การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิต 101: วิธีที่ธุรกิจต่างๆ ใช้การชำระเงินแบบตามรอบด้วยบัตรเครดิตอย่างมีกลยุทธ์

Billing
Billing

Stripe Billing ช่วยให้คุณเรียกเก็บเงินและจัดการลูกค้าได้ในทุกแบบที่ต้องการ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินแบบตามรอบไปจนถึงการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน และสัญญาการเจรจาการขาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีหลักการทํางานอย่างไร
  3. การเรียกเก็บเงินตามรอบกับการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวแตกต่างกันอย่างไร
  4. ข้อดีของการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง
  5. ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการชําระเงินตามรอบ
    1. ธุรกิจแบบสมัครใช้บริการ
    2. ธุรกิจที่ให้บริการ
    3. บริษัทสาธารณูปโภคและโทรคมนาคม
    4. แพลตฟอร์มด้านการศึกษา
    5. ธุรกิจอื่นๆ
  6. วิธีใช้การชําระเงินตามรอบอย่างประสบความสำเร็จ
    1. ค่าบริการเชิงกลยุทธ์
    2. การผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินขั้นสูง
    3. การสื่อสารกับลูกค้าและการมีส่วนร่วม
    4. การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
    5. การเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรม
  7. ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิต

การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตคือการชําระเงินอัตโนมัติ โดยจะเรียกเก็บเงินจํานวนที่กําหนดไว้ล่วงหน้าโดยหักเงินในบัตรเครดิตตามกําหนดเวลาประจำ ซึ่งอาจเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ท้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลง การชําระเงินเหล่านี้มักใช้สําหรับการชําระเงินตามรอบบิล การเป็นสมาชิก บิลค่าสาธารณูปโภค และบริการอื่นๆ ที่เป็นแบบต่อเนื่อง เมื่อตั้งค่าแล้ว ระบบจะตรวจสอบให้มีการชําระเงินตรงเวลาโดยที่เจ้าของบัตรไม่ต้องเริ่มทําการชําระเงินด้วยตัวเอง วิธีนี้สะดวกสําหรับลูกค้า โดยไม่ต้องคอยจดจําข้อมูลการชําระเงินเอง และสะดวกสำหรับผู้ให้บริการ ซึ่งจะได้รับการชําระเงินอย่างสม่ําเสมอและตรงเวลา

ตลาดอีคอมเมิร์ซแบบสมัครใช้บริการทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 199 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 โดยเน้นย้ำความต้องการการชำระเงินตามรอบที่เพิ่มขึ้น ด้านล่างนี้ เราจะอธิบายถึงการทํางานของการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิต ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการชําระเงินตามรอบ วิธีปรับใช้การชําระเงินประเภทเหล่านี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีหลักการทํางานอย่างไร
  • การเรียกเก็บเงินตามรอบและการเรียกเก็บเงินครั้งเดียวนั้นแตกต่างกันอย่างไร
  • ข้อดีของการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง
  • ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการชําระเงินตามรอบ
  • วิธีใช้การชําระเงินตามรอบอย่างประสบความสำเร็จ
  • ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิต

การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีหลักการทํางานอย่างไร

การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตทํางานผ่านกระบวนการอัตโนมัติที่อนุมัติให้ธุรกิจต่างๆ เรียกเก็บเงินโดยหักยอดในบัตรเครดิตของเจ้าของบัตรสําหรับเป็นค่าบริการหรือการสมัครใช้บริการตามรอบเวลาเป็นประจํา ต่อไปนี้คือรายละเอียดทีละขั้นตอนเกี่ยวกับหลักการทำงานของกระบวนการนี้

  • การตั้งค่า: เจ้าของบัตรจะให้รายละเอียดของบัตรเครดิตแก่ธุรกิจ และอนุญาตให้เจ้าของบัตรเรียกเก็บเงินจากบัตรตามจํานวนที่กําหนดเป็นประจํา ซึ่งการอนุมัตินี้สามารถทําได้ทางออนไลน์ ทางโทรศัพท์ หรือผ่านแบบฟอร์มที่ลงนาม

  • ข้อตกลงเกี่ยวกับข้อกําหนด: ธุรกิจและเจ้าของบัตรตกลงเรื่องจํานวนเงิน ความถี่ และระยะเวลาในการชําระเงิน โดยอาจเป็นรายเดือนสําหรับการสมัครรับนิตยสาร รายปีสําหรับใบอนุญาตซอฟต์แวร์ หรือข้อตกลงอื่นที่เหมาะสมกับลักษณะของธุรกรรม

  • การประมวลผลการชําระเงิน: เมื่อถึงวันที่กําหนด ผู้ประมวลผลการชําระเงินของธุรกิจจะเรียกเก็บเงินโดยอัตโนมัติจากบัตรเครดิตของเจ้าของบัตรตามจํานวนเงินที่ตกลงกันไว้ โดยทั่วไปแล้ว เกตเวย์การชําระเงินหรือผู้ให้บริการของผู้ค้าจะจัดเป็นผู้จัดการ

  • การแจ้งเตือน: หลังจากระบบประมวลผลการชําระเงินแล้ว ทั้งธุรกิจและเจ้าของบัตรจะได้รับการแจ้งเตือน (โดยปกติจะส่งผ่านอีเมล) พร้อมรายละเอียดธุรกรรมสําหรับการเก็บบันทึกและการยืนยัน

  • การต่ออายุหรือยกเลิก โดยปกติแล้ว เจ้าของบัตรจะสามารถจัดการ ยกเลิก หรืออัปเดตข้อมูลการชําระเงินของตนได้กับฝ่ายบริการลูกค้าหรือพอร์ทัลแบบดําเนินการด้วยตัวเอง หากบัตรเครดิตหมดอายุหรือเปลี่ยนบัตรใหม่ เจ้าของบัตรจะต้องอัปเดตรายละเอียดการชําระเงินเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการให้บริการ

การเรียกเก็บเงินตามรอบกับการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวแตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างหลักๆ ระหว่างการเรียกเก็บเงินตามรอบกับการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวผ่านบัตรเครดิตคือความถี่และจุดประสงค์ของการชําระเงิน

การเรียกเก็บเงินตามรอบเกิดขึ้นเป็นรอบเวลาและเป็นประจํา ไม่ว่าจะเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี โดยใช้สําหรับบริการหรือการเป็นสมาชิกที่ดำเนินอยู่ต่อเนื่อง โดยที่ลูกค้าตกลงให้เรียกเก็บเงินเป็นระยะสําหรับการเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การชําระเงินสําหรับบริการแบบสมัครสมาชิก (เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิงหรือการเป็นสมาชิกยิม) บิลค่าสาธารณูปโภค หรือเงินบริจาคแบบเป็นประจำ การชําระเงินเหล่านี้ต้องมีการตั้งค่าเริ่มต้นสําหรับการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติที่ต่อเนื่อง และโดยทั่วไปจะดําเนินต่อไปจนกว่าลูกค้าจะยกเลิกการให้บริการ

ส่วนการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งใช้สําหรับการทําธุรกรรมการซื้อสินค้าหรือบริการรายการเดียว ตัวอย่างเช่น การซื้อทางออนไลน์ อาหารในร้านอาหาร หรือตั๋วคอนเสิร์ต ไม่ต้องมีการจัดการอย่างต่อเนื่องหรือการยกเลิก

ข้อดีของการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีอะไรบ้าง

การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตมีประโยชน์ต่อธุรกิจในหลายๆ ด้าน โดยอาจมีข้อดีดังนี้

  • กระแสรายรับที่คาดเดาได้: การชําระเงินตามรอบเปลี่ยนความสัมพันธ์ของลูกค้าให้เป็นช่องทางสร้างรายรับที่เชื่อถือได้ ความสามารถในการคาดการณ์ได้นี้จะช่วยในการวางแผนและพยากรณ์ทางการเงินขั้นสูง ช่วยให้ธุรกิจจัดสรรทรัพยากรสำหรับโครงการริเริ่มเพื่อการเติบโต เช่น การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการตลาดได้ดีขึ้น

  • อัตราการเลิกใช้บริการของลูกค้าต่ำลง: การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าช่วยลดอัตราการเลิกใช้บริการด้วยการลดความยุ่งยากในการต่ออายุ เมื่อลูกค้าสมัครใช้การชําระเงินอัตโนมัติ ความเชื่องช้ามีแนวโน้มที่จะทำให้ลูกค้าคงการสมัครใช้บริการไว้ วิธีนี้อาจช่วยเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (LTV) ของลูกค้าได้อย่างมาก เนื่องจากช่วยขยายอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของลูกค้าให้เกินกว่าระยะเวลาปกติที่ใช้สําหรับการต่ออายุด้วยตนเอง

  • ต้นทุนการขายที่ลดลง: โดยทั่วไปแล้วการให้บริการลูกค้าใหม่มักมีราคาแพงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมไว้ การชำระเงินตามรอบช่วยสร้างเสถียรภาพในการรักษาลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขายต่อเนื่องได้ในที่สุด เมื่อเปลี่ยนรอบการเรียกเก็บเงินให้เป็นอัตโนมัติ ธุรกิจก็สามารถจัดสรรทรัพยากรจากแผนกการเรียกเก็บเงินไปใช้ในด้านที่ต้องเน้นการเติบโตได้เช่นกัน

  • ข้อมูลเชิงลึกขั้นสูง: การชําระเงินตามรอบอัตโนมัติจะให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าและเมตริกทางการเงินที่สามารถนําไปใช้เพื่อปรับกลยุทธ์ธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์แนวโน้มการอัปเกรดและดาวน์เกรดในหมู่ผู้สมัครใช้บริกาจะช่วยให้เห็นความต้องการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และระยะความเผื่อในการกำหนดราคา เพื่อให้ทราบถึงกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาด

  • การจัดการธุรกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพ: ระบบการชําระเงินตามรอบมักมีเครื่องมือจัดการที่ซับซ้อนสําหรับการจัดการการปฏิเสธและการอัปเดตรายละเอียดการชําระเงิน หรือที่เรียกว่า การจัดการการติดตามหนี้ เครื่องมือเหล่านี้จะจัดการปัญหาในเชิงรุก เช่น บัตรหมดอายุหรือเงินทุนไม่เพียงพอ เพื่อลดการหยุดชะงักของกระแสเงินสดหรือบริการ

  • ความสามารถในการขยายการดำเนินงาน: ธุรกิจที่ต้องการขยายธุรกิจมักจะพบว่าระบบการเรียกเก็บเงินตามรอบสามารถปรับเปลี่ยนได้มากขึ้นเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานลูกค้า การนําเสนอบริการใหม่ๆ หรือเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการชําระเงินตามรอบสามารถปรับขยายได้โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณงานของธุรกรรมหรือความต้องการเกี่ยวกับการบริการลูกค้า

  • ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น: ลูกค้าอาจให้ความสำคัญกับการชําระเงินตามรอบที่สะดวกสบาย โดยสามารถเพิ่มความพึงพอใจ สร้างความภักดี และช่วยสร้างความแตกต่างในการแข่งขันและการให้การสนับสนุนลูกค้า

ธุรกิจประเภทใดบ้างที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการชําระเงินตามรอบ

การชําระเงินตามรอบมีข้อดีสําหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ธุรกิจที่มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากการชําระเงินประเภทนี้มากที่สุดมีดังนี้

ธุรกิจแบบสมัครใช้บริการ

  • บริการสตรีมมิง (เช่น Netflix, Spotify): บริษัทเหล่านี้ให้บริการการเข้าถึงเนื้อหาอย่างต่อโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นประจำ

  • การให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS): ผู้ให้บริการ SaaS ให้บริการการเข้าถึงซอฟต์แวร์และการอัปเดตอย่างต่อเนื่องซึ่งเหมาะกับโมเดลการชําระเงินตามรอบ

  • แพลตฟอร์มสําหรับสมาชิก: บริษัทเหล่านี้นําเสนอเนื้อหาสุดพิเศษ สิทธิประโยชน์ หรือสิทธิ์เข้าถึงชุมชนซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะคิดค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือรายปี

ธุรกิจที่ให้บริการ

  • ยิมและฟิตเนส: ธุรกิจเหล่านี้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิกรายเดือนหรือรายปี

  • บริการทําความสะอาด: บางครั้งบริการเหล่านี้นำเสนอบริการทําความสะอาดแบบเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน

  • บริการจัดสวน ผู้ให้บริการจัดสวนมักจะทำการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาปกติอย่างต่อเนื่อง

บริษัทสาธารณูปโภคและโทรคมนาคม

  • ผู้ให้บริการไฟฟ้า น้ำ และแก๊ส: บริษัทเหล่านี้เรียกเก็บค่าบริการสำหรับบริการที่จำเป็นเป็นรายเดือน

  • ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ: ผู้ให้บริการเหล่านี้มีแพ็กเกจต่างๆ ที่หลากหลายและเรียกเก็บเงินตามรอบ

แพลตฟอร์มด้านการศึกษา

  • หลักสูตรออนไลน์และแพลตฟอร์มการเรียนรู้: ธุรกิจเหล่านี้จะมอบสิทธิ์เข้าถึงหลักสูตรหรือเนื้อหาแบบต่อเนื่อง

  • แอปเรียนภาษา: แอปสําหรับการเรียนภาษาเสนอบริการให้ผู้สมัครรับข้อมูลการเรียนรู้และแหล่งข้อมูลอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

  • บริการติวเตอร์: บริการเหล่านี้เรียกเก็บเงินสำหรับเซสชันที่กำหนดเวลาเป็นประจำ หรือการเข้าถึงแพลตฟอร์มของบริการเหล่านั้น

ธุรกิจอื่นๆ

  • การสมัครรับนิตยสารและหนังสือพิมพ์: การสมัครใช้บริการเหล่านี้จะส่งเนื้อหาเป็นประจําโดยคิดค่าธรรมเนียม

  • บริการจัดส่งอาหารและเครื่องดื่ม: บริการจัดส่งเหล่านี้มีการสมัครสมาชิกสําหรับการจัดส่งเป็นประจํา

  • บริการดูแลส่วนบุคคล (เช่น โกนหนวด เครื่องสําอาง): บริษัทเหล่านี้จัดหาผลิตภัณฑ์ให้เป็นประจํา

วิธีใช้การชําระเงินตามรอบอย่างประสบความสำเร็จ

ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสําหรับการปรับใช้การชําระเงินตามรอบในธุรกิจของคุณ

ค่าบริการเชิงกลยุทธ์

  • ให้บริการระดับการสมัครใช้บริการหลายระดับ พร้อมฟีเจอร์และจุดราคาที่แตกต่างกันเพื่อรองรับความต้องการและงบประมาณของลูกค้าที่หลากหลาย

  • ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ด้วยส่วนลดช่วงแนะนําหรือช่วงทดลองใช้ฟรี จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแพ็กเกจราคาเต็ม

  • พิจารณาโมเดลค่าบริการแบบไดนามิกที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง โดยมอบความยืดหยุ่นทั้งสําหรับลูกค้าและธุรกิจ

  • จัดแพ็กเกจผลิตภัณฑ์หรือบริการหลายรายการเข้าด้วยกันในอัตราลดราคาเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการใช้งานในวงกว้างและเพิ่มมูลค่าคําสั่งซื้อเฉลี่ย

  • ทดสอบกลยุทธ์การกําหนดราคาแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อระบุจุดราคาที่เหมาะสมซึ่งจะเพิ่มรายรับและความพึงพอใจของลูกค้าให้สูงสุด

การผสานการทํางานเกตเวย์การชําระเงินขั้นสูง

  • ติดตั้งใช้งานเครื่องมืออัปเดตข้อมูลบัญชีเพื่ออัปเดตข้อมูลการชําระเงินของลูกค้าโดยอัตโนมัติ เพื่อลดการเลิกใช้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจ

  • เรียกเก็บเงินที่ชําระไม่สําเร็จซ้ําอีกครั้งโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อกู้คืนรายรับที่สูญเสียไปและเพิ่มการรักษาลูกค้า

  • ผสานการทํางานกับเครื่องมือตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าและลดการดึงเงินคืน

  • ใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันการจัดการการชําระเงินตามรอบ (API) เพื่อทําให้รอบการเรียกเก็บเงินเป็นอัตโนมัติ จัดการการชําระเงินตามรอบบิล และนำเสนอตัวเลือกแบบบริการตัวเองให้แก่ลูกค้า

  • ปรับแต่งประสบการณ์เกตเวย์การชําระเงินให้เหมาะกับอัตลักษณ์แบรนด์ของคุณและทำให้เส้นทางของลูกค้าสอดคล้องกัน

การสื่อสารกับลูกค้าและการมีส่วนร่วม

  • ช่วยให้ผู้สมัครใช้บริการรายใหม่ได้รับประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งานแบบเฉพาะบุคคล บทแนะนำการใช้งาน และแหล่งข้อมูลที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้สูงสุดและรับมือกับการเลิกใช้บริการ

  • ส่งอีเมลหรือการแจ้งเตือนที่กําหนดเป้าหมายโดยอิงตามพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการของลูกค้า หรือเป้าหมายการสมัครใช้บริการเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้เกิดการอัปเกรด

  • มุ่งมั่นค้นหาและนำความคิดเห็นของลูกค้ามาปรับใช้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนลูกค้า และประสบการณ์โดยรวม

  • ใช้โปรแกรมความภักดีเพื่อตอบแทนผู้สมัครใช้บริการแบบระยะยาวด้วยสิทธิพิเศษ ส่วนลด หรือสิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ก่อนใคร

  • ส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในหมู่ผู้สมัครใช้บริการผ่านกระดานสนทนา กิจกรรม หรือกลุ่มโซเชียลมีเดีย เพื่อเพิ่มความภักดีและการสนับสนุนต่อแบรนด์

การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

  • ระบุสาเหตุของอัตราการเลิกใช้บริการและใช้กลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มเป้าหมาย

  • วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและผลการดำเนินงานเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อหารูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพความพยายามด้านการตลาดให้สูงสุด

  • ทดสอบ A/B เกี่ยวกับค่าบริการ ข้อความ หรือฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อระบุสิ่งที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายของคุณที่สุด

  • ใช้โมเดลการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อคาดการณ์มูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า ระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเลิกใช้บริการ และปรับข้อเสนอให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

  • ใช้แดชบอร์ดแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบเมตริกสำคัญๆ และตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล

การเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรม

  • สร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเพื่อให้คงความสามารถในการแข่งขัน

  • สํารวจตลาดหรือกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสในการรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า

  • เป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจเสริมเพื่อให้บริการแบบรวมชุดหรือโปรโมตข้อเสนอของกันและกัน

  • นําเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น บล็อกเชนหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของการชําระเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการสร้างรายรับตามแบบแผนล่วงหน้า

  • เตรียมพร้อมเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพตลาด กฎระเบียบ และความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อความสําเร็จในระยะยาว

ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิต

การชําระเงินตามรอบด้วยบัตรเครดิตจะช่วยส่งเสริมธุรกิจของคุณให้เติบโตได้ แต่การชำระเงินวิธีนี้ก็มีความท้าทายที่ไม่เหมือนใคร รายละเอียดมีดังนี้

  • การปฏิเสธการชําระเงินและปัญหาวันหมดอายุ: ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดปัญหาหนึ่งของการชําระเงินตามรอบคือการปฏิเสธธุรกรรมเนื่องจากบัตรเครดิตหมดอายุ เงินทุนไม่เพียงพอ หรือการปฏิเสธของธนาคาร ปัญหานี้รบกวนการหมุนเวียนเงินสดและต้องใช้ความพยายามในการแก้ไขปัญหาด้านการบริหารจัดการ

  • ข้อมูลอัปเดตของลูกค้า: ลูกค้าอาจเปลี่ยนวิธีการชําระเงิน ข้อมูลติดต่อ หรือแม้แต่ยกเลิกบริการ การติดตามการอัปเดตเหล่านี้ด้วยตนเองอาจยุ่งยากและสามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ ระบบอัตโนมัติอาจช่วยคุณได้ แต่ระบบเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการอัปเดตและผสานการทํางานกับกระบวนการบริการลูกค้าแบบสมบูรณ์

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน (PCI DSS) และกฎหมายคุ้มครองข้อมูล (เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปหรือ GDPR) อาจส่งผลให้ต้องเสียค่าปรับจำนวนมากและเสียชื่อเสียงได้ การจัดการข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการชําระเงินอย่างปลอดภัยถือเป็นหน้าที่หลัก

  • การสื่อสารกับลูกค้า: การสื่อสารที่ไม่ดีเกี่ยวกับกําหนดเวลาการชําระเงิน ข้อกําหนดการให้บริการ และการเปลี่ยนแปลงค่าบริการหรือนโยบายอาจทําให้ลูกค้าเข้าใจผิด ไม่พอใจ และทำให้สูญเสียลูกค้าได้

  • ความเหนื่อยล้าจากค่าใช้จ่ายรายเดือน: เนื่องจากจำนวนบริการสมัครใช้บริการมีเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าจึงอาจรู้สึกเหนื่อยล้ากับการสมัครใช้บริการ ส่งผลให้ต้องพิจารณาการสมัครใช้บริการอีกครั้ง หรือปรับค่าใช้จ่ายประจำของตนใหม่ ธุรกิจต่างๆ ต้องแสดงมูลค่าอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการยกเลิกและจัดการการเลิกใช้บริการของลูกค้า

  • การผสานการทํางานทางเทคนิคทางเทคนิคและการปรับขนาดได้ การผสานระบบการชําระเงินตามรอบเข้ากับแพลตฟอร์มที่มีอยู่บนอุปกรณ์และอินเทอร์เฟซต่างๆ เป็นเรื่องที่ท้าทายในทางเทคนิค นอกจากนี้ ระบบการชําระเงินยังต้องขยายไปพร้อมกับธุรกิจซึ่งอาจมีความซับซ้อนทางเทคนิคมากขึ้น

  • ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงและการรักษาความปลอดภัย: การชําระเงินตามรอบจะเพิ่มความเสี่ยงของการฉ้อโกงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มาตรการรักษาความปลอดภัยไม่แข็งแกร่ง ผู้กระทำการฉ้อโกงอาจกำหนดเป้าหมายเป็นระบบเหล่านี้เพื่อขโมยข้อมูลการชำระเงินที่ละเอียดอ่อน ธุรกิจต้องลงทุนในเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง

  • การจัดการการติดตามหนี้: ธุรกิจจะต้องพัฒนากลยุทธ์ในการติดตามหนี้ หรือกระบวนการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาการชําระเงินที่ไม่สําเร็จ การดําเนินการนี้ควรจัดการด้วยความละเอียดอ่อนเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีขณะเดียวกันก็สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้ด้วย

  • อิสระของลูกค้าและความพึงพอใจ: ลูกค้าให้ความสำคัญกับการควบคุมมากกว่าการซื้อและการชำระเงินของตน บางครั้งการชําระเงินตามรอบอาจทำให้เกิดการรับรู้ถึงการสูญเสียการควบคุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการยกเลิกเป็นเรื่องยาก

  • รูปแบบทางวัฒนธรรมและภูมิภาคที่แตกต่างกัน: ในตลาดบางแห่ง ลูกค้าอาจไม่คุ้นเคยหรือไม่สะดวกใจกับการชำระเงินแบบอัตโนมัติมากนัก นอกจากนี้ วิธีการชําระเงินและรอบเวลาก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งธุรกิจต่างๆ จําเป็นต้องปรับตัวตามพฤติกรรมดังกล่าว

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Billing

Billing

เรียกเก็บและรักษารายรับได้มากขึ้น ใช้วิธีอัตโนมัติกับขั้นตอนการจัดการรายรับ ตลอดจนรับการชำระเงินได้ทั่วโลก

Stripe Docs เกี่ยวกับ Billing

สร้างและจัดการการชำระเงินตามรอบบิล ติดตามการใช้งาน และออกใบแจ้งหนี้