อีคอมเมิร์ซแบบ B2B ในสวีเดน: แนวโน้ม การชำระเงิน และเรื่องที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. อีคอมเมิร์ซแบบ B2B คืออะไรและทำงานอย่างไร
  3. B2B กับ B2C แตกต่างกันอย่างไรในด้านอีคอมเมิร์ซ
  4. อีคอมเมิร์ซแบบ B2B เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในสวีเดน
  5. เหตุใดบริษัทสวีเดนจึงควรลงทุนไปกับอีคอมเมิร์ซแบบ B2B
    1. ช่วยให้ทุกคนดำเนินการได้มีประสิทธิภาพขึ้น
    2. ช่วยให้คุณขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
    3. ช่วยให้คุณมีข้อมูลที่ดีขึ้น
    4. ช่วยให้ธุรกิจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
  6. ผู้ซื้อ B2B ชาวสวีเดนชอบใช้วิธีการชำระเงินแบบใดบ้าง
    1. การโอนเงินผ่านธนาคาร
    2. การชำระเงินด้วยบัตร
    3. Swish
    4. วิธีอื่นๆ
  7. ธุรกิจจะพัฒนาการชำระเงินของอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ให้เรียบง่ายขึ้นได้อย่างไร
    1. ทำให้ขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้เป็นแบบอัตโนมัติ
    2. ช่วยให้ชำระเงินทันทีได้ง่ายดาย
    3. เชื่อมต่อระบบของคุณ
    4. ใช้การหักบัญชีอัตโนมัติสำหรับผู้ซื้อซ้ำ
    5. ระบุแนวโน้มในข้อมูลการชำระเงินของคุณ
  8. คุณจะป้องกันการฉ้อโกงในอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ได้อย่างไร
    1. ตรวจสอบยืนยันผู้ซื้อรายใหม่อยู่เสมอ
    2. คอยสังเกตดูสัญญาณเตือนที่พบบ่อย
    3. ใช้เครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกง
    4. ดูว่าคุณกำลังจะให้เครดิตกับใคร
    5. ปิดช่องโหว่ในระบบของคุณ
    6. ฝึกฝนทีมของคุณให้คอยตรวจดูกิจกรรมที่น่าสงสัย
  9. Stripe Checkout จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

ในสวีเดน อีคอมเมิร์ซแบบ B2B อยู่ระหว่างการพัฒนาให้สั่งซื้อได้เร็วขึ้น มีการชำระเงินที่ชาญฉลาดขึ้น และโซลูชันมุ่งเน้นดิจิทัลเป็นสำคัญ ทีมจัดซื้อมักจะต้องการความรวดเร็วและความชัดเจนไม่ต่างจากเว็บไซต์ค้าปลีก หากผู้ขายปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงก็อาจตกขบวนได้ จากนี้ เราจะมาพูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ธุรกิจที่ควรมีเอาไว้กัน

เนื้อหาหลักในบทความ

  • อีคอมเมิร์ซแบบ B2B คืออะไรและทำงานอย่างไร
  • B2B กับ B2C แตกต่างกันอย่างไรในด้านอีคอมเมิร์ซ
  • อีคอมเมิร์ซแบบ B2B เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในสวีเดน
  • เหตุใดบริษัทสวีเดนจึงควรลงทุนไปกับอีคอมเมิร์ซแบบ B2B
  • ผู้ซื้อ B2B ชาวสวีเดนชอบใช้วิธีการชำระเงินแบบใดบ้าง
  • ธุรกิจจะพัฒนาการชำระเงินของอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ให้เรียบง่ายขึ้นได้อย่างไร
  • คุณจะป้องกันการฉ้อโกงในอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ได้อย่างไร
  • Stripe Checkout จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

อีคอมเมิร์ซแบบ B2B คืออะไรและทำงานอย่างไร

อีคอมเมิร์ซแบบ B2B คือการซื้อขายกันทางออนไลน์ระหว่างธุรกิจ ธุรกรรมทั้งหมดตั้งแต่การค้นพบสินค้าไปจนถึงการชำระเงินจะเกิดขึ้นบนช่องทางดิจิทัล โดยไม่มีการโทรศัพท์, ไฟล์ PDF ทางอีเมล หรือการพบปะพูดคุยแบบตัวต่อตัว

ขั้นตอนมักจะมีลักษณะดังนี้

  • ผู้ซื้อเข้าสู่ระบบพอร์ทัลเพื่อเลือกชมสินค้า ดูราคาพิเศษ และตรวจสอบระดับสต๊อกสินค้า

  • ผู้ซื้อสั่งซื้อด้วยตนเอง โดยมักเลือกที่จะสั่งซื้อซ้ำหรือกำหนดเวลาสั่งซื้อโดยไม่ต้องมีตัวแทนมาช่วย

  • ระบบเชื่อมต่อโดยตรงกับระบบสินค้าคงคลัง การเรียกเก็บเงิน และการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ คำสั่งซื้อจะตรงเข้าสู่ขั้นตอนการทำงาน

  • การชำระเงินจะเกิดขึ้นบนช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการออกใบแจ้งหนี้ล่วงหน้าหรือแบบดิจิทัลตามข้อกำหนดที่ตกลงกันไว้

อีคอมเมิร์ซแบบ B2B ออกแบบมาให้สั่งซื้อซ้ำได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ซื้อ B2B ควบคุมและดูข้อมูลต่างๆ ได้อย่างที่คาดว่าจะได้จากอีคอมเมิร์ซ ทีมขายยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในการซื้อที่ซับซ้อนขึ้น แต่ส่วนการทำธุรกรรมด้วยตนเองจะเป็นแบบอัตโนมัติ

B2B กับ B2C แตกต่างกันอย่างไรในด้านอีคอมเมิร์ซ

เว็บไซต์ B2B อาจดูแทบไม่ต่างจากหน้าร้าน B2C แต่หากดูเบื้องหลังแล้ว เว็บไซต์นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับพฤติกรรม ความคาดหวัง และขั้นตอนการทำงานภายในที่แตกต่างกัน

ข้อแตกต่างของทั้ง 2 รูปแบบมีดังนี้

  • พฤติกรรมการซื้อ: ในกรณีที่เป็น B2C ผู้ซื้อจะเป็นผู้ตัดสินใจและมักเกิดจากความต้องการ แต่ในกรณีของ B2B ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายรายจะเข้ามามีส่วนร่วมในวงจรการซื้อที่ยาวนาน การสั่งซื้อซ้ำจะมาจากความต้องการของธุรกิจ ไม่ใช่ความพึงพอใจส่วนตัว

  • การตั้งราคาและข้อกำหนด: ในกรณีของ B2C ราคาจะคงที่และเหมือนกันสำหรับทุกคน แต่เว็บไซต์ B2B จะราคาพิเศษ สัญญาที่เจรจาต่อรอง และส่วนลดตามปริมาณ และเว็บไซต์เหล่านี้จะต้องแสดงตัวเลขที่เหมาะสมให้กับผู้ซื้อแต่ละราย

  • ขั้นตอนการชำระเงิน: ลูกค้า B2C มักจะชำระเงินในขณะที่ซื้อ แต่ลูกค้า B2B มักจะชำระเงินในภายหลัง ซึ่งโดยทั่วไปจะชำระผ่านใบแจ้งหนี้ที่มีกำหนดเวลาชำระสุทธิ 30 หรือ 60 วัน

  • การจัดส่ง: ผู้ซื้อ B2C มักคาดหวังว่าการจัดส่งจะรวดเร็ว ยืดหยุ่น และส่งตรงถึงหน้าบ้าน ส่วนผู้ซื้อ B2B จะต้องการการจัดส่งที่แม่นยำไปยังคลังสินค้าหรือสถานที่ค้าปลีก บางครั้งก็เป็นการจัดส่งบนพาเลทหรือมีการประสานงานในการขนส่งสินค้า

  • โมเดลการสนับสนุน: ผู้ซื้อ B2C จะคาดหวังบริการลูกค้าขั้นพื้นฐาน ส่วนผู้ซื้อ B2B ต้องการผู้จัดการบัญชี การสนับสนุนฝ่ายขายทางเทคนิค และความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาว

ในกรณีของ B2B ผู้ซื้อจะต้องการเครื่องมือที่เข้ากับวิธีดำเนินธุรกิจของตน โดยมาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การเข้าสู่ระบบโดยผู้ใช้หลายคน ขั้นตอนการอนุมัติคำสั่งซื้อ การติดตามใบแจ้งหนี้ และค่ากำหนดการจัดส่งที่ไม่ได้มีค่าเริ่มต้นเป็น "การจัดส่งแบบมาตรฐาน" เพียงอย่างเดียว

อีคอมเมิร์ซแบบ B2B เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในสวีเดน

สวีเดนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในการขายแบบ B2B ให้ทันสมัยอยู่ตลอด โดยกำลังเปลี่ยนจากคำสั่งซื้อทางอีเมลและความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวไปเป็นพอร์ทัลลูกค้า การสั่งซื้อซ้ำแบบบริการตนเอง และขั้นตอนการทำงานแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ

รายงานประจำปี 2025 พบว่า 83% ของบริษัท B2B ในนอร์ดิกใช้ช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นแคตตาล็อกออนไลน์ พอร์ทัลลูกค้า หรือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ และ 28% ของยอดขาย B2B ในภูมิภาคนี้ก็มาจากช่องทางดิจิทัล ยิ่งไปกว่านั้น 69% ของบริษัท B2B ระบุว่า บริษัทคาดว่ายอดขายทางดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

บริษัทต่างๆ กำลังพัฒนาประสบการณ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อสมัยใหม่ ซึ่งได้แก่

  • ระดับสต๊อกแบบเรียลไทม์

  • แดชบอร์ดแบบเฉพาะตัว

  • การสั่งซื้อผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่

  • ขั้นตอนการทำงานแบบผสมผสานที่มีทั้งการบริการตนเองและการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่

  • เครื่องมือ AI ในการแนะนำสินค้าหรือให้ความช่วยเหลือในการสั่งซื้อ

แม้แต่ภาคส่วนต่างๆ เช่น การผลิตและการค้าส่ง (ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้การขายทางดิจิทัลช้ากว่าภาคส่วนอื่น) ก็กำลังสร้างแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ซื้อสินค้าได้ง่ายไม่ต่างจากร้านค้าปลีก บริษัทในสวีเดนมักเป็นบริษัทแรกๆ ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ และอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ก็เป็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบต่อไปที่ธุรกิจคาดว่าจะนำมาใช้

เหตุใดบริษัทสวีเดนจึงควรลงทุนไปกับอีคอมเมิร์ซแบบ B2B

สวีเดนมีโครงสร้างพื้นฐานเชิงดิจิทัลในการรองรับอีคอมเมิร์ซแบบ B2B อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ BankID กันอย่างแพร่หลาย การชำระเงินแบบไร้เงินสด หรือฐานผู้ซื้อที่ทำสิ่งต่างๆ ทางออนไลน์จนชิน หากบริษัทของคุณไม่ได้เสนอวิธีสั่งซื้อทางออนไลน์ที่รวดเร็วง่ายดาย คุณก็อาจสูญเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งที่ทำเช่นนั้นไป เหตุผลที่คุณต้องรีบเปลี่ยนแปลงมีดังนี้

ช่วยให้ทุกคนดำเนินการได้มีประสิทธิภาพขึ้น

การสั่งซื้อแบบดิจิทัลช่วยลดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ลดข้อผิดพลาดในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ และช่วยให้ทีมขายมีเวลาไปใส่ใจกับการขายจริงๆ นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาให้ลูกค้าโดยไม่ต้องทำอะไรซ้ำๆ ในการซื้อสินค้าผ่านอีเมลหรือโทรศัพท์ วิธีนี้จึงเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย

ช่วยให้คุณขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ที่ออกแบบมาอย่างดีจะช่วยให้คุณทำได้ดังนี้

  • ให้บริการลูกค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องจ้างคน

  • ขายให้ผู้ซื้อในภูมิภาคใหม่ๆ (โดยไม่ต้องส่งตัวแทนไปที่ภูมิภาคนั้น)

  • พร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แม้ว่าทีมของคุณจะออฟไลน์อยู่ก็ตาม

ช่วยให้คุณมีข้อมูลที่ดีขึ้น

ทุกการกระทำบนช่องทางออนไลน์จะให้ข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ซื้อค้นหาอะไรกันอยู่ สั่งซื้อซ้ำเมื่อไร และไม่สนใจสินค้าแบบใดบ้าง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับแต่งการตั้งราคา คาดการณ์อุปสงค์ และค้นหาโอกาสที่หลุดลอยไป

ช่วยให้ธุรกิจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ในตอนนี้ การวางโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นใบเสนอราคาที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การจัดหาเงินทุนที่ผสานรวมในตัว หรือการผสานการทำงานกับระบบลูกค้าที่ลึกซึ้งขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะต้องมีระบบดิจิทัลเอาไว้รับมือ

ผู้ซื้อ B2B ชาวสวีเดนชอบใช้วิธีการชำระเงินแบบใดบ้าง

การชำระเงินในสวีเดนเกิดขึ้นบนระบบดิจิทัลแทบทั้งสิ้น แต่การชำระเงินแบบ B2B จะมีช่วงจังหวะและรูปแบบเฉพาะตัว ผู้ซื้อยังคงใช้ข้อกำหนดของใบแจ้งหนี้แบบดั้งเดิม แต่กลไกวิธีการชำระเงินและความคาดหวังจากขั้นตอนดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยขึ้น วิธีการชำระเงินที่พบบ่อยที่สุดมีดังนี้

การโอนเงินผ่านธนาคาร

ผู้ซื้อ B2B จำนวนมากชำระเงินด้วยการโอนเงินผ่านธนาคาร (มักดำเนินการผ่าน Bankgirot หรือ PlusGirot) การชำระเงินตามแบบแผนล่วงหน้ามักใช้ Autogiro (ระบบการหักบัญชีอัตโนมัติของสวีเดน) โดยเฉพาะในการชำระเงินตามรอบบิลหรือคำสั่งซื้อตามกำหนดเวลา

หากคุณไม่เปิดให้มีการโอนเงินผ่านธนาคารในขั้นตอนการชำระเงิน คุณก็จะเสียวิธีการซึ่งเป็นเพียงทางเลือกเดียวของผู้ซื้อบางรายไป

การชำระเงินด้วยบัตร

การชำระเงินด้วยบัตรเป็นวิธีการชำระเงินที่พบบ่อยที่สุดในสวีเดนโดยรวม และบัตรเครดิตและบัตรเดบิตขององค์กรก็เป็นที่นิยมใน B2B เช่นกัน

ผู้คนนิยมใช้วิธีนี้ในการจ่ายเงินสำหรับสิ่งต่อไปนี้

  • บริการด้านซอฟต์แวร์และดิจิทัล

  • การซื้อจำนวนเล็กน้อยที่มีความเสี่ยงต่ำ

  • คำสั่งซื้อแบบครั้งเดียวหรือเร่งด่วน

ผู้ซื้อชาวสวีเดนคุ้นเคยกับการใช้บัตรในชีวิตประจำวันและใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี บริการ และทีมขนาดเล็ก

Swish

Swish (ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่นิยมในสวีเดน) ไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้งานส่วนตัวเท่านั้น โดยในกรณีที่เป็น B2B จะใช้ Swish ในการทำธุรกรรมของธุรกิจขนาดย่อม การชำระเงินที่จุดขาย และการซื้อบริการที่เรียบง่าย

วิธีนี้รวดเร็ว เป็นที่สิ้นสุด และกระทบยอดได้ง่าย แต่ก็มีขีดจำกัดในการโอนเงิน จึงไม่ค่อยเหมาะสำหรับใบแจ้งหนี้ที่มีมูลค่าสูง

วิธีอื่นๆ

การชำระเงินผ่านธนาคารโดยตรงผ่าน Open Banking API (อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน) ก็เปิดให้ผู้คนใช้งานกันได้มากขึ้น โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบผสานการทำงาน ส่วนการโอนเงินระหว่างธนาคาร (เช่น SWIFT) ก็ยังคงใช้ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเช่นกัน

การชำระเงินแบบ B2B สมัยใหม่ในสวีเดนควรรองรับวิธีการทั้งหมดข้างต้นเพื่อสร้างความยืดหยุ่นและช่วยให้คุณได้รับเงินเร็วขึ้น ยิ่งคุณเสนอตัวเลือกมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรองรับผู้ซื้อได้มากขึ้นเท่านั้น

ธุรกิจจะพัฒนาการชำระเงินของอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ให้เรียบง่ายขึ้นได้อย่างไร

ธุรกิจในสวีเดนมีเครื่องมือที่ช่วยให้จัดการธุรกรรมแบบ B2B ได้รวดเร็วง่ายดายขึ้นโดยไม่สูญเสียการควบคุมไป วิธีที่ใช้ได้ผลมีดังนี้

ทำให้ขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้เป็นแบบอัตโนมัติ

การออกใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัลจะช่วยลดข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้เหลือน้อยที่สุดได้

คุณทำได้ดังนี้

  • ตั้งค่าให้สร้างใบแจ้งหนี้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อ

  • ใส่ปุ่ม "จ่ายตอนนี้" ที่นำไปยังพอร์ทัลที่ปลอดภัย

  • ให้ระบบส่งการแจ้งเตือน ติดตามวันครบกำหนด และลงบันทึกการชำระเงิน

ระบบอัตโนมัติเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก็ช่วยให้รอบการชำระเงินของคุณเร็วขึ้นได้หลายสัปดาห์

ช่วยให้ชำระเงินทันทีได้ง่ายดาย

เมื่อคุณใส่ลิงก์ชำระเงินไว้ในใบแจ้งหนี้ ลูกค้าก็จะชำระเงินผ่านบัตรหรือการโอนเงินผ่านธนาคารได้โดยไม่ต้องออกจากกล่องจดหมาย ระบบจะระบุการชำระเงินให้ตรงกับใบแจ้งหนี้ที่ค้างชำระอยู่โดยอัตโนมัติ จึงไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่กระทบยอดในภายหลัง ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่รวดเร็วที่สุดในการปรับปรุงกระแสเงินสด

เชื่อมต่อระบบของคุณ

เมื่อเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซอฟต์แวร์การทำบัญชี และบัญชีธนาคารของคุณสื่อสารกันได้จริง คุณก็จะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการทำงานซ้ำๆ คุณสามารถตั้งค่าให้คำสั่งซื้อสร้างใบแจ้งหนี้ การชำระเงินให้จัดทำบันทึกแบบเรียลไทม์ และแดชบอร์ดให้แสดงรายการที่ชำระเงินแล้ว รายการที่ค้างชำระ และรายการที่ต้องคอยติดตามกันต่อไปได้

ใช้การหักบัญชีอัตโนมัติสำหรับผู้ซื้อซ้ำ

หากคุณมีลูกค้าประจำที่สั่งซื้อเข้ามาซ้ำๆ ให้ตั้งค่า Autogiro วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้รับเงินได้ตามกำหนดเวลาโดยอัตโนมัติ ส่วนลูกค้าก็ไม่ต้องประมวลผลการชำระเงินทุกเดือน ซึ่งเหมาะสำหรับการชำระเงินตามรอบบิล ข้อตกลงในการเติมสต๊อก และขั้นตอนอื่นๆ ที่คาดเดาได้

ระบุแนวโน้มในข้อมูลการชำระเงินของคุณ

ใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกหนี้การค้าเพื่อแจ้งผู้ที่ชำระเงินล่าช้าก่อนจะเกิดปัญหา เสนอสิ่งจูงใจให้ชำระเงินก่อนกำหนดเพื่อเก็บเงินให้เร็วขึ้น หรือกระตุ้นให้ผู้ที่ชำระเงินช้าบ่อยๆ เลือกใช้การหักบัญชีอัตโนมัติหรือบัตรที่มีอยู่ในระบบ ให้ใช้รูปแบบที่คุณมีข้อมูลอยู่แล้วเพื่อดำเนินการอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น

เป้าหมาย คือ การได้รับเงินโดยดำเนินการน้อยลง ลดข้อผิดพลาด และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เรื่องเหล่านี้อาจทำได้ง่ายๆ เนื่องจากสวีเดนมีสภาพแวดล้อมที่รองรับระบบดิจิทัลอยู่แล้ว

คุณจะป้องกันการฉ้อโกงในอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ได้อย่างไร

การฉ้อโกงแบบ B2B มักอยู่ในรูปแบบของคำสั่งซื้อจำนวนมากจากบริษัทที่ไม่มีอยู่จริง ผู้ซื้อรายใหม่ที่ติดต่อไม่ได้หลังจากที่คุณออกใบแจ้งหนี้ให้ หรือกลวิธีอันแนบเนียนที่เล็ดลอดผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไปได้ เมื่อธุรกิจในสวีเดนหันไปขายสินค้าทางออนไลน์กันมากขึ้น ความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน วิธีป้องกันตัวคุณเองจากการฉ้อโกงมีดังนี้

ตรวจสอบยืนยันผู้ซื้อรายใหม่อยู่เสมอ

ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ก่อนจะอนุมัติคำสั่งซื้อจำนวนมากที่เข้ามาครั้งแรก

กลลวงที่พบบ่อยก็คือการปลอมแปลงตัวตน มิจฉาชีพจะสวมรอยเป็นบริษัทที่มีตัวตนอยู่จริงโดยใช้อีเมลที่ดูน่าเชื่อถือและชื่อธุรกิจที่มีอยู่จริง แต่จะเปลี่ยนเส้นทางการจัดส่งหรือการชำระเงิน

คอยสังเกตดูสัญญาณเตือนที่พบบ่อย

การฉ้อโกงมักจะใช้รูปแบบเดิมซ้ำๆ

ให้มองหาสัญญาณต่อไปนี้

  • คำสั่งซื้อจำนวนมากจากลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะสินค้าที่นำไปขายต่อได้ราคาดี

  • คำสั่งซื้อติดๆ กันหลายรายการจากบัญชีที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่

  • ที่อยู่สำหรับจัดส่งใหม่ซึ่งไม่ได้เชื่อมโยงกับสถานที่ตั้งของธุรกิจซึ่งเป็นที่รู้กันดี

เมื่อคุณเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้ ให้ตรวจสอบให้ดีก่อนจะทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น ให้ตั้งค่าระบบของคุณให้คอยแจ้งคำสั่งซื้อที่มีรูปแบบผิดไปจากฐานลูกค้าของคุณ

ใช้เครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกง

แพลตฟอร์ม B2B อาจมีมาตรการตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์หลายๆ อย่างเพิ่มเข้ามา ได้แก่

  • การตรวจสอบที่อยู่ของอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (IP) และตำแหน่งที่ตั้ง

  • ขีดจำกัดความเร็วในการสั่งซื้อ

  • รายการที่บล็อกหรือกฎการอนุมัติแบบอัตโนมัติ

การใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงินที่มาพร้อมการคัดกรองในตัวจะเป็นประโยชน์ในส่วนนี้ หากคุณกำลังออกบัตรใบแจ้งหนี้ ให้จัดการเรื่องการอนุมัติเครดิตอย่างจริงจังไม่ต่างจากธนาคาร

ดูว่าคุณกำลังจะให้เครดิตกับใคร

การเสนอข้อกำหนดในการชำระใบแจ้งหนี้มาพร้อมการแบกรับความเสี่ยงด้านเครดิตในระยะสั้น ให้ปรับแต่งนโยบายเครดิตของคุณให้เหมาะกับขนาด ประวัติ และมูลค่าคำสั่งซื้อของลูกค้า

ในกรณีที่เป็นผู้ซื้อรายใหม่หรือผู้ซื้อที่มีมูลค่าสูง ให้ตรวจสอบดังนี้

  • ดึงข้อมูลรายงานเครดิตธุรกิจผ่าน UC หรือหน่วยงานอ้างอิงเครดิตอื่น

  • กำหนดขีดจำกัดเบื้องต้นและปรับข้อกำหนดการชำระเงินให้รัดกุมขึ้นจนกว่าความสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นมั่นคง

  • ขอให้ลูกค้าชำระเงินล่วงหน้าหากรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

ปิดช่องโหว่ในระบบของคุณ

การยึดครองบัญชีเป็นปัญหาที่พบบ่อยใน B2B โดยเฉพาะบัญชีที่ให้สิทธิ์การเข้าถึงกับผู้ใช้หลายราย ให้กำหนดให้ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยในการเข้าสู่ระบบของผู้ซื้อ และคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบัญชีธนาคาร ซึ่งมักเป็นจุดเริ่มต้นของกลลวงในการละเมิดอีเมลธุรกิจ ให้อัปเดตทุกอย่างให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ ตั้งแต่ซอฟต์แวร์ของแพลตฟอร์มไปจนถึงระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)

ฝึกฝนทีมของคุณให้คอยตรวจดูกิจกรรมที่น่าสงสัย

การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่มักจะตรวจจับการฉ้อโกงได้ ทีมปฏิบัติการและทีมขายของคุณต้องเข้าใจถึงลักษณะพฤติกรรมที่ต้องสงสัยและเวลาที่ควรจะส่งเรื่องต่อ เจ้าหน้าที่ไม่ควรลังเลที่จะชะลอคำสั่งซื้อเพื่อตรวจสอบยืนยันผู้ซื้อ

การขายทางดิจิทัลช่วยเพิ่มการเข้าถึงและประสิทธิภาพ แต่ก็ทำให้คุณเสี่ยงต่อการฉ้อโกงรูปแบบใหม่ๆ เช่นกัน คุณต้องมีระบบพื้นฐานและทีมที่เข้าใจเวลาที่เหมาะสมในการสอบถามเพิ่มเติม

Stripe Checkout จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง

Stripe Checkout เป็นรูปแบบการชำระเงินสำเร็จรูปที่ปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้คุณรับชำระเงินบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ง่ายๆ

Checkout สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า: การออกแบบที่เน้นอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นสำคัญและการชำระเงินได้ในคลิกเดียวของ Checkout ช่วยให้ลูกค้าป้อนข้อมูลการชำระเงินและนำมาใช้ใหม่ได้ง่ายๆ

  • ลดเวลาในการพัฒนา: ผสาน Checkout ลงในเว็บไซต์ของคุณโดยตรง หรือส่งลูกค้าไปยังหน้าเว็บที่โฮสต์โดย Stripe ด้วยโค้ดเพียงไม่กี่บรรทัด

  • ปรับปรุงความปลอดภัย: Checkout จะจัดการข้อมูลบัตรที่ละเอียดอ่อน ทำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PCI ได้ง่ายขึ้น

  • ขยายไปทั่วโลก: แปลงค่าบริการเป็นสกุลเงินต่างๆ ได้มากกว่า 100 สกุลเงินด้วย Adaptive Pricing ซึ่งรองรับมากกว่า 30 ภาษา และปรับเปลี่ยนวิธีการชำระเงินให้เป็นวิธีที่น่าจะเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้มากที่สุด

  • ใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง: ผสานการทำงานของ Checkout กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Stripe เช่น Billing สำหรับการชำระเงินตามรอบบิล, Radar สำหรับการป้องกันการฉ้อโกง และอื่นๆ อีกมากมาย

  • ควบคุมได้: ปรับแต่งประสบการณ์การชำระเงินได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการบันทึกวิธีการชำระเงินและการตั้งค่าการดำเนินการหลังการซื้อ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Checkout จะช่วยปรับแต่งขั้นตอนการชำระเงิน หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe