ทันทีที่คุณส่งใบแจ้งหนี้ใบแรกในฐานะกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวในสวีเดน คุณจะเห็นเลยว่ากระบวนการนี้มีขั้นตอนต่างๆ มากแค่ไหน ลูกค้าในประเทศมักอยากให้ใบแจ้งหนี้ใช้สกุลเงินโครนาสวีเดน (SEK) และรับวิธีการชำระเงินในท้องถิ่น ส่วนการออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าในสหภาพยุโรปนั้น คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่แตกต่างกันไป และคุณอาจต้องใช้หมายเลขบัญชีธนาคารระหว่างประเทศ (IBAN) หรือรหัส SWIFT เมื่อเข้าใจรายละเอียดเหล่านี้ ก็จะช่วยให้คุณปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานภาษีของสวีเดน (Skatteverket) อยู่เสมอ ได้รับการอนุมัติใบแจ้งหนี้เร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณไม่ต้องจ่ายไปได้
ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงกฎการออกใบแจ้งหนี้สำหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวในสวีเดน
เนื้อหาหลักในบทความ
- การออกใบแจ้งหนี้ทำงานอย่างไรสำหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวในสวีเดน
- ใบแจ้งหนี้จากกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวควรมีข้อมูลอะไรบ้าง
- คุณจะออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าในประเทศในฐานะกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวได้อย่างไร
- คุณจะออกใบแจ้งหนี้ภายในสหภาพยุโรปในฐานะกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวได้อย่างไร
- คุณจะออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้านอกสหภาพยุโรปได้อย่างไร
- Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง
การออกใบแจ้งหนี้ทำงานอย่างไรสำหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวในสวีเดน
การออกใบแจ้งหนี้ในฐานะกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว (enskild firma ในภาษาสวีเดน) ก็คล้ายๆ กับการออกใบแจ้งหนี้ในฐานะธุรกิจประเภทอื่นๆ ในสวีเดน กิจการที่มีเจ้าของคนเดียวจำเป็นต้องระบุข้อมูลทางกฎหมายแบบเดียวกันในใบแจ้งหนี้ ยึดถือข้อกำหนดด้านการทำบัญชีแบบเดียวกัน และส่งใบแจ้งหนี้ให้ตรงเวลา แต่ข้อแตกต่างก็คือ กิจการที่มีเจ้าของคนเดียวจะไม่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีแยกต่างหาก แต่จะใช้ หมายเลขประจำตัวส่วนบุคคล (personnummer ในภาษาสวีเดน) ของคุณเป็นตัวระบุแทน หากคุณจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณจะเป็น "SE" ตามด้วย personnummer ของคุณ แล้วตามด้วย "01" ให้คุณระบุหมายเลขนี้ไว้ในใบแจ้งหนี้ที่มีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มทุกฉบับ และระบุข้อความว่า "Godkänd för F-skatt" การทำเช่นนี้แสดงว่า คุณจัดการเรื่องภาษีและค่าธรรมเนียมสังคมของตนเอง ลูกค้าจึงไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย
ใบแจ้งหนี้จากกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวควรมีข้อมูลอะไรบ้าง
ใบแจ้งหนี้เป็นบันทึกทางกฎหมายอย่างหนึ่ง หากมีรายละเอียดสำคัญขาดหายไป ก็อาจทำให้การชำระเงินล่าช้าหรือเกิดปัญหาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดได้
ข้อมูลที่ต้องระบุมีดังนี้
รายละเอียดของธุรกิจ
ชื่อ-นามสกุลหรือชื่อทางการค้าที่จดทะเบียน ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อของคุณ
หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หากคุณจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้
ข้อความที่ระบุว่า "Godkänd för F-skatt" เพื่อยืนยันว่าคุณจัดการภาษีเอง
รายละเอียดของลูกค้า
ชื่อทางกฎหมายหรือชื่อบริษัทของลูกค้า และที่อยู่
หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มของลูกค้า ในกรณีที่ชำระเงินแบบ B2B ในสหภาพยุโรป
ข้อมูลระบุใบแจ้งหนี้
หมายเลขใบแจ้งหนี้ตามลำดับโดยไม่ซ้ำกัน (หมายเลขเรียงต่อกันโดยไม่ขาดช่วง)
วันที่ในใบแจ้งหนี้และวันที่จัดส่งหรือวันที่ให้บริการ (ในกรณีที่ไม่ใช่วันเดียวกัน)
บรรทัดรายการ
คำอธิบายสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน
ปริมาณ ราคาต่อหน่วย และยอดรวมก่อนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าแต่ละรายการและการยกเว้นภาษีที่ระบุกำกับไว้ (หากมี)
รายละเอียดภาษีมูลค่าเพิ่ม
- อัตราและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือหมายเหตุที่ชัดเจน หากมีการใช้อัตราที่ 0% (เช่น "Reverse charge" (การเรียกเก็บเงินปรับคืน), "Export - 0% VAT" (การส่งออก - ภาษีมูลค่าเพิ่ม 0%), "VAT exempt" (ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม))
ยอดรวมที่ต้องชำระ
- ยอดรวมทั้งสิ้น โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี)
ข้อกำหนดในการชำระเงิน
วันที่ครบกำหนดชำระที่ชัดเจน (เช่น "ครบกำหนดชำระในวันที่ 30/10/2025")
วิธีการชำระเงินที่ใช้ได้ (เช่น Bankgirot, Autogiro, Swish, การโอนเงินต่างชาติ)
หมายเหตุที่ระบุว่า คุณขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บดอกเบี้ยการชำระเงินล่าช้า (หากมี)
ใบแจ้งหนี้ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดจะช่วยคุ้มครองกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังช่วยบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ โดยแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ทีมการเงินอนุมัติการชำระเงินได้ง่ายขึ้นด้วย
คุณจะออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าในประเทศในฐานะกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวได้อย่างไร
การออกใบแจ้งหนี้จะมีขั้นตอนแบบเดียวกันสำหรับลูกค้าชาวสวีเดน
หากจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ให้เพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของสวีเดนที่ถูกต้อง ได้แก่ 25% สำหรับการขายส่วนใหญ่, 12% สำหรับอาหารและธุรกิจบริการ และ 6% สำหรับหนังสือ พิพิธภัณฑ์ และการขนส่ง ให้แสดงอัตราและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มแยกต่างหาก ตามด้วยยอดรวมทั้งสิ้น โดยรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม หากธุรกิจได้รับการยกเว้นเนื่องจากธุรกิจของคุณมีรายได้ต่อปีไม่ถึง 120,000 โครนาสวีเดน (SEK) คุณก็จะไม่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้ระบุเหตุผลที่ไม่มีการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มเอาไว้ในใบแจ้งหนี้แทน
ใส่รายละเอียดการชำระเงินในประเทศด้วย เช่น หมายเลข Bankgirot หรือ Swish ให้ระบุดอกเบี้ยการชำระเงินล่าช้าด้วย หากคุณมีแผนที่จะเรียกเก็บดอกเบี้ยดังกล่าว
คุณจะออกใบแจ้งหนี้ภายในสหภาพยุโรปในฐานะกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวได้อย่างไร
ในการออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าในสหภาพยุโรป คุณจะต้องกำหนดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องตรงกับกฎภาษีมูลค่าเพิ่มที่เหมาะสม และระบุรหัสและหมายเหตุให้ถูกต้อง หากตรงตามข้อกำหนดเหล่านี้ ใบแจ้งหนี้ก็จะเป็นไปตามข้อกำหนด และลูกค้าก็จะดำเนินการได้ง่ายขึ้น
รายการตรวจสอบทั่วไปสำหรับใบแจ้งหนี้เหล่านี้มีดังนี้
แสดงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณเสมอ และเพิ่มหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มของลูกค้าสำหรับการชำระเงินแบบ B2B
ระบุให้ชัดเจนว่าไม่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ และเหตุผล (เช่น "ภาษีมูลค่าเพิ่มในการเรียกเก็บเงินปรับคืน")
ใช้สกุลเงินและถ้อยคำที่เหมาะสมเพื่อความชัดเจน
รายงานอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มของสวีเดนและรายการยอดขาย EC สำหรับ B2B หรือแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มแบบ One Stop Shop (OSS) สำหรับ B2C (หากมี)
เรามาดูวิธีจัดทำใบแจ้งหนี้สำหรับแต่ละหมวดหมู่โดยละเอียดกันดีกว่า
B2C
โดยค่าเริ่มต้นแล้ว ยอดขายแบบ B2C ในสหภาพยุโรปจะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของสวีเดน หากคุณมียอดขายแบบ B2C ทั้งหมดในสหภาพยุโรปเกิน 10,000 ยูโรต่อปี ให้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้าตามอัตราในท้องถิ่นภายใต้ OSS แทน
B2B
ยอดขายแบบ B2B ในสหภาพยุโรปเรียกว่าการจัดหาภายในประชาคม (Intracommunity Supply) หากผู้ซื้อมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกต้อง ก็จะใช้กลไกการเรียกเก็บเงินปรับคืน และลูกค้าจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศของตัวเอง ทั้งนี้ ใบแจ้งหนี้จะต้องแสดงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ซื้อและหมายเหตุต่างๆ เช่น "Intra-EU supply – 0% VAT" (การจัดหาภายในสหภาพยุโรป - ภาษีมูลค่าเพิ่ม 0%) ให้เก็บหลักฐานยืนยันการขนส่งเอาไว้เพื่อใช้ยืนยันอัตรา 0% นี้
คุณจะออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้านอกสหภาพยุโรปได้อย่างไร
เมื่อขายนอกสหภาพยุโรป กฎภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะเรียบง่ายขึ้น การส่งออก (ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ) จะมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของสวีเดนเป็นศูนย์ ใบแจ้งหนี้ยังคงต้องชี้แจงเหตุผลที่ไม่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ และคุณจะยังต้องรายงานการส่งออกเหล่านี้ในแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มของสวีเดน นอกจากนี้ คุณจะต้องปรับเปลี่ยนถ้อยคำ สกุลเงิน และวิธีการชำระเงินด้วย ให้ระบุข้อมูล IBAN และ SWIFT หรือรหัสประจำตัวธนาคาร (Bank Identifier Code หรือ BIC) ไม่ใช่แค่ Bankgirot และออกใบแจ้งหนี้ด้วยสกุลเงินที่ใช้กันทั่วไป (เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร) และใช้ภาษาอังกฤษ เว้นแต่จะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
ใบแจ้งหนี้ควรระบุให้ชัดเจนว่า "Export – 0% VAT" (การส่งออก - ภาษีมูลค่าเพิ่ม 0%) ให้เก็บหลักฐานยืนยันการขนส่งสินค้า (เช่น แบบฟอร์มศุลกากร เอกสารการจัดส่ง) เผื่อไว้ในกรณีที่ Skatteverket ตรวจสอบเหตุผลที่ไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ซื้อมักจะต้องจ่ายอากรหรือภาษีนำเข้าเมื่อสินค้ามาถึง โดยคุณอาจจะต้องแจ้งให้ผู้ซื้อทราบถึงเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Invoicing ช่วยให้ขั้นตอนเกี่ยวกับลูกหนี้การค้าง่ายขึ้น ตั้งแต่การจัดทำใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการเรียกเก็บเงิน ไม่ว่าจะจัดการการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวหรือการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า Stripe ก็จะช่วยให้ธุรกิจได้รับเงินเร็วขึ้นและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้
ทำให้การจัดการบัญชีลูกหนี้เป็นแบบอัตโนมัติ: สร้าง ปรับแต่ง และส่งใบแจ้งหนี้แบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด Stripe จะติดตามสถานะใบแจ้งหนี้ ส่งการแจ้งเตือนการชำระเงิน และดำเนินการคืนเงินโดยอัตโนมัติ ช่วยให้คุณสามารถควบคุมกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เร่งกระแสเงินสด: ลดระยะเวลาในการเก็บหนี้ถัวเฉลี่ย (Days Sales Outstanding หรือ DSO) และได้รับเงินเร็วขึ้นด้วยการชำระเงินทั่วโลกแบบครบวงจร การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และเครื่องมือติดตามหนี้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้กู้คืนรายรับได้มากขึ้น
ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: มอบประสบการณ์การชำระเงินที่ทันสมัยด้วยการรองรับภาษามากกว่า 25 ภาษา, สกุลเงินมากกว่า 135 สกุล และวิธีการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี โดยสามารถเข้าถึงและชำระใบแจ้งหนี้ได้ง่ายผ่านพอร์ทัลลูกค้าแบบสำเร็จรูป
ลดภาระงานในสำนักงาน: สร้างใบแจ้งหนี้ในไม่กี่นาทีและลดเวลาที่ใช้ในการเรียกเก็บเงินผ่านการแจ้งเตือนอัตโนมัติและหน้าการชำระเงินใบแจ้งหนี้ที่จัดการอัตโนมัติโดย Stripe
ผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่: Stripe Invoicing สามารถผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์บัญชีและการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เป็นที่นิยมได้ ซึ่งจะช่วยให้รักษาระบบให้ซิงค์กันและลดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe สามารถทำให้ขั้นตอนการจัดการลูกหนี้การค้าของคุณง่ายขึ้นได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ