธีการแบบครบวงจรที่ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับธุรกรรมของลูกค้า แต่ยังมีทางเลือกแบบดั้งเดิมที่ธุรกิจบางแห่งยังใช้อยู่ ดูภาพรวมของตัวเลือกเหล่านั้นได้จากด้านล่าง
การประมวลผลการชําระเงินด้วยตัวเอง
การประมวลผลการชําระเงินที่ดําเนินการด้วยตนเองนั้นจำเป็นต้องป้อนรายละเอียดการชําระเงินทีละรายการลงในเทอร์มินัลการชําระเงินหรือซอฟต์แวร์ประมวลผล วิธีนี้ใช้เวลานานและมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ ทําให้ไม่มีประสิทธิภาพและลูกค้ารู้สึกไม่พอใจเกตเวย์การชําระเงินในระบบ
เกตเวย์การชําระเงินในระบบคือผู้ให้บริการอิสระที่จะประมวลผลการชําระเงินออนไลน์ให้แก่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ลูกค้าจะต้องออกจากแพลตฟอร์มของธุรกิจและไปยังหน้าการชําระเงินอีกหน้าหนึ่งเพื่อทำธุรกรรมจนเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งอาจทําให้ประสบการณ์ของผู้ใช้หยุดชะงักและนําไปสู่การละทิ้งรถเข็นได้ซอฟต์แวร์ประมวลผลการชําระเงินแบบสแตนด์อโลน
ซอฟต์แวร์ประมวลผลการชําระเงินแบบสแตนด์อโลนกําหนดให้ธุรกิจต้องสลับระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อดําเนินการชําระเงิน ซึ่งไม่ใช่แค่ไม่สะดวกเท่านั้น แต่ยังนําไปสู่ข้อผิดพลาดและข้อมูลคลาดเคลื่อนด้วย
แม้ว่าตัวเลือกเหล่านี้จะทํางานพื้นฐานในการประมวลผลการชําระเงินได้เช่นกัน แต่ก็ไม่มีข้อดีเหมือนอย่างการชําระเงินแบบผสานการทำงาน กล่าวคือมีความสะดวกไม่มากเท่า ประสิทธิภาพด้อยกว่า และปลอดภัยน้อยกว่า ในขณะที่การชําระเงินแบบผสานรวมช่วยธุรกิจลดกระบวนการที่ต้องทําด้วยตนเองและเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงาน ขจัดความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ช่วยให้ข้อมูลการชําระเงินมีความปลอดภัย อีกทั้งยังสร้างข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า และเพิ่มรายรับ
วิธีตั้งค่าการชําระเงินแบบผสานการทำงานด้วย Stripe
Stripe มอบแพลตฟอร์มการชําระเงินที่ครบวงจรและส่งเสริมการเติบโตให้กับธุรกิจ ซึ่งมีฟังก์ชันต่างๆ ที่ประกอบไปด้วยบัญชีผู้ค้า เกตเวย์การชําระเงิน และผู้ประมวลผลการชําระเงิน ชุด API และโซลูชันซอฟต์แวร์ของ Stripe ช่วยให้ธุรกิจจัดการการชําระเงินและรับส่งเงินได้ทั่วโลก รวมทั้งจัดเตรียมประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและสร้างรายรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตัวเลือกการผสานการทํางานที่ยืดหยุ่นเหล่านี้ยังเป็นไปตามข้อกําหนดของ PCI
หากต้องการตั้งค่าการชําระเงินแบบผสานการทํางานกับ Stripe โปรดทําตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ลงทะเบียนเปิดบัญชี Stripe ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานและกําหนดให้คุณระบุข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลธุรกิจบางอย่าง รวมถึงบัญชีธนาคารที่ถูกต้องและบัตรประจําตัวที่รัฐบาลออกให้
- หลังจากตั้งค่าบัญชีเสร็จแล้ว ให้เข้าสู่ระบบแดชบอร์ดแล้วไปยังส่วนนักพัฒนา คุณจะพบคีย์ API ของคุณ ซึ่งจะตรวจสอบสิทธิ์บัญชีของคุณด้วย API ของ Stripe
- เชื่อมต่อ Stripe API เข้ากับเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยปกติแล้ว ในขั้นตอนนี้จะต้องเขียนโค้ดบางอย่างลงในหน้าการชําระเงิน ซึ่งจะสื่อสารกับ API ของ Stripe เพื่อประมวลผลการชําระเงิน
- ทดสอบการผสานการทํางานโดยทดสอบการชําระเงินผ่านเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่
- เมื่อมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างทํางานถูกต้อง คุณก็สามารถเปิดใช้การชําระเงินในโหมดใช้งานจริงได้โดยสลับสวิตช์ในแดชบอร์ดหรือติดต่อทีม Stripe เพื่อขอความช่วยเหลือ
Stripe มีไลบรารีและ SDK มากมายสําหรับภาษาการเขียนโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อให้กระบวนการผสานการทํางานง่ายขึ้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและดูว่า Stripe จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับความต้องการด้านการชําระเงินแบบผสานการทํางานได้อย่างไร โดยเฉพาะของคุณ โปรดเริ่มต้นที่นี่
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ