ประเทศญี่ปุ่นได้นำระบบใบแจ้งหนี้เข้ามาใช้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2023 และในวันที่ 1 มกราคม 2024 การจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้กลายเป็นข้อบังคับตามกฎหมายว่าด้วยบทบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษาสมุดบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับภาษีแห่งชาติที่จัดทำโดยใช้คอมพิวเตอร์ (เรียกอีกอย่างว่า "กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์" (Electronic Books Preservation Act))
เอกสารที่ออกตามระบบใบแจ้งหนี้ (ใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์) กำหนดให้ผู้ซื้อต้องส่งบันทึกประกอบเพื่อรับเครดิตภาษีการซื้อ และต้องเก็บรักษาบันทึกเหล่านั้นไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์นี้
บทความนี้จะอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างระบบใบแจ้งหนี้ของญี่ปุ่นกับกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงแนะนำวิธีการเก็บใบแจ้งหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย และสุดท้าย เราจะอธิบายถึงข้อดีของการปฏิบัติตามครบทั้ง 2 อย่างนั้น โปรดทราบว่าคู่มือนี้จะใช้คำว่า "ใบแจ้งหนี้" เพื่อสื่อถึง "ใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์"
เนื้อหาหลักในบทความ
- ระบบใบแจ้งหนี้คืออะไร (วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ฯลฯ)
- กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร
- ความสัมพันธ์ระหว่างระบบใบแจ้งหนี้กับกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
- วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
- ข้อดีของการรองรับทั้งระบบใบแจ้งหนี้และกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของงานเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้
- Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง
ระบบใบแจ้งหนี้คืออะไร (วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ฯลฯ)
ระบบใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จะช่วยให้สามารถนำเครดิตภาษีซื้อมาใช้หักกับอัตราภาษีการบริโภคแบบต่างๆ และจะมีผลเมื่อธุรกิจที่ต้องเสียภาษีการบริโภคคำนวณยอดภาษีที่ต้องจ่ายด้วยตนเอง
รายละเอียดที่จำเป็นต้องระบุในใบแจ้งหนี้
ข้อมูลเฉพาะที่ต้องระบุจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับใบแจ้งหนี้ที่จัดหมวดหมู่ตามอัตราซึ่งเคยใช้กันก่อนจะมีระบบใบแจ้งหนี้
ระบบนี้ยังมีใบแจ้งหนี้อย่างง่ายที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายเฉกเช่นเดียวกับใบแจ้งหนี้มาตรฐานอีกด้วย แต่มีอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่อนุญาตให้ใช้ใบแจ้งหนี้ดังกล่าวได้ โปรดดูรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละรายการที่ด้านล่างนี้
|
ใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ |
ใบแจ้งหนี้อย่างง่าย |
|
|---|---|---|
|
ชื่อหรือตำแหน่งของธุรกิจที่ออกใบแจ้งหนี้ |
จำเป็น |
จำเป็น |
|
วันที่ทำธุรกรรม |
จำเป็น |
จำเป็น |
|
รายละเอียดของธุรกรรม (หากสินค้าบางรายการมีสิทธิ์ได้รับการลดอัตราภาษี คุณก็ควรระบุข้อมูลดังกล่าวไว้ด้วย) |
จำเป็น |
จำเป็น |
|
ชื่อหรือตำแหน่งของผู้ที่รับใบแจ้งหนี้ |
จำเป็น |
ไม่บังคับ |
|
หมายเลขจดทะเบียนของผู้ออกใบแจ้งหนี้ |
จำเป็น |
จำเป็น |
|
การระบุยอดรวมและอัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยแยกตามอัตราภาษี |
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดและอัตราภาษีที่ใช้ พร้อมระบุว่ารวมภาษีแล้วหรือไม่รวมภาษี โดยใช้อัตราภาษีที่ 8% หรือ 10% |
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด พร้อมระบุว่ารวมภาษีแล้วหรือไม่รวมภาษี โดยแยกตามอัตราภาษี |
|
การระบุจำนวนภาษีการบริโภคหรืออัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ |
ยอดภาษีการบริโภคทั้งหมด ฯลฯ สำหรับแต่ละอัตราภาษี |
สำหรับแต่ละอัตราภาษีหรืออัตราภาษีที่ใช้ |
ในระบบใบแจ้งหนี้นั้น "ใบแจ้งหนี้" หมายรวมถึงเอกสารประกอบทุกแบบที่ใช้ในการใช้ในการนำเครดิตภาษีซื้อมาใช้ โดยตัวเลือกที่ใช้ได้ ได้แก่ ใบเสร็จ ใบสั่งซื้อ ใบส่งมอบ และใบแจ้งยอดการซื้อ
ระบบไม่ได้กำหนดรูปแบบที่ตายตัวเอาไว้ ซึ่งช่วยให้คุณใช้รูปแบบใดก็ได้ต่อเมื่อบันทึกยังเป็นไปตามเกณฑ์ แต่หากต้องการรับเครดิตภาษีซื้อ คุณจะต้องใช้รูปแบบใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ซึ่งแสดงข้อมูลของผู้ซื้ออย่างถูกต้อง
การออกใบแจ้งหนี้โดยผู้จดทะเบียนที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์
มีเพียงธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นผู้ออกใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ไว้ก่อนแล้วตามระบบใบแจ้งหนี้เท่านั้นที่สามารถออกใบแจ้งหนี้ได้ ส่วนธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียนก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกใบแจ้งหนี้ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการที่ยื่นขอเป็นผู้ออกใบแจ้งหนี้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บนเว็บไซต์ของสรรพากรญี่ปุ่น (National Tax Agency หรือ NTA) ก็จะได้รับหมายเลขจดทะเบียนระบบใบแจ้งหนี้
โปรดทราบว่าผู้ประกอบการที่ได้รับการยกเว้นภาษี (รวมถึงกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว) มีสิทธิ์จดทะเบียน ถึงอย่างนั้น เมื่อจดทะเบียนแล้ว ผู้ประกอบการดังกล่าวก็จะมีสถานะต้องเสียภาษีโดยอัตโนมัติ และต้องจ่ายภาษีการบริโภค ดังนั้น กิจการที่มีเจ้าของคนเดียวจึงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีกับข้อเสียจากการปฏิบัติตามระบบใบแจ้งหนี้ให้ถี่ถ้วน หากเลือกจดทะเบียน ผู้ประกอบการก็จะต้องจัดการนำส่งเงินอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียไม่ให้เกิดขึ้นกับกำไรของตน
กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร
กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ คือ กฎหมายที่กำหนดวิธีการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลสำหรับสมุดบัญชีและบันทึกเกี่ยวกับภาษีระดับประเทศ รวมถึงเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม (เช่น ใบแจ้งหนี้และใบเสร็จ)
การจัดเก็บธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัล
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2024 กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ได้กำหนดว่า "ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์" (ซึ่งก็คือใบแจ้งหนี้และใบเสร็จที่มีการรับส่งในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลผ่านอีเมลหรือระบบคลาวด์) ต้องได้รับการเก็บถาวรในรูปแบบบันทึกดิจิทัล
ข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อเก็บรักษาข้อมูลดิจิทัล สิ่งสำคัญ คือ คุณควรจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวในลักษณะที่ตรงตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ข้อกำหนดเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามขนาดของนิติบุคคล ดังนั้น คุณควรเข้าไปดูเว็บไซต์พิเศษของ NTA ก่อน เพื่อทำความเข้าใจกฎการเก็บรักษาข้อมูลที่มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ คู่มือของ Stripe เรื่องกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ก็ให้ข้อมูลเฉพาะโดยละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐานต่างๆ ด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างระบบใบแจ้งหนี้กับกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
ระบบใบแจ้งหนี้กับกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เป็นกรอบการทำงานที่แยกจากกัน แต่เอกสารทั้งหมดที่จัดการภายในระบบดังกล่าว (เช่น ใบแจ้งหนี้และใบเสร็จ) ถือเป็นบันทึกธุรกรรมที่อยู่ภายใต้กฎหมายนี้ ดังนั้น การประมวลผลและการเก็บรักษาจึงต้องเป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว ใบแจ้งหนี้ที่ออกหรือได้รับทางอิเล็กทรอนิกส์จะต้องคงอยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล แทนที่จะเป็นเอกสารกระดาษตามที่ระบุไว้ในส่วน "กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร"
ด้วยเหตุนี้ กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์จึงเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดและมีผลอย่างมากต่อระบบใบแจ้งหนี้ โดยส่งผลต่อวิธีที่ต้องใช้ในการจัดเก็บเอกสารต่างๆ ตามมาตรฐานการเก็บรักษาข้อมูล หากคุณไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้และเก็บรักษาใบแจ้งหนี้อย่างไม่ถูกต้อง ผู้ซื้อก็จะเสียสิทธิ์ในการนำภาษีซื้อของตนไปใช้ลดหย่อน ผู้ขายและผู้ซื้อควรปฏิบัติตามระบบใบแจ้งหนี้และเก็บรักษาบันทึกต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
ระบบใบแจ้งหนี้ไม่ได้กำหนดกฎตายตัวในการจัดเก็บใบแจ้งหนี้ ซึ่งแสดงว่าคุณจะจัดเก็บใบแจ้งหนี้ในรูปแบบกระดาษหรือดิจิทัลก็ได้ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ใบแจ้งหนี้อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ใบแจ้งหนี้จึงต้องสอดคล้องกับทั้งกฎหมายดังกล่าวและระบบใบแจ้งหนี้ด้วย
การจัดการใบแจ้งหนี้ในรูปแบบกระดาษ
ในกรณีของใบแจ้งหนี้ที่รับส่งกันแบบกระดาษในตอนแรก ธุรกิจสามารถเลือกที่จะเก็บรักษาในรูปแบบกระดาษต่อไป หรือจะเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและเก็บถาวรด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ กล่าวอีกอย่างก็คือ เนื่องจากคุณจะเปลี่ยนเอกสารกระดาษให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลหรือไม่ก็ได้ โดยไม่ได้เป็นข้อบังคับ การเก็บรักษาใบแจ้งหนี้ในรูปแบบกระดาษจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน หากธุรกิจต้องการเก็บใบแจ้งหนี้แบบกระดาษในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล ธุรกิจก็ทำได้โดยใช้ "การจัดเก็บด้วยอุปกรณ์สแกน" ตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ การจัดเก็บด้วยอุปกรณ์สแกน คือ วิธีการสแกนบันทึกเกี่ยวกับธุรกรรม เช่น ใบแจ้งหนี้ฉบับพิมพ์ แล้วจัดเก็บในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามเงื่อนไขเฉพาะที่ NTA กำหนดไว้
การจัดการใบแจ้งหนี้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก็จะต้องคงอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งหมายความว่าแต่ละฝ่ายจะต้องเก็บข้อมูลไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามเดิม
ต่อไปนี้คือตัวอย่างธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประเภทหลักๆ โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น โปรดตรวจสอบว่าธุรกรรมของบริษัทอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้หรือไม่
- การแนบเอกสารไปกับอีเมล
- การดาวน์โหลดไฟล์จากเว็บไซต์
- เอกสารที่รับส่งกันผ่านระบบคลาวด์
- ข้อมูลบัตร (เช่น ใบแจ้งยอดบัตรเครดิต ข้อมูลการชำระเงินด้วยบัตร IC)
- ข้อมูลที่บันทึกไว้กับสื่อที่จับต้องได้ เช่น แผ่น DVD
- ธุรกรรม EDI (การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือ Electronic Data Interchange) ซึ่งเป็นระบบในการรับส่งเอกสารทางธุรกิจระหว่างบริษัทและองค์กรทางอิเล็กทรอนิกส์โดยอัตโนมัติ
ข้อดีของการรองรับทั้งระบบใบแจ้งหนี้และกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
พูดง่ายๆ ได้ว่า การทำตามกรอบการทำงานทั้ง 2 อย่างนี้พร้อมกันก็คือการเปลี่ยนงานเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้ให้เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง
ตามที่ระบุไว้ในส่วน "วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์" เอกสารที่รับส่งกันในรูปแบบกระดาษในตอนแรกก็สามารถจัดเก็บในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลได้เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงช่วยเปิดโอกาสที่ดีอย่างยิ่งให้กับองค์กรต่างๆ ที่เคยใช้กระดาษในการเปลี่ยนมาใช้ขั้นตอนการทำงานแบบไร้กระดาษ และพัฒนาขั้นตอนการทำงานในสำนักงานให้ดีขึ้นได้
แม้ว่าระบบใบแจ้งหนี้และกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นคนละส่วนกัน แต่ทั้ง 2 อย่างนี้เป็นกรอบการทำงานเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้ ด้วยเหตุนี้ แพลตฟอร์มทางการเงินส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบธุรกิจนำมาใช้จึงสามารถรองรับได้ทั้ง 2 กรอบการทำงานนี้
เมื่อจัดการข้อมูลแบบดิจิทัล จะต้องดำเนินการตามข้อกำหนดของกฎหมายนี้ แต่เมื่อกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวกับใบแจ้งหนี้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและรวมอยู่ในที่เดียว คุณก็จะไม่เพียงแค่ออกและจัดเก็บใบแจ้งหนี้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การดำเนินงาน การจัดการข้อมูล และงานทำบัญชีง่ายขึ้นด้วย ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานทั้งหมดเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและประหยัดเวลาได้ในท้ายที่สุด
ตัวอย่างเช่น บริษัทของคุณสามารถแก้ไขปัญหาด้านล่างได้โดยการเปลี่ยนไปใช้การออกใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์
- การจัดทำใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติช่วยป้องกันข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เช่น การป้อนข้อมูลผิดพลาดและการลืมป้อนข้อมูล
- เมื่อปฏิบัติตามมาตรฐานของระบบกฎหมายทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน ไม่ใช่แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง คุณก็จะลดเวลาและกำลังคนที่ต้องใช้ในการออกใบแจ้งหนี้ลงได้
- เมื่อการเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีมาตรฐานเดียวกัน ก็จะช่วยให้ไม่ต้องจัดเก็บข้อมูลเอาไว้ในหลายๆ รูปแบบพร้อมกัน (แบบกระดาษและแบบดิจิทัล)
เมื่อใช้วิธีนี้ การใช้แพลตฟอร์มที่ปฏิบัติตามทั้ง 2 ระบบนี้พร้อมกันก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของทั้งองค์กร
การปรับปรุงประสิทธิภาพของงานเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้
ในบทความนี้ เราได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างระบบใบแจ้งหนี้กับกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์
ในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในปัจจุบัน ผู้ขายและผู้ซื้อต่างต้องจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ขายที่รับผิดชอบในการจัดทำและส่งใบแจ้งหนี้จะต้องมั่นใจว่าทุกขั้นตอน (ตั้งแต่การออกใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการเก็บรักษาใบแจ้งหนี้) จะดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การใช้แพลตฟอร์มที่รองรับกรอบการทำงานทั้ง 2 อย่างนี้พร้อมกันได้ รวมถึงการวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นไว้ล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ เมื่อจัดทำใบแจ้งหนี้ ควรเลือกใช้เครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยยกระดับขั้นตอนการทำงาน เช่น ฟังก์ชันการคำนวณภาษีการบริโภคอัตโนมัติและซอฟต์แวร์ทำบัญชี เพราะจะช่วยให้สะดวกขึ้นอย่างมาก ระบบใบแจ้งหนี้และกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ต่างก็วางข้อกำหนดเฉพาะในการจัดการเอกสาร ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องเตรียมการล่วงหน้าในการปฏิบัติตามระบบกฎหมายทั้ง 2 อย่างนี้ เมื่อเตรียมการเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างการนำไปใช้ ขั้นตอนทางการเงินก็จำเป็นต้องดำเนินไปอย่างราบรื่น
Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Invoicing ที่ให้บริการโดย Stripe รองรับทั้งระบบใบแจ้งหนี้และกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถออกและจัดเก็บใบแจ้งหนี้อย่างเหมาะสมได้โดยใช้การจัดทำใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ นอกจากนี้ เนื่องจาก Stripe Invoicing มาพร้อมฟังก์ชันเกี่ยวกับขั้นตอนการเรียกเก็บเงินแบบครบครัน เช่น การจัดการลูกหนี้การค้า การเรียกเก็บเงิน และการกระทบยอดธุรกรรม การดำเนินงานจึงสามารถยกระดับขั้นตอนการทำงานในสำนักงานให้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้
Stripe Invoicing ยังช่วยให้ขั้นตอนเกี่ยวกับลูกหนี้การค้า (AR) ของคุณง่ายขึ้นด้วย ตั้งแต่การจัดทำใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการเรียกเก็บเงิน ไม่ว่าคุณจะจัดการการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวหรือการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า Stripe ก็จะช่วยให้ธุรกิจได้รับเงินเร็วขึ้นและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้
- ทำให้การจัดการลูกหนี้การค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติ: สร้าง ปรับแต่ง และส่งใบแจ้งหนี้แบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด Stripe จะติดตามสถานะใบแจ้งหนี้ ส่งการแจ้งเตือนให้ชำระเงิน และดำเนินการคืนเงินโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้คุณดูแลกระแสเงินสดได้ดีอยู่เสมอ
- เร่งกระแสเงินสด: ลดระยะเวลาในการเก็บหนี้ถัวเฉลี่ย (Days Sales Outstanding หรือ DSO) และได้รับเงินเร็วขึ้นด้วยการชำระเงินทั่วโลกแบบครบวงจร การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และเครื่องมือติดตามหนี้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้คุณกู้คืนรายรับได้มากขึ้น
- ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: มอบประสบการณ์การชำระเงินที่ทันสมัยด้วยการรองรับภาษามากกว่า 25 ภาษา, สกุลเงินมากกว่า 135 สกุล และวิธีการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี โดยสามารถเข้าถึงและชำระใบแจ้งหนี้ได้ง่ายผ่านพอร์ทัลลูกค้าแบบสำเร็จรูป
- ลดภาระงานในสำนักงาน: สร้างใบแจ้งหนี้ในไม่กี่นาทีและลดเวลาที่ใช้ในการเรียกเก็บเงินผ่านการแจ้งเตือนอัตโนมัติ และหน้าชำระใบแจ้งหนี้ในระบบ Stripe
- ผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่: Stripe Invoicing สามารถผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์บัญชีและการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่เป็นที่นิยมได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณรักษาระบบให้ซิงค์กันและลดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe สามารถทำให้ขั้นตอนการจัดการบัญชีลูกหนี้ของคุณง่ายขึ้นได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ