สเตเบิลคอยน์เป็นเทคโนโลยีคริปโตที่เข้ามาแก้ปัญหาด้านการชำระเงินต่างๆ ที่การค้าระดับโลกประสบพบเจอมายาวนาน เช่น การชำระเงินที่ล่าช้า ค่าธรรมเนียมสูง และการเข้าถึงสกุลเงินที่เสถียรได้อย่างจำกัด สเตเบิลคอยน์เป็นแนวคิดในการใช้เงินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้รวดเร็วตามอินเทอร์เน็ตโดยไม่เสียมูลค่าที่มีอยู่ และเทคโนโลยีนี้ช่วยส่งเสริมการโอนเงินขององค์กร เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และอื่นๆ การใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่การคาดการณ์ได้และการเขียนโปรแกรมได้ที่ผสานเข้าด้วยกันก็ช่วยพลิกโฉมวิธีการเคลื่อนย้ายมูลค่าให้ต่างไปจากเดิม
จากนี้ เราจะอธิบายว่าสเตเบิลคอยน์คืออะไร วิธีการทำงานกับการชำระเงินต่างๆ ตลอดจนข้อดีและข้อเสีย
เนื้อหาหลักในบทความ
- สเตเบิลคอยน์คืออะไร และทำงานอย่างไรในการชำระเงิน
- มีสเตเบิลคอยน์ประเภทใดบ้างที่ใช้ในการชำระเงิน
- การใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินมีประโยชน์อะไรบ้าง
- ธุรกิจจะรับสเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินอย่างไร
- มีใครบ้างที่ใช้สเตเบิลคอยน์อยู่
- การนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในการชำระเงินมีปัญหาอย่างไรบ้าง
- การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลอย่างไร
- Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
สเตเบิลคอยน์คืออะไร และทำงานอย่างไรในการชำระเงิน
สเตเบิลคอยน์เป็นคริปโตเคอร์เรนซีชนิดหนึ่ง ซึ่งออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ไม่ผันผวน และใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ มูลค่าของสเตเบิลคอยน์จะยึดโยงอยู่กับสินทรัพย์ เช่น สกุลเงินตราหรือทองคำ โดยสำหรับแต่ละโทเค็นที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ ผู้ออกโทเค็นจะต้องมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าเป็นเงินสดเท่ากันหรือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมารองรับ เช่น ตั๋วเงินคลังระยะสั้น และเมื่อไม่มีความผันผวนของราคา ธุรกิจและบุคคลทั่วไปจึงใช้สเตเบิลคอยน์เป็นเหมือนเงินสดในรูปแบบดิจิทัลได้เลย
หากคุณซื้อ 100 สเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ก็จะเพิ่มเงินอุดหนุนเข้าไปในระบบ 100 ดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อคุณไถ่ถอนคอยน์ ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ก็จะคืนเงินสดให้และนำโทเค็นนั้นๆ ออกจากระบบ การไถ่ถอนคอยน์แบบ 1:1 นี้ช่วยให้ราคาตรึงอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
สเตเบิลคอยน์ทำงานบนบล็อกเชนสาธารณะ เช่น Ethereum และ Solana ธุรกรรมได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ตรวจสอบโดยเครือข่าย และบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทสาธารณะ
สเตเบิลคอยน์ยังช่วยให้ชำระเงินข้ามพรมแดนได้รวดเร็วแบบคริปโตและมีความน่าเชื่อถือเหมือนเงินตรา การโอนเงินจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที โดยดำเนินการได้ทุกเวลาจากที่ไหนก็ได้
มีสเตเบิลคอยน์ประเภทใดบ้างที่ใช้ในการชำระเงิน
สเตเบิลคอยน์จะแตกต่างกันไปตามวิธีการตรึงมูลค่าไว้กับเป้าหมาย การออกแบบจึงเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากแนวทางบางอย่างก็เหมาะกับการชำระเงินมากกว่าแนวทางอื่น
ใช้เงินตรารองรับ: ทุกโทเค็นจะมีเงินสดหรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสด เช่น ตั๋วเงินคลังระยะสั้น มารองรับแบบ 1:1 ตัวอย่างเช่น USDC, USDT และ EURC รูปแบบนี้จะมีโครงสร้างที่เรียบง่าย การไถ่ถอนได้โดยตรง และราคาที่เสถียร จึงช่วยให้เป็นประเภทการชำระเงินที่พบได้บ่อยที่สุด
ใช้คริปโตรองรับ: สเตเบิลคอยน์เหล่านี้จะใช้คริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ เป็นหลักประกันมากกว่ามูลค่าของสเตเบิลคอยน์นั้นๆ ตัวอย่างเช่น DAI มีการรองรับด้วยสินทรัพย์คริปโตที่ล็อกอยู่ใน Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) ซึ่งจะสร้างสเตเบิลคอยน์ในรูปแบบหนี้ที่มีหลักประกันเกินมูลค่า สเตเบิลคอยน์เหล่านี้จะอยู่บนบล็อกเชนทั้งหมดและมีการกระจายศูนย์ แต่มูลค่าของหลักประกันอาจผันผวนได้ ซึ่งทำให้ไม่ค่อยเป็นสนใจต่อการนำไปใช้ในการชำระเงินสำหรับการค้าปลีกในวงกว้าง
ใช้สินค้าโภคภัณฑ์รองรับ: สเตเบิลคอยน์เหล่านี้จะผูกโยงกับสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ทองคำและน้ำมัน ตัวอย่างเช่น PAX Gold และ Tether Gold ซึ่งจะมีทองคำ 1 ออนซ์มาใช้รองรับ 1 โทเค็น รูปแบบนี้ไม่ค่อยนำมาใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวันเพราะสเตเบิลคอยน์นี้จะมีราคาผันผวนไปตามราคาของสินทรัพย์ที่จับต้องได้ นักลงทุนที่ป้องกันความเสี่ยงเกี่ยวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์มักจะใช้สเตเบิลคอยน์เหล่านี้
แบบอัลกอริทึม: ราคาที่เสถียรของสเตเบิลคอยน์เหล่านี้เกิดจากโปรแกรมจูงใจที่ตั้งไว้และการควบคุมอุปทานแบบไดนามิก ไม่ใช่สินทรัพย์รองรับ เดิมที สเตเบิลคอยน์ประเภทนี้มีความเสี่ยงที่จะล่มสลายได้หากความเชื่อมั่นของตลาดสั่นคลอน โดย TerraUSD เป็นตัวอย่างที่รู้จักกันดีที่สุด และเนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ผู้คนจึงไม่ค่อยนำสเตเบิลคอยน์ประเภทนี้มาใช้บ่อยเหมือนสเตเบิลคอยน์ที่ใช้เงินตรารองรับ
สเตเบิลคอยน์ที่ใช้เงินตรารองรับ (โดยเฉพาะการรองรับด้วยสกุลเงินดอลลาร์และยูโร) เป็นประเภทที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในการชำระเงิน สเตเบิลคอยน์ประเภทนี้ผสานความคุ้นเคยในการใช้สกุลเงินประจำชาติเข้ากับความรวดเร็วจากบล็อกเชนและการเข้าถึงทั่วโลก
การใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินมีประโยชน์อะไรบ้าง
สเตเบิลคอยน์เป็นที่นิยมใช้ในการชำระเงินมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากช่วยจัดการกับปัญหาที่มีมายาวนานในระบบเดิมๆ และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ โดยมีข้อดีดังนี้
มูลค่าที่เสถียร: การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ Bitcoin หรือ Ether มีความเสี่ยงสำหรับการทำธุรกรรมในแต่ละวัน ความเสถียรนี้เองช่วยให้สามารถใช้สเตเบิลคอยน์เหล่านี้กับเงินเดือน การชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้า และการกำหนดราคาขายปลีกในแบบที่คริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ส่วนใหญ่ทำไม่ได้
การชำระเงินที่รวดเร็ว: ธุรกรรมจะยืนยันในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที โดยไม่คำนึงถึงเวลาทำการของธนาคาร วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ การชำระเงินข้ามพรมแดนจะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากจะไม่มีธนาคารตัวแทน การประมวลผลเป็นชุด หรือความล่าช้าหลายวันอีกต่อไป การโอนสเตเบิลคอยน์จากนิวยอร์กไปยังไนโรบีจึงเสร็จสิ้นได้ในไม่กี่นาที
ต้นทุนที่น้อยกว่า: เนื่องจากธุรกรรมที่ทำผ่านสเตเบิลคอยน์ใช้ตัวกลางน้อยกว่า จึงมักมีค่าธรรมเนียมน้อยกว่าการโอนเงินข้ามพรมแดนแบบดั้งเดิม ธุรกิจต่างๆ สามารถหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคารที่มาพร้อมกับการชำระเงินด้วยบัตรได้ และต้นทุนการทำธุรกรรมที่ลดลงในวงกว้างก็ช่วยเพิ่มส่วนต่างกำไรหรือทำให้ตั้งราคาได้อย่างที่ต้องการมากขึ้น
การเข้าถึงทั่วโลก: ไม่ว่าใครที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ย่อมเป็นเจ้าของและใช้สเตเบิลคอยน์ได้โดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร ซึ่งช่วยให้สเตเบิลคอยน์มีประโยชน์อย่างยิ่งในพื้นที่ต่างๆ ที่สกุลเงินท้องถิ่นไม่เสถียรหรือมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคารอยู่อย่างจำกัด วิธีนี้ช่วยเปิดตลาดใหม่ๆ และกลุ่มลูกค้าต่างๆ ให้กับธุรกิจโดยไม่ต้องประสบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการด้านความสัมพันธ์กับธนาคารในท้องถิ่น
ความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงและการดึงเงินคืนที่ลดลง: เมื่อธุรกรรมที่ทำผ่านสเตเบิลคอยน์ได้รับการยืนยันแล้ว ธุรกรรมดังกล่าวก็จะไม่สามารถยกเลิกได้อีก ซึ่งช่วยลดการดึงเงินคืนที่เป็นการฉ้อโกง (ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับการชำระเงินด้วยบัตร) และช่วยให้ธุรกิจมั่นใจได้มากขึ้น การตรวจสอบสิทธิ์ของกระเป๋าเงินแบบเข้ารหัสทำให้มิจฉาชีพทำธุรกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ยากขึ้น
การเขียนโปรแกรมได้และการผสานการทำงานซอฟต์แวร์: เนื่องจากสเตเบิลคอยน์ทำงานบนบล็อกเชน จึงฝังลงในขั้นตอนการทำงานของซอฟต์แวร์ได้ การชำระเงินอาจเป็นแบบมีเงื่อนไข (เช่น ปล่อยเฉพาะเมื่อยืนยันการนำส่งแล้ว) หรือแบ่งชำระโดยอัตโนมัติระหว่างผู้รับหลายราย ไมโครเพย์เมนต์กลายเป็นสิ่งที่คุ้มค่าพอให้ทำได้เมื่อไม่มีค่าธรรมเนียมพื้นฐาน ซึ่งโดยปกติแล้ว ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ส่งผลให้ไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับระบบบัตรต่างๆ
สเตเบิลคอยน์เข้ามาพลิกโฉมวงการ เปลี่ยนโครงสร้างต้นทุน และยกระดับการเข้าถึงการชำระเงิน (โดยเฉพาะกับธุรกรรมทั่วโลก) โดยคงมูลค่าให้คาดการณ์ได้อยู่ ด้วยเหตุนี้ สเตเบิลคอยน์จึงอยู่ระหว่างการทดสอบสำหรับใช้งานในแอปพลิเคชันต่างๆ ที่มีขั้นตอนการชำระเงินเดือนและอีคอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน
ธุรกิจจะรับสเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินอย่างไร
แนวทางการผสานการทำงานที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจต้องการควบคุมมากน้อยแค่ไหนและพร้อมรับมือกับความซับซ้อนเพียงใด ต่อไปนี้คือตัวเลือกสำหรับธุรกิจต่างๆ ที่อยากจะนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในขั้นตอนการชำระเงิน
การใช้แพลตฟอร์มการชำระเงิน: ผู้ให้บริการชำระเงินได้พัฒนาเครื่องมือการชำระเงินและการเบิกจ่ายต่างๆ ของตนให้รองรับสเตเบิลคอยน์แล้ว ธุรกิจจึงไม่ต้องจัดการกระเป๋าเงิน คีย์ส่วนตัว หรือความเสี่ยงด้านราคาคริปโต โดยเงินจะเข้าสู่บัญชีธนาคารของธุรกิจตามสกุลเงินที่เลือกไว้ ส่วนการรายงานและการกระทบยอดก็จะมีลักษณะไม่ต่างไปจากการชำระเงินแบบดั้งเดิมในแดชบอร์ด
การรับชำระเงินโดยตรงระหว่างกระเป๋าเงิน: ธุรกิจจะแสดงรายการที่อยู่กระเป๋าเงินและรับสเตเบิลคอยน์โดยตรงจากลูกค้า ธุรกิจสามารถควบคุมเงินและช่วงเวลาในการแปลงเงินได้อย่างเต็มที่ แต่ก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน วิธีนี้กำหนดให้ธุรกิจต้องแลกเปลี่ยนสเตเบิลคอยน์เป็นเงินตราด้วยตนเอง (หากจำเป็น)
การใช้เกตเวย์การชำระเงินด้วยคริปโต: บริการที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรับคริปโตโดยเฉพาะจะมีวิดเจ็ตการชำระเงิน, รหัส QR หรือการผสานการทำงานระบบบันทึกการขาย (POS) เกตเวย์เหล่านี้สามารถแปลงเป็นเงินตราได้โดยอัตโนมัติ หรือช่วยให้คุณเก็บเงินเป็นสเตเบิลคอยน์ได้ ทั้งยังผสานการทำงานกับช่องทางการขายที่มีอยู่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานมากมาย
ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ธุรกิจก็ต้องตัดสินใจในเรื่องต่อไปนี้
กลยุทธ์การแปลงเงิน: คุณจะเก็บสเตเบิลคอยน์ไว้ในมือหรือจะแปลงเป็นเงินตราโดยอัตโนมัติ
การรักษาความปลอดภัย: คุณจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยใดบ้างหากถือเงินโดยตรง
การปฏิบัติตามข้อกำหนด: คุณจะรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบในภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างไร
การผสานการทำงานมีความสะดวกขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว แต่ธุรกิจก็ยังต้องจัดให้มีนโยบายที่ชัดเจนว่าด้วยการแปลงเงิน การรักษาความปลอดภัย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดก่อนที่จะเริ่มใช้งานจริง
มีใครบ้างที่ใช้สเตเบิลคอยน์อยู่
ผู้คนนำสเตเบิลคอยน์มาใช้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายส่วนของระบบเศรษฐกิจ บริษัทระดับโลกและผู้ประกอบอาชีพอิสระต่างก็ใช้สเตเบิลคอยน์กันอยู่ทุกวัน โดยผู้ใช้บางส่วนมีดังนี้
การค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ: แบรนด์ต่างๆ เช่น Gucci และ Chipotle ได้ทดลองรับชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งรวมถึงสเตเบิลคอยน์แล้ว ซึ่งมักเกิดขึ้นผ่านแอปชำระเงินด้วยคริปโต แพลตฟอร์มต่างๆ ก็ทำแบบเดียวกัน เช่น Shopify รับ USDC ในขั้นตอนการชำระเงิน โดยร่วมมือกับ Stripe เพื่อจัดการการชำระเงินและการแปลงเงินตราอยู่เบื้องหลัง ลูกค้าจะเห็นขั้นตอนการชำระเงินที่คุ้นเคย ส่วนธุรกิจก็จะได้รับเงินโดยเร็ว
การชำระเงินและการนำส่งเงินข้ามพรมแดน: คนงานต่างชาติใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อส่งเงินกลับไปให้คนที่บ้านในไม่กี่นาที จากเดิมที่ใช้เวลาเป็นวันๆ และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายสูงจากวิธีการโอนเงินระหว่างประเทศแบบดั้งเดิม ธุรกิจต่างๆ ก็ชำระใบแจ้งหนี้และส่งเงินไปต่างประเทศได้โดยเร็วและไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมธนาคารสูง ในประเทศที่มีสกุลเงินผันผวน สเตเบิลคอยน์ก็เป็นทางเลือกที่ใช้แทนได้จริงในการทำธุรกรรมหลายๆ ประเภท
การเงินขององค์กรและการโอนเงินระหว่างบริษัท: ธุรกิจต่างๆ เช่น SpaceX รับชำระเงินระหว่างประเทศ แล้วแปลงสกุลเงินต่างๆ เป็นสเตเบิลคอยน์เพื่อรวมเป็นเงินที่ได้มาจากทั่วโลก บริษัทข้ามชาติต่างๆ ก็กำลังทดลองใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงินระหว่างบริษัทเพื่อลดปัญหาในการแปลงสกุลเงิน มูลค่าที่คาดการณ์ได้ของสเตเบิลคอยน์และการชำระเงินที่รวดเร็วช่วยให้สเตเบิลคอยน์เป็นที่สนใจในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเงิน
การนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในการชำระเงินมีปัญหาอย่างไรบ้าง
สเตเบิลคอยน์ช่วยแก้ปัญหาด้านการชำระเงินที่สำคัญๆ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงและอุปสรรคด้านการบริหารจัดการ ธุรกิจต่างๆ จะต้องจัดการกับปัญหาเหล่านี้ในการนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในวงกว้าง
ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ: เขตอำนาจศาลทุกแห่งก็มีกรอบการทำงานในแบบของตัวเอง และบริษัทข้ามชาติก็ต้องทำตามข้อกำหนดในภูมิภาคที่แตกต่างกันไป เมื่อไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ธุรกิจก็จะติดตามกฎระเบียบทั้งหมดและรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดในทุกเขตอำนาจศาลได้ยาก
ความเชื่อมั่นที่มีต่อสินทรัพย์รองรับต่ำ: สเตเบิลคอยน์จะมีความน่าเชื่อถือตามสินทรัพย์ที่ใช้รองรับสเตเบิลคอยน์นั้นๆ หากสินทรัพย์รองรับมีการบริหารจัดการที่ไม่ถูกต้องหรือเข้าถึงได้ยาก มูลค่าก็อาจลดลงได้ เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การล่มสลายของ TerraUSD ส่งผลให้มีการตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ที่เผยแพร่รายงานสินทรัพย์รองรับที่ผ่านการตรวจสอบเป็นประจำก็จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นได้ แต่ไม่ใช่ทุกรายที่จะทำเช่นนี้
ความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยและการดูแล: การสูญเสียคีย์ส่วนตัวหรือตกเป็นเหยื่อของฟิชชิ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้ ธุรกิจจึงต้องเลือกระหว่างการดูแลด้วยตนเอง ซึ่งช่วยให้ควบคุมได้มากขึ้นแต่ก็มีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย กับการใช้ผู้ดูแลจากภายนอก ซึ่งเป็นการจ้างคนอื่นมารับความเสี่ยงแทน แต่อาจทำให้ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากเกินไปได้
การไม่มีความคุ้มครองทางกฎหมาย: สเตเบิลคอยน์มักไม่มีการประกันเงินฝาก เช่น การคุ้มครองจาก Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) กลไกการแก้ไขการดึงเงินคืนและข้อผิดพลาดต่างๆ (ซึ่งพบได้ทั่วไปในเครือข่ายบัตร) จะไม่มีมาให้ในตัวบนบล็อกเชน
การผสานการทำงานและปัญหาด้านทักษะ: แม้จะมีผู้ประมวลผลบุคคลที่สาม แต่ทีมการเงินและทีมปฏิบัติการก็ต้องทำความเข้าใจการจัดการกระเป๋าเงิน ค่าธรรมเนียมบล็อกเชน และการกระทบยอด หลายๆ ธุรกิจขาดความเชี่ยวชาญภายในองค์กรเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนด การทำบัญชี และการรักษาความปลอดภัยของคริปโต โดยการออกใบแจ้งหนี้ การรายงาน และการจัดการภาษีอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อจัดการกับการชำระเงินผ่านเครือข่ายบล็อกเชน
การรับรู้ของลูกค้า: ลูกค้าจำนวนมากยังไม่รู้วิธีส่งการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ หรือไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ ส่วนผู้ที่เปิดใจศึกษาในเรื่องนี้ก็อาจพบอุปสรรคได้หากธุรกิจเลือกพาร์ทเนอร์สเตเบิลคอยน์ที่ไม่ถูกต้องหรือจัดการเงินผิดพลาด
การนำสเตเบิลคอยน์มาใช้เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนด การดำเนินงานด้านการเงิน ประสบการณ์ของลูกค้า และชื่อเสียงของแบรนด์ เทคโนโลยีนี้พร้อมสำหรับการใช้งานอย่างจริงจัง แต่ระบบ นโยบาย และกฎข้อบังคับต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังตามความเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยทัน
การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์มีการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลอย่างไร
การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์นั้นมีการรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น ได้แก่ การป้องกันทางเทคนิคที่สร้างขึ้นในเครือข่ายบล็อกเชน และกรอบทางกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้และรักษาเสถียรภาพ ทั้ง 2 อย่างนี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และการใช้ทั้ง 2 อย่างนี้ร่วมกันก็จะช่วยพัฒนาให้สเตเบิลคอยน์มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ และกลายเป็นวิธีการชำระเงินยอดนิยม
วิธีดูแลการชำระเงินบนเครือข่ายให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
การป้องกันระดับบล็อกเชน: สเตเบิลคอยน์ได้รับการรักษาความปลอดภัยผ่านการเข้ารหัสของเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ (เช่น Ethereum, Solana) เมื่อยืนยันธุรกรรมแล้ว ธุรกรรมนั้นก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกและตรวจสอบได้แบบสาธารณะ
การควบคุมสำหรับธุรกิจ: ปัจจุบัน การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย กระเป๋าเงินแบบมีหลายลายเซ็น และการจัดเก็บคีย์บนฮาร์ดแวร์เป็นมาตรฐานในการตั้งค่าด้านการเงินขององค์กร ส่วนผู้ดูแลระดับสถาบันจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับธนาคาร เช่น โมดูลการรักษาความปลอดภัยด้วยฮาร์ดแวร์ (Hardware Security Module)
การป้องกันที่เขียนโปรแกรมได้: โปรโตคอลการชำระเงินสามารถเลียนแบบฟีเจอร์ของบัตรที่ผู้ใช้คุ้นเคยได้ เช่น "อนุมัติก่อน หักยอดทีหลัง" หรืออนุญาตการคืนเงินผ่านสัญญาอัจฉริยะ
การติดตามตรวจสอบการฉ้อโกง: ความโปร่งใสของบล็อกเชนช่วยให้สามารถวิเคราะห์ธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ ผู้ออกสเตเบิลคอยน์สามารถระงับเงินที่ผูกอยู่กับการคัดกรองการคว่ำบาตรหรือการฉ้อโกงได้ และซอฟต์แวร์สามารถแจ้งกิจกรรมของกระเป๋าเงินที่น่าสงสัยได้ในระหว่างการทำธุรกรรม
ภูมิภาคต่างๆ กำกับดูแลการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์อย่างไร
สหรัฐอเมริกา: กฎหมาย GENIUS กำหนดให้ต้องมีสินทรัพย์รองรับแบบ 1:1 พร้อมจัดทำรายงานรายเดือนเกี่ยวกับสินทรัพย์รองรับเหล่านั้น รวมถึงแจ้งนโยบายการไถ่ถอนต่อสาธารณะ ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์สำหรับผู้ออกสเตเบิลคอยน์ที่ได้รับอนุญาต
ยุโรป: กฎระเบียบตลาดในสินทรัพย์คริปโต (Markets in Crypto-Assets หรือ MiCA) กำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องขออนุญาต มีสินทรัพย์รองรับแบบเต็มจำนวน ผ่านการตรวจสอบเป็นประจำ และไถ่ถอนตามมูลค่าที่กำหนดไว้ โทเค็นที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอาจถูกจำกัดหรือเพิกถอนในสหภาพยุโรป
บราซิล: กฎหมายสินทรัพย์เสมือน (Virtual Assets Law) ในปี 2022 กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องขออนุญาตและมอบหมายให้ธนาคารกลางบราซิล (Central Bank of Brazil) มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล
สิงคโปร์: หน่วยงานการเงินของสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore) กำกับดูแลสเตเบิลคอยน์แบบสกุลเงินเดียวด้วยข้อกำหนดด้านเงินทุน และกำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องไถ่ถอนสเตเบิลคอยน์ตามมูลค่าที่กำหนดไว้
สหราชอาณาจักร: มีการเคลื่อนไหวเพื่อให้สเตเบิลคอยน์อยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลการชำระเงิน
การรักษาความปลอดภัยทางเทคนิคสำหรับสเตเบิลคอยน์มีความรัดกุม แต่กฎระเบียบต่างๆ ก็กำลังทำให้ระบบที่รองรับคริปโตกับการป้องกันการชำระเงินแบบดั้งเดิมมีมาตรฐานแบบเดียวกัน ธุรกรรมผ่านสเตเบิลคอยน์ทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการรู้จักลูกค้าของคุณ (Know Your Customer หรือ KYC) และการป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering หรือ AML) เช่นเดียวกับการโอนเงินผ่านธนาคาร
Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินทั่วโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก สามารถรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้ ธุรกิจต่างๆ สามารถรับชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ได้ทั่วโลก โดยชำระเป็นสกุลเงินตราในยอดคงเหลือ Stripe ของตน
Stripe Payments จะช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้
เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วยอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) สำหรับการชำระเงินที่สร้างไว้แล้ว และสิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี รวมถึงสเตเบิลคอยน์และคริปโต
ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศในมากกว่า 135 สกุลเงิน
รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ