Open Banking เปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินอย่างไร: กรณีการใช้งานทั่วไปที่ควรทราบ

Issuing
Issuing

Stripe Issuing เป็นผู้มอบระบบออกบัตรสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีบัตรกว่า 75 ล้านใบที่สร้างขึ้นในระบบ

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. Open Banking ทำงานอย่างไร
    1. อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API)
    2. มาตรการรักษาความปลอดภัย
    3. กระบวนการของ Open Banking
    4. ความยินยอมของลูกค้า
  3. กรณีการใช้งาน Open Banking
    1. การยืนยันตัวตน
    2. การจัดการทางการเงิน
    3. การกระทบยอดการชำระเงิน
    4. การตรวจสอบรายได้
    5. การตรวจสอบเครดิต:
    6. วิธีแก้ปัญหาการเบิกเงินเกินบัญชี
    7. การโอนเงินระหว่างบุคคล
    8. การรวมบริการธนาคารหลายรายการ
    9. การทวงหนี้:
    10. ข้อเสนอประกันภัยที่กำหนดเอง
    11. โปรแกรมความภักดี
    12. เทคโนโลยีการชำระเงินรูปแบบใหม่
  4. Open Banking กำลังเปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินอย่างไร
    1. การทำให้บริการทางการเงินเข้าถึงได้ทั่วถึง
    2. ประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้า
    3. ตัวเลือกการชำระเงินที่ดีกว่า
    4. ความครอบคลุมทางการเงินในกลุ่มคนที่กว้างยิ่งขึ้น
    5. เสริมความมั่นคงทางการเงิน
    6. ความร่วมมือทางการเงิน
    7. เพิ่มความโปร่งใสและการถ่ายโอนข้อมูล

Open Banking คือวิธีการที่ธนาคาร สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการบุคคลที่สามต่างๆ แบ่งปันข้อมูลร่วมกันผ่านอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตนแก่นักพัฒนาบุคคลที่สาม ผู้ซึ่งสามารถนำข้อมูลนั้นไปสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่างๆ ได้ การใช้ Open Banking นี้จึงกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการธนาคาร

บริการและการชำระเงินผ่าน Open Banking กำลังเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักรที่ 11% ของผู้บริโภคและ 17% ของธุรกิจขนาดเล็กใช้บริการ Open Banking ในปี 2023 และยอดการชำระเงินในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 88% จากเดือนมิถุนายน 2022 ถึงมิถุนายน 2023

คู่มือนี้จะครอบคลุมวิธีการทำงานของ Open Banking อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อบริการทางการเงิน และกรณีการใช้งานทั่วไปที่คุณควรรู้

เนื้อหาหลักในบทความ

  • Open Banking ทำงานอย่างไร
  • กรณีการใช้งาน Open Banking ทั่วไป
  • Open Banking เปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินอย่างไร

Open Banking ทำงานอย่างไร

Open Banking เกิดขึ้นได้ด้วยกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างเช่นกฎหมายการทำธุรกรรมฉบับปรับปรุงใหม่ของสหภาพยุโรป (PSD2) และหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ เช่น องค์กรการจัดตั้งและพัฒนามาตรฐาน Open Banking ของสหราชอาณาจักร (OBIE) โดยหน่วยงานเหล่านี้จัดตั้งโครงสร้างการแบ่งปันข้อมูลอย่างปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำข้อมูลไปสร้างสรรค์นวัตกรรมในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินได้

Open Banking มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าผู้บริโภคควรสามารถควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนเอง และตัดสินว่าผู้ใดสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนได้ ความยินยอมของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญของ Open Banking และลูกค้าต้องให้สิทธิ์อนุมัติอย่างชัดเจนแก่บุคคลที่สามในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน ด้วยความยินยอมเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินใหม่ๆ ส่งเสริมการแข่งขันในสภาพแวดล้อมธุรกิจ อันนำไปสู่การปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของลูกค้า ลดต้นทุน และส่งเสริมให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ในอนาคต

อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API)

API เป็นโครงสร้างหลักของ Open Banking ช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินและผู้ให้บริการบุคคลที่สามอย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย (TPP)

API ประเภทต่างๆ มีฟังก์ชันที่แตกต่างกัน โดยบริการข้อมูลบัญชี (AIS) เป็น API ที่ให้การเข้าถึงข้อมูลบัญชี เช่น ธุรกรรมและยอดคงเหลือ ส่วนบริการเริ่มต้นการชำระเงิน (PIS) คือ API ที่ช่วยให้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถเริ่มต้นการชำระเงินในนามของลูกค้าได้ นอกจากนี้ API ประเภทอื่นๆ ที่ใช้ใน Open Banking ก็ยังช่วยสนับสนุนทั้งการยืนยันตัวตน การรับรองความถูกต้อง การให้คะแนนเครดิต และอื่นๆ

มาตรการรักษาความปลอดภัย

  • __ API ที่ปลอดภัย:__ API ต้องมีกลไกการเข้ารหัส การรับรองความถูกต้อง และการอนุมัติที่แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และการละเมิดข้อมูล

  • ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: Open Banking ต้องปฏิบัติตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูล เช่น ระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไปของสหภาพยุโรป (GDPR) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลลูกค้าจะได้รับการนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เจตนาไว้ และด้วยความยินยอมของลูกค้าเท่านั้น

  • การกำกับดูแลบุคคลที่สาม : ต้องมีหน่วยงานควบคุมผู้ให้บริการบุคคลที่สาม โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการปฏิบัติตามมาตรฐาน และได้รับการรับรองอย่างเหมาะสมก่อนเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า

กระบวนการของ Open Banking

ความยินยอมของลูกค้า

ลูกค้าเริ่มต้นดำเนินกระบวนการ Open Banking โดยให้ความยินยอมแก่บุคคลที่สามในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตน โดยทั่วไปแล้วลูกค้าจะให้ความยินยอมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการแบ่งปัน และจุดประสงค์ในการแบ่งปันเองได้

การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัย

เมื่อลูกค้ายินยอมแล้ว บุคคลที่สามจะใช้ API เพื่อเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของลูกค้าจากธนาคาร โดย API จะใช้มาตรการความปลอดภัย เช่น OAuth 2.0 และ Connect OpenID เพื่อให้แน่ใจว่ามีการยืนยันตัวตนและการให้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลอย่างรัดกุม

การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล

ผู้ให้บริการบุคคลที่สามใช้ข้อมูลที่เข้าถึงเพื่อนำเสนอบริการที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น แอปการรวมบัญชีสามารถรวมบัญชีธนาคารหลายบัญชีเข้าด้วยกัน แอปจัดทำงบประมาณสามารถวิเคราะห์รูปแบบค่าใช้จ่ายของลูกค้า หรือแอปการชำระเงินสามารถเริ่มต้นธุรกรรมในนามของลูกค้าได้

กรณีการใช้งาน Open Banking

ผู้ให้บริการสถาบันการเงินและธุรกิจต่างๆ ได้นำ Open Banking มาใช้ในหลายวิธี ต่อไปนี้เป็นภาพรวมของกรณีการใช้งานทั่วไป

การยืนยันตัวตน

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซใช้ Open Banking เพื่อยืนยันตัวตนลูกค้า โดยการตรวจสอบข้อมูลประจำตัวธนาคาร ลดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงในการทำธุรกรรมออนไลน์ สถาบันการเงินและผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนว่าลูกค้าเป็นบุคคลที่ตนอ้างถึงจริง

การจัดการทางการเงิน

Open Banking ช่วยให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันการจัดการทางการเงินของบุคคลที่สามสำหรับการจัดทำงบประมาณ การติดตามค่าใช้จ่าย และคำแนะนำทางการเงินส่วนบุคคล เช่น แพ็กเกจการออม แอปพลิเคชันเหล่านี้แสดงมุมมองภาพรวมของบัญชีการเงินในหลายธนาคาร และช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจการเงินของตนได้ดียิ่งขึ้น

การกระทบยอดการชำระเงิน

Open Banking ทำให้การชำระเงินและการกระทบยอดสำหรับธุรกิจและสำนักงานบัญชีง่ายดายขึ้น ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามสามารถจับคู่การชำระเงินที่เข้ามากับใบแจ้งหนี้หรือบันทึกบัญชีโดยอัตโนมัติได้ด้วยการเข้าถึงข้อมูลธุรกรรม ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการบริหารจัดการด้วยตนเอง ก่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยลง

การตรวจสอบรายได้

Open Banking ช่วยให้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถตรวจสอบรายได้ของบุคคลได้โดยการเข้าถึงใบแจ้งยอดธนาคาร และประวัติการทำธุรกรรม ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการยื่นขอสินเชื่อ การจัดทำสัญญาเช่า และสถานการณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต้องมีการยืนยันรายได้

การตรวจสอบเครดิต:

Open Banking สามารถช่วยให้ผู้ให้กู้ประเมินเครดิตโดยให้มุมมองประวัติทางการเงินของลูกค้าโดยละเอียด ผู้ให้กู้สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อประเมินพฤติกรรมการใช้จ่าย ยอดคงเหลือในบัญชี และรูปแบบรายได้เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงด้านเครดิตได้แบบองค์รวม

วิธีแก้ปัญหาการเบิกเงินเกินบัญชี

Open Banking ช่วยให้ธนาคารสามารถพัฒนาการป้องกันการเบิกเงินเกินบัญชีส่วนบุคคล เช่น การโอนอัตโนมัติจากบัญชีออมทรัพย์ โดยการวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมของลูกค้าและยอดคงเหลือของบัญชี วิธีเหล่านี้สามารถลดค่าธรรมเนียมเงินเบิกเกินบัญชีและปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้

การโอนเงินระหว่างบุคคล

Open Banking เอื้อให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามเพื่อการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลที่รวดเร็วและง่ายขึ้น ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการใช้เงินสดหรือเช็คได้

การรวมบริการธนาคารหลายรายการ

แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามใช้ Open Banking เพื่อผสานการทำงานบริการธนาคารหลายรายการไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการบัญชีต่างๆ ทำธุรกรรม และเข้าถึงบริการทางการเงินเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชันเดียว

การทวงหนี้:

Open Banking ทำให้หน่วยงานการเรียกเก็บเงินหรือสถาบันการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมของลูกค้า ระบุแหล่งที่มาของการชำระเงิน และประเมินสถานะทางการเงินโดยรวมได้ ทั้งหมดนี้ช่วยพัฒนากระบวนการกู้คืน และเอื้อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างแผนการชำระเงินตามกำหนดเองได้

ข้อเสนอประกันภัยที่กำหนดเอง

บริษัทประกันภัยสามารถปรับแต่งข้อเสนอของตนได้โดยการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของลูกค้า วิเคราะห์โปรไฟล์ความเสี่ยง ช่วงชีวิต และสถานการณ์ทางการเงิน บริษัทประกันภัยใช้ข้อมูลนี้เพื่อเสนอนโยบายและเบี้ยประกันภัยที่ปรับต้นทุนและความคุ้มครองให้สอดคล้องกับความต้องการส่วนบุคคลได้ดียิ่งขึ้น

โปรแกรมความภักดี

Open Banking สามารถปรับปรุงโปรแกรมความภักดีได้ ธุรกิจสามารถออกแบบรางวัลส่วนบุคคล โดยการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมและรูปแบบการใช้จ่ายของลูกค้าเพื่อระบุการซื้อที่เข้าเกณฑ์ ซึ่งช่วยสร้างโปรแกรมภักดีที่น่าสนใจและปรับแต่งตามบุคคลได้มากขึ้น

เทคโนโลยีการชำระเงินรูปแบบใหม่

เทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ เช่น การชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัลพึ่งพา Open Banking และความสามารถของแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามในการเข้าถึงบัญชีธนาคารลูกค้า

Open Banking กำลังเปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินอย่างไร

Open Banking ได้พลิกโฉมบริการด้านการธนาคารและการเงิน โดยส่งเสริมการแข่งขัน นวัตกรรม และการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประกอบโครงสร้างใหม่ให้ลูกค้าโต้ตอบกับสถาบันการเงิน การเปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินจำนวนมากได้ Open Banking ได้ขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของโมเดลธุรกิจและบริการต่างๆ เกี่ยวกับฟินเทค รวมถึงแอปจัดทำงบประมาณ หุ่นยนต์ที่ปรึกษา และเครื่องมือออมอัตโนมัติ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภาคการเงินนี้นำไปสู่โซลูชันที่ปรับแต่งได้มากขึ้น และประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารแบบดั้งเดิมปรับตัวและปรับปรุงข้อเสนอของตนเพื่อให้ทันกับคู่แข่งรายใหม่

การทำให้บริการทางการเงินเข้าถึงได้ทั่วถึง

Open Banking ทำให้การเข้าถึงบริการทางการเงินทั่วถึงขึ้น ทำลายการผูกขาดของธนาคารแบบดั้งเดิม และทำให้สตาร์ทอัพฟินเทค และสถาบันการเงินขนาดเล็กเข้าสู่อุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น

ประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้า

Open Banking ได้สร้างเครื่องมือทางการเงินที่ให้มุมมองบัญชีภาพรวม ให้คำแนะนำส่วนบุคคล และนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยไม่ต้องให้ลูกค้าสลับไปมาระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ความสะดวกสบายนี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า และกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับบริการทางการเงินบ่อยขึ้น

ตัวเลือกการชำระเงินที่ดีกว่า

ด้วย Open Banking แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามจะสามารถเริ่มการชำระเงินในนามของลูกค้าได้เลย แทนที่จะพึ่งพาวิธีการที่ช้ากว่า เช่น เช็คและเงินสด

ความครอบคลุมทางการเงินในกลุ่มคนที่กว้างยิ่งขึ้น

Open Banking สามารถปรับปรุงความครอบคลุมทางการเงินในคนกลุ่มต่างๆ ได้ โดยให้การเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับประชากรที่ด้อยโอกาสหรือไม่มีบัญชีธนาคาร บริษัทฟินเทคสามารถใช้ Open Banking เพื่อเสนอสินเชื่อรายย่อย การให้กู้ยืมระหว่างบุคคล และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ แก่บุคคลที่เข้าถึงการธนาคารแบบดั้งเดิมได้จำกัด

เสริมความมั่นคงทางการเงิน

แม้ Open Banking จะสร้างความกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แต่ก็ได้ช่วยขับเคลื่อนการปรับปรุงในด้านเหล่านี้ด้วยเช่นกัน กฎระเบียบควบคุม Open Banking กำกับให้มีการปกป้องข้อมูลลูกค้าโดยใช้การเข้ารหัส การรับรองความถูกต้องที่ปลอดภัย และการกำกับดูแลผู้ให้บริการบุคคลที่สามอย่างเข้มงวด

ความร่วมมือทางการเงิน

Open Banking ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างธนาคารแบบดั้งเดิม บริษัทฟินเทค และผู้ให้บริการบุคคลที่สามอื่น ๆ ทําให้สถาบันต่างๆ สามารถพึ่งพาจุดแข็งของกันและกันได้ ธนาคารสามารถผสานการทำงานฟินเทคโซลูชันในบริการของตน ในขณะที่บริษัทฟินเทคก็สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นผ่านความร่วมมือเหล่านี้ได้

เพิ่มความโปร่งใสและการถ่ายโอนข้อมูล

Open Banking ช่วยเพิ่มความโปร่งใสโดยอนุญาตให้ลูกค้าเข้าถึง และควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนได้ง่ายขึ้น ลูกค้าสามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลเมื่อสลับไปใช้บริการสถาบันการเงินอื่นๆ ลดอุปสรรคในการเปลี่ยนธนาคาร ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้า และสนับสนุนให้สถาบันการเงินแข่งขันกันในด้านคุณภาพการบริการของตน

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Issuing

Issuing

ระบบการให้บริการธนาคารสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพรูปแบบใหม่ แพลตฟอร์มที่ล้ำนวัตกรรม และองค์กรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Stripe Docs เกี่ยวกับ Issuing

ดูวิธีใช้ Stripe Issuing API สร้าง จัดการ และแจกจ่ายบัตรชำระเงินสำหรับธุรกิจของคุณ