Open Banking คือวิธีการที่ธนาคาร สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการบุคคลที่สามต่างๆ แบ่งปันข้อมูลร่วมกันผ่านอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตนแก่นักพัฒนาบุคคลที่สาม ผู้ซึ่งสามารถนำข้อมูลนั้นไปสร้างผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่างๆ ได้ การใช้ Open Banking นี้จึงกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการธนาคาร
บริการและการชำระเงินผ่าน Open Banking กำลังเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักรที่ 11% ของผู้บริโภคและ 17% ของธุรกิจขนาดเล็กใช้บริการ Open Banking ในปี 2023 และยอดการชำระเงินในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 88% จากเดือนมิถุนายน 2022 ถึงมิถุนายน 2023
คู่มือนี้จะครอบคลุมวิธีการทำงานของ Open Banking อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อบริการทางการเงิน และกรณีการใช้งานทั่วไปที่คุณควรรู้
เนื้อหาหลักในบทความ
- Open Banking ทำงานอย่างไร
- กรณีการใช้งาน Open Banking ทั่วไป
- Open Banking เปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินอย่างไร
Open Banking ทำงานอย่างไร
Open Banking เกิดขึ้นได้ด้วยกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างเช่นกฎหมายการทำธุรกรรมฉบับปรับปรุงใหม่ของสหภาพยุโรป (PSD2) และหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ เช่น องค์กรการจัดตั้งและพัฒนามาตรฐาน Open Banking ของสหราชอาณาจักร (OBIE) โดยหน่วยงานเหล่านี้จัดตั้งโครงสร้างการแบ่งปันข้อมูลอย่างปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำข้อมูลไปสร้างสรรค์นวัตกรรมในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินได้
Open Banking มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าผู้บริโภคควรสามารถควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนเอง และตัดสินว่าผู้ใดสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนได้ ความยินยอมของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญของ Open Banking และลูกค้าต้องให้สิทธิ์อนุมัติอย่างชัดเจนแก่บุคคลที่สามในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน ด้วยความยินยอมเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินใหม่ๆ ส่งเสริมการแข่งขันในสภาพแวดล้อมธุรกิจ อันนำไปสู่การปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของลูกค้า ลดต้นทุน และส่งเสริมให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ในอนาคต
อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API)
API เป็นโครงสร้างหลักของ Open Banking ช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินและผู้ให้บริการบุคคลที่สามอย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย (TPP)
API ประเภทต่างๆ มีฟังก์ชันที่แตกต่างกัน โดยบริการข้อมูลบัญชี (AIS) เป็น API ที่ให้การเข้าถึงข้อมูลบัญชี เช่น ธุรกรรมและยอดคงเหลือ ส่วนบริการเริ่มต้นการชำระเงิน (PIS) คือ API ที่ช่วยให้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถเริ่มต้นการชำระเงินในนามของลูกค้าได้ นอกจากนี้ API ประเภทอื่นๆ ที่ใช้ใน Open Banking ก็ยังช่วยสนับสนุนทั้งการยืนยันตัวตน การรับรองความถูกต้อง การให้คะแนนเครดิต และอื่นๆ
มาตรการรักษาความปลอดภัย
__ API ที่ปลอดภัย:__ API ต้องมีกลไกการเข้ารหัส การรับรองความถูกต้อง และการอนุมัติที่แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และการละเมิดข้อมูล
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: Open Banking ต้องปฏิบัติตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูล เช่น ระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไปของสหภาพยุโรป (GDPR) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลลูกค้าจะได้รับการนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เจตนาไว้ และด้วยความยินยอมของลูกค้าเท่านั้น
การกำกับดูแลบุคคลที่สาม : ต้องมีหน่วยงานควบคุมผู้ให้บริการบุคคลที่สาม โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการปฏิบัติตามมาตรฐาน และได้รับการรับรองอย่างเหมาะสมก่อนเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า
กระบวนการของ Open Banking
ความยินยอมของลูกค้า
ลูกค้าเริ่มต้นดำเนินกระบวนการ Open Banking โดยให้ความยินยอมแก่บุคคลที่สามในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของตน โดยทั่วไปแล้วลูกค้าจะให้ความยินยอมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการแบ่งปัน และจุดประสงค์ในการแบ่งปันเองได้
การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัย
เมื่อลูกค้ายินยอมแล้ว บุคคลที่สามจะใช้ API เพื่อเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของลูกค้าจากธนาคาร โดย API จะใช้มาตรการความปลอดภัย เช่น OAuth 2.0 และ Connect OpenID เพื่อให้แน่ใจว่ามีการยืนยันตัวตนและการให้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลอย่างรัดกุม
การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้ให้บริการบุคคลที่สามใช้ข้อมูลที่เข้าถึงเพื่อนำเสนอบริการที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น แอปการรวมบัญชีสามารถรวมบัญชีธนาคารหลายบัญชีเข้าด้วยกัน แอปจัดทำงบประมาณสามารถวิเคราะห์รูปแบบค่าใช้จ่ายของลูกค้า หรือแอปการชำระเงินสามารถเริ่มต้นธุรกรรมในนามของลูกค้าได้
กรณีการใช้งาน Open Banking
ผู้ให้บริการสถาบันการเงินและธุรกิจต่างๆ ได้นำ Open Banking มาใช้ในหลายวิธี ต่อไปนี้เป็นภาพรวมของกรณีการใช้งานทั่วไป
การยืนยันตัวตน
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซใช้ Open Banking เพื่อยืนยันตัวตนลูกค้า โดยการตรวจสอบข้อมูลประจำตัวธนาคาร ลดการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล และการฉ้อโกงในการทำธุรกรรมออนไลน์ สถาบันการเงินและผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถเข้าถึงข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนว่าลูกค้าเป็นบุคคลที่ตนอ้างถึงจริง
การจัดการทางการเงิน
Open Banking ช่วยให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันการจัดการทางการเงินของบุคคลที่สามสำหรับการจัดทำงบประมาณ การติดตามค่าใช้จ่าย และคำแนะนำทางการเงินส่วนบุคคล เช่น แพ็กเกจการออม แอปพลิเคชันเหล่านี้แสดงมุมมองภาพรวมของบัญชีการเงินในหลายธนาคาร และช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจการเงินของตนได้ดียิ่งขึ้น
การกระทบยอดการชำระเงิน
Open Banking ทำให้การชำระเงินและการกระทบยอดสำหรับธุรกิจและสำนักงานบัญชีง่ายดายขึ้น ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามสามารถจับคู่การชำระเงินที่เข้ามากับใบแจ้งหนี้หรือบันทึกบัญชีโดยอัตโนมัติได้ด้วยการเข้าถึงข้อมูลธุรกรรม ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการบริหารจัดการด้วยตนเอง ก่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยลง
การตรวจสอบรายได้
Open Banking ช่วยให้ผู้ให้บริการบุคคลที่สามสามารถตรวจสอบรายได้ของบุคคลได้โดยการเข้าถึงใบแจ้งยอดธนาคาร และประวัติการทำธุรกรรม ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการยื่นขอสินเชื่อ การจัดทำสัญญาเช่า และสถานการณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต้องมีการยืนยันรายได้
การตรวจสอบเครดิต:
Open Banking สามารถช่วยให้ผู้ให้กู้ประเมินเครดิตโดยให้มุมมองประวัติทางการเงินของลูกค้าโดยละเอียด ผู้ให้กู้สามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารเพื่อประเมินพฤติกรรมการใช้จ่าย ยอดคงเหลือในบัญชี และรูปแบบรายได้เพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงด้านเครดิตได้แบบองค์รวม
วิธีแก้ปัญหาการเบิกเงินเกินบัญชี
Open Banking ช่วยให้ธนาคารสามารถพัฒนาการป้องกันการเบิกเงินเกินบัญชีส่วนบุคคล เช่น การโอนอัตโนมัติจากบัญชีออมทรัพย์ โดยการวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมของลูกค้าและยอดคงเหลือของบัญชี วิธีเหล่านี้สามารถลดค่าธรรมเนียมเงินเบิกเกินบัญชีและปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้
การโอนเงินระหว่างบุคคล
Open Banking เอื้อให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามเพื่อการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลที่รวดเร็วและง่ายขึ้น ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการใช้เงินสดหรือเช็คได้
การรวมบริการธนาคารหลายรายการ
แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามใช้ Open Banking เพื่อผสานการทำงานบริการธนาคารหลายรายการไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการบัญชีต่างๆ ทำธุรกรรม และเข้าถึงบริการทางการเงินเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชันเดียว
การทวงหนี้:
Open Banking ทำให้หน่วยงานการเรียกเก็บเงินหรือสถาบันการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมของลูกค้า ระบุแหล่งที่มาของการชำระเงิน และประเมินสถานะทางการเงินโดยรวมได้ ทั้งหมดนี้ช่วยพัฒนากระบวนการกู้คืน และเอื้อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างแผนการชำระเงินตามกำหนดเองได้
ข้อเสนอประกันภัยที่กำหนดเอง
บริษัทประกันภัยสามารถปรับแต่งข้อเสนอของตนได้โดยการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของลูกค้า วิเคราะห์โปรไฟล์ความเสี่ยง ช่วงชีวิต และสถานการณ์ทางการเงิน บริษัทประกันภัยใช้ข้อมูลนี้เพื่อเสนอนโยบายและเบี้ยประกันภัยที่ปรับต้นทุนและความคุ้มครองให้สอดคล้องกับความต้องการส่วนบุคคลได้ดียิ่งขึ้น
โปรแกรมความภักดี
Open Banking สามารถปรับปรุงโปรแกรมความภักดีได้ ธุรกิจสามารถออกแบบรางวัลส่วนบุคคล โดยการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมและรูปแบบการใช้จ่ายของลูกค้าเพื่อระบุการซื้อที่เข้าเกณฑ์ ซึ่งช่วยสร้างโปรแกรมภักดีที่น่าสนใจและปรับแต่งตามบุคคลได้มากขึ้น
เทคโนโลยีการชำระเงินรูปแบบใหม่
เทคโนโลยีการชำระเงินใหม่ เช่น การชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสและกระเป๋าเงินดิจิทัลพึ่งพา Open Banking และความสามารถของแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามในการเข้าถึงบัญชีธนาคารลูกค้า
Open Banking กำลังเปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินอย่างไร
Open Banking ได้พลิกโฉมบริการด้านการธนาคารและการเงิน โดยส่งเสริมการแข่งขัน นวัตกรรม และการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประกอบโครงสร้างใหม่ให้ลูกค้าโต้ตอบกับสถาบันการเงิน การเปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินจำนวนมากได้ Open Banking ได้ขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของโมเดลธุรกิจและบริการต่างๆ เกี่ยวกับฟินเทค รวมถึงแอปจัดทำงบประมาณ หุ่นยนต์ที่ปรึกษา และเครื่องมือออมอัตโนมัติ การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภาคการเงินนี้นำไปสู่โซลูชันที่ปรับแต่งได้มากขึ้น และประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารแบบดั้งเดิมปรับตัวและปรับปรุงข้อเสนอของตนเพื่อให้ทันกับคู่แข่งรายใหม่
การทำให้บริการทางการเงินเข้าถึงได้ทั่วถึง
Open Banking ทำให้การเข้าถึงบริการทางการเงินทั่วถึงขึ้น ทำลายการผูกขาดของธนาคารแบบดั้งเดิม และทำให้สตาร์ทอัพฟินเทค และสถาบันการเงินขนาดเล็กเข้าสู่อุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น
ประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้า
Open Banking ได้สร้างเครื่องมือทางการเงินที่ให้มุมมองบัญชีภาพรวม ให้คำแนะนำส่วนบุคคล และนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยไม่ต้องให้ลูกค้าสลับไปมาระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ความสะดวกสบายนี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า และกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับบริการทางการเงินบ่อยขึ้น
ตัวเลือกการชำระเงินที่ดีกว่า
ด้วย Open Banking แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามจะสามารถเริ่มการชำระเงินในนามของลูกค้าได้เลย แทนที่จะพึ่งพาวิธีการที่ช้ากว่า เช่น เช็คและเงินสด
ความครอบคลุมทางการเงินในกลุ่มคนที่กว้างยิ่งขึ้น
Open Banking สามารถปรับปรุงความครอบคลุมทางการเงินในคนกลุ่มต่างๆ ได้ โดยให้การเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับประชากรที่ด้อยโอกาสหรือไม่มีบัญชีธนาคาร บริษัทฟินเทคสามารถใช้ Open Banking เพื่อเสนอสินเชื่อรายย่อย การให้กู้ยืมระหว่างบุคคล และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ แก่บุคคลที่เข้าถึงการธนาคารแบบดั้งเดิมได้จำกัด
เสริมความมั่นคงทางการเงิน
แม้ Open Banking จะสร้างความกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แต่ก็ได้ช่วยขับเคลื่อนการปรับปรุงในด้านเหล่านี้ด้วยเช่นกัน กฎระเบียบควบคุม Open Banking กำกับให้มีการปกป้องข้อมูลลูกค้าโดยใช้การเข้ารหัส การรับรองความถูกต้องที่ปลอดภัย และการกำกับดูแลผู้ให้บริการบุคคลที่สามอย่างเข้มงวด
ความร่วมมือทางการเงิน
Open Banking ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างธนาคารแบบดั้งเดิม บริษัทฟินเทค และผู้ให้บริการบุคคลที่สามอื่น ๆ ทําให้สถาบันต่างๆ สามารถพึ่งพาจุดแข็งของกันและกันได้ ธนาคารสามารถผสานการทำงานฟินเทคโซลูชันในบริการของตน ในขณะที่บริษัทฟินเทคก็สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นผ่านความร่วมมือเหล่านี้ได้
เพิ่มความโปร่งใสและการถ่ายโอนข้อมูล
Open Banking ช่วยเพิ่มความโปร่งใสโดยอนุญาตให้ลูกค้าเข้าถึง และควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนได้ง่ายขึ้น ลูกค้าสามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลเมื่อสลับไปใช้บริการสถาบันการเงินอื่นๆ ลดอุปสรรคในการเปลี่ยนธนาคาร ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้า และสนับสนุนให้สถาบันการเงินแข่งขันกันในด้านคุณภาพการบริการของตน
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ