อินเทอร์เฟซการชำระเงินที่รวมเป็นหนึ่งเดียว (UPI) ได้พลิกโฉมวิธีการโอนเงินในอินเดียไป ความนิยมของ UPI ได้ทำให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในเวลาไม่ถึง 10 ปี โดยในปัจจุบัน ระบบที่รวดเร็วและมีค่าบริการถูกนี้ได้ส่งผลต่อแนวคิดที่ธุรกิจทั่วโลกมีต่อการเข้าถึง การเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน และประสบการณ์การชำระเงิน
เราจะอธิบายที่ด้านล่างนี้เกี่ยวกับวิธีการทำงานของ UPI เหตุผลที่ UPI ขยายการรองรับอย่างรวดเร็ว รวมถึงประโยชน์ที่มีต่อธุรกิจ
เนื้อหาหลักในบทความ
- UPI คืออะไร
- เหตุใดธุรกิจจึงชอบใช้ UPI
- UPI ทำงานอย่างไร
- เหตุใดธุรกิจในอินเดียจึงนำ UPI มาใช้กันมากขึ้น
- ธุรกิจจะรับชำระเงินผ่าน UPI ได้อย่างไร
UPI คืออะไร
อินเทอร์เฟซการชำระเงินที่รวมเป็นหนึ่งเดียว คือ ระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ของอินเดีย โดย UPI จะโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ในทันที และเชื่อมโยงธนาคารในอินเดียหลายร้อยแห่งไว้ในอินเทอร์เฟซเดียว คุณจึงสามารถโอนเงินจากบัญชีธนาคารไปยังอีกบัญชีได้โดยใช้แอป UPI เช่น PhonePe, Google Pay, Paytm หรือ Amazon Pay ตราบเท่าที่เจ้าของบัญชีที่สองมี UPI ID (เรียกอีกอย่างว่าที่อยู่สำหรับการชำระเงินออนไลน์หรือ VPA)
ฟีเจอร์สำคัญของ UPI มีดังนี้
การโอนเงินได้ทันทีทุกวันตลอด 24 ชม.: เงินจะย้ายจากบัญชีธนาคารหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งแบบเรียลไทม์
ไม่มีค่าธรรมเนียม: การชำระเงินผ่าน UPI นั้นไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ส่วนธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมด้วยเนื่องจากมีนโยบายไม่เก็บค่าธรรมเนียมร้านค้า (MDR) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้เริ่มเก็บเงินจากธุรกิจขนาดใหญ่แล้วก็ตาม)
การรักษาความปลอดภัยด้วย PIN: ธุรกรรมทุกรายการจะได้รับการอนุมัติผ่าน PIN ที่ปลอดภัยซึ่งผู้ใช้ตั้งไว้ UPI จะใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยและไม่เปิดเผยรายละเอียดบัญชีให้ผู้อื่นทราบ
UPI ช่วยให้ผู้ใช้หารกันจ่ายกับเพื่อน จ่ายเงินซื้อของ จ่ายค่าเช่า หรือ ชำระเงินตามใบแจ้งหนี้ได้โดยใช้แค่โทรศัพท์
เหตุใดธุรกิจจึงชอบใช้ UPI
การชำระเงินผ่าน UPI สร้างประโยชน์มากมายให้กับธุรกิจ รวมถึงการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้นและไม่มีค่าธรรมเนียม ระบบนี้เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วในการใช้แทนวิธีการชำระเงินแบบเดิมๆ เช่น เงินสด และช่วยให้รับชำระเงินจากระยะไกลได้ง่ายขึ้น
ธุรกิจจะได้ประโยชน์ดังต่อไปนี้เมื่อรับชำระเงินผ่าน UPI
การชำระเงินแบบเรียลไทม์: การชำระเงินจะเสร็จสิ้นในทันทีโดยไม่ต้องประมวลผลเป็นกลุ่มและไม่ล่าช้า เงินจะเข้าบัญชีธนาคารของธุรกิจในทันทีที่ลูกค้าชำระเงิน ช่วยให้ธุรกิจมีข้อได้เปรียบที่สำคัญในด้านกระแสเงินสด โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก
ค่าใช้จ่ายน้อย: ธุรกิจไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้ UPI ซึ่งต่างจากบัตรเครดิตที่มักจะคิดเปอร์เซ็นต์จากยอดขายแต่ละรายการ วิธีนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจที่ขายเป็นปริมาณมากแต่มีราคาต่ำ
การเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก: UPI มีผู้ที่ใช้งานอยู่ประมาณ 350 ล้านราย การรองรับ UPI จะช่วยให้ผู้ใช้ที่มีอายุน้อยลง ลูกค้าในเมืองเล็กๆ และผู้ที่ไม่เคยใช้บัตรหรือกระเป๋าเงินดิจิทัลเข้าถึงบริการของคุณได้
พัฒนามาเพื่อใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่: UPI ทำงานผ่านแอปต่างๆ เช่น PhonePe และ Paytm ลูกค้าจึงชำระเงินได้จากทุกที่ตราบใดที่ลูกค้ามี UPI ID หรือสแกนรหัส QR ได้
ความเสี่ยงลดลงและปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น: ลูกค้าไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในการใช้ UPI โดยลูกค้าจะอนุมัติการชำระเงินภายในแอป UPI ของตน ส่วนธุรกิจก็ได้รับเงินโดยไม่เห็นรายละเอียดบัญชี ระบบนี้จึงช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ง่ายขึ้น
การยืนยันในตัว: ผู้ชำระเงินและธุรกิจจะได้รับการยืนยันทันทีที่การชำระเงินสำเร็จ ซึ่งช่วยให้กระทบยอดการชำระเงินได้ง่ายขึ้นและลดปัญหาในการสนับสนุน
UPI ช่วยให้ธุรกิจในอินเดีย (โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก) พัฒนาระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบได้ง่ายๆ ในปัจจุบันลูกค้าหลายรายต่างคิดว่าธุรกิจจะมีตัวเลือกนี้ให้ใช้ การเสนอ UPI จึงเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจในอินเดีย
UPI ทำงานอย่างไร
วิธีการทำงานของ UPI มีดังนี้
วิธีโอนเงินและรับชำระเงิน
หากต้องการเริ่มชำระเงินผ่าน UPI คุณจะต้องมี VPA (มักเรียกว่า UPI ID) ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบ name@bank หรือ mobilenumber@provider โดย ID นี้จะผูกกับบัญชีธนาคารของคุณ และใช้รับส่งเงินผ่าน UPI
การเริ่มชำระเงินผ่าน UPI ทำได้หลายวิธีดังนี้
โอนชำระเงิน: ผู้ใช้ป้อน UPI ID หรือสแกนรหัส QR และเริ่มการชำระเงิน ผู้ใช้จะตรวจสอบรายละเอียด ป้อน PIN ของ UPI และอนุมัติการโอนเงิน
คำขอเรียกเก็บเงิน: ผู้รับเงินจะส่งคำขอรับชำระเงินตามจำนวนที่กำหนดไปยัง UPI ID ของผู้ชำระเงิน โดยผู้ชำระเงินจะได้รับการแจ้งเตือนและจะอนุมัติหรือไม่สนใจคำขอนั้นก็ได้
การชำระเงินตามจุดประสงค์หรือระหว่างแอป: ลูกค้าเลือก UPI ขณะชำระเงิน และโทรศัพท์ของลูกค้าจะเปิดแอป UPI ที่ต้องการขึ้นมาโดยอัตโนมัติโดยกรอกรายละเอียดการชำระเงินไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้จะอนุมัติการชำระเงินในแอป จากนั้นจึงกลับมาที่ขั้นตอนการชำระเงินของธุรกิจ
กำหนดเวลาการชำระเงิน
UPI ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชม. รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เมื่อการชำระเงินได้รับอนุมัติ ระบบ UPI จะดำเนินการชำระเงินตามธุรกรรมระหว่างบัญชีธนาคารในทันที
การทำงานร่วมกัน
UPI ออกแบบมาเป็นเครือข่ายแบบเปิด ธนาคารในอินเดียกว่า 550 แห่งรวมอยู่ในระบบเดียวแบบเรียลไทม์ ซึ่งดำเนินงานโดยบรรษัทการชำระเงินแห่งชาติของอินเดีย (National Payments Corporation of India หรือ NPCI) ระบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้ที่มีบัญชีในธนาคารหนึ่งโอนเงินให้กับบุคคลที่มีบัญชีอยู่กับธนาคารอื่นได้แบบไร้ปัญหา
ไม่ว่าคุณจะใช้ Google Pay, PhonePe หรือแอปของธนาคารเอง ทั้งหมดนี้จะทำงานอยู่บนโครงสร้างพื้นฐาน UPI เดียวกัน ผู้ใช้ทุกคนสามารถชำระเงินให้ผู้ใช้รายอื่นได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช้แอปหรือธนาคารใด และธุรกิจต่างๆ สามารถรับชำระเงินผ่าน UPI ได้ไม่ว่าลูกค้าจะใช้แอปใด
การรักษาความปลอดภัย
ธุรกรรมผ่าน UPI ทั้งหมดต้องมีการผูกบัญชีธนาคารและ PIN ของ UPI ที่ผู้ใช้ตั้งไว้ ธนาคารจะยืนยันคำขอและ PIN ก่อนที่จะโอนเงิน เนื่องจากผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยหมายเลขบัญชีที่ละเอียดอ่อนหรือรายละเอียดของบัตร จึงมีความเสี่ยงต่ำ
UPI ช่วยลดหน้าที่รับผิดชอบให้กับธุรกิจ เมื่อธุรกิจไม่เห็นข้อมูลธนาคารของผู้ใช้ จึงไม่จำเป็นต้องจัดเก็บหรือดำเนินการกับข้อมูลประจำตัวในการชำระเงิน
เหตุใดธุรกิจในอินเดียจึงนำ UPI มาใช้กันมากขึ้น
ธุรกิจในอินเดียตั้งแต่ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ไปจนถึงร้านค้าในย่านต่างๆ ได้หันมาใช้ UPI เป็นวิธีการชำระเงินเบื้องต้นกันอย่างรวดเร็ว โดยเหตุผลมีดังนี้
การสนับสนุนจากรัฐบาล
UPI เปิดตัวไปเมื่อปี 2016 แต่การยกเลิกธนบัตร 2 ประเภท ซึ่งเรียกว่าประกาศยกเลิกธนบัตร (Demonetization) ภายหลังในปีนั้นช่วยผลักดันให้การชำระเงินแบบดิจิทัลเป็นที่นิยมในกระแสหลัก เมื่อเงินสดกลายเป็นสิ่งขาดแคลนในชั่วข้ามคืน ธุรกิจและลูกค้าจึงต้องหาทางเลือกทดแทน และ UPI ก็ตอบโจทย์ความต้องการในประเทศพอดี
รัฐบาลอินเดียและธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เข้ามาสนับสนุนระบบนี้และแอปพลิเคชัน UPI ที่มีชื่อว่า Bharat Interface for Money (BHIM) และจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชนในวงกว้าง การสนับสนุนจากสถาบันในช่วงแรกนี้เองช่วยให้ธุรกิจต่างๆ (โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก) นำระบบใหม่นี้เข้ามาใช้ได้ง่ายขึ้น
โครงสร้างต้นทุนแบบใหม่
รัฐบาลยกเว้นค่าธรรมเนียม MDR ให้กับธุรกรรมผ่าน UPI ในปี 2020 นโยบายนี้ช่วยขจัดอุปสรรคด้านต้นทุนที่เดิมทีส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถรับชำระเงินแบบดิจิทัลได้ โดย UPI แตกต่างจากบัตรเครดิตตรงที่ UPI ช่วยให้ธุรกิจได้รับรายรับครบถ้วนทั้ง 100%
ด้วยเหตุนี้ UPI จึงกลายเป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกและสะดวกที่สุดสำหรับธุรกิจจำนวนมาก
มีข้อกำหนดทางเทคนิคน้อย
UPI เข้ากับวัฒนธรรมที่เน้นการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ในอินเดียได้อย่างลงตัว โดยธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ระบบบันทึกการขาย (POS) เครื่องอ่านบัตร หรือสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ UPI แต่ธุรกิจขนาดเล็กใช้ UPI ได้เพียงแค่มีบัญชีธนาคารและรหัส QR ที่พิมพ์เอาไว้เท่านั้น
ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อบุคคลทั่วไปหันมาใช้ UPI กันมากขึ้น ธุรกิจก็ต้องปรับตัวตาม ในปี 2024 ปริมาณการชำระเงินผ่าน UPI คิดเป็น 83% จากทั้งหมดในอินเดีย หากไม่รองรับ UPI ก็ถือเป็นการปฏิเสธกลุ่มลูกค้าเป้าหมายขนาดใหญ่ที่นับวันจะมีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ
ผลลัพธ์ที่มีต่อเครือข่าย
ผู้ใช้หรือธุรกิจรายใหม่แต่ละรายที่ใช้ UPI ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับระบบนี้ วงจรที่เอื้อต่อกันเช่นนี้ช่วยให้ UPI ขยายการรองรับอย่างรวดเร็ว ภายในปี 2024 UPI ได้จัดการกับธุรกรรมมากกว่า 500 ล้านรายการต่อวัน
ธุรกิจจะรับชำระเงินผ่าน UPI ได้อย่างไร
ธุรกิจต่างๆ สามารถรองรับ UPI ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแบบดั้งเดิมหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ธุรกิจของคุณก็ใช้ UPI เพื่อรับชำระเงินได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
การชำระเงินด้วยรหัส QR
ธุรกิจจะแสดงรหัส QR แบบคงที่หรือแบบไดนามิกของ UPI โดยพิมพ์ออกมาหรือเปิดบนหน้าจอก็ได้
รหัส QR แบบคงที่จะเชื่อมโยงกับ UPI ID ของธุรกิจเท่านั้น และลูกค้าจะต้องป้อนจำนวนเงินเอง
ระบบจะสร้างรหัส QR แบบไดนามิกขึ้นมาโดยอัตโนมัติสำหรับแต่ละธุรกรรมโดยมีจำนวนเงินกำกับไว้เลย รหัส QR ลักษณะนี้จะช่วยลดข้อผิดพลาดในการป้อนจำนวนเงินและช่วยให้ชำระเงินได้เร็วขึ้น
ลูกค้าสแกนรหัส QR ด้วยแอป UPI ใดก็ได้ แล้วป้อนจำนวนเงิน (หรือยืนยันหากเป็นแบบไดนามิก) แล้วชำระเงิน
การชำระเงินระหว่างแอป
ลูกค้าเลือก UPI ขณะชำระเงิน และเว็บไซต์หรือแอปจะส่งผู้ใช้ไปยังแอป UPI บนโทรศัพท์โดยกรอกรายละเอียดการชำระเงินไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ลูกค้าจะอนุมัติการชำระเงิน จากนั้นจึงกลับมาที่ขั้นตอนการชำระเงินของธุรกิจ
วิธีนี้มักใช้กับการซื้อขายบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งรวดเร็วและเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ทั้งยังไม่จำเป็นต้องสแกนรหัส QR ด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่านโทรศัพท์
คำขอเรียกเก็บเงิน
ธุรกิจส่งคำขอให้ชำระเงินไปยัง UPI ID ของลูกค้า ลูกค้าก็จะได้รับการแจ้งเตือนและอนุมัติการชำระเงิน
แม้ระบบจะยังรองรับวิธีนี้อยู่ แต่วิธีนี้กำลังจะถูกทยอยเลิกใช้สำหรับการใช้งานทางธุรกิจ เนื่องจากเสี่ยงต่อการฉ้อโกง โดยเฉพาะกลลวงที่ใช้คำขอเรียกเก็บเงินปลอม
ลิงก์ชำระเงิน
ธุรกิจสามารถส่งลิงก์ให้ลูกค้าผ่านอีเมล, SMS หรือแชท ซึ่งลิงก์นี้จะเปิดแอป UPI ขึ้นมาโดยกรอกรายละเอียดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
วิธีนี้ได้ผลดีสำหรับการชำระเงินจากระยะไกล ใบแจ้งหนี้แบบครั้งเดียว หรือกรณีการใช้งานในการสนับสนุนลูกค้า
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ