วิธีรับความช่วยเหลือสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ: แหล่งข้อมูลทุกธุรกิจควรทราบ

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. แหล่งความช่วยเหลือและการสนับสนุนที่สําคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
    1. โครงการของรัฐบาล
    2. ศูนย์บ่มเพาะและศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ
    3. เครือข่ายให้คําปรึกษา
    4. เงินทุนและการแข่งขันทางธุรกิจ
    5. บริษัทร่วมลงทุน (VC) และนักลงทุนอิสระที่มีเงินทุนและประสบการณ์ (Angel Investor)
    6. แพลตฟอร์มระดมทุน
    7. บริการเฉพาะทางและผู้ให้คำปรึกษา
    8. โคเวิร์กกิ้งสเปซและกิจกรรมสร้างเครือข่าย
    9. แพลตฟอร์มและแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ออนไลน์
    10. ชุมชนสตาร์ทอัพและฟอรัมออนไลน์
  3. วิธีการหาที่ปรึกษาทางธุรกิจสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
    1. เข้าร่วมโปรแกรมให้คําปรึกษาฟรี
    2. เข้าร่วมเครือข่ายเฉพาะอุตสาหกรรม
    3. เข้าร่วมกิจกรรมและการประชุมสร้างเครือข่าย
    4. สมัครเข้าร่วมโปรแกรมของศูนย์บ่มเพาะและศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจ
    5. ติดต่อกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่
    6. ขอให้บุคคลอื่นช่วยแนะนำคุณ
    7. มองหาแพลตฟอร์มให้คําปรึกษาออนไลน์
    8. ใช้เครือข่ายมหาวิทยาลัยหรือศิษย์เก่า
  4. แหล่งข้อมูลใดบ้างของรัฐที่พร้อมให้บริการแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
    1. SBA
    2. โปรแกรมวิจัยนวัตกรรมสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก (SBIR) และโปรแกรมถ่ายโอนเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก (STTR)
    3. Grants.gov
    4. เงินสนับสนุนของรัฐและท้องถิ่น
    5. SBDC
    6. SCORE
    7. สํานักงานพัฒนาธุรกิจสำหรับชนกลุ่มน้อย (MBDA)
    8. โครงการพัฒนาชนบทของกระทรวงการเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA)
    9. หน่วยงานพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐและท้องถิ่น
    10. องค์การพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (EDA)
    11. ศูนย์ช่วยเหลือด้านการส่งออกของสหรัฐอเมริกา (USEAC)
    12. โปรแกรมสนับสนุนธุรกิจของทหารผ่านศึก
  5. วิธีเข้าร่วมกับศูนย์เร่งการเติบโตหรือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ
  6. วิธีใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อรับการสนับสนุนทางธุรกิจ
  7. คุณควรลงทุนกับบริการเฉพาะทางด้านใดสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

การเปิดตัวสตาร์ทอัพเป็นงานใหญ่ และธุรกิจสตาร์ทอัพถึง90% ประสบกับความล้มเหลว และ 2 ใน 3ของบริษัทเหล่านี้ไม่เคยให้ผลตอบแทนนักลงทุนเป็นบวก แต่คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง เพราะมีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยผู้ประกอบการเปิดตัวธุรกิจสตาร์ทอัพ ตั้งแต่ผู้ให้คําปรึกษาและโครงการของรัฐ ไปจนถึงการสร้างเครือข่ายกับผู้ก่อตั้งคนอื่นๆ การทราบว่าต้องมองหาความช่วยเหลือประเภทใดและจากที่ไหนได้บ้างจะสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะกําลังมองหาคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสในการจัดหาเงินทุน หรือชุมชนของผู้ก่อตั้งที่มีใจเดียวกัน คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ และเมื่อได้รับทรัพยากรที่เหมาะสม คุณก็จะสร้างระบบการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพได้ตั้งแต่วันแรก ในบทความนี้เราจะอธิบายวิธีรับแหล่งข้อมูลเหล่านี้ ตั้งแต่การหาที่ปรึกษา และการสํารวจหาศูนย์เร่งการเติบโตและศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ ไปจนถึงการตัดสินใจว่าควรลงทุนในบริการเฉพาะทางแบบใด

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • แหล่งความช่วยเหลือและการสนับสนุนที่สําคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
  • วิธีการหาที่ปรึกษาทางธุรกิจสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ
  • แหล่งข้อมูลใดบ้างของรัฐที่พร้อมให้บริการแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
  • วิธีเข้าร่วมกับศูนย์เร่งการเติบโตหรือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ
  • วิธีใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อรับการสนับสนุนทางธุรกิจ
  • คุณควรลงทุนกับบริการเฉพาะทางด้านใดสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

แหล่งความช่วยเหลือและการสนับสนุนที่สําคัญสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

ความช่วยเหลือและการสนับสนุนมีอยู่มากมายหลายประเภท ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีไม่น้อย

โครงการของรัฐบาล

  • องค์กรบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐ (SBA): SBA เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก เพราะเป็นแหล่งข้อมูลฟรี เช่น การให้คําปรึกษา เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และเงินสนับสนุน โครงการต่างๆ รวมถึงศูนย์พัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก (SBDC) จะช่วยคุณก่อตั้งธุรกิจโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายด้านการจัดการ

  • โปรแกรมของรัฐและท้องถิ่น: รัฐหรือเมืองของคุณอาจมีระบบการสนับสนุนเงินทุน รางวัลจูงใจด้านภาษี หรือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ดังนั้น คุณควรตรวจสอบว่าภูมิภาคที่คุณอยู่มีความช่วยเหลืออะไรบ้าง

ศูนย์บ่มเพาะและศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ

  • ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ: ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพมอบพื้นที่ทํางาน บริการให้คําปรึกษา และบางครั้งให้เงินทุนเล็กน้อย ซึ่งเป็นการสนับสนุนที่ดีในช่วงแรกเริ่ม

  • ศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจ: ศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจ (เช่น Y Combinator, Techstars) มีความรวดเร็วและการดำเนินงานเข้มข้นกว่า โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดยมักเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้น คุณจะได้รับคําแนะนํา การสร้างเครือข่าย และบ่อยครั้งที่มีการมอบเงินทุนตั้งต้นเพื่อช่วยเร่งการเติบโตของคุณ

เครือข่ายให้คําปรึกษา

  • ผู้ให้คำปรึกษา SCORE: ผู้ให้คำปรึกษา SCORE เป็นนักธุรกิจมากประสบการณ์ที่อาสามาให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย

  • เครือข่ายธุรกิจท้องถิ่น: หลายเมืองมีกลุ่มผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่สละเวลามาให้การสนับสนุนธุรกิจ เราแนะนำให้คุณลองติดต่อหอการค้าในท้องถิ่นหรือเข้าร่วมการประชุมของผู้ประกอบการ

เงินทุนและการแข่งขันทางธุรกิจ

  • เงินสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กร: เงินทุนบางส่วนมาจากรัฐบาล ส่วนบริษัทใหญ่ เช่น FedEx และ Visa ก็มีโครงการมอบเงินช่วยเหลือของตัวเอง ซึ่งคุณสามารถรับเงินทุนเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องสละหุ้นของธุรกิจ

  • การแข่งขันธุรกิจสตาร์ทอัพ: การเข้าร่วมการแข่งขันเป็นอีกวิธีหนึ่งในการระดมเงินและสร้างความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างการแข่งขันรายการใหญ่ที่สุด เช่น MassChallenge และ MIT $100K Entrepreneurship Competition ยังมอบโอกาสมากมายให้กับธุรกิจ

บริษัทร่วมลงทุน (VC) และนักลงทุนอิสระที่มีเงินทุนและประสบการณ์ (Angel Investor)

  • นักลงทุน Angel Investor: นักลงทุน Angel Investor คือนักลงทุนรายบุคคล (หรือบางครั้งเป็นกลุ่มนักลงทุน) ที่ให้เงินทุนล่วงหน้าแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อแลกกับหุ้น AngelList เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสําหรับการเชื่อมต่อกับพวกเขา

  • บริษัทประเภท VC: บริษัท VC คือที่ที่คุณจะไปเมื่อคุณต้องการจะเติบโตครั้งใหญ่ บริษัทให้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะคาดหวังว่าต้องได้ผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างบริษัทเหล่านี้ ได้แก่ Sequoia Capital และ Andreessen Horowitz ซึ่งเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในด้านนี้

แพลตฟอร์มระดมทุน

  • การระดมทุนเพื่อแลกกับรางวัล หากคุณต้องการระดมเงินประชาชนทั่วไปเพื่อแลกกับการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของคุณก่อนใครหรือสิทธิประโยชน์บางอย่าง คุณสามารถใช้เว็บไซต์อย่าง Kickstarter และ Indiegogo เพื่อเริ่มแคมเปญได้

  • การระดมทุนแลกกับหุ้น: แพลตฟอร์มอย่าง SeedInvest และ Republic ช่วยให้คุณระดมทุนโดยการเสนอหุ้นในธุรกิจของคุณให้กับนักลงทุน

บริการเฉพาะทางและผู้ให้คำปรึกษา

  • ที่ปรึกษาทางธุรกิจ: บางครั้งคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านต่างๆ เช่น การตลาด การเงิน หรือการดําเนินงาน การจ้างที่ปรึกษาสามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยได้

  • บริษัทกฎหมายและบัญชี: ความช่วยเหลือด้านกฎหมายและการทำบัญชีเป็นสิ่งสําคัญมาก การจ้างทนายความและนักบัญชีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ไม่ต้องปวดหัว (และจ่ายเงินจำนวนมาก) ในภายหลัง

โคเวิร์กกิ้งสเปซและกิจกรรมสร้างเครือข่าย

  • โคเวิร์กกิ้งสเปซ: โคเวิร์กกิ้งสเปซอย่าง WeWork ไม่ให้บริการแค่โต๊ะทํางานเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ดีมากในการสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์

  • การประชุมและกิจกรรมของอุตสาหกรรม: การเข้าร่วมกิจกรรมของอุตสาหกรรมหรืองานสังสรรค์ระหว่างธุรกิจสตาร์ทอัพในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สามารถนําคุณไปพบนักลงทุน ผู้ให้คำปรึกษา และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในอนาคตได้

แพลตฟอร์มและแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ออนไลน์

  • หลักสูตรออนไลน์แบบเปิด (MOOC): เว็บไซต์ต่างๆ เช่น Coursera, edX และ Udemy จะจัดชั้นเรียนในวิชาต่างๆ ตั้งแต่ผู้ประกอบการไปจนถึงการเงิน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมากในการพัฒนาทักษะโดยไม่ต้องกลับไปเรียน

  • บล็อกและพอดแคสต์: บล็อกอย่าง TechCrunch และพอดแคสต์ เช่น How I Built This เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพจริง คําแนะนํา และข่าวสารล่าสุด ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณได้รับแรงบันดาลใจและเรียนรู้จากผู้อื่นได้

ชุมชนสตาร์ทอัพและฟอรัมออนไลน์

  • ผู้ประกอบการ Reddit: Reddit มีเพชรซ่อนอยู่และ subr/Entrepreneur subreddit ก็เป็นหนึ่งในนั้น ผู้คนถามคําถาม ให้คําแนะนํา และช่วยกันแก้ไขปัญหาทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจริง

  • StartupNation และ Founder Institute: ชุมชนออนไลน์เหล่านี้มีเครื่องมือ ทรัพยากร และเครือข่ายของผู้ก่อตั้งที่มีความคิดเหมือนกันและเข้าใจสิ่งที่คุณกําลังเผชิญอยู่

วิธีการหาที่ปรึกษาทางธุรกิจสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

การหาที่ปรึกษาที่เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ คุณอาจต้องใช้เวลาสักระยะ แต่การนำตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสร้างเครือข่าย การเข้าร่วมโปรแกรม หรือติดต่อคนบางคน ก็จะทำให้คุณเจอคนที่เหมาะสมกับเส้นทางธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ ต่อไปนี้คือวิธีการหาที่ปรึกษาด้านธุรกิจสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ

เข้าร่วมโปรแกรมให้คําปรึกษาฟรี

หากคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ลองพิจารณา Score ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ปรึกษาฟรีซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับ SBA โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากประสบการณ์จะมาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประกอบการ คุณสามารถค้นหาที่ปรึกษาที่เหมาะกับกับความท้าทายในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมของคุณ นอกจากนี้ SBDC ยังเป็นอีกแหล่งข้อมูลที่ได้รับการสนับสนุนโดย SBA ซึ่งให้คําปรึกษาแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพฟรีและเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจำนวนเล็กน้อย ทั้งยังมีสาขาอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา

เข้าร่วมเครือข่ายเฉพาะอุตสาหกรรม

การเข้าร่วมสมาคมการค้าหรือกลุ่มอุตสาหกรรมจะช่วยให้คุณเข้าถึงมืออาชีพที่มีประสบการณ์และมีความรู้ลึกเกี่ยวกับสาขาของคุณ สำหรับเครือข่ายดิจิทัล แนะนำให้ใช้ LinkedIn เพื่อติดตามผู้นําอุตสาหกรรม เข้าร่วมกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่มีความสนใจในอาชีพเดียวกับคุณอย่างแข็งขัน การสร้างความสัมพันธ์เหล่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติสามารถนําไปสู่การให้คําปรึกษาในอนาคตได้

เข้าร่วมกิจกรรมและการประชุมสร้างเครือข่าย

การเข้าร่วมกิจกรรมแบบพบปะต่อหน้าในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นงานพบปะกับธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างไม่เป็นทางการหรืองานอุตสาหกรรมที่เป็นทางการกว่า จะช่วยให้คุณมีโอกาสเจอผู้ให้คำปรึกษาในภาคธุรกิจของคุณ ดังนั้น ลองมองหากิจกรรมที่ผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์มีแนวโน้มที่จะพูดหรือเข้าร่วม ส่วนการประชุมก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ดีในการทำความรู้จักกับผู้คนที่มีความรู้ คุณสามารถเข้าร่วมเซสชันหรือเวิร์กช็อปเล็กๆ ซึ่งคุณมีโอกาสทำความรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

สมัครเข้าร่วมโปรแกรมของศูนย์บ่มเพาะและศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจ

ศูนย์เร่งการเติบโตของธุรกิจอย่าง Y Combinator และ Techstars จะให้คําปรึกษาในโปรแกรมของพวกเขา หากได้รับการยอมรับให้เข้าร่วม ทางโปรแกรมจะจับคู่คุณกับผู้นําอุตสาหกรรม ซึ่งจะคอยให้คำแนะนําคุณตลอดขั้นตอนการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ ส่วนศูนย์บ่มเพาะธุรกิจมีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจในช่วงเริ่มต้นมากกว่า และจัดหาพื้นที่ ให้คําปรึกษา และบางครั้งก็ให้เงินทุนเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้

ติดต่อกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่

หลายเมืองมีหอการค้าหรือกลุ่มผู้ประกอบการที่มีโปรแกรมให้คําปรึกษา ซึ่งมักมีสมาชิกเป็นผู้นําทางธุรกิจในท้องถิ่นที่อยากสนับสนุนธุรกิจที่กําลังเติบโตในชุมชน ศูนย์รวมธุรกิจสตาร์ทอัพในท้องถิ่นหรือชุมชนออนไลน์อาจมอบโอกาสในการสร้างเครือข่ายและให้คําปรึกษาแก่ธุรกิจด้วย ส่วนองค์กรอย่าง Founder Institute และ Startup Grind ก็มีโปรแกรมที่เปิดโอกาสให้คุณทำความรู้จักกับผู้ให้คำปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจของสตาร์ทอัพ

ขอให้บุคคลอื่นช่วยแนะนำคุณ

คุณอาจจะแปลกใจหากพบว่าในบรรดาคนที่คุณรู้จักอาจจะมีใครบางคนมีความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลที่เป็นที่ปรึกษาให้คุณได้ ดังนั้น คุณควรบอกให้ผู้คนทราบว่าคุณกําลังมองหาคําแนะนํา จากนั้นคุณอาจพบว่าเพื่อนของเพื่อนคนหนึ่งของคุณรู้จักคนที่เหมาะสมสำหรับคุณ หากคุณได้ร่วมงานกับที่ปรึกษา เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา หรือแม้แต่นักลงทุน พวกเขาอาจจะแนะนําที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่คุณต้องการได้

มองหาแพลตฟอร์มให้คําปรึกษาออนไลน์

MicroMentor เป็นแพลตฟอร์มฟรีที่เชื่อมต่อผู้ประกอบการกับที่ปรึกษาทางธุรกิจอาสาสมัคร และออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่เรื่องกลยุทธ์ไปจนถึงการเงิน Clarity.fm เป็นอีกแพลตฟอร์มหนึ่งที่ให้คุณจองนัดหมายพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์และรับคําแนะนําแบบตัวต่อตัวแบบเสียค่าใช้จ่าย MentorCruise ทำหน้าที่เชื่อมโยงธุรกิจสตาร์ทอัพกับผู้ให้คําปรึกษาที่ผ่านการตรวจสอบและเน้นไปที่เทคโนโลยีและธุรกิจโดยเฉพาะ โดยมักมีค่าธรรมเนียมการสมัครใช้บริการ

ใช้เครือข่ายมหาวิทยาลัยหรือศิษย์เก่า

หากคุณไปที่วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย เครือข่ายศิษย์ของคุณอาจเป็นสถานที่ที่ดีในการหาที่ปรึกษา คุณอาจจะใช้รายชื่อศิษย์เก่าหรือ LinkedIn เพื่อติดต่อกับศิษย์เก่าที่จบการศึกษาในด้านธุรกิจ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยหลายแห่งยังมีศูนย์ผู้ประกอบการหรือโปรแกรมที่ให้คําแนะนําแก่ศิษย์เก่าและนักศึกษาด้วย แม้ว่าคุณจะเพิ่งจบการศึกษา แต่พวกเขาก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ

แหล่งข้อมูลใดบ้างของรัฐที่พร้อมให้บริการแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพ

มีแหล่งข้อมูลของรัฐบาลบางส่วนที่ให้การสนับสนุนแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งแต่ละส่วนต่างก็ออกแบบมาช่วยคุณเริ่มต้น พัฒนา และขยายธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินทุน คําปรึกษา หรือเครื่องมือที่จะช่วยเปิดตัวธุรกิจ เราแนะนำให้คุณลองพิจารณาตัวเลือกเหล่านี้

SBA

SBA ไม่ได้ให้เงินกู้โดยตรง แต่ช่วยค้ำประกันเงินกู้ของธนาคารและผู้ให้กู้กลุ่มอื่นๆ ช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างตัวเลือกยอดนิยม ได้แก่ โปรแกรมเงินกู้ 7(a) และ 504 ซึ่งทั้งคู่เสนอเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำสําหรับใช้ขยายธุรกิจหรือนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน หากคุณต้องการเงินทุนไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ โปรแกรม Microloan ของ SBA ได้ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงผลกําไรเพื่อให้เงินกู้ยืมก้อนเล็กแก่ธุรกิจที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น

โปรแกรมวิจัยนวัตกรรมสําหรับธุรกิจขนาดเล็ก (SBIR) และโปรแกรมถ่ายโอนเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก (STTR)

โปรแกรม SBIR และ STTR มอบเงินสนับสนุนและสัญญาของรัฐบาลกลางให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีส่วนร่วมในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาที่มีศักยภาพทางการค้า หากธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การแพทย์ หรือวิศวกรรม โปรแกรมเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนหลักสําหรับการสร้างนวัตกรรม

แต่โปรแกรม SBIR และ STTR มีข้อแตกต่างที่สําคัญอยู่หลายประการ หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจขนาดเล็กที่สมัครเข้าร่วมโปรแกรม STTR จะต้องเป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันวิจัยที่ไม่แสวงผลกําไร เช่น มหาวิทยาลัยหรือห้องปฏิบัติการของรัฐบาลกลาง คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อแตกต่างของ 2 โปรแกรมได้ที่นี่

Grants.gov

Grants.gov เป็นศูนย์กลางในการค้นหาเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในทุกภาคธุรกิจ แม้ว่าเงินทุนช่วยเหลือสําหรับธุรกิจแสวงผลกำไรจะได้มายากและพบเห็นไม่บ่อยนัก แต่ก็มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือธุรกิจเพื่อชนบท ดังนั้น ควรค้นหาเป็นประจําเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ เมื่อมีเงินทุนเหล่านี้

เงินสนับสนุนของรัฐและท้องถิ่น

หน่วยงานพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐและท้องถิ่นหลายแห่งเสนอเงินสนับสนุนให้กับธุรกิจใหม่ๆ ในภูมิภาคของตนโดยเฉพาะ เงินทุนเหล่านี้มักจะเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น การส่งเสริมนวัตกรรม หรือการสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์พัฒนาเศรษฐกิจของรัฐหรือเมืองของคุณ

SBDC

SBDC คือองค์กรในเครือ SBA ที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งให้บริการให้คําปรึกษาฟรีและการฝึกอบรมธุรกิจขนาดเล็กโดยเก็บค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย SBDC สามารถช่วยในด้านต่างๆ ตั้งแต่แผนธุรกิจและการวิจัยตลาด ไปจนถึงการให้เงินทุนแบบต่างๆ และข้อกําหนดทางกฎหมาย

SCORE

SCORE เป็นพาร์ทเนอร์ที่ไม่แสวงผลกําไรของ SBA ที่ให้คําแนะนําฟรีจากผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจที่มีประสบการณ์ โดยเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดสําหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการคําปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมาก่อน คุณสามารถขอรับคําปรึกษาแบบตัวต่อตัว เข้าร่วมการสัมมนาผ่านเว็บ หรือเวิร์กช็อป

สํานักงานพัฒนาธุรกิจสำหรับชนกลุ่มน้อย (MBDA)

MBDA เป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา และให้การสนับสนุนแก่ธุรกิจที่มีเจ้าของเป็นชนกลุ่มน้อย รวมทั้งให้เงินทุน การช่วยเหลือเกี่ยวกับสัญญา และบริการให้คําปรึกษา โดยเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีมากสําหรับผู้ประกอบการชนกลุ่มน้อยที่ต้องการขยายธุรกิจของตัวเอง

โครงการพัฒนาชนบทของกระทรวงการเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA)

USDA มีโครงการต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในพื้นที่ชนบท รวมถึงทุนสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจชนบท (RBDG) และการค้ําประกันเงินกู้สําหรับธุรกิจและอุตสาหกรรม โครงการเหล่านี้ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทโดยการส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ

หน่วยงานพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐและท้องถิ่น

รัฐส่วนใหญ่และรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งมีหน่วยงานที่จัดหาเงินทุน รางวัลจูงใจด้านภาษี และโปรแกรมสนับสนุนสําหรับธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามตําแหน่งที่ตั้ง แต่คุณควรตรวจสอบข้อเสนอของรัฐหรือเมือง ไม่ว่าจะเป็นทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การพักภาษี หรือการเข้าร่วมโปรแกรมของศูนย์บ่มเพาะ

องค์การพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (EDA)

EDA มอบเงินช่วยเหลือแก่ชุมชนเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเงินส่วนหนึ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเงินทุนสำหรับธุรกิจ แม้จะเป็นการช่วยเหลือทางอ้อมมากกว่า แต่การมีส่วนร่วมกับโครงการระดับภูมิภาคที่ได้รับการสนับสนุนจาก EDA เช่น ศูนย์นวัตกรรมและโครงการร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ ก็เป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

ศูนย์ช่วยเหลือด้านการส่งออกของสหรัฐอเมริกา (USEAC)

หากธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณมีเป้าหมายในต่างประเทศ USEAC ช่วยคุณจัดการการส่งออกได้ ศูนย์เหล่านี้ดําเนินการโดยบริการพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา และให้คําแนะนําเกี่ยวกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ เสนอการวิจัยตลาด และแม้กระทั่งเชื่อมโยงคุณกับผู้ซื้อในตลาดต่างประเทศ

โปรแกรมสนับสนุนธุรกิจของทหารผ่านศึก

สํานักงานพัฒนาธุรกิจสำหรับทหารผ่านศึก (OVBD) ของ SBA นําเสนอโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นทหารผ่านศึก โดยจัดฝึกอบรมทางธุรกิจ ให้เงินทุน ตลอดจนคําปรึกษา หากคุณเป็นทหารผ่านศึก นี่จึงอาจเป็นเส้นทางที่ดีสําหรับการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจ

วิธีเข้าร่วมกับศูนย์เร่งการเติบโตหรือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ

การเข้าร่วมโครงการของศูนย์เร่งการเติบโตหรือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพจะเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าถึงคำปรึกษา เงินทุน และโอกาสในการสร้างเครือข่ายที่จําเป็นต่อการขยายธุรกิจ ดูวิธีเริ่มต้นได้จากด้านล่าง

  • โปรแกรมวิจัยที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ศูนย์เร่งการเติบโตและศูนย์บ่มเพาะธุรกิจมีคุณลักษณะและสิ่งที่ให้ความสำคัญแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี คุณอาจเหมาะกับโปรแกรมอย่าง Y Combinator และ Techstars เราแนะนำให้คุณค้นหาโปรแกรมที่เหมาะกับเป้าหมายและระยะการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ และตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกําหนดการสมัครของโปรแกรมเหล่านั้น

  • เตรียมข้อมูลกรอกใบสมัครให้น่าสนใจ: ศูนย์เร่งการเติบโตและศูนย์บ่มเพาะธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการใบสมัครโดยละเอียดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจ ทีม และวิสัยทัศน์ของคุณ ดังนั้น คุณจะต้องระบุทั้งปัญหาที่ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณเข้าไปแก้ไขและโอกาสทางการตลาด นอกจากนี้ แรงฉุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าระยะแรก รายรับ หรือการเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรต่างๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการยอมรับเข้าร่วมโปรแกรมด้วย

  • เตรียมนำเสนอธุรกิจ: หลายโปรแกรมกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องนำเสนอธุรกิจในขั้นตอนการสมัครด้วย นี่เป็นโอกาสที่คุณจะได้แสดงความหลงใหล ความเฉียบแหลมของธุรกิจ และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ ดังนั้น ให้คุณฝึกนำเสนอจนกว่าจะราบรื่น ชัดเจน และน่าสนใจ โดยเน้นสิ่งที่ทําให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ

  • เตรียมพร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง: หลังจากได้รับการยอมรับแล้ว คุณต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์เร่งการเติบโตหรือศูนย์บ่มเพาะธุรกิจที่ทุกอย่างต้องดำเนินการรวดเร็วและกระฉับกระเฉง คุณจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรที่มีค่า แต่มักจะมีเวลาจํากัดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณและผลักดันให้ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว

วิธีใช้ชุมชนออนไลน์เพื่อรับการสนับสนุนทางธุรกิจ

ชุมชนออนไลน์มอบประโยชน์หลายอย่างให้ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ ไม่ว่าจะเป็นคําแนะนําและการให้คําปรึกษา ไปจนถึงโอกาสในการสร้างเครือข่าย ต่อไปนี้เป็นวิธีใช้ชุมชนออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ค้นหาแพลตฟอร์มที่เหมาะสม: มีฟอรัมและกลุ่มอยู่มากมายที่ผู้ประกอบการมักจะไปรวมตัวกัน แต่คุณควรมุ่งเน้นไปที่ฟอรัมและกลุ่มที่เหมาะกับความต้องการของคุณ r/Entrepreneur ของ Reddit, Indie Hackers และ StartupNation เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มองหาชุมชนที่ผู้คนกําลังพูดคุยกันเกี่ยวกับความท้าทายและโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณหรือระยะสตาร์ทอัพ

  • ร่วมสนทนา: การนั่งอ่านโพสต์ของผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่คุณจะสร้างคุณค่าได้มากขึ้นด้วยการมีส่วนร่วม ถามคําถามที่คิดอย่างรอบคอบ แบ่งปันประสบการณ์ของคุณเอง และให้คําแนะนําเมื่อทำได้ สิ่งนี้จะสร้างความสัมพันธ์และชุมชนที่ได้รับประโยชน์ร่วมกัน

  • เรียนรู้จากผู้ที่ทำงานสายเดียวกัน: หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของชุมชนออนไลน์คือการได้เรียนรู้จากคนที่เคยผ่านประสบการณ์ที่คล้ายกัน คุณสามารถดูการสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น การระดมทุน การจ้างทีม หรือการจัดการความท้าทายทางกฎหมาย จากนั้นบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้อื่นทําหรือไม่ได้ผลกับผู้อื่นในสถานการณ์ที่คล้ายกัน

  • ติดต่ออย่างสม่ำเสมอ: เช็คอิน เข้าร่วม และติดต่อปฏิสัมพันธ์เป็นประจํา วิธีนี้จะช่วยคุณในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่สามารถเป็นผู้ติดต่อที่มีคุณค่าในอนาคต

คุณควรลงทุนกับบริการเฉพาะทางด้านใดสําหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ

เมื่อคุณเปิดตัวธุรกิจสตาร์ทอัพ คุณควรลงทุนกับบริการเฉพาะทางบางประเภทเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูงในภายหลัง การใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดในบริการเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องธุรกิจของคุณในทางกฎหมาย จัดการทางการเงิน และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตได้ตั้งแต่เริ่มต้น ลําดับความสําคัญในการใช้จ่ายควรเป็นดังนี้

  • บริการด้านกฎหมาย:งานกฎหมายที่เหมาะสม ตั้งแต่การสร้างโครงสร้างธุรกิจของคุณ (เช่น บริษัทจํากัดความรับผิด หรือคอร์ปอเรชัน) ไปจนถึงการจัดทําสัญญาและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของคุณ อาจเป็นตัวตัดสินการอยู่รอดของธุรกิจสตาร์ทอัพได้เลย คุณอาจจะอยากใช้เทมเพลตหรือทําทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่การมีทนายความตรวจสอบและสร้างเอกสารสําคัญจะช่วยคุณหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

  • บริการด้านการทำบัญชีและการเงิน นักบัญชีจะช่วยคุณปรับใช้ระบบการทําบัญชีที่เหมาะสม จัดการภาษี และให้คําแนะนําเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการเงิน นักบัญชีอาจเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ทั้งในการจัดการกระแสเงินสด การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านภาษี หรือการระดมทุน

  • บริการด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์: การลงทุนกับการสร้างแบรนด์ (เช่น โลโก้และเว็บไซต์ของคุณ) และกลยุทธ์การตลาดสามารถทําให้ธุรกิจของคุณแตกต่างจากคู่แข่งได้ นอกจากนี้ ที่ปรึกษาด้านการตลาดยังช่วยคุณปรับกลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่และเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมได้อีกด้วย

  • การสนับสนุนด้านไอทีและเทคโนโลยี: การลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อจัดการการพัฒนาเว็บไซต์ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจะช่วยให้งานต่างๆ ดําเนินไปอย่างราบรื่นและช่วยป้องกันความล้มเหลวที่สําคัญทางเทคโนโลยีได้

  • บริการให้คําปรึกษาด้านธุรกิจ: นอกจากนี้ยังอาจคุ้มค่าที่จะจ้างที่ปรึกษาทางธุรกิจในทุกด้านที่คุณรู้สึกว่าจะต้องลงลึก ไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจ การปฏิบัติงาน หรือการเจาะตลาด ที่ปรึกษาเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณประสบความสําเร็จ

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas